เช้าตรู่ที่หน้าประตูด่านทางเข้าของสนามบินนานาชาติโตเกียวนกยูงเปลี่ยนภาพลักษณ์จากที่ดูเนิร์ดๆ เป็สวมสูทระดับไฮ-เอนด์ แว่นตาคร่ำครึบนใบหน้าของเขาก็ถูกถอดออกแล้วเช่นกันในอ้อมแขนของเขาคือรอบเอวของเซี่ยวอี๋ ช่างเหมาะสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก
พวกเขามาเพื่อส่งผู้ออกเดินทางซึ่งผู้เดินทางก็คือคนรู้จักของเขาทั้งสอง คุณคานาโกะและลูกสาวคุราชินะอาโออินั้นเอง
การสอบเลื่อนขั้นของซากุระร่วงโรยปั่นป่วนไปหมดโชคดีที่ท่านประธานเป็คนสั่งให้นกยูงเป็คนป่วนการสอบเองใบสั่งซื้อของประธานมิตสึโอกะจึงถูกยกเลิกไป แต่เงินมัดจำจะไม่มีการคืนให้อย่าถามว่าทำไม? ถ้ามากเื่เกินไปจะโดน “เด็ดหัว” เอาได้
และขณะที่ผู้รอดชีวิตจากใบสั่งมีอัตราส่วนที่น้อยมากคานาโกะถือว่ายังโชคดีอยู่ แต่ก็ถือว่าโชคร้ายเช่นกันโชคดีที่ยังมีโอกาสได้พาเด็กน้อยไปสูดอากาศบนโลกใบนี้ได้แต่ที่โชคร้ายก็คือพวกเขาต้องจารึกชีวิตใหม่ทั้งหมดคานาโกะประกาศถอนตัวจากการเลือกตั้งอย่างกะทันหันทุกคนเข้าใจว่าเธอถูกกดดันจากแก๊งมาเฟีย ที่สุดแล้วโศกนาฏกรรมของบ้านพักคนชราอันโซ่วก็กระชากหัวใจผู้ที่ได้รับรู้ข่าว
นกยูงดำเนินขั้นตอนการเดินทางไปต่างประเทศให้พวกเขาเรียบร้อยภายในข้ามคืนจุดประสงค์เพื่อให้พวกเขาอยู่ห่างจากสื่อที่วุ่นวาย หากอยากจะอยู่รอดก็ต้องเรียนรู้ที่จะปากกัดตีนถีบ ถ้าไม่สู้ก็ตายไป
เพื่อลูกแล้วคานาโกะยอมประนีประนอม...
“จะสายแล้ว รีบเข้าประตูไปเถอะคุณคานาโกะเองก็อย่าลืมใช้ชีวิตอย่างเก็บเนื้อเก็บตัวในต่างแดนด้วยล่ะปัจจุบันธุรกิจในต่างประเทศของซากุระร่วงโรยกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว”รอยยิ้มของนกยูงคือคำขู่ซึ่งๆ หน้า
“ฉันรู้ว่าพวกคุณเป็ยังไง ไม่ต้องมาเตือนฉัน”คานาโกะมองกลับด้วยสายตาดูิ่ เธอมองเซี่ยวอี๋ด้วยความเป็ห่วง “คุณเซี่ยวอี๋คุณอยากอยู่กับฆาตกรมือสังหารแบบนี้จริงๆ เหรอ?”
“คุณคานาโกะ คุณช่างเป็คนมีอคติต่อสาขาวิชาชีพนะ” นกยูง ‘ไม่พอใจ’ แล้ว
“ไม่เป็ไร ช่างคุณธรรมของเขาเถอะ เขากล้าทำแค่โอบเอวฉันเท่านั้นแหละตราบใดที่เสิ่นิยังไม่ตาย ฉันก็แค่ถูกซาตานไว้ชั่วคราวเท่านั้นเสิ่นิสัญญาว่าจะกลับมาหาฉัน ฉันเชื่อมั่นในตัวเขา”เซี่ยวอี๋ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เธอรู้สึกชื่นชมและเมตตาแม่ลูกคู่นี้ถึงขนาดมอบทองคำสิบแท่งที่เสิ่นิทิ้งไว้ให้พวกเขาไว้ใช้เป็ค่าครองชีพในอนาคต
“อือ ฉันเชื่อในตัวคุณเสิ่นิ เขาเป็ผู้ชายที่รักษาคำพูด”คานาโกะพยักหน้าอย่างจริงจัง เธอรู้ว่าตัวเองไม่ได้ชอบเสิ่นิมากถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของเซี่ยวอี๋ด้วยซ้ำ แต่สำหรับ“ความเชื่อมั่นในตัวเสิ่นิ” นั้น เธอก็มีไม่แพ้ใคร
“ความเชื่อเป็สิ่งที่ดี ก็เหมือนกับความฝัน คนเราต้องมีความฝันกันบ้างบางทีมันอาจจะเกิดขึ้นได้ในสักวัน?” ในขณะที่นกยูงกล่าวเขานั่งยองๆ และยิ้มให้อาโออิ “แล้วเธอล่ะ? มีความฝันบ้างหรือเปล่า?”
“เหลวไหล!” อาโออิพ่นน้ำลายใส่หน้านกยูง ใครจะไปคิดว่าเด็กหญิงวัย 6ขวบจะมีน้ำลายมากขนาดนี้ อาโออิยิ้มตาหยีและกล่าวว่า“ตอนนี้ความฝันของอาโออิเป็จริงแล้วล่ะ!”
หลังจากอำลาคู่แม่ลูกแล้วนกยูงก็พาสาวงามเดินไปยัง Maserati ที่ลานจอดรถ
“รบกวนคุณช่วยโอบให้มันดีๆ หน่อย อย่าเกร็งแขนเหมือนหุ่นยนต์นักจะได้ไหม?”เซี่ยวอี๋ไม่ถือตัวจนทำให้รู้สึกว่าเธอรังเกียจนกยูงแต่เธอก็รู้สึกว่ามือสังหารข้างๆ ช่างขี้อวด เป็ถึงนักเลงโตขนาดนี้แต่แค่โอบสาวก็ยังทำไม่เป็
“ฮหะ? ขอโทษครับ ผมทำคุณเจ็บใช่หรือเปล่า?” นกยูงพูดอย่างประหม่า
“ไม่ต้องขอโทษฉัน! คุณมันสารเลว ทำตัวให้มันเืเย็นหน่อยได้ไหม?” เซี่ยวอี๋กล่าวอย่างปวดหัว
“ที่จริงผมก็อยากจะเืเย็นเหมือนกันนะ แต่ผมกลัวว่าคุณเซี่ยวอี๋จะเกลียดผมก็เลยไม่กล้าเืเย็นอีกต่อไป” นกยูงกล่าวอย่างรู้สึกผิด
“เืเย็นไม่เป็แล้วยังคิดจะเอาฉันเป็ภรรยาของคุณนี่นะ คุณล้อเล่นใช่ไหม?”เซี่ยวอี๋คำราม
“ผมชอบให้คุณะโใส่ผมนะ ผมว่าคุณเท่ดี!” นกยูงหน้าแดงขึ้นมากะทันหัน
“ฉิบหาย ทำไมไอ้ตัวน่ารักนี่ถึงได้กลายเป็ตัวร้ายได้นะ?” เซี่ยวอี๋กล่าวด้วยท่าทางที่ดุร้าย
“ฟังฉันให้ดีนะ ฉันเป็ผู้หญิงที่ตั้งใจจะฆ่าคุณตราบใดที่ฉันมีโอกาสฉันจะ…”
เซี่ยวอี๋กล่าวพลางลงมือโดยพลันการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว “สองัคว้าไข่มุก”มีดพุ่งตรงเข้าสู่ดวงตาของนกยูง แต่การตอบสนองของนกยูงว่องไวยิ่งกว่ากิเลนดำยกแขนขวาขึ้นปัดป้องคมมีด
นิ้วมือของเซี่ยวอี๋ที่จู่โจมรู้สึกเจ็บจนเหมือนจะแตกออกจากกันเธอน้ำตาไหลพราก นั่งยองๆ ลงกับพื้นและกุมนิ้วมือของตัวเองไว้ “เจ็บฉิบหาย!ทำไมต้องเอามือขวาบังด้วย?! คุณไม่รู้ว่ามันเป็เหล็กหรือยังไง?”
“ขอโทษครับ ผมชินกับการใช้กิเลนดำปัดป้อง แบบนี้มันเร็วดี คุณโอเคไหม?”นกยูงนั่งยองลงอย่างประหม่า
สบโอกาสอีกครั้งเซี่ยวอี๋ซึ่งนั่งบนพื้นออกแรงอีกครั้ง ตีเข่า พุ่งขึ้นใส่ใบหน้าของเขา
แต่นกยูงตอบสนองรวดเร็วกว่าเดิมเขาใช้ศอกขวาของกิเลนดำยับยั้งเข่าที่พุ่งมาของเซี่ยวอี๋
ขณะนั้นเซี่ยวอี๋ดูเหมือนจะได้ยินเสียงโอดครวญในใจ เหมือนเข่าซ้ายกระแทกเข้ากับรถถัง
“เวร! เวร! เวร!” เซี่ยวอี๋เ็ปจนไม่สามารถยืดตัวตรงได้เธอได้แต่ล้มตัวไปด้านหลัง
“คุณโอเคไหม? ผมขอโทษ! มันตอบสนองโดยสัญชาตญาณอีกแล้วกล่าวอีกนัยหนึ่ง การโจมตีของคุณสมควรที่จะต้านรับด้วยมือขวามากกว่า”นกยูงกล่าวอย่างหดหู่
“ผู้ชายอย่างคุณมันไร้ยางอาย ไหนบอกว่าชอบฉันแล้วยังจะทุบตีฉันอย่างโหดร้าย!”เซี่ยวอี๋เม้มกัดปากตัวเองและกล่าวด้วยความขุ่นเคือง เห็นๆอยู่ว่าเธอเป็คนลงมือก่อน แต่กลับโทษคนอื่นที่ป้องกันตัว? ผู้หญิงไร้เหตุผลแบนนี้สินะ→ _ →
“ขอโทษครับ ผมสัญญา จากนี้ไปผมจะไม่สกัดคุณด้วยกิเลนดำอีกต่อไปมันทำคุณเจ็บหรือเปล่า? คุณอยากไปหาหมอไหม?” นกยูงช่วยดึงตัวเซี่ยวอี๋ไปข้างหนึ่งก่อนจะนั่งลงตรวจสอบเข่าของเธออย่างเป็มืออาชีพ ว่าไม่ได้แตกหักความละมุนละไมของทั้งสองทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนต่างพากันอิจฉา
“ที่จริงแล้วมันก็ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะแต่งงานกับผมหรือไม่ขอแค่คุณยังอยู่กับผมแบบนี้ แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว”ช่างเหมือนการขอบิณฑบาตความรักจากเซี่ยวอี๋
“นกยูง คุณรู้ไหมว่าคนเลวที่น่ากลัวที่สุดหน้าตาเป็อย่างไร?” เซี่ยวอี๋ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เหมือนคุณไงทำสิ่งที่ร้ายกาจแต่กลับลอยหน้าเป็คนดีคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความดีและความชั่วต่างกันอย่างไร? เสิ่นิเพื่อที่จะช่วยน้องสาวของเขาเขาบุกบั่นเพียงลำพัง ต่อให้เขาจะโกรธรุนแรงแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ไม่สังหารใครนั่นแหละคือความดี... แต่คุณกลับเชือดคอเพื่อนร่วมงานเพราะเขาทำร้ายฉันนี่แหละคือความชั่ว ไม่ว่าคุณจะแสดงความนอบน้อมแค่ไหนฉันก็ไม่มีวันชอบคนชั่วแบบคุณหรอก ฉันจะรอให้เสิ่นิกลับมาและพาฉันออกไปจากที่นี่” เซี่ยวอี๋กล่าวอย่างตรงไปตรงมาที่สุด
“ไม่เป็ไร ผมรู้ตัวว่าผมไม่ใช่คนดีและผมก็รู้ว่าคุณมีความรู้สึกไม่ดีต่อผม ผมรอได้ จะสามเดือนหรือจะครึ่งปีก็ไม่เป็ไร หรือจะให้ตลอดครึ่งชีวิตก็แล้วแต่ ผมจะรอจนกว่าคุณจะยอมแพ้กับเสิ่นิจะรอจนกว่าคุณจะมีใจให้ผม” นกยูงพรรณนาว่าไม่รักก็ไม่เป็ไรเขาเป็ผู้มีรักข้างเดียวอันลึกซึ้ง
“ไม่นานขนาดนั้นหรอก ฉันเชื่อว่าเสิ่นิจะกลับมาหาฉันก่อนวันแต่งงานแน่สามเดือนก็เพียงพอแล้ว” เซี่ยวอี๋ไม่เห็นความจำเป็ที่จะต้องเปลี่ยนสัญญาการแต่งงานเพราะไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไรมันก็เป็งานแต่งงานที่เธอไม่ได้้า
“ผมขอสัญญากับคุณเช่นกัน ว่าก่อนวันแต่งงานผมจะไม่ทำอะไรเหลวไหลให้ความเคารพเหมือนคุณเป็แขก” และตอนนี้เองที่นกยูงถูกเพื่อนร่วมงานด่าว่างี่เง่าสมัยนี้ใครเขารอกินตับกันวันแต่งงานบ้าง?
“ไม่ทำตัวเหลวไหลอย่างนั้นเหรอ? แล้วตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่?”เซี่ยวอี๋สายตาดูแคลน มือของนกยูงนั้นยังคงัักับขาเนียนยาว 105เิเของเธอเดาว่าน้องชายตัวน้อยของนกยูงก็ลุกขึ้นทำความเคารพอยู่
“ไม่ใช่อย่างนั้น! คุณเซี่ยวอี๋ได้โปรดฟังคำผมอธิบายก่อน มันเป็แค่...ปฏิกิริยาทางธรรมชาติ! เพราะคุณเซี่ยวอี๋ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน!”นกยูงเขินจนรีบอธิบาย ท่าทางเขาดูประหม่ากระทั่งเหมือนจะกัดลิ้นตัวเองได้ทุกเมื่อเซี่ยวอี๋จะถือว่านั่นเป็การแก้แค้นครั้งใหญ่เลย
“คุณน่ะ ก็ไม่ได้เลวซะทีเดียวนะ รอเสิ่นิกลับมา ฉันจะขอร้องเขาว่าอย่าฆ่าคุณเลยอย่างมากก็สับมือทั้งสองข้างของคุณก็พอ” เซี่ยวอี๋ยันตัวลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
เมื่อเห็นท่าทางอันมั่นอกมั่นใจของเซี่ยวอี๋มันไม่ใช่เื่ง่ายที่นกยูงจะบอกความจริงกับเธอเสิ่นิถูกส่งไปยัง์ที่สาบสูญเป็มุมอับที่ถูกพระเ้าลืมเลือน ความมืดมนที่แม้แต่แสงอาทิตย์ก็ส่องไปไม่ถึงไม่มีใครที่ถูกขังไว้แล้วเคยได้ออกมาขณะยังมีลมหายใจนั่นคือเรือนจำเอกชนที่ใหญ่ที่สุดบนโลกมีเทคโนโลยีและรูปแบบการจัดการเรือนจำที่ทันสมัยมาเป็เวลา 10 ปี
ต่อให้เป็นกยูงถ้าถูกนำตัวไปกักขัง เขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะหลบหนีออกมาได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปัจจุบันที่เสิ่นิกลายเป็ผู้พิการแขนเดียว
ตามที่กล่าวไว้คนเราย่อม้าความฝันด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะสามารถก้าวไปข้างหน้าด้วยการมองโลกในแง่ดีเขาชอบใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเซี่ยวอี๋ แม้ว่ารอยยิ้มนี้จะมาจากการมองโลกในแง่ดีที่เธอตาบอดมองเห็นแต่เสิ่นิก็ตามไม่ว่าจะเพราะใครก็ตาม ตราบใดที่เซี่ยวอี๋ยิ้มได้ นกยูงก็มีความสุข
และที่อีกฟากหนึ่งกลับมาในห้องโทรมๆ ที่ทั้งสองอยู่ร่วมกัน เสิ่นิมองไปที่ชางหลานอย่างมุ่งมั่น“ฉันอยากได้ (ของ) นาย...”
“ทำไมนายเป็คนตรงขนาดนี้ ฉันยังไม่ทันตั้งตัว” ชางหลานยิ้มเขินและเอียงอาย
“วางใจได้ ฉันไม่เอาฟรีๆ หรอก จะรีบคืนให้นายโดยเร็ว”
“คืน? นายจะคืนยังไง? ฉันเป็รับไม่ใช่รุก...” ชางหลานยิ่งเขินขึ้นไปอีก
“ชางหลาน ช่วยคุยกับฉันอย่างมีสติกว่านี้ได้ไหม? ฉันไม่สนใจรูก้น ฉัน้ายืมเงินเคอลาของนาย” เสิ่นิเริ่มจะไม่ไหวกับชายรักชายตรงหน้าแม้ว่าคนเดียวที่เขาพอจะฝากความหวังได้ในตอนนี้ก็คือผู้ชายซึ่งเป็ดั่งดอกไม้เทียมผู้นี้
“เงินเคอลา? นายจะเอาไปทำอะไร?” ถ้าอยากได้ตัวเขาไม่มีปัญหาเลย แต่้าเคอลา? ใบหน้าน้อยๆของชางหลานยุ่งเหยิงราวกับกำลังจะสิ้นใจ
“ฉันต้องฟื้นฟูสภาพร่างกายในเวลาที่สั้นที่สุด เพิ่มความเข้มข้นในการฝึกซึ่งหมายความว่าฉันไม่สามารถประหยัดค่าอาหารได้มันฝรั่งบดไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูพลังงานที่สูญเสียไปในแต่ละวัน อย่างน้อยที่สุดก็ต้องทานสองมื้อต่อวัน และต้องมีเนื้อสัตว์และไข่ไก่”
“ไข่ไก่! นายติดหรูมาก อยากกินกระทั่งไข่ไก่!ฉันลืมไปนานแล้วว่าไข่ไก่มีรสชาติยังไง” สิ่งที่ชางหลานพูดทำเขาเองแทบร้องไห้ออกมาที่นี่ชั้นชีวิตสัตว์ ไข่ราคา 3 เคอลา แต่ตุ๋ยเขาหนึ่งครั้งเขาคิดเงินแค่เพียง 2 เคอลาเท่านั้น แถมยังมีโปรโมชั่น 5แถม 1 อีกต่างหาก...
ชางหลานเริ่มเป็“คนขายดอกไม้” เมื่อปีที่แล้ว ทำงานหนักจนถึงทุกวันนี้และในที่สุดก็เก็บออมเงินได้ 500 เคอลาเรียกได้ว่าเก็บเงินด้วยหยาดเหงื่ออย่างยากลำบากที่สุดในชั้นชีวิตสัตว์แล้ว
เมื่อเสิ่นิเอ่ยปากขอยืมชางหลานก็เสียดายไม่อยากให้
“ฉันสัญญา ไม่ว่าฉันใช้เงินนายไปเท่าไร 1 เดือนหลังจากนี้ฉันจะคืนให้นาย 1,000 เคอลา และพานายไป ‘ชั้นโลกมนุษย์’ ”เสิ่นิกล่าวอย่างหนักแน่น
“1 เดือน? นายจะพาฉันไปที่ชั้นโลกมนุษย์เหรอ? นั่นหมายความว่านายต้องทำเงินได้อย่างน้อย 2,000 เคอลา?นายคิดจะไปปล้นเหรอ?” ชางหลานใกลัว
“เปล่า จะใช้กำปั้น เปิดหนทางสู่์ให้เรา”เสิ่นิกำหมัดซ้ายที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียว