หานรุ่ยเข้าสู่เทศะเป็ครั้งแรก เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะและตาพร่ามัว จากห้องนอนมายังสถานที่แปลกประหลาดเช่นนี้ หานรุ่ยต่างกับจุนห่าวที่ไม่รู้จักตัวหนังสือของโลกบำเพ็ญเพียร เมื่อเข้ามาในเทศะ ก็ััได้ถึงพลังปราณอันหอมกรุ่น พลังปราณในเทศะแห่งนี้ มีมากกว่าภายนอกหลายเท่า หากได้บำเพ็ญเพียรในนี้ คงเลื่อนขึ้นได้เร็วอย่างยิ่งยวดเป็แน่ ช่างน่าเสียดายที่เขาไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้แล้ว แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ เพียงแค่อยู่ในนี้ก็รู้สึกสบายยิ่งนัก
หานรุ่ย: พลังปราณในนี้ช่างหอมกรุ่นเสียจริง เพียงแต่อ้างว้างไปเสียหน่อย นอกจากดินสีแดงและจวนไม้ไผ่แล้ว ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย ดูโดดเดี่ยวอ้างว้าง และขาดสีสันยิ่งหนัก
เมื่อจุนห่าวได้ยินหานรุ่ยพูดว่าที่นี่เป็ที่ที่อ้างว้างจึงเอ่ยขึ้นว่า “พรุ่งนี้ข้าจะพาเ้าไปซื้อเมล็ดพันธุ์ แล้วเอามาปลูกในเทศะแห่งนี้กัน เ้าชอบกินอะไร ข้าจะได้ปลูกสิ่งที่เ้าชอบกินเยอะ ๆ ไม่ว่าอย่างไรที่นี่ก็คือที่ของเรา อยากปลูกอะไรก็ย่อมได้ อยากปลูกกี่ชนิด หรือปลูกเยอะแค่ไหนก็ได้ และถ้าหากเ้าชอบสัตว์เลี้ยง เราเลี้ยงในนี้ได้อีกหลายตัว ถ้ามีสัตว์เลี้ยงที่นี่ก็ไม่น่าเบื่อแล้ว”
“จุนห่าว ข้าบอกว่าเ้าเป็คนบ้านนอก เ้าก็บ้านนอกเสียจริง ดินของที่นี่ล้วนเป็ดินิญญาแดง ซึ่งมีไว้ปลูกพืชเซียนและยาเซียน หาใช่ดินที่จะให้เ้ามาปลูกผักผลไม้ทั่วไปไม่” พอได้ฟังจุนห่าวแล้ว เสี่ยวไป๋ก็ตอบโต้อย่างไม่พอใจ เสี่ยวไป๋คิดในใจ จุนห่าว เ้าหนุ่มนี่ไม่เจียมตัวเสียจริง ใช้ดินของเซียนปลูกพืชธรรมดาๆ คงมีเพียงคนบ้านนอกคอกนาอย่างจุนห่าวคนเดียวแหละ ที่คิดเื่แบบนี้ออกมาได้
พอจุนห่าวได้ยินเสี่ยวไป๋บอกเขาว่าบ้านนอก พลันขบคิด ถึงแม้เขาจะมีความรู้น้อย แต่ก็สมควรที่จะได้รับการละเว้นนี่ เขาเพิ่งจะมาอยู่ในโลกบำเพ็ญเพียร มาถูกเรียกว่าคนบ้านนอกต่อหน้าคนที่หมายปองแบบนี้ เขาก็รู้สึกอายเป็เหมือนกัน เ้าเสี่ยวไป๋นี่ ไม่ไว้หน้าเขาเลย
“แล้วมันสำคัญอย่างไรล่ะ ต่อให้ข้าอยากจะปลูกพืชเซียน ยาเซียน ข้าก็ไม่มีเมล็ดพันธุ์ในมืออยู่ดี ไม่ปลูกอะไรเลยแบบนี้น่าเสียดายออก สู้ปลูกผักผลไม้ธรรมดาไม่ดีกว่าหรือ” จุนห่าวพูดเสียงเรียบ ผักผลไม้ธรรมดา ๆ เขายังปลูกไม่เป็เลย เพราะเขาเติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้า พอโตขึ้นก็ไปเป็ทหาร เพราะไม่เคยได้ััที่ดินแบบนี้มาก่อน จึงทำให้เขาเพาะปลูกอะไรไม่เป็
“จุนห่าว เสี่ยวไป๋พูดถูก การปลูกผักและผลไม้ธรรมดา ๆ นั้นค่อนข้างสิ้นเปลือง แม้ว่าเราจะไม่มีเมล็ดพันธุ์เซียน แต่เราก็สามารถปลูกข้าววิเศษ ผลไม้วิเศษ และยาวิเศษที่นี่ได้” หานรุ่ยเอ่ยขึ้น “เ้าคือไป๋หู่ผู้ยิ่งใหญ่ใช่หรือไม่ ข้าคือหานรุ่ย ยินดีที่ได้พบ”
“หานรุ่ย เรียกข้าว่าเสี่ยวไป๋ก็พอ เ้าคือคู่ครองของจุนห่าว พวกเราเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเรียกข้าว่าไป๋หู่ผู้ยิ่งใหญ่หรอก เกรงว่าจะมากไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เ้ามีมารยาทกว่าจุนห่าวมากนัก” เสี่ยวไป๋จ้องมองไปที่จุนห่าว มองแล้วมองอีก พลันมองมาที่ท้องของหานรุ่ยแล้วเอ่ยขึ้นว่า “จุนห่าว เ้านี้โชคดีเสียจริง ชาติที่แล้วมีชีวิตถึงสามสิบสองปี แต่เป็แค่ชายแก่บริสุทธิ์ มาชาตินี้อายุเพียงสิบหกปีก็ได้รับพร ตอนนี้ไม่เพียงแค่มีลูกเท่านั้น แต่ยังเป็ลูกแฝดอีก”
แม้ว่าเสี่ยวไป๋จะกล่าวว่าจุนห่าวเป็ชายแก่บริสุทธิ์ จะทำให้เขาโกรธอยู่บ้าง แต่พอได้ยินจากเสี่ยวไป๋ว่า หานรุ่ยตั้งครรภ์แฝด จุนห่าวก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก ั้แ่รู้ตัวว่าชอบเพศเดียวกัน จุนห่าวก็ยอมรับว่าตัวเองคงหมดหนทางมีลูกทางสายเืแล้ว เฉกเช่นอุ้งตีนหมีกับปลา ของมีค่าสองสิ่งมักจะไม่อาจได้มาพร้อมกันง่าย ๆ เขาเข้าใจดีว่าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง และเขาก็พร้อมรับกับผลที่จะตามมาแล้ว แต่ยามนี้เขาไม่เพียงได้มีลูกคนเดียวเท่านั้น แต่ยังมีถึงสองคน และสิ่งที่ทำให้เขาดีใจที่สุดคือ เด็กทั้งสองเกิดจากชายคนที่เขารัก ทำให้ยิ่งรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอีก
“เสี่ยวไป๋ เ้าไม่ได้มองผิดไปจริงนะ มีสองคนจริง ๆ ใช่ไหม?” จุนห่าวถามเสี่ยวไป๋อย่างไม่แน่ใจนัก หานรุ่ยก็มองไปทางเสี่ยวไป๋อย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อเสี่ยวไป๋ถูกสายตาสองคู่จ้องมองมาก็รู้สึกกดดัน แต่ก็พูดด้วยความมั่นใจแน่วแน่ว่า “เป็ความจริง แม้ว่าข้าจะตายไปแล้ว แต่จิตรับรู้แห่งเทพยังคงอยู่ ข้ามองไม่ผิดหรอก แต่ว่า......”
“แต่ว่าอะไรเสี่ยวไป๋ เ้าอย่ามาหยุดกลางคันแบบนี้ พูดให้จบสิ อย่าทำให้พวกเราใ หรือว่าเด็กมีปัญหาอะไรหรือ” จุนห่าวถามอย่างใจจดใจจ่อ หานรุ่ยก็มองเสี่ยวไป๋อย่างใจจดใจจ่อเช่นเดียวกัน
เมื่อถูกทั้งคู่มองอย่างใจจดใจจ่อ เสี่ยวไป๋จึงไม่อยากปกปิดอีกต่อไปแล้ว เขาจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร แค่เด็กได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ั้แ่นี้ไปหานรุ่ยจะต้องได้รับสารอาหารให้เพียงพอ มิเช่นนั้นเด็กจะตกอยู่ในอันตราย ทางที่ดีที่สุด คือ กินของที่สามารถเพิ่มพลังิญญาได้ ถึงจะดีต่อแฝดในครรภ์ และจะช่วยบรรเทาอาการาเ็ของหานรุ่ยได้อีกด้วย”
หลังฟังเสี่ยวไป๋บอกว่าลูกไม่เป็อะไร ในฐานะพ่อของเด็กทั้งสองจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จุนห่าวถามต่ออีกว่า “ถ้าอย่างนั้นหานรุ่ยจะเป็อันตรายหรือไม่?” ในการตั้งครรภ์ฝาแฝดในสมัยใหม่มักจะเป็อันตราย เขาไม่้าให้หานรุ่ยเป็อันตราย หากเขาต้องเลือกระหว่างลูกกับหานรุ่ย เขาก็จะเลือกหานรุ่ย
เสี่ยวไป๋รู้แต่แรกแล้วว่า จุนห่าว คือ ทาสเมีย “ไม่เป็อะไร แต่ตอนคลอดอาจจะยากอยู่บ้าง ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็แค่ดึงเด็กออกมา”
จุนห่าว “.......” พูดแบบนี้ก็เหมือนกับไม่ได้พูดอะไรนั่นแหละ
หานรุ่ยรู้ว่าจุนห่าวเป็ห่วงเขา จึงจับมือจุนห่าวพลางพูดว่า “ข้าไม่เป็ไร ข้ากับลูกสบายดี พวกเราจะไม่มีเื่อันใดเกิดขึ้นหรอก”
เสี่ยวไป๋เห็นทั้งคู่แสดงความรักกันเช่นนี้ ก็เกิดแอบรู้สึกอิจฉาปนหมั่นไส้นิดหน่อย