การโจมตีข้างกำแพงเมืองด้วยน้ำมันดำจำนวนมากที่สาดกระจายลงมา พอลูกธนูติดไฟยิงลงไปก็ได้จุดไฟเผาใต้กำแพงเมืองไปทั้งผืน
ทหารที่อยู่ใต้กำแพงเมืองนั้นมีปฏิภาณไหวพริบและมีสายตาแหลมคม เมื่อเห็นบนกำแพงสาดโปรยของเหลวสีดำลงมา จึงเริ่มกระจายกันหลบหนี เหลือทิ้งไว้เพียงรถปะทะเมืองกับทหารปีนบันไดเ่าั้ที่ถูกไฟลุกโหมไหม้กลายเป็เถ้าถ่านไปทั้งหมด
ดวงตาของจากานปาลาโกรธจัดจนเส้นเืฝอยผุดขึ้น ขบฟันแน่นกรอด แทบอยากจะพุ่งออกไปกัดลำคอของหานสี่ที่อยู่บนกำแพงเมืองให้ขาดทันที
องค์ชายสี่ที่ร้ายกาจและมากเล่ห์ผู้นี้ มีแผนการลับชั่วร้ายและกลอุบายไม่รู้จบ วิธีการที่ใช้ออกมาอย่างหนึ่งโเี้กว่าอีกอย่างหนึ่งเสมอ ชายชาตรีบนทุ่งหญ้าที่ยอดเยี่ยมเ่าั้น่าเวทนานัก มาถูกพวกเขาเผาจนกลายเป็เนื้อย่างในคราวเดียว
ดวงตาอามู่เอ่อร์เศร้ารันทด เขายืนอยู่เื้ัของจากานปาลา ทั้งใบหน้าและศีรษะเต็มไปด้วยฝุ่นดิน เคราะห์ร้ายที่ขาม้าศึกของเขาเหยียบน้ำมันดำเข้าหนึ่งข้าง จึงล้มลงอยู่ท่ามกลางเปลวไฟเช่นกัน
ม้าห้าพันตัว มีเพียงที่ถูกน้ำมันดำเผาไปบางส่วนบริเวณครึ่งหนึ่งของด้านหน้ากองทัพ และทหารม้ากับทหารราบที่ถูกไฟคลอกตายกับผู้ที่ได้รับาเ็ก็มีเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น แต่เคลื่อนทัพออกศึกไม่ทันคว้าชัยตัวก็มาตายเสียก่อน โจมตีเมืองกี่ครั้งก็ล้วนถูกทำให้ดินโคลนเต็มทั่วทั้งหัวทั้งตัว รถโยนหินขนาดใหญ่ก็ถูกเผาทำลาย เสบียงทหารและหญ้าเลี้ยงม้าถูกซุ่มโจมตี ขวัญกำลังใจของทหารในค่ายเดิมทีก็ตกต่ำอยู่แล้ว ยิ่งรวมกับครั้งนี้เข้าไปอีก พวกเขากลัวว่าสถานการณ์จะยิ่งเลยเถิดไปกันใหญ่
หานสี่มองทหารศัตรูที่ถูกเผาจนร้องโหยหวนไปทั่วทั้งผืนด้วยความเ็า ในใจไม่มีความสงสารเลยแม้แต่นิดเดียว
ในเมื่อกล้าก่อาขึ้น ก็ต้องยอมรับความเ็ปทรมานของการพ่ายแพ้ด้วยสิ หากวันนี้กำแพงเมืองถงหลินถูกตีแตก เช่นนั้นการร้องโหยหวนเ็ปทรมานคงจะเป็ประชาชนของอาณาจักรต้าสยา เกิดวันหนึ่งตาตาร์ตีกำแพงเมืองแตกได้ก็คงเข้ามาเผา ฆ่า ใช้กำลังยื้อยุดและข่มขืน ก่อกรรมทำชั่วไปหมด ดังนั้นการเห็นใจศัตรูจึงเป็การทำร้ายตนเอง เขาไม่มีทางทำเื่โง่เง่าเช่นนั้นแน่
หลัวจิ่งยืนอยู่ข้างหลังหานสี่ แสดงออกอย่างเฉยเมย ทว่าข้างในดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความสงสาร เขาทนมองโศกนาฏกรรมอันน่าเวทนาไปตรงๆ ไม่ได้เล็กน้อย การยิงเครื่องปั้นดินเผาที่ใส่น้ำมันดำใบใหญ่ทิ้งลงไปเป็วิธีที่เขาคิดออกมาได้ น้ำมันดำก็เป็เขาเช่นกันที่ให้คนไปนำกลับมา ฉากไฟเผาไหม้ลุกโหมช่างน่าสลดใจเกินจะทน เขาละสายตาย้ายออกมามองหลังฝ่าเท้าของตนเอง
หากาเกิดขึ้นมาอีกรอบ เขาก็ยังคงใช้วิธีการเช่นเดิม
หานสี่เอียงศีรษะมองเขาแวบหนึ่ง ในดวงตาประดับไว้ด้วยความขบขันเล็กน้อย เป็หนุ่มน้อยเกินไปแล้ว รอให้วันข้างหน้าเขาผ่านาไปมากๆ ก็จะใจแข็งได้เอง
...ภายในพระตำหนักหย่างซิน ฮ่องเต้หานเซียงพิงอยู่บนเก้าอี้เอนนอนโยกเบาๆ
เก้าอี้เอนนอนนี้เป็จวนกิจการภายในที่ถวายขึ้นมาใหม่ ว่ากันว่าเป็แบบที่นิยมกัน่นี้ในหมู่ประชาชน
สองปีมานี้หานเซียงขมุกขมัวมาโดยตลอด เวลาที่แจ่มใสกระปรี้กระเปร่ามีไม่มาก สองสามวันที่ผ่านมาได้ดื่มสมุนไพรที่ปรุงเข้าคู่กันกับโสมคนขึ้นมาใหม่ ่เวลากระปรี้กระเปร่าของเขาหนึ่งวันก็มากขึ้นกว่าอีกหนึ่งวันเลยทีเดียว
วันนี้ นับจากตื่นขึ้นมาแต่เช้า ล่วงเลยมาจนเกือบถึงเวลากลางวัน เขาไม่รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเลยแม้แต่น้อย
“ฝ่าา ถึงเวลาเสวยพระโอรสแล้วเพคะ” ฉีกุ้ยเฟยยกถ้วยยาเข้ามาอย่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
หานเซียงมองนางแวบหนึ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความอาลัยรัก นางเฝ้าอยู่ข้างกายเขามาโดยตลอด เขาจดจำความรู้สึกที่ไม่ละทิ้งจากไปไหนของนางได้
“ฝ่าา เคราะห์ดีที่ได้โสมคนที่ฮูหยินสกุลกู้ถวายขึ้นมาครั้งนี้ ท่านดูสิ กำลังวังชาของท่านล้วนดีขึ้นอย่างมากเลยเพคะ”
ฉีกุ้ยเฟยให้คนรับใช้ในวังออกไป และนั่งลงข้างกายหานเซียง ในดวงตามีน้ำตาคลอหน่วยพร้อมกระซิบเล่าเสียงเบา
หานเซียงพยักหน้าเล็กน้อย แสดงออกว่ารับรู้ รอให้เขาหายดีแล้ว เขาย่อมปูนบำเหน็จให้อย่างเหมาะสมด้วยตนเองแน่นอน เขาไม่ได้พูดมานานเกินไป เส้นเสียงจึงได้รับความเสียหายอยู่บ้าง ยังต้องบำรุงรักษาอยู่อีกหลายวันจึงจะเปล่งเสียงออกมาได้
ฉีกุ้ยเฟยป้อนยาสมุนไพรให้เขาไปพลาง กล่าวบรรยายด้วยเสียงบางเบาอ่อนโยนไปพลาง นางกล่าวเื่ราวเล็กน้อยที่เกิดขึ้นใน่นี้ แน่นอนว่าเื่ความวุ่นวายอันเกิดจากภัยาฝั่งกำแพงเมืองที่อาจจะทำให้เกิดความทุกข์ใจเช่นนี้ นางไม่มีทางกล่าวออกมาอย่างแน่นอน
ข่าวการฟื้นสติของฮ่องเต้ได้ทำให้ทั่วทั้งเมืองหลวงตกตะลึง
...ภายในพระตำหนักขององค์ไท่จื่อ กลางพระตำหนักทุกอย่างดูแวววาวเหลืองอร่าม
องค์ไท่จื่อหานเซี่ยนพลิกโต๊ะไม้หนานมู่เนื้อทอง [1] คว่ำกระเด็น แผ่นกระดาษสอบสวนคดีเกลื่อนกลาดบนพื้นไปชั่วขณะ
กลางพระตำหนัก นายทหารผู้ช่วยในกองบัญชาการและขุนนางไม่กี่คนคุกเข่าอยู่ที่พื้น
“ไอ้แก่ตายยากตายเย็นนัก ไม่ใช่บอกว่าใกล้จะหมดลมหายใจแล้วหรือ? เหตุใดฟื้นขึ้นมาได้อีก? ฮะ!”
เสียงตวาดคำรามสุดท้าย เต็มไปด้วยด้วยความโมโห
“ฝ่าาโปรดระงับโทสะ จากสายข่าวภายในรายงานมา ไม่รู้ว่าฉีกุ้ยเฟยได้โสมคนชั้นยอดมาจากที่ไหน มีประสิทธิภาพอย่างมาก พอท่านหมอเทวดาจางปรุงโอสถให้เสวยสามวัน กำลังวังชาของฮ่องเต้ก็ดีขึ้นกว่าเก่าก่อนเป็อย่างมากพ่ะย่ะค่ะ” นายทหารผู้หนึ่งรายงานด้วยความระมัดระวัง
“โสมคนชั้นยอด? นังหญิงชั้นต่ำนั่นเอามาจากไหนกัน? รีบไปสืบเดี๋ยวนี้! กล้าเป็อริกับเปิ่นกง เปิ่นกงจะให้มันได้ตายอย่างไร้ศพทั้งร่าง!” ั์ตาครึ้มเย็นเยือกของหานเซี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงขีดสุด
“รับบัญชา กระหม่อมจะส่งคนไปสืบทันที”
...จวนสกุลกู้ ภายในเฮ่อเหยียนถัง
อันซื่อกับหญิงชราแห่งสกุลกู้ไล่สาวรับใช้ออกไปและพูดคุยกันอยู่ที่โถงกว้างโล่ง
“ท่านแม่ สามวันก่อน ฮ่องเต้ทรงเสวยโอสถสมุนไพรใส่โสมคนลงไปสองเทียบก็ฟื้นสติขึ้นมาแล้ว วันนี้เป็วันที่สาม ได้ยินว่าเมื่อวานได้สติดีอยู่ครึ่งค่อนวันทั้งยังไม่นอนหลับใหลแล้วด้วยเ้าค่ะ” ทั่วทั้งใบหน้าอันซื่อเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ หากฮ่องเต้หายเป็ปกติได้ คุณความดีของสมุนไพรที่จวนสกุลกู้ถวายไปย่อมใหญ่หลวงเป็แน่
“อื้ม นี่เป็เื่ดี โสมคนสองต้นนั้นไม่รู้ว่าประสิทธิผลท้ายที่สุดจะเป็เช่นไร ตอนนี้ยังไม่เหมาะให้พวกเราเปิดเผยออกไป ทางองค์ไท่จื่อไม่ใช่ผู้ที่จัดการง่ายเลย หากให้พวกเขารู้เข้าว่าวัตถุดิบสมุนไพรเป็จวนสกุลกู้ถวายขึ้นไป เกรงว่าจะก่อให้เกิดเื่ราววุ่นวายใหญ่โตขึ้นได้” หญิงชราจวนสกุลกู้พิจารณารอบด้าน พระประชวรของฮ่องเต้ยังไม่หายเป็ปกติดี เื่นี้ไม่ควรเปิดเผยออกไปอย่างเด็ดขาด
อันซื่อรีบพยักหน้า องค์ไท่จื่อกับฮองเฮามีอำนาจอยู่ไปทั่วทุกที่ การกระทำของพวกนางจำเป็ต้องระมัดระวังให้มาก
“ท่านแม่ ท่านโปรดวางใจ กงกงเฉา [2] ส่งคนสนิทไปรับโสมคนที่หอจู่เสียน ขอแค่ทางฉีกุ้ยเฟยไม่เผยแพร่ ทางเราก็ไม่มีทางรั่วไหลอย่างแน่นอนเ้าค่ะ”
“อื้ม เช่นนั้นก็ดี หากพระประชวรของฮ่องเต้กลับมาดีขึ้น ล้วนเป็เื่ดีทั้งต่ออาณาจักรและต่อประชาชน องค์ไท่จื่อนิสัยดุร้าย ทางครอบครัวพระชายาก็เที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่ ้าให้เขารีบาาภิเษกขึ้นกุมอำนาจ กลุ่มจวนสกุลกู้ที่ใสสะอาดไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ย่อมไม่ได้รับผลดีอย่างแน่นอน” ฮูหยินชราสกุลกู้เคยผ่านการผลัดเปลี่ยนอำนาจทางการเมืองมาสองรัชสมัยแล้ว เคยเห็นสิ่งสังเวยของการแก่งแย่งชิงอำนาจขึ้นเป็ฮ่องเต้มามาก
อันซื่อพยักหน้าอย่างระมัดระวัง
“เหตุใดฉีเอ่อร์ยังไม่ถึงเมืองหลวงเสียที?” ฮูหยินชราที่เป็ใหญ่ที่สุดในจวนสกุลกู้ ตอนนี้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ทานอิ่มนอนหลับ เส้นผมสีขาวและจุดกระดำกระด่างของคนวัยชราน้อยลงไปอย่างมาก
นางรู้ดี นี่เป็ประสิทธิภาพจากวัตถุดิบอาหารของหมู่บ้านแห่งนั้น ไม่กี่ปีมานี้ทางด้านเอ้อโจวส่งมอบวัตถุดิบอาหารมาให้โดยไม่เคยขาด่ ส่วนใหญ่จะเป็กระต่ายกับไก่บ้าน ก่อนปีใหม่มักเชือดหมู่หนึ่งถึงสองตัวแล้วใช้น้ำแข็งกดอัดไว้ เพื่อส่งมาถึงยังเมืองหลวง เทศกาลปีใหม่จีนใน่ปกติจะส่งอาหารที่มีเฉพาะท้องถิ่นมาให้อย่างข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว... หลังผ่านการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงไปก็จะส่งสิ่งของจำพวกผลไม้ รากบัวและอื่นๆ มาให้
วัตถุดิบอาหารเหล่านี้ ล้วนส่งมายังลานบ้านจวนสกุลกู้ กู้ฉีก็จะแบ่งออกเป็ส่วนต่างๆ มอบไปทั่วอีกที แน่นอนว่ามอบให้มากที่สุดเห็นจะเป็เฮ่อเหยียนถังของนางแล้ว ด้วยเหตุนี้นางจึงได้รับประโยชน์จากเด็กผู้นั้นเป็อย่างมาก ร่างกายของนางในตอนนี้ดีจนทำให้ท่านหมอหลวงตกตะลึงไม่น้อยเลยทีเดียว
“บนถนนหนทางขณะนี้ไม่ค่อยสงบ อาจต้องล่าช้าอยู่สองหรือสามวันกระมังเ้าคะ” กล่าวถึงกู้ฉี อันซื่อก็เริ่มร้อนใจขึ้น
“เฮ้อ อวี่เวยเด็กสาวผู้นั้น เหตุใดคิดอยากไปเอ้อโจวกะทันหันกันนะ เด็กสองคนนี้ไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดีเลยจริงๆ เื่ของพวกเขาสองคน เ้าคิดอย่างไรหรือ?” กู้ฉีอายุสิบเก้าปีแล้ว ยังไม่สามารถกำหนดเื่แต่งงานที่แน่นอนได้เลย ทั้งจวนสกุลกู้ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างลับๆ ฮูหยินชราสกุลกู้ก็เคยถามกู้ฉีไปอย่างนิ่มนวลอยู่หลายครั้งเช่นกัน แต่เด็กผู้นั้นหากไม่ใช่หลบเลี่ยงและไม่ตอบ ก็เป็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเสียดื้อๆ
อันซื่อแสดงใบหน้ายิ้มแย้มอย่างขมฝาดออกมา นางจะคิดอย่างไรได้ หากกู้ฉีดื้อรั้นขึ้นมา วัวสิบตัวก็ดึงเขาไม่ขยับ
“ท่านแม่ เื่ของฉีเอ่อร์ ข้าเคยถามเขาไม่หยุดอยู่ครั้งหนึ่ง แต่เขา... ท่านก็น่าจะทราบดี ั้แ่เด็กเป็เพราะการเจ็บป่วย ข้าอดรักและสงสารเขาไปหน่อยไม่ได้ นิสัยของเขาจึง... เฮ้อ หากเขาไม่ชอบ ข้าก็ใช้กำลังบีบบังคับเขาให้แต่งงานไม่ได้กระมังเ้าคะ”
ฮูหยินชราสกุลกู้ก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน “ช่างเถิด แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นไม่หวาน [3] รอเขากลับมาค่อยคิดเถอะ”
อันซื่อพยักหน้า
...โหยวอวี่เวยนั่งอยู่บนรถม้าเรียนรู้เชือกถัก [4] กับเมอเมอหวัง
าแบนไหล่ของนางตอนนี้เริ่มออกอาการคันเล็กน้อย นอนจนเบื่อหน่ายเหลือจะทน อีกทั้งเล่อเล่อก็ไม่อยู่ภายในรถม้าของนางอีก นางจึงทำได้เพียงหาเื่อื่นให้ตัวเองทำเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลาว่างเท่านั้น
ความเร็วของรถม้าไม่ช้าและไม่เร็ว เคลื่อนไปเรื่อยๆ บนถนนทางการอย่างคงที่
ครั้งก่อนที่ได้พบกับโจรูเา องครักษ์ของกู้ฉีาเ็ไปสามคน ม้าถูกธนูยิงตายไปห้าตัว องครักษ์ของโหยวอวี่เวยาเ็ไปสองคนและสูญเสียม้าไปสามตัว
โจรูเาที่จับเป็มีจำนวนสิบแปดคน ที่ฟันทิ้งไปเป็จำนวนเจ็ดสิบกว่าคน ไม่พบว่ามีผู้ที่หนีรอดไปได้
โจรูเาที่จับกุมมาได้คุมตัวไปมอบให้ถึงศาลาว่าการของเมืองซงไถ ส่วนโจรูเาที่ถูกฟันทิ้ง เ้าหน้าที่ทางการได้ส่งคนไปเก็บกวาดศพเรียบร้อย
อาจเป็เพราะฐานะพิเศษของกู้ฉี ศาลาว่าการของเมืองซงไถจึงจัดการเื่ได้มีประสิทธิภาพสูงมาก วันต่อมาก็ทำการไต่สวนพวกโจรูเาและตัดสินโทษติดคุกทันที เพื่อจัดการสิ่งที่เป็ประโยชน์ต่อประชาชนบริเวณใกล้เคียง
สภาพอาการาเ็ขององครักษ์ห้าคนไม่นับว่าหนักมาก าแพันไว้อย่างเรียบร้อยเป็ระเบียบ และติดตามเดินทางไปด้วยพร้อมกัน
“เอ๋ โหยวซาน นี่ใกล้ถึงอำเภออันไถแล้วใช่หรือไม่?” โหยวอวี่เวยเห็นทิวทัศน์ที่คุ้นเคยจากช่องหน้าต่างรถม้า จึงรีบถามไปทางโหยวซานที่เร่งรถม้าทันที
“ขอรับ คุณหนู อีกหนึ่งชั่วยามก็จะถึงอำเภออันไถแล้ว คุณชายสกุลกู้บอกว่าเย็นนี้พวกเราจะหยุดพักเหนื่อยกันที่อำเภออันไถขอรับ” โหยวซานตอบอย่างนอบน้อม
โหยวอวี่เวยดวงตาเป็ประกาย จิตใจเปลี่ยนมาสว่างไสวทันที
อำเภออันไถเป็หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงด้านว่าวในอาณาจักรต้าสยา ว่าวที่ทำขึ้นมามีหลากหลายชนิด รูปแบบสวยงาม ประดิษฐ์ขึ้นมาได้อย่างประณีตยิ่ง
บนถนนตอนขามาของโหยวอวี่เวย ได้ยินชื่อเสียงของว่าวมาบ้าง แต่ในตอนนั้นจิตใจของนางกำลังตกต่ำอยู่ เลยไม่ได้สนใจต่อเื่ภายนอก ผนวกกับเร่งรีบเดินทางอีกด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเวลาหยุดพักไปเดินเล่น
ครั้งนี้ได้พักอยู่อำเภออันไถหนึ่งคืน นางต้องออกไปเดินเล่นให้ได้ โหยวอวี่เวยยิ้มกว้างจนดวงตาหยี
ตอนนี้พวกเขาห่างจากเมืองหลวงประมาณสี่ถึงห้าวันเห็นจะได้ คนสัญจรไปมาและกลุ่มพ่อค้าเดินทางที่อยู่บนถนนทางการเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทิศทางที่เริ่มเข้าใกล้กับเมืองหลวง สถานการณ์บ้านเมืองค่อนข้างมั่นคงอยู่มาก อย่างไรเสียก็มีกองกำลังประจำการปกป้องอยู่ละแวกเมืองหลวงตลอดทั้งปี โจรูเาที่ดักปล้นทำผิดกฎหมายไม่กล้าเข้าสู่พื้นที่อันทรงอิทธิพลของกองกำลังรักษาเมืองแน่นอน
จนกระทั่งเข้าสู่ประตูเมืองอำเภออันไถ ดวงตะวันเพิ่งลาลับลงไปหลังูเา หน้าร้านของสองฝั่งถนนสายหลักยังคงมีคนผ่านไปมาอย่างเช่นเคย
กลุ่มขบวนของพวกเขาหาโรงเตี๊ยมเข้าพักอาศัยร้านหนึ่งอยู่ด้านหลังของถนนหลักอย่างคุ้นเคยเป็อย่างดี
โหยวอวี่เวยล้างหน้าให้สะอาดอยู่ในห้องของตนเอง เสร็จแล้วลากจื่อยู่ออกมา คิดจะไปเดินเล่นในตลาด
กู้ฉีเหมาลานที่พักไว้ทั้งหมด ห้องของเขาอยู่ตรงข้ามกับห้องของโหยวอวี่เวย ทุกการกระทำของนาง กู้ฉีล้วนสามารถเห็นจากช่องหน้าต่างฉลุลายที่แง้มไว้ครึ่งหนึ่งได้ทั้งสิ้น
“อวี่เวย สีท้องฟ้ามืดค่ำแล้ว ตลาดล้วนซาแล้ว เ้าไปเวลานี้ก็ไม่มีอะไรให้น่าเดิน”
กู้ฉีเดินออกมาจากในห้อง พยายามกล่าวโน้มน้าว
“ดวงตะวันเพิ่งลาลับลงเขาไปเอง คนสัญจรบนถนนยังค่อนข้างมากอยู่เลย พี่ห้า อำเภออันไถเป็หมู่บ้านที่โดดเด่นเื่ว่าว ข้าไปเดินเล่นบนถนนหลัก ซื้อว่าวกลับไปสักสองสามตัวไม่นานก็กลับมาแล้ว ให้ข้าไปเถอะนะ?” โหยวอวี่เวยเดินเข้ามาใกล้เขา มือขวาดึงแขนเสื้อของเขาแกว่งเบาๆ
ในดวงตาสีดำของโหยวอวี่เวยประดับไว้ด้วยรอยยิ้มเอาใจ เม้มริมฝีปากบางสีชมพู บนใบหน้าแสดงการขอร้องอย่างสุดกำลัง
กู้ฉีมองไหล่ซ้ายที่ตกลงของนางเล็กน้อย ในดวงตาเคร่งขรึมเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนและความสงสาร
“ได้”
“เย้” บนใบหน้าของโหยวอวี่เวยสว่างไสวขึ้นมาทันที “จื่อยู่ พวกเราไปซื้อว่าวกัน”
ริมฝีปากของกู้ฉีโค้งยิ้มขึ้นจางๆ อย่างไม่รู้ตัว นางมักเป็เช่นนี้อยู่เสมอ ขอแค่รับปากนางเล็กๆ น้อยๆ นางก็ตื่นเต้นดีอกดีใจได้ไปครึ่งวันแล้ว
เชิงอรรถ
[1] หนานมู่เนื้อทอง คือ ไม่เก่าแก่หายาก มีราคาสูงและโด่งดัง เพราะเมื่อนำไปขัดเกลาเนื้อไม้จะมีสีทองระยิบระยับ ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็ต้นไม้นำโชคลาภและสิ่งดีๆ มาสู่บ้าน
[2] กงกงเฉา คือ ขันทีที่มีแซ่ว่าเฉา
[3] แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นไม่หวาน หมายถึง การกระทำอะไรโดยฝืนใจอีกฝ่าย ย่อมได้รับผลลัพธ์ไม่ดี
[4] เชือกถัก คือ ศิลปะการถักเชือกของจีน เป็งานหัตถกรรมเฉพาะของจีนที่มีความเป็เอกลักษณ์ โดยจุดเด่นที่สุดของการถักคือ เชือกถักทุกอันจะใช้ด้ายเพียงเส้นเดียวั้แ่เริ่มต้นจนจบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้