“เ้าบอกว่าแม่กับพ่อกินลูกพลับหรือ?” หมอหลวงจ้าวมองหลิวเต้าเซียงด้วยความประหลาดใจ
หลิวเต้าเซียงหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม “ท่านหมอ หรือว่าลูกพลับนั้นมีปัญหา?”
หมอหลวงจ้าวเอื้อมมือออกมาลูบเคราแล้วตอบ “พ่อแม่เ้ากินไปกี่ลูก?”
การกินลูกพลับมากเกินไปอาจจะทำให้เป็โรคนิ่วได้ง่ายๆ อีกทั้งในยุคโบราณไม่อาจรักษาโรคชนิดนี้ได้ ในจิตใต้สำนึกของหลิวเต้าเซียงนั้นไม่เคยซื้อของสิ่งนี้กลับบ้านมาก่อน
มันเป็ความประมาทเลินเล่อชั่วขณะ เมื่อเทียบกับลูกพลัม บิดามารดานั้นยากที่จะได้กินลูกพลับสักครั้ง
และเพราะมันอร่อย ทั้งสองจึงกินไปหลายลูกเพื่อให้หายอยาก
“พ่อของข้ากินสามลูก แม่ของข้ากินมากหน่อย ทั้งหมดห้าลูก”
เมื่อพูดถึงตรงนี้นางก็สงสัยเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากถามหมอจ้าวได้อย่างไร หรือจะให้ถามเขาว่า พ่อแม่นางเป็โรคนิ่วหรือ แต่ไม่เคยได้ยินว่าจะเป็เร็วถึงเพียงนี้
ซูจื่อเยี่ยเหลือบมองหลิวเต้าเซียง แล้วหันไปเอ่ยกับหมอหลวงจ้าว “มีเื่อะไรก็พูดมาเถิด”
“แม่ทัพหารู้ไม่ว่า เต้าหู้ มันเทศกับลูกพลับ ล้วนเป็ของที่หาได้ทั่วไป มีเพียงการแยกกินจึงจะได้รับสารอาหารที่ดี แต่หากกินสามอย่างนี้รวมกันอาจส่งผลถึงชีวิต จากที่กล่าวคือ ทั้งสองกินของผิดโดยไม่รู้คุณโทษ เพียงแต่เมื่อครู่วัดชีพจรแล้ว ร่างกายของทั้งสองนั้นใช้งานหนักมานานหลายปี แม้ว่าในหนึ่งปีกว่าจะได้รับการบำรุงเื แต่ก็ไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้ภายในวันสองวัน ด้วยเหตุนี้เมื่อกินอาหารสามชนิดนี้ผสมกัน จึงเกิดอาการป่วยที่เร่งด่วนเช่นนี้”
สิ่งที่หมอหลวงจ้าวไม่ได้บอกคือ เขาสงสัยว่าอีกฝ่ายจงใจใช้วิธีที่โเี้
ขณะนี้หลิวเต้าเซียงยังไม่กระจ่างทั้งหมด แต่ไฟแห่งความโกรธก็ลุกโชนในใจอีกครั้ง หลิวฉีซื่อต้องรู้เื่นี้แน่นอนจึงจงใจให้พ่อแม่ของนางกินลูกพลับ นางย้อนนึกอย่างละเอียด หลิวฉีซื่อเพียงแค่กินเต้าหู้กับมันเทศ แต่ไม่ได้กินลูกพลับ นางกินแต่ลูกพลัม
หลิวต้าฟู่ไม่ชอบมันเทศมาโดยตลอด เพราะว่าตอนเด็กที่บ้านเขาไม่ได้กินข้าว มันเทศจึงกลายเป็อาหารหลัก พอตอนนี้เขาแค่เห็นมันเทศก็หมดความอยากอาหาร
หลิวเสี่ยวหลันชอบกินมันเทศและลูกพลับ แต่นางเกลียดกลิ่นคาวของถั่วในเต้าหู้ นางจึงไม่เคยกินเต้าหู้มาก่อน
สำหรับคนรับใช้สองคนในครอบครัว แม้ว่าพวกนางจะกินด้วยกัน แต่หลิวฉีซื่อก็ไม่ได้แบ่งลูกพลับกับลูกพลัมให้พวกนาง
ส่วนนางกับหลิวชิวเซียงกินเพียงแค่ลูกพลัม หลิวฉีซื่อบอกให้ชุ่ยหลิวห่อลูกพลับและลูกพลัมให้นางเอากลับบ้าน แต่หลังจากเอากลับมา ก็ถูกจางกุ้ยฮัวซ่อนไว้ บอกว่าครั้งหน้าจะนำไปให้ท่านยายได้ชิม
อาหารบางอย่างก็อร่อย แต่บางอย่างพอกินด้วยกันกลับกลายเป็ดั่งสารหนู
หลิวเต้าเซียงกัดฟันด้วยความเกลียดชัง ถ้าไม่ใช่เพราะบังเอิญมาเจอกับซูจื่อเยี่ย เห็นทีพ่อแม่ผู้แสนดีที่นางเพิ่งยอมรับในตัวพวกเขาก็คงต้องมาตายไปเช่นนี้?
เมื่อลองคิดดู ถึงแม้ทั้งสองจะยากจน แต่จิตใจที่รักใคร่บุตรสาวนั้นก็เหมือนกับบิดามารดาทั่วแผ่นดิน
นางนึกโกรธเกลียดหลิวฉีซื่อที่โเี้อำมหิต กล้าลงมือต่ำช้าได้ถึงเพียงนี้
หรือว่าหลิวฉีซื่อมานึกเสียใจทีหลังที่แบ่งสมบัติให้ครอบครัวนางมากเกินไปหรือ?
ซูจื่อเยี่ยเป็คนยุคโบราณโดยแท้ เขาเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ดี มีกินมีใช้ แต่ก็เต็มไปด้วยความแก่งแย่งชิงดีกัน ดังนั้นเขาย่อมเข้าใจเื่นี้ดีกว่าหลิวเต้าเซียง
เขาหรี่ตาลงพร้อมกับมองไปที่หมอหลวง แล้วสบถออกมา “ช่างร้ายกาจจริงๆ”
“คนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่รู้” คําพูดของหมอหลวงจ้าวนั้นสั้นมาก แต่กลับเป็การบอกซูจื่อเยี่ยว่า ชาวบ้านทั่วไปไม่มีทางรู้เื่เหล่านี้ แม้ว่าในวังเอง สนมเ่าั้ก็คงไม่รู้ข้อนี้เช่นกัน
นี่คือมีดที่ใช้ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา
แผนการของหลิวฉีซื่อนั้นทำได้งดงามยิ่งนัก หากเขาไม่ได้มาที่นี่อย่างกะทันหัน เห็นทีบิดามารดาของหลิวเต้าเซียงต้องทิ้งชีวิตไปทั้งอย่างนั้นเอง?
ส่วนนางก็จะกลายเป็เด็กกำพร้าที่ไม่มีบิดามารดา?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หัวใจของซูจื่อเยี่ยก็อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
กล้าที่จะรังแกคนที่เขาปกป้อง คงไม่อยากอยู่ดีแล้วสินะ!
หมอหลวงจ้าวเห็นท่าทีของเขา ก็รู้ว่าคนที่ลงมือคงต้องสวดมนต์ภาวนาให้มาก
เขาส่ายหัว ก่อนจะหยิบพู่กันและหมึกออกมาเขียนใบสั่งยา
“สาวน้อย นี่คือใบสั่งยาที่ให้พ่อเ้า เนื่องจากอาการของเขาเบากว่า ไม่จำเป็ต้องใช้ยาที่แรงนัก ข้าจึงเขียนไว้ต่างหาก ส่วนอีกหนึ่งใบเป็ของแม่เ้า อืม เนื่องจากทั้งสองคนอ่อนเพลียอย่างรุนแรง ข้าจึงเพิ่มยาบำรุงเข้าไป เพียงแต่ยาทั้งสองต้องใช้ตัวนำยา ซึ่งก็คือผงเถ้าในชั้นด้านในของเตาดินเก่าแก่ ในยาหนึ่งสำรับให้ใส่ผงเถ้าหนึ่งเฉียน น้ำห้าถ้วยต้มเป็หนึ่งถ้วยแล้วให้ทั้งสองดื่ม วันละสามเวลา ยาหนึ่งสำหรับดื่มสามครั้ง ยาที่ข้าสั่งให้คือสามวัน หลังจากสามวันข้าจะมาตรวจดูอาการอีกที”
หมอหลวงจ้าวชี้แจงกับหลิวเต้าเซียงอย่างละเอียดและจริงจัง จากนั้นก็เก็บของแล้วยืนอยู่ด้านข้าง
หลิวเต้าเซียงไม่ใช่คนยุคโบราณโดยแท้จริง และไม่ได้มาจากครอบครัวตระกูลใหญ่โต ย่อมไม่รู้ว่าการที่หมอหลวงจ้าวยืนอยู่ด้านหลังซูจื่อเยี่ยนั้นมีความหมายเช่นไร
นางนึกว่าหมอหลวงจ้าวเพียงทำเช่นนั้นตามอำเภอใจ
นางพยายามระงับความเกลียดชังที่ก่อตัวขึ้น จากนั้นรวบรวมสติและจดจำคำพูดของหมอหลวงจ้าว
“พี่จื่อเยี่ย ขอบใจมาก”
เมื่อนางเอ่ยปาก ทำเอาหมอหลวงจ้าวที่อยู่ตรงเสาผนังถึงกับสะดุ้งใ
พี่จื่อเยี่ย?
เขามองไปที่ซูจื่อเยี่ยอย่างคลุมเครือ ถึงวัยมีความรักแล้วหรือ?
เขาเอื้อมมือออกไปััเครา หรือเพราะว่านี่คือโชคชะตาแห่งรัก? แต่สาวน้อยตรงหน้าเด็กเกินไปหรือไม่ จู่ๆ หมอหลวงจ้าวก็รู้สึกเหมือนกำลังดูละครรัก
เขาชื่นชมความสงบนิ่งของหลิวเต้าเซียง และมันยากที่จะเชื่อว่าสาวชนบทจะมีจิตใจที่ดีเช่นนี้
ซูจื่อเยี่ยมองไปที่ดวงตาของนางอย่างจริงจัง ราวกับมองตรงทะลุเข้าไป “มีข้าอยู่ทั้งคน วางใจได้”
เขาจะไม่ยอมให้ใครกลั่นแกล้งคนของเขาอีก
เมื่อหลิวเต้าเซียงรู้ว่าหากบิดามารดาได้ดื่มยาก็จะไม่เป็ไร จึงวางใจอย่างแท้จริง จากนั้นจึงคิดว่าต่อไปจะตอบแทนคุณทั้งสองให้ดี
หลังจากผ่านพ้นความตายมาได้ ย่อมต้องมีโชค
หลิวเต้าเซียงกํามือเล็กไว้แน่น นางต้องพยายามเก็บเงินให้มากๆ เพื่อทำให้หลิวฉีซื่ออิจฉาตาร้อน
การแก้แค้นไม่จําเป็ต้องบอกให้ใครตาย แต่ต้องขยี้จุดที่ทำให้คนผู้นั้นเจ็บใจอย่างถึงที่สุด ทำให้เ็ปจนแทบอยากตายเสียให้ได้
นาง้าให้หลิวฉีซื่อเห็นความมั่งคั่งอยู่ในสายตา แต่มิอาจได้แม้เพียงนิดเดียว
สำหรับหลิวฉีซื่อ นั่นคงเป็ความเ็ปที่ทรมานที่สุด
หลิวเต้าเซียงส่งยิ้มให้ซูจื่อเยี่ยเป็ครั้งแรกนับั้แ่รู้จักกันมา ทั้งบริสุทธิ์และอ่อนหวานสวยงาม
นางพยายามสร้างูเาที่แข็งแกร่งให้กับตัวเอง
ซูจื่อเยี่ยไม่นึกรังเกียจ ในทางตรงกันข้าม เขาคิดว่าหลิวเต้าเซียงเป็คนที่รู้ว่าควรทำอะไรเมื่อไร รู้ว่าควรตัดสินใจอะไรเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
เขายักคิ้วขึ้นและเหลือบมองแม่สาวน้อยครู่หนึ่ง
“พี่จื่อเยี่ย พวกเ้าคงยังไม่ได้กินข้าวสินะ เช่นนั้นให้ข้าเป็เ้ามือเลี้ยงพวกเ้าสักมื้อเถิด”
หลิวเต้าเซียงไม่ใช่คนไร้เดียงสา แต่ก่อนนางไม่ชอบเสแสร้ง เพียงเพราะว่า้าใช้ชีวิตสงบสุขอย่างคนมีเงิน ไม่ต้องร่ำรวยมากมาย เพียงแต่มีกินมีใช้อย่างไม่กังวล มีคนคอยรับใช้ เวลาเดินทางไปไหนก็มีรถม้าให้นั่ง เท่านี้นางก็พึงพอใจแล้ว
มนุษย์ไม่ควรคิดร้ายต่อใคร แต่ก็ห้ามขาดความประมาท
หลิวฉีซื่อให้บทเรียนที่มีค่าแก่นาง ทำให้นางได้สติว่า นี่คือราชวงศ์โจว ไม่ใช่ยุคปัจจุบันที่เป็อารยชน
การฆ่าคนที่นี่ ตราบใดที่ไม่โดนจับได้ คนตายก็ได้ตายเปล่า
เช่นเดียวกับวันนี้ แผนวางยาพิษของหลิวฉีซื่อนั้นซับซ้อนหลายชั้น จนท้ายที่สุดเกือบทำให้บิดามารดาของหลิวเต้าเซียงต้องจบชีวิตลง
สมองที่มีแต่ขี้เลื่อยของหลิวฉีซื่อไม่มีทางคิดวิธีวางยาพิษเช่นนี้เองได้แน่ นางหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่ว่าใครที่เป็คนบอกกล่าววิธีนี้ พิสูจน์ได้ว่าคนผู้นั้นมีความกล้าอย่างมาก กล้าเสียจนแม้ว่าสองสามีภรรยาตายไป ก็ไม่กลัวว่าพวกนางสองพี่น้องจะไปฟ้องที่อำเภอ
หลิวเต้าเซียงต้องยอมก้มหัว นาง้าเชื่อมสัมพันธ์อันดีกับซูจื่อเยี่ย ขอเพียงยังมีที่พึ่ง นางก็ไม่กลัวพวกคนใหญ่คนโตจะลงมือทำอะไรลับหลัง
“ไปกินข้างนอกเถิด รอพ่อแม่เ้าอาการดีขึ้นเมื่อไร เ้าค่อยมา...โรงเตี๊ยม ข้าจะรอเ้าเข้าครัวด้วยตัวเอง”
อาหารของหลิวเต้าเซียงนั้นถือว่าใช้ได้ แต่ก็แค่ใช้ได้ เมื่อเทียบกับพ่อครัวใหญ่ย่อมไม่มีทางเทียบได้ แต่ซูจื่อเยี่ยกลับชื่นชอบเป็อย่างมาก เพียงเพราะว่าเขาเห็นบางสิ่งในตัวของนางที่ทำให้เขาอิจฉา
สิ่งนั้นเรียกว่าความสุข!
ยาใกล้จะต้มเสร็จแล้ว เมื่อหลิวซานกุ้ยกับจางกุ้ยฮัวได้ดื่มยาเรียบร้อยก็ผล็อยหลับไป เพราะว่าหมอหลวงจ้าวได้เพิ่มยานอนหลับเข้าไปเล็กน้อย
หมอหลวงจ้าววัดชีพจรทั้งสองคนอีกครั้ง “สาวน้อย ร่างกายของพ่อกับแม่ของเ้าได้รับความเสียหายจากอาหาร ่นี้คงต้องระวังเื่การใช้น้ำมันกับเกลือ อืม นอกจากข้าวต้ม ไม่ควรให้กินอย่างอื่น น้ำดื่มต้องเป็น้ำต้มเดือดเท่านั้น ระวังน้ำชาด้วย”
“รบกวนท่านหมอแล้ว ข้าแซ่หลิว เป็คนรองในตระกูล” ิญญาของหลิวเต้าเซียงเป็ผู้ใหญ่ พอฟังเขาเรียกสาวน้อยจึงรู้สึกเก้ๆ กังๆ ไม่น้อย!
“คุณหนูรองหลิว รออีกหนึ่งชั่วยามข้าจะมาดูให้” หมอหลวงจ้าวเห็นว่าทั้งสองได้ดื่มยาและท่าทางเ็ปได้ทุเลาลงบ้าง
หลิวเต้าเซียงรีบขอบคุณเขาอีกครั้ง หมอหลวงจ้าวแบกกล่องยาไว้บนหลังและขอตัวออกไปก่อนอย่างรู้หน้าที่
กลัวว่าถ้าเขาออกไปช้ากว่านี้ เห็นทีคงเก็บหนวดเคราสวยงามไว้ไม่อยู่แน่!
หลังจากหมอหลวงจ้าวเดินออกไป หลิวเต้าเซียงเห็นว่ารอบข้างไม่มีผู้ใดแล้ว จึงบอกความคาดเดาของตนออกมาให้ซูจื่อเยี่ยฟัง
“เ้าสงสัยว่าเป็ฝีมือย่าเ้าหรือ?” ซูจื่อเยี่ยเองก็พอมีเงื่อนงำในใจบ้างแล้ว พอได้ยินหลิวเต้าเซียงกล่าวเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ
หลิวเต้าเซียงถอนหายใจ “เงินตราทำให้คนหวั่นไหว น้าชายข้าไหว้วานให้คนส่งเงินมาหนึ่งร้อยตำลึงเป็เงินสินเ้าสาวให้แม่ข้าตอนเช้า พอท่านย่าข้าได้ข่าว ตอนเที่ยงก็เรียกครอบครัวข้าไปกินข้าวด้วยกัน”
นางสงสัยว่า เหตุใดหลิวฉีซื่อจึงไม่ทำร้ายพวกนางสามพี่น้องด้วย
“ก็พอเป็ไปได้ ถึงอย่างไรอาหารเ่าั้ย่าเ้าก็เป็คนให้ หากว่าไม่ได้กินพร้อมกันก็คงไม่ถึงขั้นเป็อันตราย ย่าเ้า้าทำร้ายพ่อแม่เ้า เช่นนั้นเงินสินเ้าสาวก็จะตกเป็ของพวกเ้าสามพี่น้อง แต่ช้าเร็วพวกเ้าก็ต้องแต่งไปบ้านอื่นอยู่ดี”
ดังนั้น…
แม้ว่าซูจื่อเยี่ยจะไม่ได้พูด แต่หลิวเต้าเซียงก็เข้าใจ
หลิวฉีซื่อเพียงแค่อิจฉาตาร้อนที่บ้านจางกุ้ยฮัวกำลังได้ดี จึงอยากฆ่าจางกุ้ยฮัวกับหลิวซานกุ้ยให้ตาย แต่ในมือยังมีไพ่ซึ่งก็คือสามพี่น้อง หลิวฉีซื่อเชื่อว่า หากจางอวี้เต๋อรับรู้ก็จะยิ่งเป็ห่วงและรักใคร่ทั้งสามพี่น้อง ส่วนเขาที่อยู่ไกลจากบ้านคงไม่อาจดูแลหลานสาวทั้งสามได้ ถึงตอนนั้นคงต้องส่งเงินมาให้หลิวฉีซื่อช่วยดูแล
เช่นนั้นนางก็จะได้รับเงินจำนวนไม่น้อยมาเปล่าๆ
นี่คือเหตุผลที่แท้จริงของหลิวฉีซื่อที่กล้าลงมืออย่างเหี้ยมโหด ลำพังกระดาษเงินหนึ่งร้อยตำลึง คงไม่ทำให้นางหวั่นไหว
ซูจื่อเยี่ยมองไปที่ร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นจึงเอ่ยถามอย่างไม่ทันรู้ตัว “้าให้ข้าช่วยหรือไม่?”
หลิวเต้าเซียงเข้าใจความหมายของเขา คำว่าช่วยซึ่งหมายถึงกำจัดทิ้ง หรือก็คือจัดการเก็บคนที่มุ่งร้ายต่อนาง
“แค้นของข้า ข้าจะเอาคืนเอง” หลิวเต้าเซียงตัดสินใจแล้ว นางต้องใช้ผลประโยชน์จากนิ้วมือทอง จากนั้นอาศัยความสามารถของตนขึ้นข่มหลิวฉีซื่อให้ได้
ซูจื่อเยี่ยคาดเดาคำตอบนี้ไว้อยู่แล้ว ได้ยินดังนั้นจึงไม่ได้โมโหแต่อย่างใด
-----
