ณ เวลานี้และสถานการณ์ในตอนนี้ หลินเยว่ไม่ได้มีความรู้สึกว่างเปล่าที่เกิดจากความฝันได้เป็ความจริง แต่เขากลับมีความรู้สึกกดดันจากภารกิจอันหนักหน่วงที่เขาต้องเผชิญหน้าท้าทายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และยังต้องพยายามทำให้สำเร็จอีกด้วย
การพนันหินหยก เครื่องเคลือบ และการแกะสลัก ทั้งสามอย่างนี้คงจะมีผลต่อชีวิตในอนาคตของหลินเยว่อย่างแน่นอน ความตื่นเต้นลุ้นสุดตัวในการพนันหินหยก ความสุขที่ได้จากการเก็บตกเครื่องเคลือบ และจิติญญาความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างการสร้างสรรค์ผลงานการแกะสลักจะสามารถดึงดูดความสนใจของหลินเยว่ไปตลอด และสิ่งเหล่านี้จะเป็ตัวกำหนดให้ชีวิตของเขาโลดแล่นอย่างโดดเด่นอยู่เสมอ และในขณะเดียวกันความกดดันจากสิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลต่อเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนกลางคืนหลังจากผ่านไป 3 วัน หลินเยว่และฉินเหยาเหยานั่งตรงกันข้ามกันอยู่ในห้องรับแขก อาหารค่ำที่น่าจะเต็มไปด้วยความอบอุ่นกลับมีแต่ความเศร้าสร้อยที่เกิดจากการใกล้จะลาจาก
“พรุ่งนี้นายจะไปแล้วใช่ไหม?” ฉินเหยาเหยาก้มมองกับข้าวบนโต๊ะอาหารอย่างเหม่อลอย แล้วถามหลินเยว่ขึ้นมา
“อืม” หลินเยว่พยักหน้าและพูดตอบกลับ “ออกเดินทางวันพรุ่งนี้ตอนแปดโมงเช้าน่ะ การเดินทางไปเถิงชงและที่อื่นๆ ในครั้งนี้อย่างน้อยต้องใช้เวลาครึ่งเดือน และอาจจะลากยาวไปถึง 1 เดือนเลยล่ะ”
ฉินเหยาเหยาพยักหน้าเบาๆ เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ
ชั่วขณะนี้ พวกเขาทั้งสองต่างนิ่งเงียบ การกระทำต่างๆ ก็หยุดลง บรรยากาศภายในห้องรับแขกเริ่มดูหยุดชะงักเงียบงันไปหมด และกลายเป็ความอึดอัดจนแทบจะทำให้พวกเขาทั้งสองหายใจไม่ออก
พวกเขาสองคนต่างคิดจะหาเื่พูดคุยเพื่อคลี่คลายบรรยากาศในตอนนี้ แต่ทว่าสมองของพวกเขากลับมีแต่ความว่างเปล่า พวกเขาคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น
ผ่านไปนานพอสมควร หลินเยว่จึงพูดขึ้นเบาๆ เพื่อเป็การทำลายบรรยากาศอึดอัดในตอนนี้ “หลังจากผมเดินทางแล้ว เธอต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ”
ฉินเหยาเหยาพยักหน้าและตอบ “อืม” เบาๆ เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ และไม่ได้เริ่มกินข้าวเหมือนเดิม เธอยังคงก้มหน้าลง ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
หลินเยว่เห็นสถานการณ์เป็เช่นนี้จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ และพูดขึ้น “กินข้าวกันเถอะ” ระหว่างที่พูด เขาก็คีบกับข้าวใส่ในปากของตนเอง เคี้ยวมันสองสามครั้ง แต่ทว่าเขากลับไม่รู้รสชาติอะไรเลย และก็ไม่รู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด
ฉินเหยาเหยายังคงก้มศีรษะ
หลังจากวันที่พวกเขาเดินเล่นกันสองคนในคืนนั้นจนกระทั่งถึงวันนี้เวลาก็ผ่านมาแล้ว 10 วัน และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาใน 10 วันมานี้ก็มีความใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อยๆ เสมือนกับกาวเหนียวที่เกาะติดกันตลอด แต่ทว่าจู่ๆ อีกฝ่ายก็ต้องจากไปเป็เวลานาน พวกเขาทั้งสองจึงได้ัักับความรู้สึกที่ไม่อยากแยกจากกันจริงๆ
เนื่องจากคีบทานอาหารไปก็ไม่รู้รสชาติอยู่ดี สุดท้ายหลินเยว่จึงวางตะเกียบลง เมื่อมองฉินเหยาเหยา เขาพลันรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นด้วยอะไรบางอย่าง เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน หลังจากนั้นจึงเดินไปหยุดข้างกายฉินเหยาเหยา ค่อยๆ ยกมือขึ้นแล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขน
นี่เป็ครั้งแรกที่หลินเยว่กอดฉินเหยาเหยา ในใจของเขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นผิดปกติ มันเหมือนกับว่าสิ่งเหล่านี้เป็เื่ธรรมชาติ ราวกับว่าพวกเขาควรจะเป็เช่นนี้อยู่แล้ว
เมื่อฉินเหยาเหยาถูกหลินเยว่กอด เธอก็ไม่ได้รู้สึกใ แต่ความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่อยู่ในใจพลันทะลักทลายออกมา เธอกอดกลับตรงเอวของหลินเยว่ทันที แล้วซบอยู่ในอ้อมกอดของเขาพร้อมกับเริ่มสะอื้น “ฮือๆ” ออกมา
หลินเยว่ลูบเส้นผมของฉินเหยาเหยา ในใจของเขาก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก เพราะความรู้สึกเช่นนี้เป็เื่ที่จัดการได้ลำบากจริงๆ
การเดินทางไปเถิงชงในครั้งนี้สำคัญมาก เขาจำเป็ต้องไปจริงๆ และเป็การเดินทางเพื่ออนาคตของพวกเขา เพราะหลินเยว่ต้องไปพนันหินหยกกลับมาจากเถิงชงสักสองสามก้อน
พวกเขาทั้งสองจึงกอดกันด้วยท่าทางเช่นนี้ แต่ละฝ่ายต่างััและรับรู้อุณหภูมิและเสียงหัวใจเต้นของอีกฝ่าย ความรู้สึกเช่นนี้มันช่างอ่อนหวานอบอุ่น มีความสุขจริงๆ และก็ทำให้พวกเขาตกอยู่ในภวังค์นี้จนไม่อยากถอนตัวออกมา
ผ่านไปนานมาก หลินเยว่จึงประคองใบหน้างามของฉินเหยาเหยาขึ้นมา เมื่อเห็นใบหน้าสวยมีเสน่ห์ของเธอมีแต่หยาดน้ำตา ราวกับดอกหลีที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำฝน เขาก็รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ อยู่ในใจ จนอดไม่ได้ที่จะกดศีรษะลงแล้วจูบลงบนริมฝีปากของเธอ
ริมฝีปากของพวกเขาประกบกัน ตอนแรกร่างกายของฉินเหยาเหยาเกร็งขึ้นชั่วขณะ แต่หลังจากนั้นเธอก็ผ่อนคลายอย่างรวดเร็ว และก็ดื่มด่ำกับรสจูบในทุกๆ วินาที
……
วันถัดมา หลินเยว่นั่งรถของหรงเล่อเซวียนที่เตรียมไว้สำหรับการเดินทางไปเถิงชงโดยเฉพาะ ครั้งนี้เป็การเดินทางกันเพียง 2 คน นั่นก็คือหลินเยว่และเฮ่อโย่วจ้าง ถึงแม้ว่าไม่ได้ถือว่าเป็ทีมที่ใหญ่โต แต่ก็ทีมที่มี 2 คนเช่นนี้ก็ถือว่าไม่เล็กเลย เนื่องจากหลายๆ คนจะเลือกเดินทางไปเถิงชงเพียงตัวคนเดียว เพราะการรักษาความปลอดภัยของที่นั่นค่อนข้างดีมาก ดังนั้น คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยพาบอดี้การ์ดไปด้วย และการเดินทางคนเดียวย่อมมีความคล่องตัวมากกว่า จะทำอะไรก็สะดวกรวดเร็วมากกว่า
หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ หลินเยว่ก็ยังไม่มีเวลาที่จะกลับบ้านเกิดของเขา ทำให้ธุระที่เขา้าไปสอบถามจากวัดลัทธิเต๋าจึงถูกเขาเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ตอนเช้าก่อนออกเดินทางมาเถิงชงที่ฉินเหยาเหยาจู่โจมหอมแก้มเขาอย่างฉับพลัน ในใจของเขาเกิดความรู้สึกหวานชื่นและมีความสุขเป็อย่างมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกเศร้าเสียใจที่ต้องจากกันก็ลดลงไปไม่น้อย
แต่ทว่าเมื่อคิดถึงรสจูบอันดูดดื่มที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่กลับถูกเสียงท้องร้องจ๊อกๆ ดังขัดจังหวะจนทำลายบรรยากาศนั้นลงไป สีหน้าของหลินเยว่จึงเกิดอาการเกร็งกระตุกอย่างอ่อนใจ
ช่างน่าเสียดายจริงๆ! ไม่น่าเลย!
แต่เพียงไม่นาน หลินเยว่ก็คิดถึงบรรยากาศพิธีคารวะอาจารย์เมื่อสองวันก่อน ซึ่งเป็การทำตามธรรมเนียมแบบโบราณทั้งหมด มีการเคารพน้ำชา คำนับลงกับพื้น ท่านเฮ่อฉางเหอและท่านฉางไท่ยังคงถกเถียงแย่งชิงกันหน้าดำหน้าแดงว่าใครจะเป็อาจารย์ใหญ่ สุดท้ายแต่ละฝ่ายจึงต้องยอมถอยกันคนละหนึ่งก้าวโดยการร่วมกันเป็อาจารย์ใหญ่เหมือนๆ กันถึงได้ทำให้เื่นี้จบลงได้ และชายชราทั้งสองถึงได้เลิกถกเถียงกันในที่สุด
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์พิธีคารวะอาจารย์ของตน หลินเยว่จึงคิดต่อในใจ “การคารวะอาจารย์ของเขาเป็การคารวะอาจารย์สองท่านในเวลาเดียวกัน ซ้ำยังมีข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ แต่ละท่านยังให้อั่งเปากับเขาด้วย และเมื่อรวมออกมาก็ถือได้ว่าเป็เงินก้อนใหญ่ทีเดียว”
หลินเยว่มองวิวตรงกระจกรถที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มเกิดความคาดหวังบางอย่างจากการเดินทางไปเถิงชงในครั้งนี้ ประสบการณ์การตัดหินหยกมา 2 ปีของเขาทำให้เขาคุ้นเคยกับชื่อ “เถิงชง” นี้เป็อย่างดี แต่ทว่าเขาไม่เคยมีโอกาสได้ไป
ที่แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของนักพนันหินหยก
เถิงชงเป็แหล่งรวบรวมและกระจายหินหยกที่มีชื่อเสียงมาก ถึงแม้ว่านับั้แ่รัฐบาลเมียนมาเริ่มออกมาตรการควบคุมหินหยกอย่างเข้มงวด เถิงชงจึงมีความคึกคักน้อยลง แต่เป็เพราะที่นี่มีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์และยังเป็แหล่งหินหยกที่มีความหลากหลาย ดังนั้น จึงทำให้คนที่ชื่นชอบหยกจึงมักจะมาท่องเที่ยวที่ “สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์” ในอดีตแห่งนี้ เนื่องจากชาวเถิงชงเป็คนแรกที่ค้นพบหยก และทำให้บนโลกนี้ได้มีอัญมณีอันงดงามเช่นนี้
อันที่จริงแหล่งรวบรวมและกระจายหินหยกในประเทศจีนไม่ได้มีเพียงที่เถิงชง ยังมีที่รุ่ยลี่รวมทั้งคุนิที่ตั้งอยู่ในมณฑลยูนนาน อีกทั้งยังมีสถานที่อื่นๆ อีก แต่บางทีอาจเป็เพราะใครๆ ต่างอยากมาัักับความโชคดี ความเป็สิริมงคลของที่นี่ ดังนั้น นักธุรกิจด้านหยกและนักพนันหินหยกเป็ชีวิตจิตใจมักจะเลือกเถิงชงเป็สนามแรกในการพนันหินหยก
การมาเถิงชงของเฮ่อโย่วจ้างในครั้งนี้เป็เพราะว่าเขาตั้งใจจะมาลองเสี่ยงดวงดูเท่านั้น เขาได้ยินมาว่าในเร็วๆ นี้จะมีหินหยกล็อตใหญ่ส่งมาถึงที่เถิงชง ดังนั้น เขาจึงลองมาดูล่วงหน้าก่อน
หินหยกล็อตที่แล้วเขาสามารถทำกำไรได้บางส่วน แต่ก็ไม่ได้เป็กำไรมากมายสักเท่าไร ยังถือว่าตัดออกมาได้หยกไม่เยอะนัก ดังนั้น สำหรับหรงเล่อเซวียนที่เป็ร้านที่ทำผลิตภัณฑ์ในตลาดระดับบนแล้ว จำนวนหยกน้อยนิดขนาดนั้นก็ถือว่าเป็จำนวนที่ไม่เพียงพอเลยสักนิด
หลินเยว่ยังไม่มีโอกาสเรียนขับรถเลย ดังนั้น คนขับรถจึงเป็เฮ่อโย่วจ้าง ปกติเฮ่อโย่วจ้างเป็คนไม่ค่อยชอบพูดอยู่แล้ว ดังนั้น บรรยากาศในรถจึงค่อนข้างเงียบ แต่หลินเยว่กลับรู้สึกว่าการนั่งรถยนต์ส่วนตัวให้ความรู้สึกไม่เลวเลย เขาจึงตัดสินใจว่ารอให้เขากลับไปครั้งนี้เขาจะไปซื้อรถสักคัน แล้วต่อไปเขาจะขับรถพาฉินเหยาเหยานั่งรถกินลมชมวิวด้วยกัน
เมื่อคิดถึงชีวิตอันสวยงามในอนาคต หลินเยว่ก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาทันที
แต่ขณะนี้เอง คนที่ขับรถอยู่ด้านหน้าอย่างเฮ่อโย่วจ้างก็เอ่ยปากขึ้น “กว่าจะถึงเถิงชงจะใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง หากคุณรู้สึกเหนื่อยก็พักผ่อนก่อนได้นะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
เมื่อเห็นเื้ัของเฮ่อโย่วจ้าง หลินเยว่พลันรู้สึกว่าเฮ่อโย่วจ้างและหลี่ชิงเมิ่งช่างเป็คู่สร้างคู่สมจริงๆ พวกเขาเหมาะกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก เพราะพวกเขาดูเ็าเหมือนๆ กัน และความเ็าของทั้งคู่ก็สู้กันได้พอฟัดพอเหวี่ยงเลยทีเดียว
หลินเยว่ส่ายศีรษะและพูดตอบ “ผมไม่เหนื่อย หากคุณเหนื่อยละก็สามารถสอนผมขับรถได้นะ ถ้าผมขับเป็ผมจะได้ขับแทนคุณเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเยว่ เฮ่อโย่วจ้างก็ถึงกับอึ้งไปทันที แล้วเขาก็ยิ้มอย่างฝืดๆ
สอนขับรถกันบนทางด่วน หาเื่ตายกันหรือไง!
เมื่อหลินเยว่เห็นสีหน้าของเฮ่อโย่วจ้างในตอนนี้ เขาก็เริ่มรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ก็มีอารมณ์ความรู้สึกอยู่เหมือนกัน ไม่ได้วันๆ มีแค่อารมณ์เดียว
และหลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ค่อยๆ เริ่มพูดคุยกันขึ้นมาบ้าง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้