เห็นเช่นนั้น มู่ฮูหยินผิดหวังอย่างยิ่ง คนเหล่านี้ต่างพูดปาวๆ ว่าทำเพื่อปรารถนาดีต่อบิดาสามีของนาง แต่เมื่อถึงนาทีวิกฤติกลับพึ่งพาอาศัยไม่ได้เลย!
พวกเขายินยอม ไม่ได้หมายความว่านางยินยอมด้วย!
สามีออกไปทำงานไกลบ้านยังไม่กลับมาจนถึงวันนี้ นางไม่อาจปล่อยให้สามีกลับมาถึงเรือนแต่กลับต้องพบเพียงร่างไร้ิญญาของบิดาสามีเด็ดขาด
ต่อให้ต้องล่วงเกินฮ่องเต้นางก็ไม่อาจลดราวาศอกได้ นางดึงกระบี่ออกจากฝักดัง สวบ “ฝ่าา ล่วงเกินแล้วเพคะ! หม่อมฉันไม่มีทางปล่อยให้นางทำร้ายบิดาสามีเป็อันขาดเพคะ!”
นางเงื้อกระบี่ขึ้นแทงไปทางเฟิ่งเฉี่ยน เฟิ่งเฉี่ยนไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหว และไม่เหลียวมองนางแม้แต่แวบเดียว นางกำลังมุ่งมั่นตั้งใจทำเื่ตรงหน้า
เคร้ง!
วินาทีที่กระบี่ของมู่ฮูหยินอยู่ห่างจากแผ่นหลังของเฟิ่งเฉี่ยนราวๆ สามเิเ เซวียนหยวนเช่อพลันใช้กระบี่เปี่ยมไปด้วยพลังลมปราณยากแก่การต้านรับขึ้นขวาง เพียงกระบี่เดียวก็ทำให้กระบี่ของมู่ฮูหยินกระเด็นออกไป ตัวมู่ฮูหยินเองถึงกับเซถอยหลังติดๆ กันสามก้าวจากนั้นโอนเอนไปมากว่าจะยืนมั่นคง!
ทันทีที่เงยหน้าก็เห็นเฟิ่งเฉี่ยนป้อนตะขาบตัวที่สี่เข้าไปได้สำเร็จ และกำลังใช้ตะเกียบคีบตะขาบตัวสุดท้ายในขวดกระเบื้อง
ดวงตาของมู่ฮูหยินเบิกกว้าง นางร้องะโอย่างคลุ้มคลั่ง “เซียวเอ๋อร์ เ้ายังตะลึงอะไรอยู่อีก ยังไม่รีบห้ามนาง!”
นาทีนี้จิตใจของมู่ชิงเซียวสับสนว้าวุ่นอย่างที่สุด เขาไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใคร หากว่ากันตามเหตุผลแล้วเขาควรเชื่อเฉียนเฉี่ยน แต่วิธีการถอนพิษของนางนั้นสุดโต่งเกินไป ด้วยไม่เคยได้ยินหรือเห็นมาก่อน แต่เขาต้องห้ามนางจริงๆ หรือ นับั้แ่รู้จักนางมาจนถึงบัดนี้ ทุกอย่างที่นางทำล้วนทำเพื่อท่านปู่อย่างจริงใจทั้งสิ้น แล้วเขาจะคลางแคลงใจในตัวนางได้อย่างไรกัน
เขาหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาได้ตัดสินใจแน่วแน่ เขาเดินเข้าไปหามารดาเพื่อประคองนางให้เดินออกไปจากห้องนี้ “ท่านแม่ พวกเราออกไปก่อน! ข้าเชื่อเฉียนเฉี่ยน นางจะต้องรักษาท่านปู่ได้แน่!”
เฟิ่งเฉี่ยนป้อนตะขาบตัวสุดท้ายเข้าไปในปากของมู่ไท่ฟู่ได้สำเร็จ
ดวงตาของมู่ฮูหยินเบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อ นางรู้สึกผิดหวังในตัวบุตรชายอย่างที่สุด นางออกแรงสะบัดแขนของบุตรชายออก “เซียวเอ๋อร์ เ้าหมดทางเยียวยาแล้ว! เ้าถึงกับเป็ปรปักษ์กับมารดาเพราะคนนอกคนหนึ่งหรือ”
มู่ชิงหว่านกล่าวสนับสนุนทันที “พี่สาม พวกเราเป็ครอบครัวของท่าน ท่านได้สติหน่อยเถิด! รอให้นางทำร้ายท่านปู่จนตาย ถึงเวลานั้นท่านเสียใจก็สายเกินไปแล้ว!”
มู่ไท่ฟู่ที่นอนอยู่บนเตียงพลันเคลื่อนไหวในเวลานี้เอง ร่างทั้งร่างของเขาบิดไปมาพร้อมกับส่งเสียงร้องด้วยความทุกข์ทรมาน
มู่ฮูหยินหน้าขาวเผือด นางวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจสิ่งใด “ท่านพ่อ! ท่านพ่อ! เฟิ่งเฉี่ยน เ้าทำร้ายบิดาสามีข้า หากข้าไม่สังหารเ้า ข้าไม่ขอเป็คน!”
สถานการณ์กลับมาตึงเครียดอีกครั้งทันที
มู่ชิงเซียวยืนอยู่ที่เดิม เขาตัวสั่นไม่หยุด “ท่านปู่...”
มู่ชิงหว่านพุ่งเข้าไปคว้าแขนเสื้อของเซวียนหยวนเช่อ นางร้องะโด้วยความร้อนใจ “ท่านพี่เช่อ ท่านเห็นแล้วกระมัง นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ท่านไว้ใจนาง นางทำร้ายท่านปู่ของข้า ท่านจะต้องให้นางชดใช้ชีวิตให้ท่านปู่ของข้า!”
เซวียนหยวนเช่อคิดไม่ถึงเช่นกันว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปรวดเร็วเช่นนี้ เห็นท่าทางทุกข์ทรมานจนร่างกายบิดไปมาของมู่ไท่ฟู่ ใจของเขาหล่นวูบ อีกทางหนึ่งถูกมู่ชิงหว่านดึงแขนเสื้อไม่หยุด
“เกิดเื่อันใดขึ้น” นางจ้องมองเฟิ่งเฉี่ยน น้ำเสียงเยียบเย็น
ปฏิกิริยาตอบสนองบนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่างจากผู้อื่น นางหันไปพูดกับทุกคน “คนยังไม่ตาย พวกท่านจะะโอะไร พี่ใหญ่มู่ รีบไปนำตะขาบมาอีกห้าตัวเร็วเข้า!”
คนทั้งหมดตกตะลึงพรึงเพริด นางเสียสติไปแล้ว ไม่เห็นหรือว่ามู่ไท่ฟู่ทุกข์ทรมานอย่างไร นางไม่เพียงแต่ไม่หยุด แต่ยังคงรักษาต่อไป
มู่ฮูหยินเืเข้าตาแล้ว “เฟิงเฉี่ยน เ้าพอได้แล้ว! ข้าไม่ปล่อยให้เ้าทำร้ายบิดาสามีของข้าต่อไปเป็อันขาด!”
นางะโออกไปด้านนอกประตู “เด็กๆ จับกุมตัวเฟิงเฉี่ยน!”
ด้านนอกเกิดการเคลื่อนไหว องครักษ์สี่คนของจวนสกุลมู่บุกเข้ามาในห้องนอน แต่ละคนถือกระบี่ยาวด้วยท่าทีดุดัน
ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหัน ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารจากคมกระบี่
ดวงตาดำขลับของเซวียนหยวนเช่อเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ เขาเดินเข้าไปทีละก้าวๆ ใบหน้าเ็าราวกับน้ำแข็งแกะสลักนั้นเปี่ยมไปด้วยอำนาจบารมีของฮ่องเต้เท่านั้นที่จะมีได้ น้ำเสียงเ็านั้นราวกับสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงมาในยามรัตติกาล “พวกเ้าคิดจะก่อฏใช่หรือไม่”
แววตาของเขาคมปลาบ ทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างที่สุด
เหล่าองครักษ์ได้แต่เ้ามองข้า ข้ามองเ้า หัวใจแทบจะกระดอนขึ้นมาติดอยู่ที่คอ
ท่ามกลางอำนาจกดข่มของเขา ทุกคนได้แต่ร่นถอยไปด้านหลัง
มู่ฮูหยินหัวใจหล่นวูบ เมื่อสักครู่นางร้อนใจจึงคิดแต่จะขัดขวางเฟิ่งเฉี่ยนจนลืมไปว่าการใช้อาวุธเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้หมายความว่าอย่างไร
ิ่เบื้องสูง นั่นเป็โทษปะาชั่วโคตร!
นางเกือบจะเอาทุกชีวิตของสกุลมู่ทั้งหมดไปตายด้วยกันเสียแล้ว
ตุบ!
นางคุกเข่าลงกับพื้นด้วยสีหน้าขอขมา “หม่อมฉันสมควรตายเพคะ! ฝ่าาทรงอย่ากล่าวโทษสกุลมู่ หม่อมฉันทำคนเดียวรับคนเดียวเพคะ!”
มู่ชิงหว่านใจนทึ่มทื่อ นางคุกเข่าลงพร้อมกับมารดา “ท่านพี่เช่อ มารดาของข้าไม่ได้ตั้งใจ ท่านอย่าลงโทษนางเลย!”
เซวียนหยวนเช่อมองสองแม่ลูกจากมุมสูง เขาตวาดเสียงเย็น “นับแต่นี้ไป ผู้ใดกล้าพูดมากอีกสักประโยค ให้มีความผิดฐานก่อฏ!”
ภายในห้องเงียบสงบผิดสามัญ
กระทั่งเสียงของเฟิ่งเฉี่ยนดังขึ้นอีกครั้ง เสียงของนางทำลายความเงียบสงบ “พี่ใหญ่มู่ รีบไปเอาตะขาบมาอีกสักหน่อย ยิ่งเยอะยิ่งดี!”
มู่ชิงเซียวได้สติคืนมา เมื่อประสานสายตากับแววตาจริงจังของนาง เขากัดฟันและยังคงเลือกที่จะเชื่อนาง ต่อให้เป็คำขอที่ดูเหลวไหลยิ่งกว่านี้ เขาก็จะสนับสนุนนางให้ถึงที่สุด
“รอประเดี๋ยว!” เขาหมุนตัวเดินออกไปอย่างเร่งรีบโดยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย
บ้าแล้ว บ้าไปแล้ว บ้ากันหมดแล้ว!
มองบุตรชายเดินผ่านร่างของนางไปโดยไม่หยุด มู่ฮูหยินส่ายหน้าแรงๆ ด้วยความรู้สึกสิ้นหวังและเป็ทุกข์ ในสายตาของนาง บิดาสามีหมดทางเยียวยาแล้ว ตอนนี้สิ่งที่นางทำได้ก็คือไม่ให้สกุลมู่ทั้งครอบครัวต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย นางนั่งแปะลงกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ใบหน้าของนางดำคล้ำราวกับสีของดิน ดูแล้วราวกับแก่ชราลงไปหลายสิบปีในชั่วพริบตา
มู่ชิงเซียวออกไปแล้วกลับเข้ามาใหม่ในเวลาไม่นาน เขานำตะขาบในขวดกระเบื้องขวดใหญ่มาด้วย ตะขาบยั้วเยี้ยเต็มไปหมด สีแดงราวกับเปลวเพลิง มันดิ้นรนไปมาทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกชาหนังศีรษะไปทั้งแถบ
มู่ฮูหยินสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิมอีก ใบหน้าของนางซีดขาวปานกระดาษ นี่พวกเขากำลังคิดจะทำร้ายบิดาสามีให้ตายนี่นา!
จุดที่ทำให้นางยากจะยอมรับที่สุดก็คือ ผู้ร่วมกระทำคือบุตรชายตัวดีของนางเอง!
เห็นตะขาบสีแดงเพลิงขวดนี้แล้ว มู่ชิงหว่านถึงกับใแทบสิ้นสติ ขนอ่อนบนร่างกายของนางลุกพรึ่บ
หันมาดูเฟิ่งเฉี่ยน นางมีสีหน้าปกติเมื่อรับขวดโหลมา นางพูดกับมู่ชิงเซียว “ช่วยข้ากดไท่ฟู่เอาไว้”
มู่ชิงเซียวไม่รอช้า เขาะโขึ้นเตียงกดมือทั้งคู่ของมู่ไท่ฟู่ และกอดเขาจากทางด้านหลัง “ท่านปู่ ท่านอดทนอีกหน่อยนะขอรับ ทุกอย่างจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว”
ั์ตาของเขาเปียกชื้นเล็กน้อย กระบอกตาแดงก่ำ
เฟิ่งเฉี่ยนคีบตะขาบขึ้นมาตัวหนึ่งส่งเข้าปากมู่ไท่ฟู่ด้วยสีหน้านิ่งสนิท ดูเหมือนที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้มิใช่ตะขาบที่มีพิษร้ายแรงสุดจะเปรียบ แต่เป็ไส้เดือนที่น่ารักไร้พิษสงตัวหนึ่ง
ตะขาบวาดเท้าอ้าปากอย่างกระตือรือร้น ดูเหมือนมันจะได้กลิ่นพวกเดียวกัน เพิ่งจะเข้าไปใกล้ก็มุดเข้าไปในปากของมู่ไท่ฟู่แล้วหายวับไปกับตา
มู่ชิงหว่านรู้สึกกระเพาะของนางปั่นป่วน ยากที่จะทานทนไหว สุดท้ายนางกลั้นไม่อยู่ อาเจียนดังอ๊อกออกมา!
ลั่วหยิ่งเห็นทุกอย่างในสายตา เขาลอบเบ้ปาก
นี่จึงจะเป็ปฏิกิริยาของสตรีปกติคนหนึ่ง!
เมื่อหันไปมองฮองเฮาเหนียงเหนียง นางคีบตะขาบตัวหนึ่งราวกับกำลังคีบผักเล่นอย่างไรอย่างนั้น ไหนเลยจะมีปฏิกิริยาเฉกเช่นสตรีปกติคนหนึ่ง
แต่เขากลับมีความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งว่าเหนียงเหนียงอาจจะรักษามู่ไท่ฟู่ให้หายจริงๆ ก็ได้