หลังจากที่อยู่บนต้นไม้เป็เวลาครึ่งชั่วยามก็เก็บลูกท้อมาได้มากมายเต็มตะกร้า สีสวย ดูน่ารับประทานยิ่งนัก
อวิ๋นอี้แทบจะน้ำลายไหลออกมา นางคะยั้นคะยอให้หรงซิวหาที่ล้างลูกท้อ ทั้งสองมาถึงน้ำพุที่ใกล้ที่สุด เขารู้ว่านางี้เีจะทำจึงล้างให้นางด้วยตนเองแล้วเอามาป้อนให้ถึงปาก
นางกัดเข้าไปอย่างไม่มีพิธีรีตอง ััเนื้อหวานฉ่ำ หยีตาพูดด้วยรอยยิ้มว่า "อร่อยนัก!"
"อร่อยแต่ทานเยอะมิได้นะ" หรงซิวพูด “เพลานี้ยังวสันต์ฤดูอยู่ ทานเยอะเกินไปเกรงว่าเ้าจะไม่สบาย”
อวิ๋นอี้กลอกตาขาวอย่างไม่สนใจ
นางรู้สึกหิวแล้ว หลังจากตื่นนอนนางก็ตามเขามายังหุบเขาคู่รัก หลังจากทานลูกท้อไปแล้ว ก็ยังรู้สึกหิวอยู่เลย อวิ๋นอี้เหล่มองไปรอบๆ มองหาขนมถั่วและร้านขายน้ำหวาน
มิคิดเลยว่าหรงซิวจะมองความคิดของนางออกในทันใด พูดเบาๆ ว่า "ตรงหัวมุม มีขนมทุกชนิดเลยล่ะ"
"เช่นนั้นยังไม่รีบไปอีกหรือเพคะ?" อวิ๋นอี้จ้องไปที่หรงซิวอย่างโกรธเคือง "ฝ่าาคงอยากให้ข้าหิวตายสินะเพคะ”
หรงซิวพูดอันใดมิออก
สตรีตัวน้อยของเขา มีเสน่ห์เช่นนี้ จะยอมให้นางอดตายได้อย่างไร
ทั้งสองเดินเล่นที่ถนนขายขนมอยู่นาน จนกระทั่งอวิ๋นอี้ทานจนท้องกลม จึงเดินกลับไปพร้อมกัน
ในเพลาพลบค่ำ พระอาทิตย์อัสดงสาดส่องมาแต่ไกล ทุกสิ่งรอบตัวพลันปกคลุมไปด้วยแสงสีทองระยิบระยับ หรงซิวมองดูหญิงสาวตัวเล็กข้างหน้าที่ะโไปมา เขาเลิกคิ้วขึ้น ก้าวเดินตามไปก้าวใหญ่ ก่อนจะจับมือของนางมาไว้ในฝ่ามือ
อวิ๋นอี้มองกลับมาที่เขา "ทำอันใดเพคะ?"
นางอยากจะดึงมือกลับ แต่หรงซิวกลับยัดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ "ข้าชอบ"
"ข้ามิชอบ" นางพูดพลางดิ้นรน
ที่ไหนได้ หรงซิวจงใจแกล้งนาง เขาใช้กำลังมากขึ้น เลิกคิ้วอย่างภาคภูมิใจใส่นาง “เ้าจักต้องชอบแน่”
“......”
นึกถึงขนมที่เขาพานางไปกินเมื่อบ่ายนี้ อวิ๋นอี้ยักไหล่ ี้เีไปเถียงกับเขาแล้ว
สองวันถัดมา หรงซิวมีเวลามากขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มพาอวิ๋นอี้ไปเที่ยวข้างนอกทุกวัน เที่ยวบนูเาและน่านน้ำ นั่นทำให้นางเพลิดเพลินนัก หลังจากอยู่ที่สำนึกศึกษาจิงซุ่ยเกือบสิบวัน ในที่สุดก็ได้รับคำสั่งให้กลับไปยังเมืองหลวง
อวิ๋นอี้เก็บของอย่างมีความสุข
บริเวณรอบข้างของสำนึกศึกษาจิงซุ่ย นางไปเที่ยวเล่นมาครบหมดแล้ว หากนางต้องอยู่ต่อไปอีก คงบ้าตายเป็แน่
ทั้งสองคนไม่มีของอันใดมาก ผ่านไปเพียงไม่นาน พวกเขาก็ขึ้นรถม้าเพื่อเตรียมตัวกลับเมืองหลวง
ครั้นเมื่อถึงเมืองหลวงแล้ว หรงซิวก็ส่งนางไปที่จวน ส่วนเขาก็เข้าวังไปกราบรายงาน เมื่ออวิ๋นอี้กลับมาถึงจวน สาวใช้เซียงเหอก็ตื่นเต้นยิ่งนัก
หลังจากที่ทำการต้อนรับการกลับมาของนางแล้ว สาวใช้เซียงเหอก็ยกน้ำและน้ำชามาให้มากมาย จากนั้นก็มองดูนางด้วยแววตาระยิบระยับ “พระชายา ่นี้ท่านกับฝ่าาความสัมพันธ์ช่างดีเสียนี่กระไรเพคะ!”
อวิ๋นอี้เออออเบาๆ "เมื่อก่อนไม่ดีหรือ?"
"ก่อนหน้านี้องค์ชายยุ่งมาก ปกติแล้วมิได้มีเวลาอยู่กับท่านหรอกเพคะ" เซียงเหอพูดเจื้อยแจ้ว “ใช่สิเพคะพระชายา หากท่านคว้าโอกาสนี้ตั้งครรภ์เสีย เป็เช่นนี้ องค์ไทเฮาก็จะไม่พยายามจัดการหานางสนมให้องค์ชายอีกต่อไป"
เมื่อพูดถึงไทเฮา อวิ๋นอี้ก็รู้สึกไม่ดี
นางเลิกคิ้วถามเซียงเหอ "ฝ่าาเคยมีนางสนมด้วยหรือ?"
"ไม่มีเพคะ" เซียงเหอส่ายหน้าราวกับกลองป๋องแป๋ง “องค์ไทเฮาเสนอให้หลายครา แต่องค์ชายมิยอมเพคะ”
อวิ๋นอี้ได้ยินเช่นนั้นพลันปากกระตุก อันที่จริงก็แอบดีใจอยู่เล็กน้อย เมื่อััได้ถึงความรู้สึกในใจ นางสะดุ้งตัวโยน
เซียงเหอยังคงพูดถึงอดีต
จริงๆ แล้ว อวิ๋นอี้ค่อนข้างเหนื่อยจากการเดินทางเป็เวลานาน เดิมทีคืออยากจะพักผ่อนให้สบายเสียหน่อย แต่เมื่อได้ฟังเซียงเหอ นางก็มิได้มีความคิดที่จะเดินออกไป
นางมีความสงสัยในเื่อดีตที่นางมิได้มีความเกี่ยวข้องอันใด แต่ยิ่งฟังไป ความสงสัยและความไม่พอใจในใจของอวิ๋นอี้ก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ
เซียงเหอบอกว่าหรงซิวกับนางมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ปกติแล้วเขาไม่เคยอยู่ทานอาหารกับนางเลย นอกจากนี้ นางยังบอกว่าเมื่อก่อนหรงซิวยังไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะว่างานที่ยุ่งของเขา ทำให้ไม่ได้นอนด้วยกัน
ร่างกายของตัวเอง นางรู้จักดีที่สุด อวิ๋นอี้คุ้นเคยกับร่างกายนี้มาเกือบเดือนแล้ว พูดได้เต็มปากว่านี่คือร่างของสาวพรหมจรรย์
นางนึกไม่ออกว่าเพราะเหตุใด หรงซิวที่รักนางอย่างสุดหัวใจถึงไม่แตะต้องนาง?
หรือว่าหรงซิวไม่มีน้ำยา?
ไม่น่าใช่ อวิ๋นอี้พึมพำ
นางเคยบังเอิญได้เห็นสิ่งที่อยู่ระหว่างขาของเขา มันดูใหญ่โตอยู่ไม่น้อย หรือว่าจะแค่ใหญ่แต่ใช้งานจริงมิได้?
ไม่ ไม่ ไม่สิ
่นี้เขาสองคนนอนด้วยกันทุกวัน มันลุกขึ้นตอนเช้าตรู่ทุกวันจนนางนอนไม่หลับ ดูไม่เหมือนของที่ใช้งานจริงมิได้เลย
หลังจากคิดไปคิดมา อวิ๋นอี้ก็รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์เมื่อก่อนของพวกเขา ไม่น่าจะดีเช่นนั้น
เช่นเดียวกับที่หรงซิวเคยบอกมา รู้สึกว่าเ้าของร่างเดิมนั้นน่าเบื่อไร้รสชาติ นางยิ้มหยัน นี่มันก็แค่ข้ออ้างของเหล่าพวกบุรุษชั่วช้าเท่านั้นแหละ
ก่อนแต่งงานไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แต่งแล้วก็ดูิ่เ้าของร่างเดิมเช่นนั้นเช่นนี้
ความรู้สึกก่อนเก่าหายไปไหนเสียเล่า?
นางคิดมากจนอารมณ์เสียจึงไล่เซียงเหอให้ออกไป แล้วกลับห้องไปนอน
หลังจากที่อวิ๋นอี้ตื่นขึ้น หรงซิวก็กลับมาจากวังแล้ว ดูเหมือนเขาจะรวบรวมงาน รวมไปถึงเื่ที่ต้องจัดการไว้มากมาย ทันทีที่เข้าบ้าน เขาก็ขังตัวเองไว้ในห้องหนังสือ
เมื่อถึงเวลากินข้าวเย็น นางก็ให้คนไปเรียกเขา แต่พวกบ่าวที่กลับมาบอกกับนางว่า องค์ชายจะไม่รับอาหาร
ไม่ทานก็ไม่ทาน ผู้ใดไม่ทานก็หิวไป
อวิ๋นอี้ไร้หัวใจ ทานจนอิ่ม แล้วก็ให้เซียงเหอพาไปอาบน้ำ
“พระชายาเพคะ องค์ชายยังมิได้ทานข้าวเลย ท่านจะนำอาหารไปให้หรือไม่เพคะ!” เซียงเหอถอดปิ่นผมบนศีรษะของนางและแนะนำเสียงเบา
อวิ๋นอี้เงยหน้าขึ้นอย่างเกียจคร้าน “เขาไม่ทาน ก็แปลว่าไม่หิว หากเขาหิวก็คงหาอันใดทานไปแล้วล่ะ มิใช่เด็กเสียหน่อย”
“แต่องค์ชายยุ่งอยู่กับงานนะเพคะ!” เซียงเหอรู้สึกว่าพระชายาของตน หลังจากที่หายตัวไปและปรากฏขึ้นตัวอีกครั้ง ก็ไม่สนใจองค์ชายเลย “องค์ชายคนเดียว เลี้ยงดูคนทั้งจวน หากพระองค์เหนื่อยจนล้มไป พระชายาก็ต้องเป็คนคอยรับใช้ใช่หรือไม่เพคะ? หากนำอาหารไปให้ตอนนี้ ประการแรกได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ ประการที่สองเพื่อสุขภาพขององค์ชายด้วย”
สาวใช้ตัวเล็กๆ คนเดียว มองไม่ออกเลยว่าเมื่อนางคิดจะเกลี้ยกล่อมคนขึ้นมาจะพูดได้มากถึงเพียงนี้
อวิ๋นอี้รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดนั้นสมเหตุสมผล หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง
ในห้องครัว ได้มีการอุ่นอาหารไว้ให้หรงซิวอยู่ตลอด ได้ยินว่าพระชายาจะนำไปให้องค์ชาย ก็รีบสั่งให้คนส่งสำรับอาหารไปให้อวิ๋นอี้ทันที
เซียงเหอขยิบตาให้นางและทำท่าทางให้กำลังใจ “พระชายา! ไปเถิดเพคะ! หวังว่าคืนนี้ท่านจะไม่ต้องกลับเรือนนะเพคะ”
"......"
เด็กสาวนั่นช่างมั่นใจเกินไปแล้ว
นางเพียงแค่จะไปส่งอาหารให้ นางไม่ได้จะถวายตัวให้หรงซิวเสียหน่อย
ก่อนที่อวิ๋นอี้จะออกไป ก็กลอกตามองใส่เซียงเหอ สั่งว่า "จุดธูปหอมไว้ รอข้ากลับมาพักผ่อน"
เซียงเหอเหอพึมพำ "พระชายา...ท่านต้องคว้าโอกาสที่จะตั้งครรภ์ มีลูกให้เร็วที่สุดนะเพคะ"
มีลูกอันใดกัน!
นางกับหรงซิวยังอยู่ในขั้นตอนปลูกฝังความสัมพันธ์ จะชอบหรงซิวได้หรือไม่นั่นอีกเื่ นางอาจจะหนีไปในอนาคต จะให้กะเตงหอบลูกติดไปด้วยหรือ?
แค่คิดก็น่ากลัวเต็มที
หญิงสาวไม่สนใจคำพูดของเซียงเหอ อวิ๋นอี้ถือกล่องอาหารไปที่ห้องหนังสือ
ห้องหนังสือเงียบสงัดนัก มีทหารยามเฝ้าอยู่ทางเข้าลาน พออวิ๋นอี้เดินมา ทั้งสองก็รีบทำความเคารพและเปิดทางให้
อวิ๋นอี้ยักไหล่แล้วเดินไปที่ประตูห้อง
นางยกมือขึ้นเคาะประตู เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านใน เสียงทุ้มและน่าฟังดังว่า "เข้ามา"
“ฝ่าา” นางชะโงกหน้าออกมา มองไปรอบๆ และเห็นเขาอยู่หลังโต๊ะ “ข้ามาเอาอาหารมาให้เพคะ”
ขณะที่นางพูด นางก็เดินเข้ามา ปิดประตูอีกครั้ง แล้ววางกล่องสำรับอาหารไว้บนโต๊ะ
หรงซิวเฝ้ามองนางเงียบๆ
“นี่ได้ยินว่าฝ่าาไม่ทานข้าว ไม่หิวหรือเพคะ?” อวิ๋นอี้เอาเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ เมื่อเห็นว่าหรงซิวยังจ้องมองนางอยู่ นางก็กระแอมไออย่างทำตัวไม่ถูก “อาหารอยู่นี่แล้ว ฝ่าารีบทานเถิด อย่ามัวแต่มองข้า"
"อวิ๋นเออร์ กำลังเป็ห่วงข้าหรือ?"
"ข้าเพียงแค่เป็ห่วงสุขภาพของท่าน" อวิ๋นอี้กลัวความอ่อนโยนที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในทันทีของเขา เสียงที่ผ่อนคลาย มันทำให้นางขนลุกไปทั้งตัว
หรงซิวได้ยินเช่นนั้น ดวงตาที่มืดมิดของเขาก็เปล่งประกาย เขายิ้มและพูดว่า "กระนั้น ที่อวิ๋นเออร์เป็ห่วงสุขภาพของข้า อวิ๋นเออร์คิดอยากจะทำอันใดกับข้าหรือ?"
ไอ๊หยา?
ได้ใจใหญ่เลยนะท่านพี่?
อวิ๋นอี้สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยิ้มให้เขาอย่างสง่างาม "ไม่มีเพคะ ฝ่าาคิดมากไปแล้ว"
เกรงว่าเขาจะพูดอันใดที่น่ากลัวอีก อวิ๋นอี้จึงลุกขึ้น หยิบอาหารทั้งหมดออกมา จัดเรียงวางบนโต๊ะ ก่อนจะบอกว่า "ทานเถิดเพคะ"
หรงซิวหิวแล้วจริงๆ เขาจึงเริ่มทานในทันที
เขาจ้องไปที่นาง และหลังจากทานข้าวเสร็จ เขาก็เริ่มเก็บข้าวของ
อวิ๋นอี้เดินเข้าไปเก็บสำรับอาหาร "เช่นนั้นแล้ว ฝ่าาทำงานต่อเถิดเพคะ ข้าจะกลับไปพักผ่อนก่อน"
"เดี๋ยว" หรงซิวเรียกนางแล้วเดินมาหา "วางของไว้ตรงนี้ เดี๋ยวมีคนมาเก็บ ข้าจะกลับไปกับเ้า”
“ฝ่าาจะกลับไปทำอันใด?” อวิ๋นอี้เหลือบมองเขา
"นอนกับเ้า" หรงซิวพูดอย่างใจเย็น "ข้านอนกับเ้ามาหลายวันแล้ว วันนี้ข้าไม่อยู่ เ้าจะนอนไม่หลับ"
หนังหน้าหนาเตอะเช่นนี้ อวิ๋นอี้ก็คาดไม่ถึงเช่นกัน
หรงซิวได้ตัดสินใจไปแล้ว ใครจะพูดเกลี้ยกล่อมอันใดล้วนไร้ประโยชน์
ทั้งสองเดินเคียงกันกลับมา เซียงเหอปิดปากลอบยิ้ม จนหรงซิวบอกให้นางออกไป นางจึงจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม
อวิ๋นอี้จุกอก หากหรงซิวกำลังจะจับนางกิน เกรงว่าเด็กสาวเซียงเหอนั่น น่าจะเป็คนที่มีความสุขที่สุดเป็อันดับสอง
คืนนั้นหรงซิวกอดและจูบนางอยู่เป็เวลานาน จูบจนทั้งสองร้อนรุ่มเป็ไฟ นางได้ยินหรงซิวหายใจหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็ผลักเขาออกไปได้ทันเวลา
ในความมืด ดวงตามืดมิดของเขาช่างกระจ่าง มองมาที่นางอย่างแน่วแน่ “อวิ๋นเออร์… พวกเราจูบกันเช่นนี้มาพักหนึ่งแล้ว เราขยับเข้าขั้นตอนถัดไปได้หรือไม่?”
"ไม่เพคะ" อวิ๋นอี้พลิกตัว หันหลังให้เขา "ข้าจะนอนแล้ว"
"......" หรงซิวทำอันใดมิได้ "ก็ได้"
ก่อนหน้านี้ที่สำนักศึกษาจิงซุ่ย ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง ในที่สุดก็ก้าวหน้าจากการกอดกันมาจนถึงจูบกัน
เช่นไรก็ตาม เมื่อดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว เกรงว่าจะต้องอยู่ในระยะจูบกันไปอีกนาน
แม้ว่าหรงซิวจะเป็คนใจร้อน แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถรีบเร่งอันใดได้
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับแรงกระตุ้นในหัวใจ รสชาติของหญิงสาวไม่เลวเลย ครั้งแรกที่ได้ลิ้มรสทำให้หยุดไม่ได้ เมื่อได้ลองอีกครั้งก็อยากจะตายอยู่ในอ้อมอกนาง
ท่ามกลางห้วงความคิด ค่ำคืนก็ผ่านไปเช่นนี้นี่เอง
วันรุ่งขึ้นเมื่อตื่นขึ้น อวิ๋นอี้ได้รับสารแจ้งว่าจะขอมาเยี่ยมจากพระชายาเก้ากู่ซือฝาน ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันนานแล้ว อวิ๋นอี้เข้าไปทักทายนางอย่างตื่นเต้น สตรีทั้งสองคนรวมตัวกัน พูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ก็บอกว่าจะออกไปเดินซื้อของด้วยกัน
“มีร้านตัดเสื้อใหม่ในเมืองหลวง รูปแบบของเสื้อผ้าด้านในนั้นข้าว่าไม่เลวเลยนะเพคะ วันนี้จะได้พาท่านไปดูด้วย” กู่ซือฝานเกี่ยวแขนนาง พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น
อวิ๋นอี้ก็เห็นดีเห็นงามด้วย
ทั้งสองเดินออกไปอย่างมีความสุข หากแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับคนที่เกลียด ในร้านตัดเสื้อเช่นนี้