หลังจากที่หานรุ่ยตอบรับที่จะอยู่กับจุนห่าวแล้ว จุนห่าวก็มีความรวดเร็วประดุจสายฟ้า ประหนึ่งสายลม รีบนำข้าวของของหานรุ่ยย้ายเข้ามายังห้องของเขาทันที ราวกับกลัวว่าหานรุ่ยจะเปลี่ยนใจภายหลัง จุนห่าวฉุกคิดขึ้นว่า ในเมื่อมีภรรยาแล้ว ทุกคืนก็ต้องนอนกอดภรรยา หากนอนแยกห้อง ก็คงเป็คนโง่เง่าเต่าตุ่น ได้อิงแอบไออุ่นของภรรยากับลูก แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
พอตกเย็นจุนห่าวได้ทำตามคำมั่นสัญญาของตัวเอง เตรียมสำรับมื้อค่ำสุดอลังการให้กับหานรุ่ย มีทั้งเนื้อและมังสวิรัติที่มีโภชนาการเหมาะสม สีสันก็ดูน่ารับประทานยิ่งนัก ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็ล้วนอยากอาหารขึ้นมาทันที จุนห่าวได้ฝึกฝีมือเรียนรู้การทำอาหารมาจากจากคุณลุงในโรงอาหารของเขา คุณลุงมีใบรับรองเชฟระดับเฟิร์สคลาส ในตอนนั้นจุนห่าวตั้งใจเรียนมาก เขาตั้งใจว่าหลังจากเรียนสำเร็จ เขาจะลาออกและไปเปิดร้านอาหารของตัวเอง จึงใช้เวลา่วันหยุดไปร่ำเรียน ด้วยเหตุนี้จุนห่าวจึงสามารถทำอาหารได้หลากหลาย เมื่อหานรุ่ยได้กินอาหารรสมือจุนห่าว ก็ไม่ได้กล่าวอะไร ทว่าในใจมีความสุขเหลือล้น เขารู้สึกว่าการรับรักจุนห่าว คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
“อาหารที่ข้าทำเป็อย่างไรบ้าง? รสชาติถูกปากเ้าไหม?” หลังกินข้าวเสร็จ ก็กลับมายังห้องนอน จุนห่าวเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “หากไม่ถูกปากเ้าก็บอกข้ามา ข้าจะเปลี่ยนให้”
หานรุ่ยมองจุนห่าวที่ทำสีหน้าวิงวอนขอให้ชื่นชมเขา มองดูเหมือนกำลังบอกว่า รีบชมข้าเร็ว รีบชมข้าเถอะ เมื่อเห็นอย่างนั้น หานรุ่ยรู้สึกขบขันอย่างมาก จึงเอ่ยขึ้นว่า “ไม่เลวเลย อร่อยมาก ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว” จากนั้นหานรุ่ยจึงมองจุนห่าวอีกครั้ง และกล่าวอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณนะ ั้แ่ข้าเกิดมา ไม่เคยมีใครทำอาหารรสมือตัวเองให้ข้ากินมาก่อน ข้าเห็นลูกบ้านอื่นได้กินอาหารรสมือแม่หรือแม่ซวงเอ๋อร์ของตัวเอง ก็รู้สึกอิจฉายิ่งนัก ข้าเคยวาดฝันไว้ว่า หากได้กินอาหารฝีมือแม่ของข้าบ้างก็คงจะดีไม่น้อย จนกระทั่งวันนี้ข้าก็ยังไม่เคยได้กินอาหารจากฝีมือแม่ข้า แต่กลับได้กินฝีมือเ้าแทน ว่ากันว่า สุภาพบุรุษอยู่ไกลห่างจากครัว ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะทำอาหารให้ข้ากินจริง ๆ ข้าซาบซึ้งใจมาก”
จุนห่าว: ทำอาหารให้เ้าเพียงมื้อเดียว เ้าก็ซาบซึ้งใจขนาดนี้เสียแล้ว เ้านี่พอใจอะไรง่ายจริง ได้ลงมือทำอาหารให้คนรักด้วยตัวเองแบบนี้แล้ว ข้าเองก็ดีใจยิ่งนัก ข้ายินดีที่จะทำให้เ้าทุกอย่าง ไม่ว่าเื่อะไรก็ตาม เ้าไม่จำเป็ต้องซาบซึ้งใจหรอก เพียงน้อมรับไว้ด้วยความยินดีก็พอ ไม่ต้องกล่าวขอบคุณอะไรข้าหรอก
หานรุ่ย : ข้ารู้แล้ว หลังจากนี้ข้าจะไม่พูดแล้ว แต่ข้าจะจดจำไว้ในใจ ข้าก็จะทำดีและจะใช้ใจแลกใจกับจุนห่าวเช่นกัน
“เ้าเล่าเื่พ่อและแม่ซวงเอ๋อร์ของเ้าให้ข้าฟังได้ไหม?” จุนห่าวถามขึ้น เขามองออกว่าหานรุ่ยคิดถึงพ่อแม่ของเขาเพียงใด หานรุ่ยตอนนี้มีอายุ 18 ปี บนแผ่นดินชางหลาน ถ้าอายุครบ 16 ปี ก็ถือว่าโตเป็ผู้ใหญ่แล้ว ทว่าสำหรับจุนห่าว หานรุ่ยเป็เพียงเด็กหนุ่มที่ยังไม่โตเท่านั้น การที่เขาจะคิดถึงพ่อแม่จึงไม่ใช่เื่แปลก แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้ััความรักจากพ่อแม่ แต่เขาก็อยากให้หานรุ่ยได้ััถึงความรักนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว หากมีโอกาส เขาก็อยากช่วยหานรุ่ยให้ได้พบกับพ่อแม่ของเขา ยามนี้จุนห่าวตั้งใจจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่หานรุ่ย
“ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ ข้าเพียงเคยได้ยินจากท่านปู่แค่ว่า ครั้นท่านพ่อบำเพ็ญเพียรถึงขั้นสิบสองระดับปลาย และปรารถนาจะข้ามทะเลซวีอู๋ เขาได้ออกเดินทางไปยังแผ่นดินอื่น เพื่อที่จะแสวงหาจุดพลิกผันเพื่อบรรลุขั้น หลังท่านพ่อจากไปได้สิบปี ท่านพ่อก็พาข้ากลับมา แต่พลังปราณยังคงอยู่ขั้นสิบสองระดับปลาย หลังจากที่เขามอบข้าให้กับท่านปู่ เขาก็จากไป และบอกทิ้งท้ายกับท่านปู่เพียงว่า เขากับแม่ของข้าได้พลัดพรากจากกัน เขาจะไปออกตามหาแม่ของข้า ถ้าเขาตามหาแม่ข้าพบแล้ว เขาจะกลับมารับข้า แต่ก็ผ่านมา 18 ปีแล้ว ยังไม่ได้ยินข่าวคราวของเขาเลยแม้แต่น้อย เวลานี้ไม่รู้ว่าเขาเป็หรือตาย แต่เดิมข้าคิดว่า หลังจากข้าบำเพ็ญเพียรถึงขั้นสิบสองระดับปลายแล้ว ข้าจะข้ามทะเลซวีอู๋ เพื่อออกตามหาท่านพ่อและท่านแม่ แต่บัดนี้พลังปราณของข้าถูกทำลาย และไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้อีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว” พอเล่าจบจิตใจของหานรุ่ยก็หม่นหมองลง เขาคิดถึงพ่อแม่ของเขามาก เขาอยากจะพบหน้าพวกเขาสักครั้ง แต่เขาไม่รู้เลยว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสนั้นหรือไม่
จุนห่าวมองไม่ออกว่าหานรุ่ยมีอารมณ์ที่หม่นหมองลง จึงเอ่ยขึ้นมาว่า “จากนี้ไปข้าจะออกตามหาพ่อแม่ของเ้าด้วย เ้าไม่ต้องเศร้าไป ตอนนี้เ้าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว เ้ามีข้าและยังมีลูกในท้องด้วย พวกเราจะไปกับเ้าเอง” เมื่อกล่าวจบจุนห่าวก็โอบกอดหานรุ่ย ใช้ไหล่ตนเองให้เขาได้พักพิง พลางใช้มือลูบท้องของหานรุ่ยเบา ๆ เป็ภาพที่อบอุ่นมาก
ทันใดนั้น จุนห่าวก็รู้สึกว่าลูกกำลังเคลื่อนไหว เขาจึงรีบก้มลงและวางศีรษะของเขาตรงท้องของหานรุ่ย พลางเงี่ยหูฟัง “เสี่ยวรุ่ย ลูกดิ้นแล้ว เ้ารู้สึกไหม? ลูกกำลังดิ้นจริง ๆ ด้วย ข้าคิดว่าลูกกำลังทักทายพวกเราอยู่ เขาต้องได้ยินที่ข้าพูดเมื่อกี้แน่ ถึงได้ดิ้นแบบนี้ เพราะเขาก็คงอยากบอกเ้าว่า เขาก็จะไปกับเ้าเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเสี่ยวรุ่ย เ้าไม่ต้องเศร้าไป พวกเราจะอยู่กับเ้า เ้าไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว”
หานรุ่ย: อื้อ ข้าจะไม่เศร้า หากข้ากับท่านพ่อท่านแม่มีวาสนาต่อกัน สักวันจะต้องได้พบกัน หากไม่มีวาสนาต่อกัน แม้จะได้พบหน้ากันก็อาจจะไม่รู้จักกันและกัน
“ใช่แล้ว เราถามเสี่ยวไป๋ได้นี่ เสี่ยวไป๋มาจากแดนเซียน ทั้งยังมีบันทึกที่ตกทอดกันมา และยังได้พบเจออะไรมามากมาย จะต้องรู้วิธีรักษาเ้าเป็แน่ งั้นข้าจะพาเ้าเข้าไปในเทศะเพื่อไปหาเสี่ยวไป๋” จุนห่าวกล่าว แม้พวกเขาจะไม่มีทางอื่น แต่ใช่ว่าเสี่ยวไป๋ที่มาจากแดนเซียนจะไม่มีทางนี่ แดนเซียนอันยิ่งใหญ่จะต้องเคยมีคนที่จุดตันเถียนถูกทำลายเช่นกันเป็แน่ คนที่เป็เซียนยิ่งมีความสามารถ ย่อมยิ่งรู้อะไรมาก และต้องรู้วิธีรักษาอย่างแน่นอน
หานรุ่ย: รักษาไม่ได้ก็ไม่เป็ไร ข้าเตรียมใจในการที่จะเป็คนธรรมดาแล้ว ขอเพียงแค่เ้าไม่ทอดทิ้งข้าก็พอ เป็คนธรรมดาก็ไม่ได้แย่อะไร
จุนห่าวรีบแสดงท่าที พร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะทอดทิ้งเ้าได้อย่างไร ก็ข้ารักเ้าจากสุดหัวใจของข้าแล้ว” เขาเผยความโง่ลุ่มหลงออกมาอีกครั้ง ถ้าสหายรบของจุนห่าวได้เห็นเขาในสภาพนี้ คงปิดตาและแสร้งทำเป็ไม่รู้จักเขาเป็แน่ ช่างน่าอายจริง ๆ ก่อนหน้านี้เขามักจะพูดกับสหายด้วยใบหน้าที่เ็าราวกับูเาน้ำแข็งอยู่เสมอ แต่ยามนีู้เาน้ำแข็งได้ละลายแล้ว พวกเขาต้องรับไม่ได้แน่ พวกเขาคงจะพูดว่า หัวหน้ารีบกลับมาเป็คนเดิมเถอะ เป็แบบนี้พวกเราไม่ชินเลย
จุนห่าวกล่าวต่อไปอีกว่า “เ้ายังไม่รู้อีกหรือ แต่เดิมข้าก็เป็เพียงคนธรรมดา เพียงแค่สลับร่างมาเท่านั้น ทั้งยังไร้ซึ่งความสามารถในการบำเพ็ญเพียรอีก หากข้าทอดทิ้งเ้า ก็เท่ากับข้าทอดทิ้งตัวข้าเองไม่ใช่หรือ? ไม่พูดเื่นี้กันละ ข้าจะพาเ้าเข้าไปในเทศะ” เมื่อกล่าวจบ เขาก็จับมือหานรุ่ย แล้วิญญาของทั้งคู่ก็เข้าสู่เทศะ