“สตรีแซ่สวี เ้าอย่าเอ่ยวาจาเหลวไหล”
คนที่เอ่ยขึ้นมาคือ สวีหว่านเอ๋อร์
ชั่วขณะนั้น เหนียนเย่าพลันเอ่ยตำหนินางอย่างเฉียบขาด
สีหน้าของเหนียนเย่า ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน หนานกงเยวี่ยและเหนียนอีหลานต่างแปรเปลี่ยนในทันใด หากสวีหว่านเอ๋อร์ผู้นี้รู้จักตัวตนของชายผู้นี้จริงๆ เช่นนั้น...
ความกังวลของพวกนางยังคงติดอยู่ในใจไม่จางหาย ฮ่องเต้หยวนเต๋อหันไปเหลือบมองสวีหว่านเอ๋อร์ “เ้าจำได้? เช่นนั้นเ้าพูดมาเสียว่าเขาเป็ใคร!”
ภายใต้อำนาจน่าเกรงขามของฮ่องเต้ หัวใจของบางคนเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ คนเ่าั้หันไปมองสวีหว่านเอ๋อร์ ราวกับว่ามือของนางกำลังกุมชะตากรรมของพวกนางไว้
สวีหว่านเอ๋อร์สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สายตาเหลือบมองเหนียนเย่าอย่างระมัดระวัง ยามนี้สีหน้าของเขาช่างมืดมน ไม่เพียงเท่านั้น ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนยังจ้องมองนางอย่างเฉียบแหลมคมกริบ หัวใจของสวีหว่านเอ๋อร์รู้สึกกังวล นางรู้ดีว่า การเปิดปากของตนเองในวันนี้จะต้องส่งผลต่อฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนและหนานกงเยวี่ยอย่างแน่นอน ทว่าหากนางเปิดเผยตัวตนของคนผู้นี้ นางก็จะทำให้คุณหนูรองพอใจได้มิใช่หรือ?
เพราะในที่สุด ชายผู้นี้ก็เป็เครื่องมือที่ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนกับหนานกงเยวี่ยนำมาใช้จัดการคุณหนูรอง!
และเมื่อครู่นี้ฝ่าาทรงยอมรับว่าเหนียนยวี่คือ ‘หลานสาว’ เพียงแค่คุณหนูรองก็เพียงพอแล้วที่จะได้เห็นความร้ายกาจของนางว่า นางไม่ได้แค่คุยโว
สวีหว่านเอ๋อร์ครุ่นคิดชั่งน้ำหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดก็ยืนยันการตัดสินใจในคราแรกได้ นางจะต้องปีนป่ายเหนียนยวี่ให้ได้ สวีหว่านเอ๋อร์สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จากนั้นนางพลันคุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว “ทูลฝ่าาเพคะ คนผู้นั้นดูเหมือน...เขาดูเหมือนคนขายเนื้อแซ่จูผู้นั้นเพคะ”
คนขายเนื้อแซ่จู?
เกือบทุกคนต่างประหลาดใจกับคำตอบนี้
หากเป็่เวลาปกติ ใครที่ผลีผลามเอ่ยถึงคนขายเนื้อแซ่จู ไม่ว่าผู้ใดที่ได้ยินก็ยากจะคาดเดาสถานการณ์ ทว่าเมื่อครู่นี้ยามอยู่ในลานจวนด้านหน้า ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนและหนานกงเยวี่ยเอ่ยถึงเขาอย่างชัดเจน...
“หึ นั่นมิใช่คนที่หมั้นหมายกับเหนียนยวี่ ผู้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้หรือ? เหตุใดถึงมาเสียชีวิตอยู่ในห้องของคุณหนูใหญ่ได้เล่า? เื่นี้ช่างดูแปลกประหลาดเสียจริง”
ฮองเฮาอวี่เหวินรู้สึกสนใจเื่นี้มากขึ้นเรื่อยๆ นางลอบชำเลืองมองเหนียนยวี่ นางเห็นเหนียนยวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าทีดูแปลกใจ ราวกับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเื่ราวตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่มันเป็เช่นที่นางแสดงออกจริงๆ หรือ?
เหนียนยวี่ผู้ซึ่งรับมือกับตนเอง ยามที่อยู่ในสวนร้อยสัตว์คืนนั้น ยังสามารถเอ่ยว่าจะช่วยให้อี้เอ๋อร์สืบต่อราชบัลลังก์อย่างราบรื่น สิ่งนี้เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นถึงความฉลาดของนาง เมื่อครู่นี้ ในโถงรับรองหลัก นางยังมีท่าทีสุขุมเยือกเย็น และในตอนนี้ดูเหมือนว่า นางจะมั่นใจว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของนางทั้งหมด
สตรีผู้นี้ไม่ธรรมดามาั้แ่แรกแล้ว!
เหนียนยวี่จะปล่อยให้ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนกับหนานกงเยวี่ยมาจัดการเื่งานแต่งงานของนางด้วยเจตนาร้ายได้อย่างไร?
ฮองเฮาอวี่เหวินถอนสายตากลับ และเพราะการเอ่ยเตือนของฮองเฮาอวี่เหวิน แม้ใครบางคนคิดอยากจะหลบหนี ทว่าด้วยตัวตนที่ชัดเจน จึงไม่สามารถหลบเลี่ยงได้
“เหนียนเย่า นี่มันเื่อะไรกัน?” ฮ่องเต้หยวนเต๋อดูคล้ายจะสังเกตเห็นถึงเื่ราวที่ผิดปกติ จึงขึ้นเสียงสูงในฉับพลัน
เดิมทีแค่จู่ๆ เกิดเื่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหนียนเย่านั้นหวาดวิตกอยู่แล้ว ยิ่งฮ่องเต้หยวนเต๋อตรัสถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก “ฝ่าา นี่...นี่...กระหม่อม…”
ในขณะที่เขาไม่สามารถหาเหตุผลที่ชัดเจนได้ ทว่ามีจุดหนึ่งที่เขารู้เป็อย่างดี สิ่งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางส่งผลกับตัวเขาอย่างแน่นอน ห้องของอีหลาน...ทันใดนั้นเหนียนเย่าที่ตื่นตระหนก รีบกวาดตาไปมองเหนียนอีหลาน “อีหลาน เ้ายังไม่รีบทูลความจริงให้ฝ่าาทราบอีก!”
ทูลความจริง?
ดูเหมือนเหนียนอีหลานจะตื่นใขึ้นมาทันใด ดวงตาของนางสั่นไหว ทว่าในหัวนางยังคงยุ่งเหยิงและสับสน ความจริงอะไร?
เหนียนอีหลานรู้สึกถึงสายตาของทุกคนที่มองมา นางก้มมองชายที่นอนตายอยู่บนเตียงอย่างน่าขวัญผวา นางรู้สึกใจนต้องรีบเบนสายตาหนี “ฝ่าาเพคะ หม่อมฉันไม่รู้เื่อะไรเพคะ เขาตายอย่างไร หม่อมฉันไม่ทราบจริงๆ เขากับหม่อมฉันไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย ขอฝ่าาทรงพิจารณาด้วยเพคะ”
ไม่เกี่ยวข้องกันแม่แต่น้อย แล้วชายผู้นี้มานอนตายอยู่บนเตียงนางได้อย่างไร?
เห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งนักว่า การที่เหนียนอีหลานเอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ ไม่มีทางมีใครเชื่อถ้อยคำนี้อย่างแน่นอน!
“ฝ่าาเพคะ ฮองเฮาเพคะ จะต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างในเื่นี้แน่เพคะ คนผู้นี้...คนผู้นี้จะมาเสียชีวิตอยู่ในห้องของอีหลานอย่างไร้สาเหตุได้อย่างไร ฝ่าา ฮองเฮา อีหลานเป็แค่คุณหนูให้ห้องหอผู้หนึ่ง นางไม่มีทางทำเื่เช่นนี้ได้หรอกเพคะ”
หนานกงเยวี่ยรู้สึกตื่นตระหนกเช่นกัน นางคุกเข่าลงข้างๆ เหนียนอีหลาน นางเข้าใจเื่นี้เป็อย่างดี และนางรู้สถานการณ์ในวันนี้ดีที่สุด หากนางดึงอีหลานเข้ามาเกี่ยวข้อง ชื่อเสียงของอีหลาน...
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ชื่อเสียงของอีหลานยังคงได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ในสวนร้อยสัตว์ นางไม่ยอมปล่อยให้อีหลานได้รับผลกระทบอีกครั้งเป็แน่
ทว่า...
“คุณหนูในห้องหอ? ฮูหยินเหนียน บุตรสาวผู้นี้ของเ้าเป็คนอย่างไร เปิ่นกงเคยประสบมาด้วยตนเองแล้ว อีกอย่างนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาเสียชีวิตในห้องนี้” ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยอย่างราบเรียบ น้ำเสียงเยือกเย็น สื่อความหมายออกมาอย่างชัดเจน
แท้จริงแล้ว เหนียนอีหลานเป็สตรีผู้มีจิตใจชั่วร้าย
ในขณะนั้นเอง สีหน้าของหนานกงเยวี่ยและเหนียนอีหลานพลันแปรเปลี่ยน ฮองเฮาอวี่เหวินไม่พอใจนางจริงๆ แต่สถานการณ์ในตอนนี้นั้น...
หนานกงเยวี่ยเหลือบสายตามองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงที่ยืนมองอยู่ด้านข้างตามสัญชาตญาณ สายตานั้น เห็นได้ชัดว่านางกำลังหวังให้ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเอ่ยอะไรสักคำ ทว่ามันเป็เพียงแค่การสบตาเท่านั้น เพราะฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเบนสายตาออกไป
“ท่านแม่...” หนานกงเยวี่ยพลั้งปากขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทว่านางกลับไม่แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง
เหนียนอีหลานสังเกตเห็นปฏิกิริยาที่ละเอียดอ่อนนี้ ความขมขื่นพลันแผ่ขยายในใจนาง
คราก่อนนางทำลายแผนการครั้งใหญ่ของท่านยาย ในใจของท่านยายคงยังรู้สึกโกรธนางอยู่ ตัวนางในสายตาของตระกูลหนานกงคงเป็คนที่ถูกทอดทิ้ง ท่านยายจะยอมเสี่ยงพูดช่วยนางกับฮองเฮาอวี่เหวินได้อย่างไร?!
เหนียนอีหลานเลิกคิ้วขึ้น ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง นางเงยหน้ามองจ้าวเยี่ยน ตอนนี้นางคงได้แต่ฝากความหวังไว้กับท่านอ๋องหลีเท่านั้น ทว่าเพียงพริบตา ความหวังของนางพลันพังทลายลง
จ้าวเยี่ยนมองตอบสายตาของเหนียนอีหลาน เขายกยิ้มมุมปากเบาบาง ไม่แม้แต่ปิดบังความเ็า ทั้งยังเพียงยืนดูเฉยๆ เท่านั้น
ในขณะนั้นเอง ร่างกายของเหนียนอีหลานพลันสั่นสะท้าน ทั้งดวงตายังลุกวาวสั่นเครือ ท่านอ๋องหลี เขา...นางไม่ได้โง่ นางรู้ดีว่าสายตานั้นกำลังสื่อถึงอะไร
ในวันนั้นท่านอ๋องหลีเคยเตือนนางแล้ว และตอนนี้เขากำลังเตือนนางเช่นเดิม ไม่เพียงเท่านี้ เกรงว่า ความรู้สึกของจ้าวเยี่ยนที่มีต่อเหนียนยวี่จะต่างไปจากนาง ยิ่งในเวลาเช่นนี้ เขาจะช่วยพูดให้นางได้อย่างไร?
แต่ยามนี้นางควรทำอย่างไรดี?
ดวงตาของเหนียนอีหลานสั่นไหว จิตใจของนางรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ เหนียนยวี่...
ใช่ จิตใจของเหนียนอีหลานรู้สึกกระวนกระวาย ดูเหมือนความคิดที่แวบเข้ามาเข้ามาเมื่อครู่นี้พุ่งเข้ามาในหัวนางอีกครั้ง
เหนียนยวี่!
เหนียนอีหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ แม้จะเป็เพียงการคาดเดา ทว่านางก็ไม่คิดสนใจสิ่งใดอีกต่อไป นางพลันโพล่งขึ้นทันทีว่า “ฝ่าาเพคะ ฮองเฮาเพคะ ชายผู้นี้ ในเมื่อเขาได้เคยหมั้นหมายเื่แต่งงานกับเหนียนยวี่ หรือบางที...หรือจะเกี่ยวข้องกับเหนียนยวี่เพคะ น้องยวี่เอ๋อร์ ใช่เ้าหรือไม่? เ้าฆ่าเขา!”
เหนียนยวี่...
ทุกคนหันไปมองเหนียนยวี่อย่างพร้อมเพรียง พวกเขาเห็นเพียงสตรีที่กำลังขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่ารู้สึกตะลึงกับข้อกล่าวหาที่เข้ามาอย่างกะทันหัน
ครั้นจ้าวเยี่ยนเห็นปฏิกิริยาของเหนียนยวี่ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย เหนียนยวี่...ฆ่าจูฟู่กุ้ยหรือ?
“ท่านพี่ ท่านพี่...เหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้?” ดวงตาของเหนียนยวี่สั่นไหวอย่างไม่สบายใจ ทว่าในใจนางกลับสงบนิ่งมั่นคง