เมื่อมีคนรับประกัน สามารถยืนยันตัวตนได้ ทหารจึงไม่ทำให้พวกเขาลำบากใจ หลีกทางให้ทั้งสองคนเข้าไป
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในสำนักศึกษา เดินมาไกลจนมองไม่เห็นทหารเฝ้าประตู ลุงสือโถวค่อยเอ่ยถามเสียงเบา "เกิดเื่อะไรขึ้น? เหตุใดจึงมีทหารมาเฝ้าที่หน้าประตู?"
ที่นี่คือสำนักศึกษา ทหารเหล่านี้ไม่กลัวว่าจะทำให้สำนักศึกษาไม่พอใจหรือ?
สหายของจังซื่อิยิ้มเศร้า อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง แล้วเล่าเื่ที่เกิดขึ้นให้ฟัง "เื่นี้ไม่อาจตำหนิพวกทหารได้ ท่านลุงคิดว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ โจรขโมยม้าถึงบุกเข้ามาโจมตีสำนักศึกษา? นั่นเป็เพราะหนึ่งในลูกศิษย์รับผลประโยชน์มาจากพวกโจรขโมยม้า วาดแผนที่ภายในสำนักศึกษาให้โจรพวกนั้น มิเช่นนั้นสำนักศึกษาของพวกข้าจะเสียหายร้ายแรงเช่นนี้ได้อย่างไร?"
ทุกสำนักศึกษา แท้จริงแล้วล้วนสร้างห้องที่แข็งแรงทนทานเอาไว้ เพื่อเป็ที่หลบหายนะต่างๆ โดยเป็หลักการเดียวกับการขุดหลุมหลบภัยยามเกิดาของโลกยุคปัจจุบัน
ห้องลับนี้ถูกเก็บไว้เป็ความลับ มีเพียงอาจารย์ในสำนักศึกษาเท่านั้นที่รู้ จะมีการเปิดใช้ห้องนี้ยามเกิดหายนะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จริงๆ เท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีน้อยคนนักที่จะรู้
ทว่าจารชนคนนี้กลับเป็คนที่รู้ความลับ
เพื่อแลกกับความร่ำรวย เขาหักหลังมิตรสหายของตนเองอย่างไม่ลังเล หลังจากนั้นก็หายตัวไปจากสำนักศึกษาอย่างรวดเร็ว กระทั่งพวกโจรขโมยม้าบุกเข้ามา ฆ่าฟันปัญญาชนจนล้มตายบนพื้น
หากไม่ใช่เพราะละแวกนี้มีกองทหารประจำการอยู่ ไม่แน่ว่าครั้งนี้สำนักศึกษาของพวกเขาอาจจะสูญสิ้นแล้วก็ได้
แต่แม้จะเป็เช่นนี้สำนักศึกษาก็เสียหายขั้นรุนแรง มีลูกศิษย์สิบคนาเ็สาหัสแล้วตายในที่เกิดเหตุ หลังจากวันนั้น แทบจะทุกวันมีลูกศิษย์ทนพิษาแไม่ไหวแล้วสิ้นใจไปตามๆ กัน จนถึงตอนนี้ตายติดต่อกันประมาณเจ็ดถึงแปดคนแล้ว
ชั่วขณะหนึ่งทุกคนต่างหวาดผวา บรรดาคนที่าเ็สาหัสคิดว่าตนต้องตายแน่นอน ความฮึดสู้ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อหายไปกว่าครึ่ง
สหายของจังซื่อิยิ้มเศร้า
"ในยามปกติ สถานการณ์คงไม่เลวร้ายเช่นนี้ ทว่าน่าเสียดายเวลานี้คนในแคว้นเป่ยเฉินต่างหวาดกลัว บรรดาพ่อค้าต่างหันหางเสือเรือไปตามทิศทางลม ข้าวของหลายอย่างกลายเป็ของหายาก หนึ่งในนั้นรวมถึงโรงหมอต่างๆ เหตุใดลูกศิษย์มากมายที่าเ็สาหัสถึงไม่ยอมรักษาตัว? นั่นเป็เพราะคนพวกนั้นเพิ่มราคาค่ารักษาขึ้นสามถึงสี่เท่าตัว ทุกคนต่างไม่มีเงินรักษาไม่ใช่หรือ?"
ลุงสือโถวและซ่งอวี้เงียบ
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะกลายเป็เช่นนี้แล้ว บรรดาพ่อค้ามองสถานการณ์ขาด เห็นว่าเวลานี้เริ่มมีสัญญาณของความโกลาหล แต่ละคนล้วนอยากจะกอบโกยผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด โดยไม่สนใจว่ากำไรที่ตนได้มานั้นเกิดจากหายนะของแคว้นหรือไม่
"คนเป็แพทย์ย่อมมีคุณธรรม ควรที่จะเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและมีจิตใจที่เมตตา พวกเขาทำเช่นนี้ไม่คู่ควรที่จะเรียกตนเองว่าแพทย์แล้ว" หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ซ่งอวี้ก็พูดขึ้นเสียงเรียบ
นางก็ไม่รู้ว่าตนถือว่าเป็แพทย์ที่ดีหรือไม่ แต่นางไม่อาจนิ่งดูดาย แม้คนที่ใกล้ตายคือคนที่เคยคิดอยากจะทำร้ายนางก็ตาม
สหายของจังซื่อิมองซ่งอวี้ แววตาของเขาทอประกาย
"เมื่อครู่ตอนที่ทหารเข้ามาตรวจสอบ เขาบอกว่ามีคนจะขอพบพี่ซื่อิ คนที่มาคือบิดาของพี่ซื่อิและแพทย์ หรือว่าแม่นางเป็แพทย์?"
หากใช่ละก็ เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก สำนักศึกษาของพวกเขาขาดยา หลายคนแทบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!
ซ่งอวี้พยักหน้า แล้วเอ่ยบอก "ที่ข้ามาพร้อมกับลุงสือโถวในครั้งนี้เป็เพราะคิดว่าที่นี่้าแพทย์ แม้ข้าจะยังร่ำเรียนไม่จบ แต่ว่าาแภายนอกทั่วไป ข้าสามารถช่วยดูอาการให้ได้"
สีหน้าของสหายของจังซื่อิในตอนนี้สามารถใช้คำว่าเปี่ยมไปด้วยความดีใจมาบรรยายได้เลย เขาหยุดพูดคุย รีบพาทั้งสองไปยังห้องรักษาตัวของบรรดาลูกศิษย์ที่แยกเอาไว้
ซ่งอวี้และลุงสือโถวเพิ่งเดินเข้าไปในห้องก็ตะลึงกับภาพตรงหน้าจนพูดไม่ออก
บรรดาปัญญาชนเหล่านี้ ล้วนเป็ความหวังของตระกูล อยากจะอาศัยการสอบขุนนางเพื่อสร้างอนาคตให้ตนเอง ทุกคนล้วนเป็ปัญญาชนมากความสามารถ เป็คนฉลาดหลักแหลม บางคนถูกขนานนามว่าเป็อัจฉริยะั้แ่เด็ก เป็คนที่อนาคตไกล
แต่เวลานี้ พวกเขานอนอยู่ตรงนั้น บ้างถึงขั้นหมดสติ บ้างมีหนองไหลออกมาจากาแ บ้างเพิ่งสิ้นใจ ยังไม่ทันได้หามออกไป
"ท่านพ่อ!” เสียงร้องด้วยความดีใจดังขึ้น ทำให้ซ่งอวี้หลุดจากภวังค์
จังซื่อิที่นอนอยู่บนเตียงพยายามลุกขึ้นนั่ง คล้ายว่าเขาอยากจะลงจากเตียง
ลุงสือโถวใจนหน้าถอดสี รีบวิ่งไปหา พร้อมกับตำหนิ "เ้าลูกคนนี้ าเ็ขนาดนี้แล้วยังไม่ทำตัวดีๆ อีก คิดว่าตนยังตายไม่เร็วพอใช่หรือไม่! ยังไม่รีบนอนลงไปอีก!”
จังซื่อิยิ้มแห้งๆ ฟังบิดาของตนบ่น แล้วล้มตัวลงนอน แต่ว่าตอนล้มตัวลงนอน คล้ายจะทำให้าแปริ จึงร้องซี๊ดขึ้นเบาๆ
สหายของจังซื่อิเดินไปตรงกลางห้อง พูดกับลูกศิษย์ที่นอนหายใจรวยริน "ทุกคนหยุดเศร้าได้แล้ว ในที่สุดสำนักศึกษาของเราก็มีแพทย์มาแล้ว นางต้องรักษาทุกคนได้แน่นอน!"
ยามสิ้นหวัง เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ คล้ายว่าหัวใจที่จมดิ่งลงไปในเหวลึกมีแสงสาดส่องลงไปถึง แทบจะทุกคนล้วนมองไปตามต้นเสียง
สหายของจังซื่อิชี้ไปที่ซ่งอวี้แล้วพูด "แม่นางคนนี้เป็แพทย์ มารักษาพวกเราโดยเฉพาะ นอกจากนี้นางยังนำสมุนไพรมากมายมาด้วย พวกเราต้องอาการดีขึ้นแน่นอน!”
สายตาของทุกคนมองไปตามมือของเขา ชั่วขณะหนึ่งซ่งอวี้กลายเป็จุดรวมสายตาของทุกคน
นางก้าวมาด้านหน้าด้วยความนิ่งสงบ แล้วพูดขึ้น "าแของทุกท่านไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว พวกเรามาเริ่มรักษากันเถอะ ระดับความาเ็ของทุกคนล้วนแตกต่างกัน ความหมายของข้าคือคนที่าเ็สาหัสรักษาตัวก่อน ดูจากระดับการาเ็ รักษาไปทีละคน ดีหรือไม่?"
น่าเสียดายที่คำพูดนี้ของนาง ไม่อาจกระตุ้นความกระตือรือร้นของทุกคนได้ ทั้งยังทำให้ทุกสายตาที่มองมาทางนางเคลือบแคลงใจ ไม่ค่อยไว้วางใจเท่าใดนัก
ยุคสมัยนี้ทุกคนต่างคิดว่าแพทย์ที่มีวิชาล้ำเลิศล้วนเป็บุรุษ ส่วนสตรีอย่างมากก็เป็เพียงหมอหญิงที่ตระกูลใหญ่บ่มเพาะ เพื่อรักษาโรคของสตรีชั้นสูงที่ไม่สะดวกให้แพทย์รักษาเท่านั้น
ทว่าเวลานี้สตรีคนหนึ่งไม่เรียกตนว่าหมอหญิงแต่กลับเรียกตนว่าแพทย์ ทั้งยังดูอ่อนเยาว์ยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็ผู้ใดก็ล้วนไม่อาจเชื่อใจนาง
ลุงสือโถวเห็นสายตาของทุกคน รู้ว่าทุกคนต้องสงสัยในวิชาการแพทย์ของซ่งอวี้ ด้วยเหตุนี้จึงพูดกระซิบข้างหูจังซื่อิ บอกให้เขาไปรักษาตัวเป็คนแรก
"ขอรับ? มีคนมากมายที่าเ็สาหัสกว่าข้า ให้ข้ารักษาตัวเป็คนแรก คงจะไม่ดีกระมัง?" จังซื่อิไม่ได้สงสัยในความสามารถของซ่งอวี้
เพราะลุงสือโถวผู้เป็บิดาของเขาเคยบอกเขามานานแล้วว่าซ่งอวี้สามารถรักษาขาของตนจนหายได้ แต่ว่าตามที่ซ่งอวี้พูดเมื่อครู่นี้ เขาไม่อาจรักษาตัวเป็คนแรกได้ ดังนั้นจึงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
ลุงสือโถวมองค้อนไปที่บุตรชายของตน "บอกให้ไปก็ไปเล่า เ้าไม่เห็นหรือว่าสหายของเ้าล้วนไม่เชื่อใจซ่งอวี้? ต้องมีใครสักคนออกไปให้ซ่งอวี้รักษาตัวก่อน หากเ้าไม่ไป คนอื่นๆ ก็จะไม่กล้าไป นี่เป็การเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไม่ใช่หรือ?"
จังซื่อิเบ้ปาก แต่ลึกๆ ในใจก็รู้สึกว่าบิดาพูดมีเหตุผล ด้วยเหตุนี้จึงยิ้มแล้วประสานมือคารวะทุกคน "ในเมื่อไม่มีคนเสนอตัว เช่นนั้นข้าขอเริ่มก่อน ขอรักษาตัวเป็คนแรก"
คำพูดของเขาทำลายความกระอักกระอ่วนในห้องได้ทันที ซ่งอวี้พยักหน้าให้เขา หยิบข้าวของของตนเองขึ้นมาแล้วเดินไปหา
เหล่าปัญญาชนที่ไม่เชื่อใจในความสามารถของซ่งอวี้ ล้วนมองตามนาง อยากจะดูว่านางรักษาอย่างไร หากเป็แพทย์ที่มีความสามารถจริงๆ เช่นนั้นพวกเขาก็รอดแล้ว