อวิ๋นอี้ออกมาจากโรงเตี๊ยมเกาเซิ่ง มิได้ตรงกลับจวน
คราแรกนางยังมีอารมณ์เศร้าสร้อย แต่เมื่อสั่งสอนนักเลงสองคนนั้นไป นางจึงรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อออกมามองดูภายนอกอีกครั้ง รู้สึกว่าทุกอย่างสวยงามและน่าดูไปเสียหมด
ต้นไม้เป็สีเขียวชอุ่ม ดวงอาทิตย์เป็สีเหลืองอบอุ่น ท้องฟ้าเป็สีฟ้าคราม เมฆราวกับก้อนสายไหมลอยมาอย่างแ่เบา ฤดูกาลนี้ถูกตกแต่งด้วยสีสันสดใส อวิ๋นอี้สูดหายใจเข้ายาวๆ สั่งรถม้าให้ไปร้านตัดเสื้อ แต่เมื่อเข้าไปถึง มิคิดเลยว่าจะเจอเข้ากับคนที่มาหาเื่พอดี
ยังมิทันจากรถ ในระยะไกลก็เห็นผู้คนรายล้อมอยู่ที่ประตู ต่างพากันชะโงกมองเข้าไปข้างใน
อวิ๋นอี้ที่เงี่ยหูฟังอย่างระมัดระวัง ได้ยินการทะเลาะเบาะแว้งกันมิหยุด
นางรีบบอกคนขับให้หยุด ะโลงจากรถทันทีและวิ่งไปที่ร้าน
ทันทีที่ผู้จัดการร้านเห็นนางมา เขารู้สึกราวกับว่าได้เห็นผู้กอบกู้ผู้ยิ่งใหญ่ "พระชายาของข้าน้อย มาแล้วหรือขอรับ ข้าเกือบจะให้คนไปหาท่านแล้ว!"
"ว่าเื่มาก่อน" อวิ๋นอี้ไร้ปัญญา ผู้จัดการร้านเป็บุรุษทั้งแท่ง เหตุใดจึงพูดไม่กี่คำก็ร้องเสียแล้ว?
“เ้าหยุดร้องไห้ก่อน หยุดร้อง เกิดกระไรขึ้น?”
ผู้จัดการร้านสูดน้ำมูกแล้วเช็ดด้วยผ้าเช็ดหน้า อวิ๋นอี้มองตรงๆ ไม่ไหว จึงเบือนหน้าหนี
หลังจากเสียงสูดน้ำมูกหยุดลง ผู้จัดการร้านพูดว่า "พระชายาเก้ามีเื่กับลูกค้าท่านหนึ่งขอรับ!"
กระไรนะ?
อวิ๋นอี้ตกตะลึง เดินไปตามทางผู้จัดการร้านบอก ตาเถร คนที่ถือกรรไกรข่มขู่อยู่นั่นเป็กู่ซือฝานใช่หรือไม่?
นางนวดขมับ “ซือฝาน! เ้ากำลังทำกระไร?”
กู่ซือฝานที่มีอวิ๋นอี้เป็ต้นแบบ เสียงของนางเพียงนิดเดียว รู้ได้ทันที นางหันกลับมา เมื่อเห็นว่าเป็อวิ๋นอี้ นางะโอย่างมีความสุขพร้อมกับกรรไกรในมือ กล่าวทักทาย “ท่านพี่สะใภ้! มานี่เร็วเพคะ! มีคนกำลังจะรังแกข้า!”
นี่ผู้ใดรังแกผู้ใดกันแน่?
พวกเขาอยู่ในห้องส่วนตัวเล็กๆ ซึ่งเป็ที่ที่ร้านตัดเสื้อเตรียมไว้ให้ลูกค้าชนชั้นสูง ในห้องนอกจากกู่ซือฝานแล้ว ยังมีสตรีอีกผู้หนึ่งนอนหมอบอยู่บนพื้น
ถึงแม้ว่านางจะสวมชุดสีฟ้าสวยงาม แต่ยากที่จะซ่อนรอยกรีดตัดที่รุงรังบนชุดไว้ได้
ชัดเจนมากกว่าผู้ใดเป็คนตัดผ้าพวกนั้น
สตรีที่นอนคว่ำหน้าหันหัวขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียง เมื่อเห็นอวิ๋นอี้ รูม่านตาของนางก็หดลงอย่างกะทันหัน นางกำลังปรับอารมณ์ แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ นี้กลับเข้าตาอวิ๋นอี้
นางเหยียดริมฝีปากนิ่งๆ แล้วถามกู่ซือฝานว่า "นางรังแกเ้าอย่างไร?"
“ข้าลองชุดนี้แล้วนางบอกว่าข้าใส่ไม่งาม บอกว่านางใส่แล้วงาม ข้าจึงยอมให้นางลอง ยังงามไม่เท่าข้าเลยเพคะท่านพี่ ท่านพี่ว่าเช่นนั้นหรือไม่เพคะ คนบางคนมิรู้หรือว่าตัวเองหน้าตาอย่างไร คิดว่าตัวเองเป็เทพธิดาได้แค่เสื้อผ้าชิ้นเดียวหรือ?” กู่ซือฝานควงกรรไกรบนนิ้ว พูดแล้วหัวเราะ “ข้าตัดเสื้อผ้าทิ้งออกเพราะถือว่าช่วยเสื้อผ้า ขณะเดียวกันจะได้ทำให้สตรีผู้นี้รู้ว่า ตัวเองควรอยู่ที่ใดกันแน่ อย่าได้ทำตัวจองหองไปทุกที!”
“กระนั้น...นั่นก็ชัดเจนว่าพระชายาเก้ารังแกข้านะเพคะ จะเป็ข้ารังแกท่านได้เยี่ยงไร?” หญิงคนนั้นถูกด่าว่าขี้เหร่ สะอื้นอย่างโกรธเคือง “พระชายาเจ็ด โปรดให้ความเป็ธรรมแก่ข้าด้วย!”
อวิ๋นอี้เลิกคิ้ว มองไปที่กู่ซือฝาน
กู่ซือฝานร้องไอหยา เอากรรไกรวางลงบนโต๊ะดังปัง “เ้าน้อยใจหรือ? ยังจะให้พี่สะใภ้ข้าให้ความเป็ธรรมแก่เ้าหรือ? เ้าบอกทีสิว่าเ้าขี้เหร่เช่นนี้ ยังกล้าจะสวมชุดนี้ ช่างอุจาดตาข้าเสียจริง หากข้าตาบอด อย่าว่าแต่จะรังแกเ้าเลย สั่งให้ควักลูกตาเ้าออกมาข้าก็ทำได้!”
เื่ไร้สาระเช่นนี้ ทั้งกู่ซือฝานยังกัดฟันไม่ปล่อย จู่โจมราวกับลูกธนู สตรีที่ถูกกดขี่ข่มเหงผู้นั้นมิมีทางสู้กลับ นางทำได้เพียงมองอวิ๋นอี้ทั้งน้ำตา ภาวนาให้นางพูดช่วยตัวเอง
ผู้ใดจะรู้ว่าอวิ๋นอี้กลับหัวเราะขึ้นมา นางเดินเข้ามาช้าๆ แล้วถามอย่างประชดประชันว่า "เ้าเป็สตรีจากตระกูลใด?"
"ข้าเป็คนของตระกูลซู..." หญิงสาวตอบอย่างระมัดระวัง
"มิแปลกใจเลย" อวิ๋นอี้พูด "ซูเมี่ยวเออร์ให้เ้ามาใช่หรือไม่? กลับไปบอกนางนะว่า ก่อนจะมีพังร้านข้า ส่องกระจกชะโงกดูเงาเสียก่อน! เื่เล็กเื่น้อยยังทำไม่สำเร็จ คิดจะเหิมเกริมหรือ?”
สตรีผู้นั้นคาดไม่ถึง ั้แ่อวิ๋นอี้เข้ามา แค่่เวลาสั้นๆ นางก็เดาออกหมดแล้ว
นางจ้องมองอวิ๋นอี้ด้วยความไม่เชื่อ อ้าปากกว้าง พูดกระไรมิออกอยู่นาน
อวิ๋นอี้เห็นสีหน้าของนาง รู้ว่าตัวเองทายถูก เกียจคร้านเกินไปที่จะฟังเื่ที่นางสร้าง นางจึงโบกมือ และทันใดนั้นมีคนใช้หลายคนลากนางออกไป
“หือ?” เมื่อสตรีคนนั้นหายออกไปแล้ว กู่ซือฝานถึงได้เกาหัวถามอย่างงงๆ ว่า “นี่มันเื่กระไรเพคะ? เกี่ยวกับซูเมี่ยวเออร์หรือเพคะ?”
อวิ๋นอี้พยักหน้า “นอกจากนางแล้ว ยังมีผู้ใดอีกที่ทนเห็นข้าได้ดีมิได้?"
“พี่สะใภ้หมายความว่า ซูเมี่ยวเออร์ตั้งใจส่งสตรีผู้นั้นมาหาเื่ที่นี่หรือเพคะ? แต่...ไม่ใช่สิเพคะ ซูเมี่ยวเออร์จะทำให้ท่านไม่สบายใจ เหตุใดถึงมาที่ร้านตัดเสื้อเล่า?”
อวิ๋นอี้เคาะหน้าผากของนาง “เพราะนางเข้าไปจวนมิได้อย่างไรเล่า อีกอย่าง นางคงมิมีความกล้าเพียงนั้น”
“แต่มันเกี่ยวกระไรกับร้านตัดเสื้อเล่าเพคะ?”
“...…” อวิ๋นอี้มิอยากจะเชื่อ ว่ากู่ซือฝานจะโง่เขลาเช่นนี้ ถ้านางถามเช่นนี้ต่อไป อวิ๋นอี้อาจจะบ้าตายได้ นางจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ ดึงนางไปที่นั่งเก้าอี้แล้วสารภาพว่า "เพราะว่าร้านนี้เป็ของข้า โรงเตี๊ยมก็เป็ของข้า ข้าเพิ่งออกมาจากโรงเตี๊ยมมา ที่นั่นก็มีคนไปหาเื่"
"กระไรนะเพคะ? ไม่ใช่ร้านของมหาเสนาบดีลู่หรือเพคะ? จะเป็ของท่านพี่ได้อย่างไร!?" กู่ซือฝานยังอยู่ในหมอกควัน เมื่อเห็นท่าทีทุบหมอถามสุดทางของนาง อวิ๋นอี้มิมีทางเลือก ทำได้เพียงเล่าเื่ทั้งหมดให้นางฟังใหม่อีกคราสั้นๆ
กู่ซือฝานฟังจบแล้วก็ได้แต่ยกนิ้วให้ “ท่านพี่สะใภ้ ท่านช่าง...ท่านสุดยอดมากนักเพคะ! มิได้แล้ว ข้าจะต้องเล่าเื่นี้ให้ผู้อื่นฟัง ให้ทุกคนรู้ว่าพี่สะใภ้ของข้าเป็สตรีเด่นดัง ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าสตรีมากความสามารถในเมืองหลวงนั่น!”
กระไรนะ?
อวิ๋นอี้ตื่นตระหนกขึ้นทันใด เมื่อได้ยินเช่นนั้น จึงรีบหยุดนางไว้ทันที “ไม่ ไม่ ข้าแค่้าหาเงิน มิได้้าโด่งดัง ซือฝาน หากเ้าอยากให้ข้าใช้ชีวิตอย่างสงบสุขล่ะก็ เื่เหล่านี้ห้ามแพร่งพรายออกไปเป็อันขาด"
ใบหน้าของนางจริงจัง มองดูกู่ซือฝานอย่างเงียบๆ อย่างตระหนก
“ได้เพคะ พี่สะใภ้มิต้องห่วง ข้าจะเก็บเป็ความลับ!”
อวิ๋นอี้พยักหน้าอย่างพอใจ เชื่อมั่นในการรับประกันของกู่ซือฝาน
เมื่อราตรีค่อยๆ ปกคลุม นางอยู่ในจวนเพื่อรอรับประทานอาหารเย็น แล้วก็ได้รับพระราชกฤษฎีกาจากวังว่าไทเฮาเรียกให้นางเข้าไปพบ
อวิ๋นอี้คิดแล้วคิดอีก ่นี้นางทำตัวเสียยิ่งกว่าเด็กเชื่อฟัง มิรู้ว่ากระไรทำให้ไทเฮากริ้วเข้า
ถึงแม้จะไม่ทราบสาเหตุ แต่ไทเฮาเรียกตัว หากปฏิเสธก็จะทำให้ยิ่งลำบากมากขึ้นเท่านั้น
อวิ๋นอี้รับคำกับผู้ส่งสาร แล้วก็กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานจึงกลับออกมา
นั่งรถม้ารวดเร็วถึงในพริบตาเดียว
กำแพงสีแดงสูง แข็งแรงดูสง่างาม ลึกลับภายใต้คืนที่มืดมิด มีไฟจุดต่อกันตลอดทาง ดูลึกลับยิ่งนัก
อวิ๋นอี้ลงจากรถม้าที่หน้าประตูวังแล้วเดินไปที่พระตำหนักจงชุ่ย
นางเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ทำความเคารพ และเมื่อเงยหน้าขึ้น พบว่ากู่ซือฝานขยิบตาให้นาง
อวิ๋นอี้หวั่นใจ หมายความอย่างไร? สถานการณ์ไม่ดี นางควรรีบหนีหรือ?
นางพึมพำกับตัวเอง จากนั้นได้ยินเสียงของแม่มดเฒ่าที่นั่งอยู่บนแท่น เอ่ยปาก
แค่ฟังประโยคแรก อวิ๋นอี้แทบอยากจะบีบคอกู่ซือฝาน ทำให้นางอยากที่จะเชื่อเสียจริง!
เก็บความลับบ้าบอกระไร!
เก็บความลับของปู่เ้าทวดเ้าน่ะสิ!
กู่ซือฝาน สตรีคนนี้กลับไปบอกให้แม่มดเฒ่ารู้จริงๆ ด้วย!
อวิ๋นอี้ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ ดูเหมือนว่าคืนนี้ถ้านางไม่โดนถลกหนัง นางคงหาได้กลับจวนไม่!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้