ความปากร้ายของหนุ่มน้อยเป็ที่น่าพึงพอใจยิ่งนัก
ผู้ช่วยอันเก่งกาจอย่างป๋อหยวนโหวก็ช่างมาได้ทันเวลาเช่นกัน
เสียงหัวเราะของชิงอีนั้นมีชีวิตชีวามากเป็พิเศษ
ส่วนเว่ยซู่เองก็เกือบลมจับเพราะความโกรธ
เซ่อเจิ้งอ๋องกับร่างทรงสาว สรุปแล้วมาแก้ปัญหาหรือมาสร้างปัญหากันแน่?! ป๋อหยวนโหวนั่นก็ด้วย ลืมไปแล้วหรือว่ายามนี้ครอบครัวของท่านถูกผีสิงอยู่?
เขาควรจะเป็เพื่อนร่วมชะตาสิ ทว่า กลับทรยศกันเสียได้ แถมยังเยาะเย้ยเขา เว่ยซู่รีบควานหายากล่อมประสาทมากินไปสองเม็ด เพื่อระงับไม่ให้เขาโกรธจนะเิออกมา
“ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแลกชีวิตแล้วงั้นหรือ!” เขาพูดด้วยสีหน้ามืดมน
ชิงอีหัวเราะออกมา “ใช่ หรือท่านจะปล่อยมันไปก็ได้นะ อีกสองวันคาดว่าคนเหล่านี้ก็คงขึ้น์ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้นความแค้นของแม่แมวคงพุ่งมาหาท่านแน่”
เว่ยซู่ถึงกับตัวสั่นเทา นี่คือผลลัพธ์ที่เขากลัวที่สุด เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นการแลกชีวิตนี้...ใครเป็คนแลก?”
“ใครที่เป็คนทำเื่ชั่วร้ายไว้ แน่นอนว่าต้องเป็คนนั้นที่แลกชีวิต”
เว่ยซู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก็ไม่ใช่เขาที่ต้องไปแลกชีวิตนี่น่า? น่าจะรีบบอกกันก่อนสิ
“อย่างไรก็ตาม คนที่แลกชีวิตจะตายใช่ไหม? แล้วเช่นนี้จะเรียกว่าช่วยชีวิตได้อย่างไร?” เว่ยซู่ยังคงกังวล เขาไม่สนว่าฮูหยินจะตายหรือไม่ ทว่า หากเื่นี้แพร่ออกไป มันอาจทำให้คนสงสัยได้ว่าเขาเป็คนเืเย็น
“อายุขัยของแมวมากที่สุดคือสิบห้าปี”
เว่ยซู่ผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้
ก็แค่สิบห้าปี จ่ายได้อยู่แล้ว
“เช่นนั้นเชิญท่านปรมาจารย์รีบลงมือเถิด”
“แล้วพวกเ้าล่ะ เต็มใจกันใช่ไหม?” ชิงอีมองเหล่าสาวใช้
พวกเขาต่างพยักหน้า ระหว่างตายกับสละอายุขัยสิบห้าปี แน่นอนว่าพวกเขาต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว!
“อายุ 15 ปีของฮูหยินของข้า เอาจากข้าไปก็แล้วกัน” มู่จ้งจิ่นพูด
ชิงอีเหลือบมองเขาและขยับยิ้ม “ท่านช่างปฏิบัติต่อฮูหยินอย่างดีจริงๆ”
“หากว่าดีจริง ก็คงไม่ปล่อยให้นางเจอกับเื่แบบนี้หรอก” มู่จ้งจิ่นเม้มปาก
กระทั่งตอนนี้เขาจะยังรู้สึกว่าฉินอวี่โหรวไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เขาก็พอเข้าใจว่าทำไมเมื่อคืนชิงอีถึงได้พูดแบบนั้น
ยิ่งได้ฟังเื่การเสียชีวิตอันน่าสลดใจของแม่แมวตัวนั้นแล้ว
สัตว์แล้วไง คนแล้วไง?
บางครั้งคนก็ไม่ดีไปกว่าสัตว์สักเท่าไรหรอก
ขนาดสัตว์ตัวหนึ่งยังรู้จักปกป้องลูกของมัน แล้วคนล่ะ?
เว่ยซู่ี้เีเกินกว่าจะสนใจว่ามู่จ้งจิ่นเป็อย่างไร เขากังวลแค่เื่ของตนเท่านั้น จึงรบเร้าต่อ “ท่านปรมาจารย์ ในเมื่อตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นรีบลงมือเถอะ!”
“ท่านจะรีบอะไรนักหนา ทำเองเลยไหมล่ะ?”
เว่ยซู่พูดไม่ออกอีกครั้ง
เขาไม่เข้าใจจริงๆ เวลาที่ท่านปรมาจารย์พูดกับมู่จ้งจิ่น นางใช้เสียงอ่อนโยน แต่กับเขากลับโกรธเกรี้ยว คล้ายว่ากินลูกประทัดมาเสียงอย่างนั้น
เขาเป็ถึงรองเสนาบดีกรมพิธีการเชียวนะ เทียบกับเ้าง่อยแห่งจวนโหวนี้ไม่ได้เลยหรือ?
ร่างทรงสาวที่เซ่อเจิ้งอ๋องคอยหนุนหลังนี่ ช่างตาบอดเสียจริง
“อีกสองวันข้าจะกลับมาช่วย” ชิงอีลุกขึ้นและกล่าวอย่างเกียจคร้าน
“ทำไมต้องรออีกสองวันล่ะ?” เว่ยซู่พูดอย่างกังวล เขาหวังว่าจะแก้ปัญหาเื่ิญญาร้ายตอนนี้เลย ยิ่งเขาอาจจะตกเป็เป้าหมายของสิ่งชั่วร้ายนั่น ก็รู้สึกกินไม่ได้นอนไม่หลับขึ้นมาทันใด
ชิงอีกลอกตา ร้องฮึอย่างเ็า “เ้าไม่นอน เลยคิดว่าข้าไม่ต้องหรือ? เ้ามีสิทธิ์อะไร ถึงจะให้ข้านอนดึกเพื่อเ้า? หลีกทางไป!”
พูดจบ นางเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง แล้วเดินวางมาดออกไป
หน้าของเว่ยซู่เกร็งจนเกือบตะคริวกิน
เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวคนไหนยโสและเอาแต่ใจเช่นนี้มาก่อนเลย!
ท่านจะนอนสองวันเลยหรือไร?! นี่ยังกลางวันแสกๆ จะนอนดึกได้อย่างไรกัน?!
ฮึ่ยๆๆ น่าโมโหซะจริง!
ออกจากจวนรองเสนาบดีแล้ว ชิงอีก็ตรงไปขึ้นรถม้า ส่วนเซียวเจวี๋ยถูกมู่จ้งจิ้นรั้งเอาไว้ก่อน
“เซ่อเจิ้งอ๋อง กระหม่อมขอพูดอะไรสักอย่างได้หรือไม่?”
ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่ามู่จ้งจิ่นมีบางอย่างอยากจะพูดมาตลอด เซียวเจวี๋ยพยักหน้าและเดินตามเขา ซึ่งห่างจากที่เดิมไม่ไกล
มู่จ้งจิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เื่ส่วนพระองค์ของเซ่อเจิ้งอ๋อง กระหม่อมมิบังอาจพูดอะไรได้มากนัก ทว่า ในฐานะบุรุษแล้ว ถึงจะมีบางอย่างที่ต้องทำ แต่ไม่จะไร้ความรับผิดชอบไม่ได้ ในเมื่อท่านอ๋องทรงมีสัญญาอภิเษกสมรสกับองค์หญิงใหญ่ ท่านก็ทรงไม่ควรมีสัมพันธ์อันคลุมเครือกับหญิงอื่น หากท่านทรงทำตัวเช่นนี้ องค์หญิงใหญ่จะเป็เช่นไร จะเอาพระเกียรติของราชวงศ์จะไปไว้ที่ไหน?”
มู่จ้งจิ่นพูดส่วนหนึ่ง แล้วก็เหลือบมองไปที่รถม้า ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “สหายของท่านผู้นั้นมีนิสัยตรงไปตรงมา ทั้งยังเป็แค่สามัญชน หากภายภาคหน้าท่านอ๋องจะให้นางเข้าจวน เช่นนั้นองค์หญิงใหญ่จะเข้ากับนางได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
เซียวเจวี๋ยฟังเงียบๆ จนจบ ผ่านไปนานกว่าที่จะมีรอยยิ้มที่คาดเดาได้ยากปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขามองมู่จ้งจิ่นอย่างมีเลศนัย “ท่านโหวช่างเป็ห่วงเป็ใยองค์หญิงใหญ่เสียจริง”
“ถึงกระหม่อมจะไม่ได้ใกล้ชิดกับนาง แล้วก็ไม่ชอบนางสักเท่าไร มันก็เป็อย่างที่หลายคนบอก นางอาจจะไม่คู่ควรกับท่านอ๋อง แต่ฝ่าามีพระประสงค์ให้อภิเษกสมรส ้าให้นางเป็หวังเฟยในอนาคต” มู่จ้งจิ่นเอ่ยต่อ “ฮองเฮาองค์ก่อนทรงทิ้งนางและองค์รัชทายาทเอาไว้ ข้าเองก็เป็เพียงสามัญชน แม้จะไม่สามารถขัดขวางการตัดสินใจของฮ่องเต้ได้ แต่ก็ไม่อาจเฝ้าดูญาติของตนก้าวเข้ากองไฟได้!”
เซียวเจวี๋ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง และพยักหน้า
“ข้ารู้แล้ว ข้าจะจำสิ่งที่ป๋อหยวนโหวเตือนข้าในวันนี้ก็แล้วกัน”
“ข้าเองก็หวังให้มันเป็เช่นนั้น” หลังจากที่มู่จ้งจิ่นพูดจบ เขาก็เดินกะเผลกออกไป
ภายในรถม้า มีเสียงเจื้อยแจ้วของเ้าแมวอ้วนดังขึ้น
“ลูกพี่ลูกน้องที่โง่เขลาของท่าน ช่างห่วงใยท่านเสียจริง เขากังวลว่าหลังจากแต่งงานแล้ว ท่านจะถูกรังแกหรือไม่? ถึงความกังวลนี้ดูจะเกินไปหน่อย ใครที่ไหนที่จะเป็ศัตรูกับตัวเอง?”
ชิงอีกลอกตาและพูดว่า “ไม่ต้องมายุ่ง”
นางดูเป็คนที่ถูกรังแกง่ายๆ งั้นหรือ?
นี่มันเื่ตลกอะไรกัน ถ้าเซียวเจวี๋ยกล้าพาผู้หญิงกลับจวนมาจริงๆ เกรงว่าเขาคงอยากลองลงไปอยู่ในกระทะน้ำมัน
ไม่มีคำว่าหย่าร้างในพจนานุกรมของนาง มีเพียงแค่คำว่าเป็หม้ายสามีตายไปเท่านั้น
ไม่สิ นี่นางกำลังคิดอะไรอยู่? พ่อหนุ่มนั่นจะพาผู้หญิงเข้าจวนหรือไม่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับนางสักหน่อย นางไม่มีทางแต่งงานกับเขาเด็ดขาด!
ชิงอีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเซียวเจวี๋ยขึ้นรถม้า นางก็กลอกตาใส่และรีบหลับทันที
“อยากได้หมอนไหม?” เซ่อเจิ้งอ๋องถามอย่างจริงใจ
หมอน? ก็ได้นะ
ชิงอีหลับตาลงและล้มตัวลงนอนบนตักของเขา เซียวเจวี๋ยที่กำลังจะหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆ ให้ มือของเขาจึงหยุดอยู่กลางอากาศ ลังเลไปพักหนึ่ง ก่อนจะวางมันลง
ชิงอีทิ้งตัวลงนอนอย่างเป็ธรรมชาติเหลือเกิน ดูเหมือนว่านางจะเป็แบบนี้ตลอด ไม่มีมารยาทและไม่มีสิ่งที่เรียกว่ากำแพงระหว่างชายและหญิง เหมือนกับครั้งแรกที่พวกเขาพบกันในโลกมนุษย์
คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวผู้นี้จะ...
เซียวเจวี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย และรีบสลัดความทรงจำที่พบกันครั้งแรกออกไป อยู่ๆ จะนึกถึงเื่นั้นทำไมกัน
เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็สบตาเข้ากับดวงตาอยากรู้อยากเห็นของเ้าแมว
ดวงตาสีเขียวกลมโตของเ้าแมวอ้วนจ้องพวกเขา แววตาของมันเหมือนกำลังมองดูชายหญิงเล่นชู้กัน
เซียวเจวี๋ยหรี่ตาลง
เมื่อพูดถึงเื่นี้ เ้าแมวอ้วนที่เ้าตัวปัญหาเลี้ยงไว้นี่ ช่างขวางหูขวางตาเสียจริง หาผู้พิพากษาที่หุ่นดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไร กลับเอาแมวตัวหนึ่งที่กินจนกลายเป็หมูมาเป็ผู้พิพากษา
หากมันอยู่ในยมโลก เชื่อว่ากระทั่งยามเฝ้าประตู เขาคงไม่ให้มันเป็ด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่าใครจะเป็ฝ่ายชนะในการต่อสู้ระหว่างแมวกับสุนัข?
เซียวเจวี๋ยก้มหน้าลงมามองคนบนตัก ปลายนิ้วเกี่ยวผมยาวของหญิงสาวแล้วม้วนไปมา
เสี่ยวไป๋อยู่ในจวนทั้งวันคงเบื่อน่าดู ถึงเวลาหาเพื่อนเล่นแล้ว
เ้าแมวอ้วนตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง รู้สึกตลอดว่าในแววตาของชายหนุ่มตรงหน้าที่มองมันนั้นเจือด้วยเจตนาร้าย
