บทที่ 4:พรวิเศษ
วินาทีที่คำว่า "ราชวงศ์ต้าชิง" หลุดออกจากปากตัวเองโดยอัตโนมัติ กงเฉินจื่อก็รู้ซึ้ง... พรข้อแรกได้ผลจริงยิ่งกว่ายาปฏิชีวนะรุ่นล่าสุดเสียอีก! ความรู้เกี่ยวกับโลกโบราณหลั่งไหลเข้ามาในหัวเขาราวกับดาวน์โหลดไฟล์ขนาดเทราไบต์ นี่ไม่ใช่ความฝัน เขาข้ามมิติมาจริงๆ! แต่แล้ว... ภาพใบหน้าของอาจารย์สาวสวยก็แวบเข้ามาในความคิด
“เดี๋ยวนะครับ... แล้วอาจารย์หยางหลิงฟางล่ะครับ? ทำไมเธอไม่มากับผมด้วย”
ชายโบราณจิบชาดังจ๊วบ ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาเหมือนมองเด็กน้อยไร้เดียงสา “พ่อหนุ่ม... เ้าคิดว่าตัวเองเดินหลงเข้าประตูมิติมาเหมือนในหนังหรือไง? หยางหลิงฟางนั่นแหละคือ ‘แมวมอง’ ที่หาคนมาออดิชั่น ส่วนเ้าคือผู้ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายยังไงล่ะ แต่น่าเสียดาย... ตั๋วผ่านประตูมีแค่ใบเดียว”
“หมายความว่ายังไง ให้ผมอนุญาต?”
“นั่นอาจจะเป็พรข้อที่สองของเ้าก็ได้นะ” ผู้วิเศษยักคิ้วอย่างมีเลศนัย “แค่เอ่ยปาก ข้าจะเสกให้นางมายืนทำตาแป๋วอยู่ตรงหน้าเ้าเลย”
“เดี๋ยวก่อน!” กงเฉินจื่อรีบยกมือห้าม เขารู้ดีว่าพรแต่ละข้อมีค่าดั่งทองคำ จะใช้สุรุ่ยสุร่ายไม่ได้เด็ดขาด
ชายโบราณหัวเราะหึๆ “ฉลาดดีนี่... เอาล่ะ ข้าจะอธิบายให้ฟังก็ได้ ประตูมิติเนี่ยมันมีระบบคัดกรองของมันเอง ไม่ใช่ใครอยากจะมาก็มาเดินชอปปิงได้ คุณหนูหยางน่ะเคยลองแล้ว แต่ด้วยจิตใจที่ยังผูกพันกับโลกยุคใหม่ นางจึงอยู่ได้ไม่นาน ที่นี่้าคนที่มีจิตใจเมตตา ไม่ละโมบ และที่สำคัญ...” เขามองกงเฉินจื่อั้แ่หัวจรดเท้า “...ต้องเป็อัจฉริยะเท่านั้น ประตูมันถึงจะยอมเปิดให้”
“แสดงว่าเคยมีคนอื่นมาก่อนผม?”
“ทุกๆ ร้อยปี ประตูจะเปิดหนึ่งครั้ง และทายาทตระกูลหยางก็จะมีภารกิจตามหาอัจฉริยะมารับ่ต่อ... เ้าไม่ใช่คนแรกหรอกน่า ไม่ต้องทำหน้าเหมือนเป็มนุษย์คนแรกที่เหยียบดวงจันทร์ขนาดนั้น”
คำพูดนั้นทำให้กงเฉินจื่อใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้หลงมาคนเดียวในประวัติศาสตร์
“เ้ามีเวลาตัดสินใจ 8 วัน พอถึงคืนแรม 8 ค่ำ เดือน 8 ประตูก็จะปิดยาวไปอีกร้อยปี กลับไปคิดให้ดีๆ”
“แล้วถ้าผมอยู่ที่นี่... โลกปัจจุบันของผมล่ะครับ?” ความกังวลฉายชัดในแววตา “ครอบครัวผม เพื่อนๆ ไหนจะแม่แล้วยังมีน้องสาวอีกคนด้วย...”
“ใจเย็นน่า... พ่ออัจฉริยะ” ชายโบราณโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “คุณหนูหยางนางคงเตรียมแผนรับมือไว้แล้วล่ะน่า... แล้วก็อย่าลืมสิ เ้ายังมีพรเหลืออีกตั้ง 2 ข้อนะ!”
กงเฉินจื่อถอนหายใจ “นั่นสินะ... ไหนๆ ก็มาแล้ว ผมขอเดินสำรวจแถวนี้หน่อยได้ไหม จะได้รู้ว่าถ้าต้องอยู่ต่อ ต้องเตรียมอะไรบ้าง”
“สมกับเป็คนที่ประตูเลือกจริงๆ! ได้เลย! ข้าจะเป็ไกด์กิตติมศักดิ์พาเ้าทัวร์แผ่นดินต้าชิงเอง แต่เ้ามีเวลาแค่ 6 ชั่วโมงก่อนเที่ยงคืนนะ ไม่งั้นได้ติดแหง็กอยู่ที่นี่แบบไม่มีโอกาสได้บอกลาใครเลย”
กงเฉินจื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู... เข็มหยุดนิ่ง เขาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา... หน้าจอดำสนิท
“ทำไมมันใช้การไม่ได้”
“ก็เวลาของเ้ามันหยุดไปแล้วน่ะสิ ั้แ่ตอนหนึ่งทุ่มแปดนาทีที่ประตูเปิด ทุกอย่างในโลกของเ้าจะ ‘พอส’ เอาไว้จนกว่าเ้าจะขอพรข้อที่สอง”
กงเฉินจื่อเริ่มคิดคำนวณในใจ ถ้าต้องอยู่ที่นี่จริงๆ สิ่งที่จำเป็ที่สุดคือ... เงิน! เขากวาดตามองสภาพกระท่อมสุดอนาถาแล้วส่ายหน้า ผ้าห่มขาดๆ กับเตียงโยกเยกนี่เขาคงนอนไม่ลงแน่ๆ แล้วเขาก็หันไปมองชายผู้วิเศษ... ยิ่งรับไม่ได้หนักกว่าเดิม
เขามองชายโบราณั้แ่หัวจรดเท้า จนอีกฝ่ายเริ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก
“นี่ท่าน... เป็ผู้วิเศษจริงดิ?” กงเฉินจื่อเดินวนรอบตัวชายโบราณแล้วเอามือปิดจมูก “เสื้อผ้าขาดจนแทบจะเป็ริ้วๆ กลิ่นนี่... อย่าบอกนะว่าท่านไม่ได้อาบน้ำมาั้แ่สมัยราชวงศ์ิ?”
“เฮ้ย!” ชายโบราณทำท่าจะเถียง
“ถ้าให้ข้าเดานะ... ท่านต้องเป็ประมุขพรรคกระยาจกแน่ๆ เลยใช่ไหม”
ชายโบราณถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่เอามือเท้าเอว อีกข้างก็กุมขมับ ยอมให้หมอหนุ่มยุคใหม่ลบหลู่เกียรติเทพของเขาจนป่นปี้
“เอาล่ะๆ พอได้แล้ว! เ้ายังไม่รู้ความจริงทั้งหมด!” เขากระแอมไออย่างขัดเขิน “เ้ารู้หรือไม่! ชุดที่ข้าสวมอยู่นี่... เป็ถึงชุดพระราชทานจากองค์ฮ่องเต้เชียวนะ!” เขาสะบัดชายเสื้อที่ขาดวิ่นอย่างภาคภูมิใจ
“ที่มันปะแล้วปะอีกแบบนี้ ก็เพราะข้ามัวแต่ยุ่งกับการช่วยชีวิตผู้คนจนไม่มีเวลาไปร้านซักรีดน่ะสิ! เ้ารู้มั้ยครั้งหนึ่งเกิดโรคระบาดใหญ่ คนล้มตายกันเป็ใบไม้ร่วง ข้านี่แหละที่ขังตัวเองอยู่ในกระท่อม ก็กระท่อมหลังที่เ้ายืนอยู่นี่แหละ ค้นคว้าตำรับยาจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน สภาพก็เลยผอมแห้งอย่างที่เห็นนี่ไง!”
เขาเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ข้าใช้เวลาเกือบครึ่งปีจนปรุงยาสำเร็จและช่วยคนทั้งแผ่นดินไว้ได้! ผู้คนต่างยกย่องข้าว่า ‘หมอเทวดาแห่งต้าชิง’! ฮ่องเต้ถึงกับปูนบำเหน็จให้ตระกูลหยางมากมาย และภาพวาดที่เ้าเห็นนั่น... ก็คือภาพสุดท้ายของข้าที่จิตรกรหลวงวาดไว้... ก่อนที่ข้าจะสิ้นใจตายเพราะทำงานหนักเกินไป”
กงเฉินจื่อยืนฟังจนอึ้งไป นี่เขากำลังยืนคุยอยู่กับบุรุษในตำนานจริงๆ หรือนี่! แต่แล้วความคิดเชิงปฏิบัติของเขาก็กลับมา... ‘ต่อให้เป็ชุดพระราชทาน แต่มันก็ดูไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วอยู่ดี... สรุปคือ จนสินะ’
“เอาเป็ว่า... ท่านพาข้าออกไปเปิดหูเปิดตาก่อนดีกว่า” เขาเปลี่ยนเื่ แต่แล้วก็เอะใจ “เดี๋ยวนะ... ทำไมผมถึงพูดจาภาษาโบราณได้คล่องแคล่วขนาดนี้”
“ก็พรที่เ้าขอนั่นแหละ! พ่ออัจฉริยะความจำเสื่อมเรอะ!”
โอ้โห! สุดยอดไปเลย! เขารู้สึกเหมือนมี Google Translate ฝังอยู่ในสมองเลยเว้ย!
“แล้วเมื่อกี้ท่านอยู่ที่ไหนนะ?” กงเฉินจื่อถามลอยๆ แล้วก็เข้าใจทุกอย่างในบัดดล... ‘ข้าอยู่ในเขตบ้านตระกูลหยาง... แต่เป็เวอร์ชั่นราชวงศ์ต้าชิง!’
“พร้อมจะไปทัวร์กับข้าหรือยัง” เสียงดังขึ้นจากด้านหลัง เขาหันขวับไป... แล้วก็ต้องผงะถอยหลังไปหลายก้าว!
ม้าตัวใหญ่สีดำทมิฬยืนสงบเสงี่ยมอยู่ตรงหน้าเขา
“ต้อง... ต้องไปด้วยเ้านี่เหรอ” เขาอุทานเสียงหลง ั้แ่เกิดมาเคยเห็นม้าตัวเป็ๆ แค่ในสวนสัตว์ จะให้ขี่ไอ้ั์นี่เนี่ยนะ!
ทันใดนั้น หมวกปีกกว้างใบหนึ่งก็ถูกขว้างแหวกอากาศพุ่งตรงมาที่หน้าเขา! กงเฉินจื่อใสุดขีด...
แต่สิ่งที่น่าประหลาดกว่าคือ... ฟุ่บ!
มือของเขายกขึ้นคว้าหมวกใบนั้นไว้ได้อย่างง่ายดายและสวยงามราวกับจอมยุทธ์ในหนังกำลังภายใน! ถ้าเป็เมื่อวาน ป่านนี้หมวกคงกระแทกหน้าผากอันหล่อเหลาของเขาไปเต็มๆ ไปแล้ว! เขามองดูมือตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ... ไม่น่าเชื่อแค่พรข้อแรกนี่มันก็แทบจะครอบจักรวาลแล้วจริงๆ!