เจียงเฉิงนอนบนเตียงตัวเอง ดวงตาจับจ้องเพดานอย่างเหม่อลอย ทันใดนั้นเอง เขาได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวดังมาจากลานบ้าน ครั้นชายหนุ่มลุกไปดูที่หน้าต่าง ก็พบว่าหลี่อันหรานกำลังทำงานอยู่ด้านนอก
เขายืนนิ่งอยู่บริเวณหน้าต่างเป็เวลาครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองหลี่อันหลินที่ยังคงหลับสนิทบนเตียง เจียงเฉิงลังเลเล็กน้อย ทว่าท้ายที่สุดก็ตัดสินใจเดินออกไป
หลี่อันหรานหันมามองเมื่อได้ยินเสียง นางหันไปทำงานของตัวเองต่อโดยไม่พูดอะไรเมื่อเห็นว่าเป็เขา
“ดึกขนาดนี้แล้วยังทำของพวกนี้อีกหรือ?” เจียงเฉิงยืนมองตัวนางซึ่งอยู่กลางแสงสลัวจากจุดที่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไรนัก
หลี่อันหรานพยักหน้า “หากรีบจัดการเื่นี้ให้สำเร็จโดยเร็ว ครอบครัวของข้าจะมีรายรับเพิ่มอีกก้อน”
หลี่อันหรานในยามนี้ไม่มีท่าทีตึงเครียดพร้อมจะปะทุแบบก่อนหน้านี้อีกต่อไป
นั่นทำให้เจียงเฉิงประหลาดใจไม่น้อย เขาเอ่ยถามนางต่อ “เหตุใดก่อนหน้านี้เ้าจึงทำตัวแปลกๆ ? ข้าทำสิ่งใดให้ไม่พอใจใช่หรือไม่!”
หลี่อันหรานหัวเราะร่วน นางปัดมือตัวเองพลางว่า “ไม่มีอะไร ข้าแค่ไม่เข้าใจอะไรบางอย่างจึงไปลงกับท่านก็เท่านั้น ขออภัยด้วย จริงสิ าแท่านคงจะไม่เป็อะไรแล้วใช่หรือไม่ ต้องตามหมอมาช่วยดูอีกครั้งหรือไม่”
เจียงเฉิงส่ายหน้าเล็กน้อยเป็เชิงปฏิเสธ “ไม่ต้อง ข้าไม่เป็อะไรแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดี ในเมื่อไม่เป็อะไรมาก ท่านก็ลองหาวันที่อากาศแจ่มใสสักวันแล้วรีบไปจากที่นี่เถิด ม้าของท่านตายไปแล้ว เกรงว่าหากจะเดินทางคงต้องหาหนทางอื่น ข้าไม่รู้ว่าท่านจะไปที่ใด คงไม่อาจช่วยเื่นี้ได้”
เจียงเฉิงชะงักไปอึดใจหนึ่ง สายตาเขาที่มองมายังนางราบเรียบไร้คลื่นอารมณ์ แต่หลี่อันหรานกลับหลบสายตาเขา นางทำทีหันไปจัดการพริกพวกนั้นต่อ
เจียงเฉิงรู้สึกได้ว่าหลี่อันหรานอยากให้ตัวเองรีบไปจากที่นี่ แต่เขาไม่มีอะไรจะพูด จึงทำเพียงพยักหน้าแล้วว่า “ไม่ต้องเป็ห่วงเื่นี้ ข้าจัดการเองได้ แต่ก่อนจะไป ข้ายังมีเื่บางเื่ที่ต้องจัดการ”
มือของหลี่อันหรานนิ่งค้างฉับพลัน ปลายนิ้วแตะโดนพริกพวกนั้นเบาๆ นางต้องกุมมือตัวเองไว้ ภายในใจรู้ดีว่าเื่ที่เขาพูดหมายถึงอะไร
หลี่อันหรานพยายามฝืนยิ้มให้เป็ธรรมชาติมากที่สุด นางมองเจียงเฉิงเพียงแวบหนึ่งแล้วหันไปทำงานต่อพลางว่า “เื่อะไรกัน เื่ที่จะตอบแทนบุญคุณข้าหรือ? ข้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่จำเป็ อีกอย่าง ท่านก็ไม่ได้ติดค้างอะไรพวกข้าสักหน่อย หลายวันนี้ข้าคอยให้ท่านทำงานที่ใช้แรงงานไปไม่น้อย ถือเสียว่าตอบแทนหมดแล้วก็แล้วกัน ถึงเวลาสมควรไปก็ไปเถิด”
เจียงเฉิงเดินเข้าไปใกล้เมื่อเห็นว่าหลี่อันหรานไม่พูดอะไรต่อ เขารับพริกจากมือนางมาถือไว้แทน “ข้าช่วย”
หลี่อันหราน แท้จริงแล้วนางเกลียดที่เขาทำดีต่อนางด้วยท่าทีของการตอบแทนบุญคุณที่สุดแล้ว หากไม่ใช่เพราะการตอบแทนบุญคุณ เขาจะปฏิบัติต่อนางเช่นนี้หรือไม่? หากไม่มีบุญคุณที่เขาพูดถึง เขายังจะดีต่อนางหรือไม่?
หลี่อันหรานอยากถามเหลือเกิน นางมองฉางควนจัดการพริกพวกนั้นโดยเลียนแบบตัวเอง แต่กลับไม่ถามเื่พวกนี้ออกมา นางไม่อยากขัดความ้าเขา ในเมื่อเขาอยากตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิต เช่นนั้นก็ให้เขาตอบแทนไปเถอะ ตอบแทนหมดแล้วจะได้ไปจากที่นี่โดยไม่มีสิ่งใดค้างคา นางเองจะได้กลับไปใช้ชีวิตของตัวเองเช่นกัน
คิดเสียว่าเขาเป็คนผ่านทางคนหนึ่งในชีวิต ไม่ต้องคิดเื่อื่นอีกน่าจะดีที่สุดแล้ว
หลี่อันหรานคิดได้ดังนั้นจึงเดินไปหาเขา “ต้องทำแบบนี้ ใช่ แบบนั้นแหละ จากนั้นทำแบบนี้ พวกเราต้องผึ่งมันให้แห้งกว่านี้ รอแห้งแล้วต้องนำมาบด”
หลี่อันหรานสอนเจียงเฉิงทำไปด้วย สาธิตให้เขาดูไปด้วย ทั้งสองคนทำงานเช่นนี้อยู่ในลานบ้านเป็เวลาหนึ่งชั่วยามกว่า ทำจนรู้สึกเหนื่อย พริกพวกนั้นก็ใกล้เสร็จหมดแล้ว
ในตอนนั้นเอง หลี่อันหรานเอ่ยกับเจียงเฉิงที่เหงื่อท่วมกายว่า “ไปพักผ่อนเถิด นี่ก็ดึกมากแล้ว”
เจียงเฉิงพยักหน้า จังหวะที่กำลังจะเดินจากไป หลี่อันหรานที่มองตามแผ่นหลังของเขาพลันโพล่งขึ้น “คือว่า… จะดื่มชาด้วยกันหน่อยหรือไม่?”
หลี่อันหรานรู้สึกว่าตัวเองดูผลุนผลันเกินไป นางรีบกลบเกลื่อนยาวเหยียด “ข้าหมายถึงว่าพวกเราทำงานมาทั้งคืน ดื่มชาแล้วค่อยเข้านอนจะได้หลับสบายขึ้น พรุ่งนี้ไม่จำเป็ต้องตื่นเช้า”
เจียงเฉิงหันมามองนาง สายตาเขาฉายความลังเลวูบหนึ่ง แต่สุดท้ายก็พยักหน้า “ตกลง!”
มุมปากของหลี่อันหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ท่านรอประเดี๋ยว ข้าจะไปชงชามาให้”
นางเดินไปที่กระท่อมมุ้งฟางที่อยู่ด้านข้าง ใบชาของครอบครัวนางถูกเก็บอยู่ในนั้น จากนั้นจึงทำการต้มน้ำ นางใส่น้ำเพียงแค่สองถ้วยเพราะ้าให้น้ำเดือดโดยเร็วที่สุด หลังจากชงชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็ยกกาน้ำชากับถ้วยชาเดินออกไปนั่งที่ขั้นบันไดหน้าบ้านก่อนวางกาน้ำชาลงบนพื้น
หลี่อันหรานยื่นถ้วยน้ำชาให้เขา “ในบ้านไม่มีชาชั้นดี หากไม่ถูกปากก็ไม่ต้องฝืน”
หลังจากที่เจียงเฉิงรับชาถ้วยนั้นไป นางจึงค่อยยกชาอีกถ้วยขึ้นเป่าใบชาที่กระจัดกระจายเหนือผิวน้ำและค่อยๆ จิบ อุณหภูมิน้ำชาร้อนเล็กน้อย นางจึงเม้มปากวางมือทั้งสองลงบนตักพร้อมกับถ้วยชาในมือ สายตาทอดมองไปยังความมืดเงียบๆ
ตะเกียงน้ำมันที่พวกนางจุดตอนจัดการพริกพวกนั้นมอดดับไปแล้ว ทั่วทั้งบ้านเหลือเพียงห้องด้านหลังที่ยังเหลือตะเกียงแสงสลัวหนึ่งดวง เงาร่างของทั้งคู่วูบไหวไปมาใต้แสงตะเกียง
โชคดีที่คืนนี้แสงจันทร์สุกสกาว ทั้งสองคนนั่งอยู่อย่างนั้นเงียบๆ หลี่อันหรานอยากรู้เหลือเกินว่าเจียงเฉิงเป็ผู้ใดกันแน่ อยากรู้ว่าตัวเขาในอดีตเป็อย่างไร?
ที่บ้านเขามีภรรยามีลูกอยู่แล้วใช่หรือไม่ มีภาระต้องรับผิดชอบใช่หรือไม่ ด้วยเหตุนี้จึงได้อยากรีบไปจากที่นี่ ทว่าคำถามเหล่านี้กลับได้แต่วนเวียนอยู่ในใจนาง
นางถอนหายใจเบาๆ ต่อให้ถามเื่พวกนี้ไปแล้วอย่างไร? หากคำตอบของเจียงเฉิงเป็การปฏิเสธ นางก็รั้งเขาไว้ไม่ได้อยู่ดี หรือถ้าหากไม่ใช่การปฏิเสธ นางก็ไม่รู้เลยว่าแบบใดจะดีไปกว่ากัน
“เหตุใดจึงถอนหายใจ?” อยู่ๆ เจียงเฉิงก็เอ่ยปากพูด หลี่อันหรานใผงะ ก่อนที่นางจะหันไปมองเขาตาโต “ข้าถอนหายใจหรือ?”
นางหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วนเมื่อเห็นสายตายืนยันของเจียงเฉิง “ข้าแค่กำลังคิดว่ามีงานต้องทำมากมายเหลือเกิน รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยก็เท่านั้น!”
เจียงเฉิงตอบทันที “หาก้าสิ่งใดก็บอกข้ามาได้เลย ข้าพร้อมช่วยทำ ต่อให้งานจะหนักหนาเพียงใดก็ยินดี”
หลี่อันหรานขมวดคิ้วนิดๆ ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง “เลิกพูดแบบนี้ได้หรือไม่ ท่านช่วยข้าทำงานเพราะ้าตอบแทนที่ข้าช่วยชีวิต แต่ถ้าหากข้าไม่ได้ช่วยท่านไว้ล่ะ ท่านคิดว่าข้าจะทำงานพวกนี้ด้วยตัวเองไม่ได้หรือ? ต่อให้ไม่มีท่าน ข้าก็สามารถจัดการสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองได้อยู่ดี”
เจียงเฉิงจึงค่อยเข้าใจสาเหตุที่หลี่อันหรานโมโห เขาเลิกคิ้วขึ้น “เ้าไม่พอใจเพราะข้าพูดเื่พวกนี้ใช่หรือไม่”
หลี่อันหรานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางพยายามปกปิดอารมณ์ตัวเอง “ไม่มีอะไรต้องไม่พอใจหรอก ในเมื่อท่านอยากช่วยเหลือข้าและอยากตอบแทนบุญคุณ เช่นนั้นนับจากพรุ่งนี้เป็ต้นไปก็ช่วยข้าทำความสะอาดพริกพวกนี้ ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าท่านจะช่วยข้าถึงเมื่อใดจึงจะถือว่าตอบแทนหมดและได้จากไปเสียที”
นางหันไปมองเจียงเฉิง ทว่าสายตาเขากลับทอดมองห่างไกลออกไปอย่างเลื่อนลอย ประหนึ่งกำลังขบคิดเื่นี้ แต่ในขณะเดียวกันก็คล้ายไม่ได้คิดอะไรเลย
แต่เมื่อเขากลับมาได้สติอีกครั้ง ดวงตาลุ่มลึกของเขาพลันดึงดูดนางอย่างแรงกล้า “มีเื่บางเื่ที่อยากทำให้สำเร็จ แต่แน่นอนว่าตอนนี้ต้องช่วยเ้าคิดค้นเต้าเจี้ยวเผ็ดที่ว่านั่นก่อน”
หลี่อันหรานชะงักทันที “มีเื่ที่ท่านต้องทำให้สำเร็จหรือ? ต้องให้ข้าช่วยหรือไม่? เกี่ยวกับเื่ที่จะตอบแทนบุญคุณข้าหรือไม่?” หลี่อันหรานมีความสงสัยเต็มอก
เจียงเฉิงเหมือนจะกำลังคิดเื่อะไรบางอย่าง แต่หลี่อันหรานไม่รู้ว่าคือเื่อะไร ถึงแม้นางจะถามออกไปแล้ว แต่เจียงเฉิงไม่คิดจะให้คำตอบ เขาทำเพียงยิ้มบางๆ ก่อนจะวางถ้วยชาลงข้างกาน้ำชา “ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน เ้าเองก็รีบพักผ่อน”
เขาลุกกลับห้องตัวเองเมื่อพูดจบ ทิ้งให้หลี่อันหรานนั่งงุนงงอยู่อย่างนั้น กระทั่งเมื่อเงาหลังของเขาหายเข้าไปในห้องและปิดประตูจึงค่อยได้สติ
นางหันไปมองถ้วยชาที่เจียงเฉิงวางลงเมื่อครู่ เขาไม่ดื่มชาถ้วยนี้ั้แ่ต้นจนจบ
หลี่อันหรานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางยกถ้วยชาในมือขึ้นจิบ ชามีรสเฝื่อนเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีรสขม ผู้ใดจะชมชอบชารสชาติแบบนี้กัน?
กระนั้นนางก็ยังคงยกดื่มหมดถ้วยในอึกเดียว แววตาปรากฏความแน่วแน่อย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน จากนั้นจึงเช็ดมุมปากด้วยแขนเสื้อ ก่อนลุกขึ้นนำกาน้ำชากับถ้วยชาที่มีรอยแตกไปเก็บแล้วกลับห้องไปพักผ่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้