อย่างที่คิด ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มี ‘เื่ดี’ เหนียนอีหลานจะจำ ‘เหนียนยวี่’ ได้ตลอด ช่างเป็ ‘พี่สาวแสนดี’ เสียจริง!
ในเมื่อเป็เช่นนี้ นางย่อมจดจำความดีของพี่สาวผู้นี้ไว้อย่างแน่นอน!
ในใจของเหนียนยวี่รู้สึกเย้ยหยัน ทั้งใบหน้าตื่นตระหนกของเหนียนยวี่ยังยิ่งฉายอารมณ์ตื่นใมากขึ้นเรื่อยๆ
ในสายตาของเหนียนอีหลาน ปฏิกิริยาตื่นใของเหนียนยวี่เป็สิ่งที่นาง้าอยู่ในใจ นางรู้สึกราวกับว่าจับจุดอ่อนของเหนียนยวี่ได้ เหนียนอีหลานก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นมา “เป็นางเพคะ เป็นาง ต้องเป็นางอย่างแน่นอน ฝ่าาเพคะ ฮองเฮาเพคะ หากไม่ใช่นาง นางจะร้อนตัวเช่นนี้ได้อย่างไรเพคะ?!”
ร้อนตัว?
ทุกคนหันไปจ้องมองเหนียนยวี่ ตามถ้อยคำดึงดูดของเหนียนอีหลาน ผู้คนจับจ้องเหนียนยวี่อย่างละเอียด คุณหนูรองดูร้อนตัวเช่นนั้นจริงๆ
“เหนียนยวี่ เป็เช่นที่นางพูดจริงหรือ?”
ฮ่องเต้หยวนเต๋อหรี่ตา น้ำเสียงทุ้มเข้ม เหลือบมองเหนียนยวี่ และชำเลืองมองฉู่ชิง ซึ่งยืนนิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง แววตาในดวงตาคู่นั้นของฉู่ชิง ยากจะคาดเดาได้ชัด
ครั้นถูกฮ่องเต้หยวนเต๋อขานนาม ท่ามกลางสายตาของผู้คน เหนียนยวี่ค่อยก้าวเดินไปข้างหน้า และคุกเข่าลงบนพื้น ความตื่นตระหนกบนใบหน้างามไม่ลดลงแม้แต่น้อย ผู้คนรอบข้างนับไม่ถ้วน ต่างคิดจริงว่า นางร้อนตัว ด้วยปฏิกิริยาเช่นนี้ ทำให้คนบางส่วนจ้องมองเหตุการณ์นี้อยู่ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
มุมปากของฉู่ชิงที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากาก พลันค่อยๆ ยกยิ้ม
ไม่นานก็ได้ยินเสียงของเหนียนยวี่ดังขึ้นมาอีกครั้ง...
“ทูลฝ่าาเพคะ ยวี่เอ๋อร์ไม่ทราบว่า เหตุใดพี่สาวจึงยืนยันมั่นใจว่าเป็ยวี่เอ๋อร์ถึงเพียงนี้ ทว่า...ยวี่เอ๋อร์ไม่เข้าใจ...”
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ท่าทีอึกอักลังเล ราวกับกำลังต่อสู้กับใจตัวเอง ผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดเหนียนยวี่จึงเอ่ยออกมาว่า “ยวี่เอ๋อร์ไม่เข้าใจเพคะ หลายวันก่อนหน้านี้ ท่านพี่กับยวี่เอ๋อร์จะเป็พี่น้องที่ดีต่อกัน ทั้งยังบอกความลับที่อยู่ในใจกับยวี่เอ๋อร์ เหตุใดวันนี้ เมื่อเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นจึงได้ใส่ร้ายป้ายสียวี่เอ๋อร์”
เหนียนยวี่จงใจกดเสียงให้เบาลง ทว่าในห้องนี้เงียบมากจนสามารถได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มที่ตกลงมา แม้เสียงจะเบาเท่าใด คนในห้องก็ยังคงได้ยิน
ความลับ...
ถ้อยคำสองคำนี้ราวกับมีเวทมนตร์ในตัวเอง ทำให้ผู้คนอยากจะรู้ว่าความลับนั้นคืออะไร
เหนียนอีหลาน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเื่ราว ร่างกายของนางอึ้งงันไปครู่หนึ่ง ความลับ...
นางเคยเล่าความลับอะไรกับเหนียนยวี่ ั้แ่เมื่อใด?
เกือบในทันทีนั้น เหนียนอีหลานตระหนักได้ถึงความผิดปกติ ั้แ่ที่เหนียนยวี่กลับมาแต่งตัวเยี่ยงสตรี นางอยู่เหนือการควบคุมของตนเองมาตลอด หรือนางทำท่าทีเช่นนี้เพราะนางกำลังคิดแผนอะไรอยู่?
ดูเหมือนว่า เหนียนอีหลานจะรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา ทุกรูขุมขนในร่างกายนางในตอนนี้กำลังเตรียมรับมือกับเหนียนยวี่ผู้นี้...
ความสนใจของทุกคนจดจ่ออยู่ที่เหนียนอีหลานและเหนียนยวี่ ทว่ากลับไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่า แม่ทัพหลวงฉู่ชิงมายืนอยู่ข้างเตียงของหญิงสาวแล้ว ดวงตาเฉียบแหลมทั้งสองข้าง กวาดมองสำรวจร่างกายไร้ิญญาที่ดูน่าสยดสยองบนเตียง ทันใดนั้นจุดหนึ่งบนหน้าอกของชายคนนั้น ดึงดูดความสนใจของเขา วงคิ้วใต้หน้ากากพลันขมวดมุ่นเป็ปมต่อกัน
ฉู่ชิงยื่นมือออกไป และหยิบของบางอย่างจากใต้เสื้อคลุมบริเวณอกเสื้อของชายคนนั้น แท้ที่จริงแล้ว มันคือผ้าเช็ดหน้าปักลายผืนหนึ่ง บนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นปักลวดลายของดอกกล้วยไม้ที่กำลังบานสะพรั่ง...
กล้วยไม้…
ในชั่วพริบตา ฉู่ชิงผู้เฉลียวฉลาดพลันตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ั์ตาราวสระน้ำลึก ฉายรอยยิ้ม หางตาชำเลืองมองเหนียนยวี่ ผู้ซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น แววตาดูไร้เดียงสา แต่แฝงไว้ด้วยความเฉลียวฉลาด สตรีผู้นี้ นางไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล ครั้นคิดถึงการหายตัวไปของจ้าวอิ้งเสวี่ยเมื่อหลายวันก่อน ก็เป็ผ้าเช็ดหน้าเช่นกันที่ถูกทำให้เป็หลักฐานชี้ตัวว่าเป็ฝีมือของเหนียนยวี่ เมื่อได้เห็นสิ่งนี้ ฉู่ชิงพยายามระงับความสนใจที่ฉายออกมาจากดวงตาของตนเองทันที
“ฝ่าา กระหม่อมพบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงก้องกังวานแจ่มชัดของฉู่ชิงพลันดังขึ้น ทุกคนในห้องล้วนได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน
่เวลานั้น ผู้คนพลันหันไปมองทางแม่ทัพหลวงที่ยืนอยู่ข้างเตียง สายตาเหลือบไปเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งในมือของเขา ฮ่องเต้หยวนเต๋อขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามว่า “นี่อะไร?”
“นี่คือสิ่งที่กระหม่อมเจอบนตัวของคนผู้นี้ มันอยู่ใต้อกเสื้อเขาพ่ะย่ะค่ะ” ขณะที่ฉู่ชิงเอ่ย เขาค่อยๆ คลี่ผ้าเช็ดหน้า ขณะนั้นเอง ลวดลายกล้วยไม้บนผ้าเช็ดหน้าผืนสีขาวพลันปรากฏตรงหน้าผู้คน ลวดลายคมชัดน่าประทับใจ สะกดทุกสายตา
นี่คือผ้าเช็ดหน้าของสตรีอย่างชัดเจน ไม่เพียงแค่นั้น กล้วยไม้นั่น...
ขณะเดียวกัน สีหน้าของเหนียนอีหลานและหนานกงเยวี่ยต่างเปลี่ยนไปทันที
ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น...
“เฮ้ นี่...นี่ไม่ใช่ผ้าเช็ดหน้าของคุณหนูใหญ่หรือไร?”
มีเสียงร้องะโของเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากในกลุ่มผู้คน ถ้อยคำที่เอ่ยว่า ‘คุณหนูใหญ่’ คำนั้น ราวกับก้อนกรวดที่โยนลงทะเลสาบ ซึ่งทำให้เกิดคลื่นน้ำนับพัน
“ไม่ นี่ไม่ใช่ของข้า นี่ไม่ใช่ของข้า...”
เหนียนอีหลานปฏิเสธตามสัญชาตญาณทันที
ผ้าเช็ดหน้าของนางจะไปอยู่กับคนขายเนื้อแซ่จูนั่นได้อย่างไร?
“ไม่ใช่จริงหรือ?” ฮ่องเต้หยวนเต๋อหรี่ตามองด้วยสายตาอันแหลมคม
“ไม่ใช่เพคะ ไม่ใช่จริงๆ เพคะ!” หนานกงเยวี่ยเอ่ยปฏิเสธอย่างหนักแน่น ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น...หากนางยอมรับจริงๆ ว่ามันเป็ของอีหลาน เื่นี้คงอธิบายยากขึ้นไปอีก
ทว่าทันทีที่นางเอ่ยจบ สวีหว่านเอ๋อร์กลับเอ่ยขึ้นต่อไปว่า “จะไม่ใช่ได้อย่างไร? จวนแห่งนี้ทุกคนล้วนรู้ดี ไม่ว่าจะเสื้อผ้าตัวใด หรือผ้าเช็ดหน้าผืนใดของคุณหนูใหญ่ ตราบใดที่เป็ลายปัก ล้วนต้องมีดอกกล้วยไม้ ดูสิ ลายดอกกล้วยไม้ดอกนี้บนชายเสื้อของคุณหนูใหญ่กับลายบนผ้าเช็ดหน้า แบบเดียวกันเลยมิใช่หรือ?”
ด้วยถ้อยคำเอ่ยเตือนเช่นนี้ ทุกคนต่างเบนสายตา มองไปที่ชายเสื้อของเหนียนอีหลาน ตรงนั้นมีกล้วยไม้อยู่จริงๆ ถ้ามองให้ละเอียด มันแบบเดียวกับลายที่อยู่บนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นอย่างแท้จริง
นี่...เป็ผ้าเช็ดหน้าของคุณหนูใหญ่เหนียนจริงอย่างนั้นหรือ?
ทันใดนั้น ทุกคนในเหตุการณ์ต่างมีความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจ
ผ้าเช็ดหน้าของคุณหนูใหญ่สกุลเหนียนอยู่บนตัวของชายคนหนึ่ง และเมื่อครู่นี้ ความลับที่คุณหนูรองสกุลเหนียนเอ่ยถึง...ความลับนั้นเกรงว่าคงหนีไม่พ้นต้องเกี่ยวข้องกับชายผู้นี้เป็แน่
ทุกคนคาดเดาในใจ สายตาที่พวกเขามองเหนียนอีหลาน ฉับพลันนั้นแปรเป็ความดูถูก คุณหนูใหญ่สกุลเหนียนผู้นี้ดูน่ารักอ่อนหวาน ทว่าความเป็จริงแล้ว เกรงว่าจะเป็สตรีที่มีจิตใจสำส่อน เป็อย่างที่คิด คนเราจะดูจากภายนอกไม่ได้!
เพียงแต่รสนิยมที่คุณหนูใหญ่สกุลเหนียนผู้นี้...ทุกคนจ้องมองชายอ้วนเผละที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยไขมันที่นอนอยู่บนเตียงผู้นั้น รสนิยมของนางนี่ดูจะจัดจ้านเกินไปหน่อยกระมัง!
"ไม่...ไม่ใช่..."
ดวงตาของเหนียนอีหลานสั่นไหว นางรู้สึกได้ถึงสายตาแปลกประหลาดของทุกคน ในใจนางยังคงมีเพียงความคิดเดียว นางมิอาจยอมรับได้ว่า นี่เป็ผ้าเช็ดหน้าของนาง ไม่ต้องเอ่ยถึงสาเหตุการเสียชีวิตชายขายเนื้อแซ่จูผู้นี้ แค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวของหญิงสาวที่พบอยู่บนร่างไร้ิญญาของชายผู้นี้อย่างแปลกประหลาด ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้จิตใจของผู้คนประณามเื่นี้
ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อเสียงของนางเดิมทีเสียหายไปแล้ว ในกรณีเช่นนี้ ทั้งยังอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้หยวนเต๋อ นางคงจะทนรับไม่ไหวอีก!
อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่านางได้ทำให้บุรุษที่สามารถประทานชีวิตและความตายผู้นั้นโกรธเคืองไปนานแล้ว
“บังอาจ!” บรรยากาศกดดันน่าเกรงขาม แผ่ขยายไปทั่วทั้งพื้นที่
ไม่เพียงแต่เหนียนอีหลาน ทว่าแม้แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเื่ทั้งหมดนี้ยังรู้สึกสั่นสะท้านใกลัว เพราะเสียงที่ลั่นออกมาอย่างกริ้วโกรธ หลายคนคุกเข่าลงกับพื้นทันทีตามสัญชาตญาณ โดยเฉพาะเหนียนเย่า แม้กระทั่งฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนยังตัวสั่นงันงก เพราะความน่าเกรงขามของฮ่องเต้
“ในเมื่อผ้าเช็ดหน้าเป็ของเ้า เหตุใดเ้าถึงไม่ยอมรับ? คนแซ่จูผู้นี้ ในเมื่อบนตัวเขามีผ้าเช็ดหน้าของเ้า เ้ากลับเอ่ยว่าไม่รู้จักเขา เ้าคิดว่าจะหลอกเจิ้นได้หรือ?” ฮ่องเต้หยวนเต๋อเอ่ยตำหนิ ด้วยสุรเสียงอันทรงพลังก้องกังวาน
หนานกงเยวี่ย เหนียนอีหลาน รวมถึงฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน ผู้ซึ่งเอ่ยว่าไม่รู้จักเขาเมื่อครู่นี้ต่างหวาดกลัวจนเหงื่อไหลท่วมตัว ท่ามกลางเหมันตฤดู