หนึ่งวันต่อมา ความช่วยเหลือของสำนักนิกายต่างๆ ก็ทยอยกันมาถึง ทำการต่อสู้กับชนเผ่าสมุทรซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อคนของเหล่าสำนักนิกายกำลังใกล้จะทลายฝ่าแนววงล้อมของชนเผ่าสมุทรสำเร็จ กำลังเสริมของชนเผ่าสมุทรก็เร่งรุดมาถึงแล้ว ดังนั้นจึงกลายเป็การต่อสู้อันดุเดือดเืพล่านอีกรอบหนึ่ง
สุดท้าย ชนเผ่าสมุทรก็ขับไล่พวกที่มาช่วยเหลือสำนักนิกายต่างๆ ไปอยู่บนเกาะ ผู้คนบนเกาะยิ่งรวมตัวกัน จำนวนคนยิ่งมากขึ้น รอบนอกเกาะชนเผ่าสมุทรก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ทุกวันก็มีคนที่มาช่วยเหลือทยอยกันมาถึง ชนเผ่าสมุทรก็มีกองกำลังใหม่เร่งรุดมาเพิ่มเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายยื้อกันไปยื้อกันมา เ้าพุ่งถลันมา ข้ารีบเร่งทะยาน น่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้แทบเป็สีแดงฉานไปด้วยโลหิต ซากศพของชนเผ่าสมุทรลอยอยู่ทุกแห่งหน ศพมนุษย์พอตกลงไปในมหาสมุทรก็ถูกสัตว์ทะเลกัดกินเป็อาหารทันที
จวบจนกระทั่งยอดฝีมือแห่งสำนักเบญจพิษเร่งรุดมาถึง คนผู้นั้นคือตัวประหลาดเฒ่าจักรพรรดิาของสำนักเบญจพิษ เนื่องจากได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากหลาน ภายใต้ความร้อนอกร้อนใจ นำคนเข้ามาจากนอกสถานพำนักของคุนเผิง รีบเร่งเดินทางมาถึง ถึงแม้พลังการต่อสู้ของตัวประหลาดเฒ่าจะถูกสะกดอยู่ใน่ราชันาระดับต้น แต่ทักษะการใช้พิษช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่ง มิทราบว่าเขาโยนพิษใดลงในน่านน้ำมหาสมุทรรอบนอกเกาะ ชนเผ่าสมุทรถูกฆ่าตายและาเ็มากมายนับมิถ้วนในทันที ศิษย์แต่ละสำนักนิกายตะลุยเข่นฆ่าในรวดเดียว ฆ่าสังหารั้แ่รุ่งอรุณจรดฟ้ามืดค่ำ สุดท้ายก็พาผู้รอดชีวิตกว่าห้าร้อยคนออกจากเกาะนี้ไป
ฝ่ายหนึ่งโจมตี อีกฝ่ายรักษาที่มั่น ลูกศิษย์ชั้นยอดของแต่ละสำนักนิกายเผชิญหน้ากับชนเผ่าสมุทรเกือบครึ่งเดือน เผ่ามนุษย์มีผู้เสียชีวิตและาเ็มากกว่าพันคน ชนเผ่าสมุทรเสียชีวิตนับหมื่นคน กองกำลังของทั้งสองฝ่ายล้วนเกิดการสูญเสีย
ตู้เยว่ิพาศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานหนีออกไป แม้ว่าหลายคนได้รับาเ็สาหัสหลายครั้ง แต่โชคดีที่ได้ราชันโอสถหลายต้นจากบนเกาะ อาการาเ็บรรเทาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังทำให้พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้มีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น
สิ่งเดียวที่ทำให้ตู้เยว่ิรู้สึกกังวลก็คือจ้านอู๋มิ่ง หลังผ่านการต่อสู้อย่างหนักมากว่าครึ่งเดือน พวกเขาค้นหาจนทั่วทุกซอกทุกมุมบนเกาะนี้แล้ว ยังคงไม่มีแม้แต่เงาของจ้านอู๋มิ่ง พวกเขาสงสัยว่าจ้านอู๋มิ่งออกจากเกาะไปเนิ่นนานแล้ว เพราะบนเกาะนี้ไม่มีคู่ต่อสู้ที่สามารถคุกคามจ้านอู๋มิ่งได้ สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งบนเกาะถูกชนเผ่าสมุทรสังหารหมดสิ้นไปนานแล้ว
ดังนั้น ตู้เยว่ิได้แต่พาทุกคนถอนตัวออกจากเกาะไป เป้าหมายของพวกเขาคือถ้ำของคุนเผิง ที่แห่งนั้นจึงเป็ศูนย์กลางสถานที่พำนักของคุนเผิง โอกาสและวาสนาของพวกเขาอยู่ที่นั่น
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ เกาะนี้แทบจะถูกพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ชนิดต่างๆ กวาดล้างไปรอบหนึ่ง เต็มไปด้วยร่องรอยสับสนยุ่งเหยิง
……
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายนอกไม่มีผลกระทบต่อจ้านอู๋มิ่ง ถึงแม้ว่าทะเลสาบแห่งนี้จะได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ด้วยความที่ทะเลสาบลึกมากเกินไป จ้านอู๋มิ่งจมอยู่ก้นทะเลสาบตลอดมา ไม่ทราบแม้แต่น้อยว่าข้างบนเกิดอะไรขึ้น
จ้านอู๋มิ่งหมกมุ่นอยู่กับกระบวนการกลั่นตัว ควบแน่นพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ ไม่รู้สึกถึงกาลเวลาที่ผ่านเลยไป
ราชันาหกดาว! จ้านอู๋มิ่งควบแน่นพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา รากฐานที่ลอยตัวอยู่บ้างในตอนแรกเริ่มเสถียรมั่นคงยิ่ง เมื่อระดับการบ่มเพาะของเขาลดลงเหลือขั้นราชันาระดับหกดาว หลังจากนั้นอีกมินาน รู้สึกตัวหนักขึ้นบ้างแล้ว
ราชันาห้าดาว! หากมีใครมาเห็นสถานการณ์ของจ้านอู๋มิ่งในเวลานี้ จะต้องใจนกรามล่างตกลงไปอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่มีผู้ใดสามารถทำได้เช่นจ้านอู๋มิ่ง กลับทำให้ขอบเขตฐานบ่มเพาะที่ทะลุทะลวงสูงขึ้นไป ลดระดับขอบเขตลงมาทีละขั้นๆ
ต่อให้เป็อาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ นักบ่มเพาะพลังธาตุปฐมภูมิก็ทำได้แต่บีบอัดในขอบเขตระดับเดียวกัน ควบแน่นพลังแก่นแท้จิติญญาให้มีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เวลาทะลวงด่านสามารถทะลวงขอบเขตที่สูงมากยิ่งขึ้น ไม่เคยมีใครสามารถบีบอัดพลังแก่นแท้จิติญญาให้ถอยกลับต่ำลงมาขั้นหนึ่ง นั่นเป็การกระทำที่ขัดต่อกฎเกณฑ์ของการบ่มเพาะนั่นเอง
ขอบเขตการบ่มเพาะลดลง ความเป็ไปได้มากที่สุดก็คือร่างกายได้รับาเ็สาหัส ถูกธาตุไฟเข้าแทรก เส้นชีพจรฉีกขาดเสียหาย…ใต้หล้าจะมีคนโง่เขลาที่ไหนทำเื่ที่ทำให้ตนเองาเ็เช่นนี้บ้าง?
ทว่าจ้านอู๋มิ่งคนโง่เขลาผู้นี้กำลังทำอยู่ ระหว่างขั้นตอนการลดลงของขอบเขตไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าพลังของเขาลดทอนลง ในทางกลับกัน กลับรู้สึกได้ว่าพลังของตนควบแน่นแข็งแกร่งกว่าตอนบรรลุราชันาเจ็ดดาวเสียอีก และแล้วจ้านอู๋มิ่งคนโง่เขลาผู้แข็งแกร่งก็ทำให้ขอบเขตฐานบ่มเพาะของตนลดระดับลงอีก…
ขณะที่ลดถึงระดับราชันาสี่ดาว จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่า ร่างกายตนเองเกิดการเปลี่ยนแปลงที่บรรยายมิถูกขึ้นมาแล้ว ไขกระดูกที่ไม่สามารถบรรลุความสมบูรณ์ตลอดมาก็แปรเปลี่ยนขึ้นมาด้วย มิเพียงเท่านี้ โลหิตทั่วทั้งร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วเช่นกัน
ราชันาสามดาว! จ้านอู๋มิ่งสูดลมหายใจลึกๆ คำหนึ่ง ร่างกายเหมือนดั่งเกิดการผลัดเปลี่ยนร่าง แก่นโลหิต พลังปราณ จิตสมาธิถูกหลอมรวมเข้าเป็หนึ่งเดียวในชั่วพริบตา กลายเป็หนึ่งเดียวของร่างกายโดยรวมกันอย่างกลมกลืน
ราชันาสองดาว! จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่าโลหิตหนักแน่นราวกับปรอท ทุกหยาดหยดเปี่ยมพลังและชีวิตชีวา เขาทราบว่าไขกระดูกของตนบรรลุขอบเขตสมบูรณ์แบบแล้ว เข้าสู่ขอบเขตการเปลี่ยนโลหิตอย่างเป็ทางการ จ้านอู๋มิ่งเข้าสู่ระดับกลางของขอบเขตการฝึกฌานซ่อมแซมชีวิตแล้ว ในระดับขอบเขตนี้ พลังกายเนื้อสามารถเพิ่มพูนขึ้นเป็สิบเท่า แม้แต่จักรพรรดิาคิดจะลงมือสังหารตนก็ไม่ง่ายเช่นนั้นแล้ว
แต่ว่า จ้านอู๋มิ่งมิได้พึงพอใจเพียงแค่นี้ ถึงแม้ว่าระดับขอบเขตของตนจะลดลงเรื่อยๆ ตลอดเวลา แต่เขาหวังว่าฐานบ่มเพาะของตนจะลดลงต่ำกว่าราชันา เนื่องจากเขาไม่้าพลาดโอกาสเข้าสู่อาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนเลยจริงๆ ความทรงจำ่ที่เพิ่งฟื้นตื่นขึ้นบอกให้เขาทราบว่าอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนเป็ห่วงโซ่ที่สำคัญข้อหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตย้อนทวนฟ้าของตน
“ตูมมม…” จ้านอู๋มิ่งรู้สึกจิตสมาธิสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ในที่สุดฐานการบ่มเพาะก็ลดระดับลงอีกครั้ง กลับคืนสู่ระดับปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุด การบีบอัดพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ก่อให้เกิดผลสะท้อนกลับอย่างรุนแรง ทำให้เขาอดไม่ได้ ต้องกระอักพ่นโลหิตคำใหญ่ออกมาอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากอาเจียนออกมาเป็โลหิตจำนวนมากแล้ว จ้านอู๋มิ่งกลับรู้สึกร่างกายกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้น เขาััได้ชัดเจนว่าหลังจากเสียเืที่มีอยู่เดิมไป ไขกระดูกก็สร้างเืขึ้นมาใหม่ทันที เืที่สร้างขึ้นใหม่เหมือนปรอทก็มิปาน อวัยวะภายในของตนในระหว่างกระบวนการขับเืเก่าและสร้างเืใหม่ก็อัดแน่นด้วยพลังเหนือธรรมชาติตลอดเวลา หล่อเลี้ยงให้เกิดความชุ่มชื้น แปรเปลี่ยนเป็แข็งแกร่งสุดจะเปรียบปาน
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกอย่างชัดเจนว่า ไม่ใช่แค่กายเนื้อของตนที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาภายในร่างกายก็สมบูรณ์ขึ้นมากมายยิ่ง เขาััว่าตนเองมิได้ลดระดับขอบเขตการบ่มเพาะลงอย่างแท้จริง ตราบใดขอเพียงเขา้า เขาก็สามารถหวนกลับคืนสู่ขั้นราชันาเจ็ดดาวได้ตลอดเวลา เพียงแค่ปล่อยพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ที่ถูกบีบอัดเ่าั้ออกมา ตอนนี้เขาจึงรู้สึกถึงข้อดีของการเก็บกักพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ผ่านเส้นชีพจรทั่วร่างกาย เทียบเท่ากับตนมีจุดตันเถียนมากมายหลายแห่ง สามารถเก็บกักพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ได้มากขึ้นพร้อมๆ กัน
หากพูดว่าพลังของจ้านอู๋มิ่งในอดีตเปรียบเสมือนการตีคนด้วยก้อนสำลี ยามนี้กลับกลายเป็การใช้ท่อนไม้ตีคน เขายังสามารถบีบอัดพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ต่อไปได้อีก แต่ตอนนี้ดูคล้ายว่าจะไม่มีความจำเป็แต่อย่างใด ขอเพียงเขาสามารถดำรงอยู่ต่ำกว่าขั้นราชันาก็ใช้ได้แล้ว
จ้านอู๋มิ่งบีบอัดพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ ครึ่งหนึ่งดำรงอยู่ในรูปแบบพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตา ครึ่งหนึ่งดำรงอยู่ในรูปของพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ และในสายตาของคนนอก เขายังคงเป็นักบ่มเพาะปรมาจารย์นักยุทธ์เก้าดาวผู้นั้น เพียงแต่ร่างกายแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์นักยุทธ์เก้าดาวทั่วไปมากมายนัก แล้วยังสามารถปกปิดฐานการบ่มเพาะพลังจิติญญาการต่อสู้ของตนได้อีกด้วย
จ้านอู๋มิ่งค่อยๆ กระจายพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาในแต่ละเส้นชีพจร เขารู้สึกว่าตนมีพลังอนันต์ ไร้ที่สิ้นสุดในร่างกายตน เขาเชื่อมั่นว่าถ้าเจอกับองค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรอีกครั้ง แค่ชกหมัดเดียวก็สามารถทุบเขาจนเสียชีวิต
เวลานี้ยังมิใช่เวลาที่จ้านอู๋มิ่งจะแสดงความแข็งแกร่ง เป้าหมายของเขาคือสิบราชันพั่วเหยียน ในเมื่อคนเหล่านี้ได้ระบุเขาเป็เป้าหมาย ดังนั้น เขาก็จะทำให้คนเ่าั้พบกับความประหลาดใจ
นึกถึงตรงนี้ จ้านอู๋มิ่งพลันหัวเราะแล้ว เขาพึมพำว่า “คนเหล่านี้สามารถเป็ราชันในหมู่ราชันาของแผ่นดินได้ คิดว่าฐานะทางครอบครัวคงร่ำรวยมั่งคั่งมากนัก พี่ชายชอบปล้นชิงคนร่ำรวยมากที่สุดแล้ว!”
……
“เป็ไปไม่ได้ กลิ่นอายจิติญญาปฐมภูมิมุ่งชี้มาทิศทางนี้ จ้านอู๋มิ่งจะต้องอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้อย่างแน่นอน หรือว่ามีความลึกลับใดอยู่ในทะเลสาบนี้แห่งนี้?” นอกทะเลสาบที่จ้านอู๋มิ่งดำดิ่งลงไป ชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนเงียบๆ บนคลื่นสีเขียว เหมือนใบไม้ชิ้นหนึ่ง พลิ้วไหวขึ้นลงไปมาพร้อมคลื่น แต่กลับยืนสงบนิ่งมั่นคงยิ่งนัก
บุคคลผู้นี้ก็คือราชันสัตว์ร้าย เฉวียนหรูเซิน เขารีบเร่งมาถึงบริเวณใกล้เคียงเนิ่นนานแล้ว เฝ้าดูาระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์กับเผ่าพันธุ์สมุทรบนเกาะแห่งนี้ด้วยสายตาเ็าตลอดมา เขาไม่ได้ลงมือ แน่นอน สำหรับเผ่าสมุทรที่หลงมาคนเดียว เขาก็ไม่ปล่อยเช่นกัน แต่ว่าเขาไม่ได้พบกับตู้เยว่ิและคนอื่นๆ เพราะว่าเป้าหมายของเขาคือจ้านอู๋มิ่ง
เขารู้สึกได้ว่ากลิ่นอายจิติญญาปฐมภูมิที่เขาทิ้งไว้บนร่างจ้านอู๋มิ่งนั้นอยู่บนเกาะแห่งนี้ คราแรกเขาคิดว่าจ้านอู๋มิ่งติดอยู่บนเกาะพร้อมกับสหายของเขา ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ลงมือช่วยเหลือ การตายของจ้านอู๋มิ่งสำหรับเขาแล้วเป็การหลุดพ้นจากทุกข์อย่างหนึ่ง
วันนั้น หลังจากที่เขารีบเร่งไปถึงเมืองวันสิ้นโลกและเข้าร่วมกับสำนัก ั้แ่ครั้งแรกที่เห็นจ้านอู๋มิ่ง เขาก็เชื่อคำพูดของชายชราแล้ว เด็กคนนี้คือตัวแปรผู้หนึ่ง เขาไม่เคยสงสัยศาสตร์แห่งจำนวนตัวเลขชีวิตของชายชราผู้นั้นเลย ถ้ามิใช่เพราะผู้เฒ่าเป็ผู้ดูดวงชะตา ทำนายโชคลาภให้ เป็ไปไม่ได้ที่สิบราชันจะหาสถานที่ซ่อนอันลึกลับในอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนสำเร็จ
หากมิมีชายชราเปลี่ยนชะตาชีวิตให้พวกเขา เป็ไปไม่ได้ที่เขาจะมีพร์และความสามารถอันน่าทึ่งเช่นนี้ กลายเป็ดวงชะตาที่มีธาตุแห่งชีวิตเพียงหนึ่งชนิดที่หายากในใต้หล้า มิอาจดำรงตำแหน่งดังเช่นที่เป็อยู่ มิอาจกลายเป็ราชันสัตว์ร้ายในราชันทั้งสิบของทวีป
ชะตาชีวิตของจ้านอู๋มิ่งกลับเป็ดวงชะตาดาววิบัติฟ้าเจ็ดพิฆาต จะต้องทำลายธาตุแห่งชีวิตทั้งเจ็ดจนวิบัติอย่างแน่นอน ธาตุแห่งชีวิตหนึ่งเดียวของตนก็คือธาตุดินในธาตุแห่งชีวิตทั้งเจ็ด ั้แ่เด็กเขาก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธาตุดิน เนื่องจากธาตุแห่งชีวิตมีเพียงหนึ่งเท่านั้น ในแผ่นดินเบื้องล่างนี้ยากลำบากนักที่จะได้รับธาตุดินเบาบางของพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้
ชายชราได้ช่วยเขา ให้เขาได้เติบโตทีละก้าวๆ มาจนถึงวันนี้ เป็ราชันในหมู่ราชันา
จำนวนตัวเลขชีวิตของจ้านอู๋มิ่งถูกกำหนดให้เป็ดาวข่มผู้มีดวงชะตาที่มีธาตุแห่งชีวิตเพียงหนึ่งชนิดทุกคนในโลกหล้า สถานการณ์ปัจจุบันคือข้อพิสูจน์ การดำรงอยู่ของจ้านอู๋มิ่งส่งผลต่อตำแหน่งของเขาในสำนักบริบาลเดรัจฉานแล้ว
เฉวียนหรูเซินไม่้าให้ราชันคนอื่นๆ ฆ่าจ้านอู๋มิ่ง เพราะมีข้อตกลงเป็การเดิมพันระหว่างสิบราชันด้วยกัน ผู้ใดสังหารจ้านอู๋มิ่งได้ก่อน คนผู้นั้นสามารถเลือกสมบัติวิเศษชิ้นหนึ่งบนเส้นทางสู่จักรพรรดิา
นึกถึงสิบราชัน เฉวียนหรูเซินทอดถอนใจคำหนึ่ง พวกเขาก็เป็เช่นเดียวกับตน ล้วนเป็ผู้มีดวงชะตาที่มีธาตุแห่งชีวิตเพียงหนึ่งชนิดทั้งสิ้น เขามิเข้าใจ ชายชราคนนั้นคือผู้ใดกันแน่ ไฉนเขาจึงสามารถหาคนผู้มีดวงชะตาที่มีธาตุแห่งชีวิตเพียงหนึ่งชนิดจากแผ่นดินใหญ่ได้ถึงสิบคน และยังเปลี่ยนชะตาชีวิตให้กับทุกๆ คน ทำให้พวกเขาเป็ราชันแห่งอัจฉริยะ
เขาปรารถนายิ่งนักที่ทราบจุดประสงค์ของชายชรา แต่ว่าเขาไม่ขวัญกล้าพอที่จะไปท้าทายอำนาจของชายชรา ชายชราสามารถทำให้เศษขยะกลายเป็อัจฉริยะได้ เช่นเดียวกันนั้นก็สามารถทำให้อัจฉริยะกลายเป็คนไร้ประโยชน์ได้เช่นกัน
ชายชราพูดกับพวกเขา จ้านอู๋มิ่งไม่เพียงเป็ภัยคุกคามต่อพวกเขาเท่านั้น ในอนาคตเองก็จะเป็ภัยคุกคามต่อตัวผู้เฒ่าเช่นกัน!
เมื่อยามที่ได้รับคำสั่งลับจากชายชราว่าต้องกำจัดจ้านอู๋มิ่งให้ได้ เฉวียนหรูเซินไม่เคยคิดว่านี่คือศิษย์น้องร่วมสำนักของเขา เขาคิดแต่เื่ที่ว่าตนเองนั้นช่างโชคดีจริงๆ อยู่ในสำนักเดียวกันก็คือวาระฟ้า โอกาสทอง ไปมหาสมุทรในเรือลำเดียวกันเป็ข้อได้เปรียบทางสภาพพื้นที่ ในฐานะศิษย์พี่ย่อมยึดครองความได้เปรียบ แอบลอบทิ้งร่องรอยไว้อย่างลับๆ นั่นคือสายสัมพันธ์ ภารกิจนี้ถ้าหากเขายังไม่สามารถทำให้สำเร็จลุล่วง เช่นนั้นแล้วอีกเก้าราชันก็ยิ่งเป็ได้เพียงความฝัน
ดังนั้น หลังจากขณะลูกศิษย์สำนักนิกายต่างๆ หนีออกจากเกาะไป ชนเผ่าสมุทรก็ถอนตัวจากไปเช่นกัน เขาขึ้นเกาะมาเพียงคนเดียว ในที่สุดเขาก็มีโอกาสลงมือเพียงลำพังแล้ว เขาจะต้องไม่พลาดโอกาสนี้
เขาไม่คิดว่าการฆ่าจ้านอู๋มิ่งเป็เื่ยากแต่อย่างใด ต่อให้กายเนื้อของจ้านอู๋มิ่งแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ก็เป็เพียงปรมาจารย์นักยุทธ์น้อยๆ คนหนึ่งเท่านั้น ต่อหน้าตนเอง อย่างมากที่สุดเขาก็เป็แค่หนอนที่แข็งแกร่งที่สุดตัวหนึ่งเท่านั้น และตนเองเป็ต้นไม้ใหญ่ที่เขาไม่มีวันสั่นคลอนได้ตลอดกาล เนื่องจากตนคือราชันสัตว์ร้ายในสิบราชัน หนึ่งในเหล่าราชันที่ทรงอิทธิพลและแข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า อีกทั้งยังเป็เพราะเขายังไม่เคยพยายามอย่างสุดกำลังในการต่อสู้ เพื่อจัดอันดับของสิบราชันมาก่อน
“ซ่า…” ขณะเฉวียนหรูเซินกำลังสงสัย พลันผิวน้ำทะเลสาบก็สาดกระเซ็นไปทั่วทิศทาง เงาร่างหนึ่งทะยานพุ่งสู่ท้องฟ้าพร้อมกับคลื่นน้ำระลอกหนึ่ง
“จ้านอู๋มิ่ง!” เฉวียนหรูเซินอดอุทานเสียงต่ำคำหนึ่งไม่ได้
ปรากฏว่าเป็จ้านอู๋มิ่งจริงๆ เขาซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลสาบจริงๆ แต่เฉวียนหรูเซินก็เคยดำดิ่งลงไปใต้น้ำแล้ว ความลึกของทะเลสาบนี้ แม้ในยามกำลังวังชาสมบูรณ์เต็มเปี่ยม เขาก็ไม่สามารถดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลสาบได้ ตอนนี้ฐานการบ่มเพาะของเขาถูกสะกดข่มโดยเจตจำนงของคุนเผิงอยู่ใน่ระดับราชันาขั้นต้น คิดจะลงไปจนถึงก้นทะเลสาบ นั่นยิ่งเป็ไปไม่ได้
“ศิษย์พี่เฉวียน!” ผู้ที่ออกมาก็คือจ้านอู๋มิ่งนั่นเอง เขาพิจารณาดูรอบกายคราหนึ่ง กลับพบว่ามีเพียงเฉวียนหรูเซินคนเดียวบนผิวน้ำ อดที่จะสงสัยไม่ได้ เขาขึ้นมาบนเกาะพร้อมกับตู้เยว่ิ ฉินเฮ่าหรานและคนอื่นๆ ไฉนคนที่ต้อนรับตนกลับกลายเป็ราชันสัตว์ร้าย เฉวียนหรูเซิน? เฉวียนหรูเซินขึ้นมาบนเกาะั้แ่เมื่อใด?