การซื้อบ้านเป็เื่ของเงินก้อนโต เฉียนหย่งจิ้นไม่กล้าตัดสินใจเองคนเดียว
"หลันเยว่ บ้านเขามีลูกเยอะ เลยซื้อที่ข้างๆ เพิ่ม ที่ดินเลยใหญ่กว่าบ้านเผิงเฟยสองเท่า ถึงเขาจะย้ายออกทั้งครอบครัว แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนขาย ราคาเลยไม่ถูกเลยนะ"
หมี่หลันเยว่ได้ยินว่าเฉียนหย่งจิ้นสืบมาละเอียดขนาดนี้แล้ว ก็ยิ่งมั่นใจว่าเขาจะซื้อบ้านหลังนี้ได้สำเร็จตามที่เธอสั่งไว้
"ฉันไว้ใจพี่หย่งจิ้น พี่จัดการเลยค่ะ ถ้าราคาที่พี่ว่าสมเหตุสมผลก็เอาเลย"
เฉียนหย่งจิ้นส่ายหน้า
"หลันเยว่ เธอเชื่อใจฉันเกินไปแล้ว ยิ่งเธอเชื่อใจ ฉันก็ยิ่งไม่กล้าตัดสินใจเอง"
เพราะความเชื่อใจของเธอ ทำให้เขาไม่กล้าทำผิดพลาดแม้แต่น้อย
"มีอะไรที่ไม่กล้าตัดสินใจ ฉันมอบอำนาจให้พี่เต็มที่ สู้ๆ นะคะพี่หย่งจิ้น"
เฉียนหย่งจิ้นเลยโดนจับพลัดจับผลูให้มาขายหน้าแบบนี้ แต่เขาก็มีความสุขดี ถึงความรับผิดชอบและความกดดันจะสูง แต่ความเชื่อใจนี้ก็ทำให้เขามุ่งมั่น
เื่ทุกอย่างเรียบร้อยในวันที่สาม แต่ก่อนวันจ่ายเงินมัดจำ เฉียนหย่งจิ้นก็ยังปรึกษาหารือกับหมี่หลันเยว่นานมาก เพราะมันเป็เงินจำนวนมาก เกือบพันหยวน ตอนที่เขาคุยตกลงกับคนขาย สมองแทบะเิ กลัวว่าหมี่หลันเยว่จะรับตัวเลขที่เยอะขนาดนี้ไม่ได้
"ดีมาก ไม่เลวเลยนะ ที่พี่ต่อรองราคาลงมาได้ขนาดนี้ ฉันนึกว่าจะเกินพันซะอีก"
ที่ดินตั้งกว้างใหญ่ขนาดนั้น ราคานี้ถือว่าถูกมาก หมี่หลันเยว่เคยถามราคาขายบ้านของคนอื่นมาบ้าง เล็กกว่าบ้านเผิงเฟยตั้งเยอะ ยังตั้งราคาไว้สี่ห้าร้อยหยวน
"ฉันรับปากเขาว่าจะจ่ายเงินสดทั้งหมด เขาถึงยอมขาย ไม่งั้นจะมีใครยอมขายที่ดินผืนใหญ่ขนาดนั้น พวกเขาเสียดายจะตาย แต่คนที่อยากซื้อก็มีนะ แต่ไม่มีใครนอกจากเราที่จ่ายเงินสดได้เยอะขนาดนี้"
"นั่นสินะ นี่แหละข้อได้เปรียบของเรา ใช้ข้อได้เปรียบของตัวเองแล้วคว้ามาให้ได้ นี่แหละคือความสามารถ ฉันว่าพี่หย่งจิ้นทำได้อยู่แล้ว"
พอโดนหลันเยว่ชมแบบนี้ เฉียนหย่งจิ้นก็ใจชื้นขึ้นมา รู้สึกตัวเบาหวิว ไม่ทำให้หลันเยว่เสียหน้า ไม่สร้างปัญหาให้เธอ นี่มันดีจริงๆ
เซ็นสัญญาเสร็จ จ่ายเงินทั้งหมด บ้านก็เป็ของหมี่หลันเยว่ หมี่หลันเยว่อยากสร้างบ้านให้เต็มพื้นที่ จึงไปยื่นเื่ที่สำนักงานที่ดิน เพื่อให้ได้โฉนดที่ดินตามขนาดที่้า ในยุคปฏิรูปที่ดิน หลายครอบครัวสร้างบ้านโดยไม่ได้ทำโฉนด ทำให้ไม่ได้รับบ้านใหม่ หรือไม่ได้รับการชดเชยที่เหมาะสม
ในเมื่อรู้เื่ราวแต่เก่าก่อน หมี่หลันเยว่จะไม่ยอมเสี่ยงแบบนั้น ตอนนี้ทำโฉนดราคาถูก แถมขั้นตอนก็ง่าย ไม่จำเป็ต้องประหยัดเงินเล็กน้อย แต่ตอนที่หมี่หลันเยว่ทำโฉนด เธอกลับใส่ชื่อพี่ชาย โดยที่ไม่ได้บอกพี่ชาย เธอรู้ว่าพี่ชายจะไม่ยอมรับ แต่เธออยากให้พี่ชายมีอะไรติดตัวบ้าง
เธอคิดไว้หมดแล้วว่า ต่อไปก็จะซื้อบ้านให้ น้องชายอีกหลัง อย่างน้อยพี่ชายกับน้องชายก็จะไม่ต้องกังวลเื่ที่อยู่ ส่วนตัวเองยังมีเวลาอีกเยอะ ค่อยเป็ค่อยไป บ้านหลังหนึ่งไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากมาย ตอนนี้หมี่หลันเยว่มีธุรกิจในมือ เธอเลยไม่กังวลว่าชีวิตจะไม่มีหลักประกัน
สิ่งที่เธอต้องพิจารณาตอนนี้คือ บ้านหลังใหญ่ที่ซื้อมา รีบสร้างบ้านให้เสร็จ แล้วเอาไปใช้ประโยชน์ จะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ นี่เป็การลงทุนจำนวนมาก ปล่อยว่างก็คือการสิ้นเปลือง เธอจึงลงมือทำอย่างเร่งด่วน
เริ่มจากการยื่นเื่ขออนุญาตก่อสร้าง แล้วก็จ้างคนมาเริ่มงาน ตอนนี้เฉียนหย่งจิ้นก็กลายมาเป็กำลังหลักอีกครั้ง เริ่มจากการจ้างคนงาน แล้วก็ดูแลงานก่อสร้าง อากาศกำลังจะหนาวเย็น งานก่อสร้างต้องทำให้เสร็จก่อน แต่ทุกคนต้องไปเรียนตอนกลางวัน ไม่มีใครว่าง แม่ของเผิงเฟยเลยมาช่วยดูแล
"ต้องรบกวนป้าด้วยจริงๆ นะคะ"
บ้านของป้าหลินก็มีงานกองเป็ูเาเลาการอให้ทำ การรบกวนคนอื่นแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง แต่ป้าหลินกลับไม่คิดอะไร เดินมาดูแวบๆ ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากมาย
"โธ่ ยัยหนู พูดจาเกรงใจกันเกินไปแล้ว วันๆ ป้าก็เดินมาแถวนี้สองสามรอบ ไม่ได้เสียงานอะไรหรอก บ้านอยู่ใกล้ๆ กัน เดินเล่นไปในตัว"
ป้าหลินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ แล้วก็ลาหมี่หลันเยว่กลับไป
พอคิดว่าตัวเองยังมีร้านหนังสือรอเปิด หลันเยว่กับพี่ชายต้องผลัดเวรกันมาดูแลร้านตอนเลิกเรียน ตอนนี้ยังต้องมาก่อสร้างบ้าน รบกวนครอบครัวพี่เผิงเฟยอีก หลันเยว่รู้สึกเกรงใจจริงๆ
"หลันเยว่ จะเกรงใจพี่ทำไม พวกเราคนกันเองทั้งนั้น ทำแบบนี้มันคนนอกชัดๆ"
หลินเผิงเฟยตบไหล่หลันเยว่
"พอกลับไปบอกที่บ้านว่าที่นี่กำลังสร้างบ้าน ไม่มีใครเฝ้า แม่ฉันก็รีบมาเลย เขาอยากมาช่วยเธอ เขาถือว่าเธอเป็คนในครอบครัว อย่าเกรงใจเลย มันจะเสียความรู้สึก แถมเธอยังให้เงินเดือนฉันนี่นา ทุกเดือนฉันเอาเงินกลับบ้าน แม่ฉันก็ดีใจจะตาย เขาอยากช่วยเธอมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้เป็โอกาสดี"
ในเมื่อเผิงเฟยพูดแบบนี้ หลันเยว่ก็ไม่ทำเป็เล่นตัว มีญาติและเพื่อนแบบนี้ หลันเยว่รู้สึกพอใจมาก รอสร้างบ้านเสร็จ เธออยากขยายโรงงาน ตอนนี้โรงงานผลิตเสื้อผ้าให้ร้านตัวเอง ก็ยังพอส่งได้ แถมยังมีกำลังผลิตเหลือ แต่ต่อไปหลันเยว่อยากเปิดสาขาเพิ่มหลังปีใหม่ แล้วก็อยากขยายไปรอบๆ
พอใกล้จะเข้าเดือนพฤศจิกายน บ้านก็สร้างเสร็จก่อนอากาศจะหนาวเย็น ทำให้หมี่หลันเยว่มีความสุขมาก เื่ราบรื่น ก็ถือเป็ลางดี เธอไปสำนักงานที่ดินอีกครั้ง พาคนมาวัดขนาดบ้าน ตอนนี้ดีจริง สามารถวัดจากฐานกำแพงด้านนอกได้เลย แบบนี้ ตอนปฏิรูปที่ดินในอนาคต ขนาดบ้านก็จะใหญ่ขึ้นมาก
หมี่หลันเยว่นำบ้านเดิมและบ้านที่สร้างใหม่ มารวมกันออกเป็โฉนดเดียว ขนาดที่ดินเลยใหญ่ขึ้นมาก ตอนปฏิรูปที่ดินในอนาคต ตอนเลือกบ้าน เธอจะมีสิทธิ์ก่อนใครเพื่อน อาศัยสิ่งนี้ เลือกห้องแถวหน้าร้านคงไม่มีปัญหา
"หลันเยว่ บ้านทางนี้ก็สร้างเสร็จแล้ว เธอจะเอาไปทำเป็โกดัง หรือทำเป็โรงงานดี"
หมี่หลันหยางพอรู้แผนของน้องสาว แต่เื่รายละเอียดก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ เขาอยากปรึกษาน้องสาวให้ดีๆ
"พี่อย่ามัวแต่พูดสิ กินข้าวก่อน ข้าวมันเย็นง่ายนะ"
ตอนนี้พี่น้องสองคนใช้เวลาพักเที่ยงปรึกษาเื่ต่างๆ เพราะพอเลิกเรียน สองคนก็ต้องผลัดกันดูแลร้าน กับร้านหนังสือ ตอนเย็นยิ่งไม่สะดวก พ่อแม่อยู่ด้วย บางเื่ก็ทำได้แค่คุยกันตอนเที่ยง
"ฉันอยากเอาบ้านหลังนี้มาทำเป็โรงงาน พื้นที่มันกว้างขวางพอที่จะเพิ่มคนงานได้อีกหลายคน ที่นั่นมันเล็กเกินไปแล้ว เพิ่มเครื่องจักรอีกก็คงไม่ได้แล้ว แต่เอาไว้ทำเป็โกดังก็พอ"
หมี่หลันเยว่วางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว โรงงานต้องใหญ่ขึ้นแน่นอน หลังปีใหม่ก็จะจ้างคนงานเพิ่ม
"พอหลังปีใหม่จะจ้างคนงานเพิ่ม เื่เสี่ยวหว่าน ฉันอยากขึ้นเงินเดือนให้เขาเยอะๆ ให้เขาดูแลโรงงานที่นี่ทั้งหมด ตอนนั้นเื่การนำเข้าวัตถุดิบ และบัญชีการส่งออกสินค้า ก็ต้องให้เขาจัดการทั้งหมด คงต้องลำบากหน่อย"
หลิวเสี่ยวหว่านมีความสามารถในการจัดการสูง มีความเป็ผู้นำอยู่บ้าง หมี่หลันเยว่อยากใช้งานเขาอย่างเต็มที่
เขามีมนุษยสัมพันธ์ดี มีทักษะในการสื่อสารที่ดี มีเพื่อนฝูงเยอะ ไม่งั้นตอนเริ่มสร้างโรงงานใหม่ๆ คงไม่สามารถพาคนเก่งๆ มาให้หมี่หลันเยว่ได้มากมายขนาดนี้ คนงานชุดนี้ ยึดพื้นที่โรงงานไว้ทั้งหมด สิ่งนี้เกินความคาดหมายของหมี่หลันเยว่ และยังทำให้เธอเข้าใจความสามารถ และคุณค่าของหลิวเสี่ยวหว่านมากยิ่งขึ้น
เฉียนหย่งจิ้นก็อาจจะได้รับการถ่ายทอดข้อดีนี้มาจากบ้านของคุณยาย ต้องบอกว่าเป็ข้อดีที่ยิ่งใหญ่มาก คนที่พูดเก่งมีเยอะ แต่คนที่ทำให้คนอื่นไม่รู้สึกว่าเสแสร้ง แต่กลับรู้สึกจริงใจ ต้องมีฝีมือจริงๆ คนที่ฉลาดแบบไม่แสดงออก ก็คือคนแบบเฉียนหย่งจิ้น จะทำให้คนอื่นเชื่อใจและเข้าใกล้เขาได้ง่าย
"พี่ไม่มีความเห็น คนที่ทำงานหนักก็ควรจะได้เงินเยอะ นี่เป็เื่ที่สมควรแล้ว"
หมี่หลันหยางสนับสนุนการบริหารงานของน้องสาวมาโดยตลอด ไม่ใช่เพราะรักน้อง แต่เป็เพราะเชื่อใจเธอ จนถึงตอนนี้ การตัดสินใจของหมี่หลันเยว่ ยังไม่มีข้อผิดพลาดเลยสักอย่าง
"ส่วนโกดัง ฉันอยากให้พี่เผิงเฟยดูแลทั้งหมด เดิมทีเขาก็ดูแลเื่การนำเข้าและส่งออกสินค้าอยู่แล้ว หลังจากนี้พอรับสินค้ามา ก็ให้เข้าโกดังเลย พอพี่เสี่ยวหว่าน้าค่อยเอาออกจากโกดัง แบบนี้เื่การสำรองสินค้าก็ง่ายขึ้น ส่วนสินค้าสำเร็จรูปในโกดัง ตอนเอาเข้าโกดังก็มีใบเสร็จของพี่เสี่ยวหว่าน ตอนเอาออกจากโกดังก็มีใบเซ็นของหลิวลี่ คงไม่มีปัญหา"
บัญชีของหลินเผิงเฟยทำได้ชัดเจนมาก หมี่หลันเยว่อยากมอบโกดังให้เขาดูแล มันเป็พื้นที่สำคัญ ต้องคนที่ซื่อสัตย์ จริงใจ และฉลาดพอ พี่เผิงเฟยเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุด ต่อไปเื่การจัดซื้อทั้งหมด ก็จะให้เขาดูแล
"อืม เผิงเฟยไว้ใจได้ ให้เขาดูแลน่าจะไม่พลาด"
หมี่หลันหยางมั่นใจในตัวเพื่อนตัวเองมาก
"แล้วหย่งจิ้นล่ะ ให้เขาทำแค่ประชาสัมพันธ์ มันก็เสียของไปหน่อยไหม"
เสียของแน่นอน คนคนนี้ไม่ได้มีดีแค่นี้ หมี่หลันเยว่เก็บเขาไว้มีประโยชน์อย่างอื่น
"ตอนนี้ให้เขาทำแต่งานนี้ไปก่อน แต่หลังจากนี้ไม่นาน จะมีงานที่สำคัญกว่าให้เขาทำ ตอนนั้นแหละ จะเป็โอกาสให้เขาได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่"
"อ๋อ งานอะไรเหรอ"
ความคิดในใจของหมี่หลันเยว่ ไม่รอดพ้นสายตาของพี่ชาย
"ฉันจะเปิดสาขาเพิ่ม แล้วก็อยากขยายไปยังอำเภอและเมืองข้างเคียง ซึ่งต้องใช้คนที่ไว้ใจได้มากๆ ไม่มีใครเหมาะไปกว่าพี่หย่งจิ้นอีกแล้ว"
หมี่หลันเยว่ไม่คิดว่า เธอยังไม่ได้มอบหมายงานที่ท้าทายนี้ให้เฉียนหย่งจิ้น เฉียนหย่งจิ้นก็มาพร้อมกับผลงานของเขาแล้ว
"หลันเยว่ๆ มีงานใหญ่ เธอว่าเราจะทำได้ไหม"
"งานใหญ่? งานใหญ่อะไร? มาจากไหนกัน"
หมี่หลันเยว่มองเฉียนหย่งจิ้นที่ส่งเสียงดังโวยวาย ก็งงไปหมด ตอนนี้เหมือนว่าร้านตัวเองไม่ได้มีธุรกิจอะไรที่ใหญ่พอ ไม่รู้ว่าธุรกิจใหญ่ที่เขาพูดถึงคืออะไร
"มีคนอยากสั่งเสื้อผ้าจากร้านเรา จำนวนไม่น้อยเลย เธอว่าเราจะรับไหม"
เฉียนหย่งจิ้นไม่ได้กั๊ก เขาตื่นเต้นจนแทบจะลอยได้ ไม่มีอารมณ์มาเล่นซ่อนแอบกับหมี่หลันเยว่ ส่วนหมี่หลันเยว่ในตอนนี้ เหมือนเืทั้งตัวกำลังจะสูบฉีดขึ้นไปที่สมอง แก้มแดงระเรื่อ
"พี่หย่งจิ้น พี่หมายถึงมีคนมาร้านเรา อยากสั่งเสื้อผ้า ‘ห้องเสื้อหลันเยว่’ ของเราเหรอ"
เฉียนหย่งจิ้นพยักหน้าแรงๆ แล้วก็ส่ายหน้า
"ไม่ใช่มาที่ร้านเรา เพื่อนฉันฝากข่าวมาน่ะ เธอบอกมาก่อนว่าจะทำไหม"
โอกาสแบบนี้จะพลาดได้ยังไง
"ทำสิ ทำแน่นอน นี่เป็โอกาสดีที่จะเปิดตลาดให้ร้านเรา โอกาสมาถึงแล้วต้องรีบคว้าไว้!"
เดิมทีคิดว่าจะเปิดสาขาก่อนแล้วค่อยขยายไปภายนอกหลังปีใหม่ ใครจะไปคิดว่าโอกาสจะมาถึงเร็วขนาดนี้
