ณ ห้องหนังสือของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์
“เสด็จพ่อ ลูกหลานตระกูลหานตอนนี้เหลือแค่หานเฟิงและหานเฉินแล้ว เราควรปล่อยพวกเขาไปหรือ......” องค์ชายสาม สุ่ยเย่ว์หรูหวาวางมือบนคอพลางทำท่าลูบคอ กล่าวขึ้น
“ไม่ได้ ยามนี้เราห้ามทำอะไรพวกเขา หานจี้เซิ่งตาเฒ่านั่นมีบุตรชายทั้งหมดสามคน หลานชายห้าคน บัดนี้บุตรชายสามคน ตายไปแล้วสอง หายสาปสูญหนึ่ง หลานชายทั้งห้าเป็สวะไปแล้วสาม สองคนที่เหลือพวกเราต้องรอก่อน อายุขัยของตาเฒ่านั่นก็ใกล้จะหมดแล้ว หากหลานชายทั้งสองเป็อะไรขึ้นอีก ถึงตอนนั้น เขาคงไม่สนใจอะไรแล้ว คิดแต่จะแก้แค้นเรา เช่นนั้นเราจะอาจตกหลุมพลางได้ ฉะนั้น เราต้องรอก่อน รอให้ตาเฒ่านั่นตายไป แบบที่เราไม่ต้องลงมือ ตระกูลหานคนอื่นๆ คงไม่นิ่งนอนใจแน่ ถึงตอนนั้นเราแค่มองดูนกกับหอยทะเลาะกันก็พอแล้ว” จักรพรรดิสุ่ยเย่ว์...สุ่ยเย่ว์หานซานกล่าวกับสุ่ยเย่ว์หรูหวา
“เสด็จพ่อ ท่านระวังตัวเกินไปแล้ว! หานเฟิงอยู่ในสำนักชิ่งหวาย่อมมีศัตรูแน่ เราแค่คิดวิธีให้พวกเขาจัดการหานเฟิงก็พอแล้ว คนของเราไม่ต้องลงมือเองสักนิด ตายในหน้าที่ มิใช่เื่ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือ? ต่อให้หานจี้เซิ่งจะรู้ แต่ก็บอกได้ว่าพลังปราณของหานเฟิงไม่มากพอถึงเสียชีวิต ต่อให้หานจี้เซิ่งคลุ้มคลั่ง ก็คงไปหาเื่สำนักชิ่งหวา ไม่เกี่ยวข้องกับเรา ครั้นหานเฟิงตายไป ตระกูลหานก็จะเหลือเพียงสวะหานเฉิน เราก็ไม่ต้องเกรงกลัวอะไรแล้ว” สุ่ยเย่ว์หรูหวาพูดด้วยใบหน้าเหี้ยมโหด หากคนภายนอกได้เห็นทีท่าของสุ่ยเย่ว์หรูหวาในเวลานี้ คงคิดว่ามิใช่เป็คนเดียวกับองค์ชายสามที่แสนอบอุ่นผู้นั้น
“เ้าคิดว่าตาเฒ่าหานเป็คนโง่เขลารึ? เล่ห์เหลี่ยมของเ้าจะปกปิดเขาได้ยังไง ข้าขอเตือนเ้า เ้าห้ามทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า หากแผนการร้ายของเราพังไม่เป็ท่า ข้าไม่ให้อภัยแน่
สุ่ยเย่ว์หานซานกล่าวเตือนสุ่ยเย่ว์หรูหวา เวลานี้พวกเขาไม่ควรเผชิญหน้ากับหานจี้เซิ่ง ว่ากันว่า เท้าเปล่ามักไม่กลัวการใส่รองเท้า มันสมเหตุสมผลนัก หากทำให้หานจี้เซิ่งร้อนใจ ถึงตอนนั้นไม่เขาหรือเราต้องตายกันไปข้าง และในท้ายที่สุด ความโชคร้ายคงตกเป็ของพวกเขา ยามนี้จึงได้แต่เฝ้าดูสถานการณ์เพื่อเตรียมรับมือ
ครั้นสุ่ยเย่ว์หานซานตักเตือนสุ่ยเย่ว์หรูหวาแล้ว กล่าวต่อว่า “ที่ข้าให้เ้าตามสืบเย้าซือผู้นั้น สืบไปถึงไหนแล้ว?” อยู่ๆ สุ่ยเย่ว์หานซานก็นึกถึงยาิญญาเกรดดีเ่าั้ที่ปรากฏขึ้นในหลายๆ เมืองของจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์ ก็ไม่รู้ว่าสำหรับจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์นี่คือคำอวยพรหรือคำสาปกันแน่ เขารู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเื่นี้ ยาชุดนี้สามารถสร้างยอดฝีมือได้ไม่น้อย หากยาเหล่านี้ไม่ตกอยู่ในมือของราชวงศ์ ถ้าอย่างนั้น เขาต้องจะใช้กำลังทั้งหมดตัดแหล่งที่มานี้ ภัยคุกคามใดๆ ต้องขจัดให้สิ้น สาเหตุที่ราชวงค์สุ่ยเย่ว์ปกครองมานานหลายปี ก็เป็เพราะพวกเขามีอำนาจเด็ดขาด ยามนี้เหตุผลที่พวกเขากำจัดตระกูลหาน ก็เพราะตระกูลหานคุกคามพวกเขา ทำให้ถึงจุดสั่นคลอน
“ไม่มีเงื่อนงำใดๆ ทุกครั้งที่คนขายยาิญญาปรากฏตัวจะตัวปลอม ทำตัวลึกลับซับซ้อน ลึกลับยิ่งนัก ยิ่งกว่านั้นพลังปราณคงสูงมาก ข้าส่งมือดีไป แต่ก็ไม่มีใครสกัดเขาได้” เห็นสุ่ยเย่ว์หานซานมีสีหน้าไม่สู้ดี สุ่ยเย่ว์หรูหวาพูดอย่างระแวดระวัง ถึงแม้ว่าสุ่ยเย่ว์หานซานจะรักเขามากกว่าบุตรคนใด ทว่าหากสุ่ยเย่ว์หานซานบันดาลโทสะ สุ่ยเย่ว์หรูหวายังคงหวาดกลัว ศักดิ์ศรีของจักรพรรดิแข็งแกร่งมาก
ได้ฟังสุ่ยเย่ว์หรูหวา สุ่ยเย่ว์หานซานเอ่ยกับสุ่ยเย่ว์หรูหวาอย่างไม่พอใจนักว่า “บัดนี้ ความสามารถในการจัดการเื่ต่างๆ ของเ้า แย่ลงเรื่อยๆ ขนาดเื่เล็กน้อยนี้ก็ยังทำได้ไม่ดี ระยะนี้ เ้าคงมิได้มัวแต่ใส่ใจหญิงพลเรือนผู้นั้นหรอกนะ”
่ปีที่ผ่านมา สุ่ยเย่ว์หรูหวาวิงวอนขอร้องที่จะตบแต่งกับหญิงพลเรือนในฐานะพระชายา จนเกือบจะบ้าคลั่ง หากมิใช่เพราะเขาสะกดอารมณ์ไว้ ไม่แน่ว่า สุ่ยเย่ว์หรูหวาคงให้หญิงผู้นั้นแต่งเข้าวังแต่แรกแล้ว ว่ากันว่าสิ่งที่ไร้ความปรานีที่สุดก็คือราชวงศ์ เริ่มแรกสุ่ยเย่ว์หรูหวาปฏิเสธที่จะแต่งงานกับหานรุ่ยซึ่งกลายเป็สวะ สุ่ยเย่ว์หานซานมีความสุขอยู่พักหนึ่ง คนที่จะเป็จักรพรรดิ คือคนไม่เห็นแก่เื่รักใคร่ของบุตรที่สุด เขารู้สึกว่าสุ่ยเย่ว์หรูหวาทำได้ดี หากไร้ซึ่งประโยชน์ก็จงทอดทิ้งเสีย แต่ใครจะคิดว่าสุ่ยเย่ว์หรูหวากลับหลงใหลในตัวหญิงพลเรือนนางหนึ่ง ทั้งยังหลงรักผู้หญิงผู้นั้นหัวปักหัวปำ ช่างเป็ตลกเื่หนึ่ง ราชวงศ์ไม่้าความรัก ้าเพียงผลประโยชน์ คนที่ไร้ประโยชน์ เล่นไปพลางๆ ได้ แต่ทว่า ยังไงก็ต้องยับยั้งอารมณ์อันแท้จริง
ได้ฟังคำของสุ่ยเย่ว์หานซาน สุ่ยเย่ว์หรูหวาถอนหายใจครู่สั้นๆ คิดในใจ เสด็จพ่อไม่ชอบอวี้หรู หากทำเื่นี้ไม่สำเร็จจะกดดันเขาเื่อวี้หรูมากขึ้น การที่เขาจะได้แต่งงานกับอวี้หรูคงห่างไกลยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงรีบอธิบาย “เสด็จพ่อ มิใช่ว่าลูกจะไม่สนใจ แต่คนๆ นั้นฉลาดแยบยลเหลือเกิน ยามนี้ข้าส่งคนไปดูร้านค้าในเมืองใหญ่ๆ แล้ว ขอเพียงคนนั้นปรากฎ ข้าจะจับเขาได้ทันที เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจัดการเื่นี้ได้แน่ ปัญหาอยู่ที่เวลาเท่านั้น”
“ปัญหาอยู่ที่เวลาเท่านั้น เ้าทราบดีว่ายามนี้สิ่งที่เราขาดมากที่สุดคือเวลา หากยาเกรดดีเ่าั้ถูกทิ้งขว้างโดยไม่มีใครดูแล ยอดฝีมือจำนวนมากจะปรากฏตัวขึ้นในอนาคต ถึงตอนนั้นคิดจะกำจัดก็สายเสียแล้ว ั้แ่เช้ายันค่ำเ้ามัวคิดอะไรอยู่ ในสมองมีแต่หญิงผู้นั้น ยามนี้ข้าขอบอกเ้าให้ชัดๆ การแต่งงานกับหญิงพลเรือนในฐานะพระชายา ไม่มีทาง ข้าทนเ้ามานานแล้ว อย่าปล่อยให้คำพูดของข้าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา หากเ้ายังหมกมุ่นอีก ข้าจะใช้วิธีการของข้าทำให้แม่หญิงผู้นั้นหายไป เ้าก็รู้ว่าข้าทำมันได้ มิใช่แค่จะขู่ขวัญเ้า ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาทำลายเ้า เ้าก็รู้ว่าเ้าเป็องค์ชายที่ข้าพึงพอใจที่สุด พ่อหวังกับเ้าไว้สูง เ้าอย่าทำให้พ่อผิดหวัง” สุ่ยเย่ว์หานซานพูดอย่างไม่พอใจด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
พูดจบ สุ่ยเย่ว์หานซานชะงักไปครู่หนึ่ง พลางมองสุ่ยเย่ว์หรูหวา พูดชี้แนะจากใจจริงด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า “พ่อแก่แล้ว พยายามช่วยกำจัดตัวถ่วง แต่เ้าขัดแข้งขัดขาพ่อ” พูดจบ เขามองดูบุตรชายรูปงามที่ยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาของบุตรชายไม่อาจซ่อนความทะเยอทะยานไว้ได้ สุ่ยเย่ว์หานซานคิดในใจ มีทะเยอทะยานดีแล้ว แค่เกรงว่าเขาจะไม่มีทะเยอทะยาน นี่คือผู้สืบทอดที่เขาปลูกฝังมา เขาจะไม่ยอมให้ใครทำลายเขา
คิดถึงตรงนี้ เขาลดน้ำเสียงลงและเอ่ยกับสุ่ยเย่ว์หรูหวาว่า “ในเมื่อเ้าชอบหญิงผู้นั้น ก็ตบแต่งให้มาเป็พระสนมละกัน ข้าถอยได้ที่สุดเท่านี้” สุ่ยเย่ว์หานซานไม่้าที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสุ่ยเย่ว์หรูหวาเพียงเพราะสตรีผู้หนึ่ง ไม่เช่นนั้นเขาคงทำให้หญิงผู้นั้นหายไปนานแล้ว สุ่ยเย่ว์หานซานคิดหนัก ก็แค่สตรีคนเดียว ในเมื่อสุ่ยเย่ว์หรูหวา้า เขาก็จะยอมให้
สุ่ยเย่ว์หรูหวาได้ยินคำพูดของสุ่ยเย่ว์หานซาน รับรู้ว่าเขาไม่อาจแต่งงานกับอวี้หรูในฐานะพระชายาได้ สำหรับวิธีของสุ่ยเย่ว์หานซาน เขาก็เข้าใจ หากเขา้าให้อวี้หรูหายไป ย่อมทำได้อยู่แล้ว บัดนี้ให้อวี้หรูแต่งงานกับเขาในฐานะพระสนม เขาพึงพอใจมากแล้ว อีกอย่าง อวี้หรูบอกกับเขาว่า เธอไม่สนใจยศถาบรรดาศักดิ์ เธอแค่อยากอยู่กับเขา แต่เป็เพราะเขาอยากให้เป็ธรรมกับอวี้หรู ตอนนี้ได้เป็พระสนมถือว่ามิใช่เื่ง่าย เขากลัวจริงๆ ว่าเสด็จพ่อจะเคืองโกรธจนฆ่าอวี้หรูทิ้งเสีย ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อยังคงใส่ใจความรู้สึกระหว่างพวกเขาอยู่ สุ่ยเย่ว์หรูหวาเข้าใจดีว่าควรหยุดแค่หอมปากหมอคอ สาเหตุที่เขาเอะอะโวยวายก่อนหน้านี้ หลักๆ คืออยากรู้ว่าเขาอยู่ตรงไหนในจิตใจของเสด็จพ่อ และต่อสู้เพื่อตำแหน่งของอวี้หรูให้มากที่สุดเท่าที่เป็ไปได้ เขารู้ว่าอวี้หรูเป็หญิงพลเรือน การจะเข้ามาในวังหลวงคงเป็ได้แค่นางบำเรอ สำหรับอวี้หรูนั้นเขารักชอบจากใจจริง เมื่อคิดถึงหญิงสาวที่เป็ดั่งน้ำนั้น สุ่ยเย่ว์หรูหวาก็ร้อนใจ ตอนนี้เขาคิดถึงนางอีกแล้ว
สุ่ยเย่ว์หานซานเห็นสุ่ยเย่ว์หรูหวาจินตนาการอยู่เบื้องหน้าเขา เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจพลางโกรธเป็ฟืนเป็ไฟว่า “เ้าไปเมืองอันหวาครั้งนี้ พานายน้อยจากตระกูลไป๋...ไป๋จิ่นอวี้ ไปด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดของสุ่ยเย่ว์หานซาน สุ่ยเย่ว์หรูหวาเก็บความสุขบนใบหน้า เขารู้ว่าเมื่อครู่นี้เขาลืมตัวต่อหน้าเสด็จพ่อของเขา จึงพูดอย่างยับยั้งชั่งใจว่า “นายน้อยจากตระกูลไป๋...ไป๋จิ่นอวี้? เขาอยู่สำนักชิ่งหวามิใช่หรือ?”
เห็นสุ่ยเย่ว์หรูหวายับยั้งชั่งใจ สุ่ยเย่ว์หานซานอดกลั้นอารมณ์ที่ไม่พอใจเมื่อครู่นี้ กล่าวขึ้น “กลับมาได้ครึ่งปีแล้ว ยังไม่กลับไป เขาคือคนที่ข้าและเสด็จแม่ของเ้าเลือกให้มาเป็พระชายาของเ้า รอเ้ากลับมา ข้าจะให้พวกเ้าแต่งงานกัน คราวนี้เขาจะไปกับเ้า เ้าก็อย่าพาหญิงพลเมืองผู้นั้นไปด้วยล่ะ อย่าละเลยเขา ไป๋จิ่นอวี้ไม่เพียงเป็บุตรของตระกูลไป๋ ยังเป็ศิษย์ของเย้าตานหรือนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงแห่งสำนักชิ่งหวา ต่อไปคงกลายเป็เย้าตานอย่างแน่นอนเสมือนการตอกตะปูลงบนแผ่นเหล็ก เขาไม่ได้แย่ไปกว่าหานรุ่ยในตอนนั้นเลย ทั้งยังมีสำนักหนุนหลังดั่งูเาที่พึ่งพิงได้ เ้าก็รู้ว่าสำนักชิ่งหวาคือสำนักใหญ่ ภายในสำนักมียอดฝีมือมากมาย หนึ่งคนในนั้น เทียบได้กับคนทางโลกหลายคน หากมิใช่เพราะรากิญญาของเ้าค่อนข้างแย่ ข้าคงส่งเ้าไปแล้ว เวลานี้เ้าจะได้แต่งงานกับศิษย์ระดับสูงของสำนักชิ่งหวา ต่อจากนี้ไปก็ถือว่าเกี่ยวข้องกับสำนักชิ่งหวา”
ใครต่างทราบดี บนแผ่นดินชางหลาน ไม่เพียงมีสามจักรวรรดิ แต่ยังมีสามสำนัก โดยสามสำนักนี้แบ่งเป็สำนักชิ่งหวา สำนักเหลยเตี้ยน และสำนักจื่อหยุน ทั้งสามสำนักจะไม่ยุ่งเกี่ยวเื่ทางโลก มุ่งแต่การบำเพ็ญเพียร ทว่าไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ การรับศิษย์ของทั้งสามสำนักจะเข้มงวดมาก หากมิใช่รากิญญาคู่ก็จะไม่รับ และต้องมีอายุหกขวบเท่านั้น มากกว่านี้ก็จะไม่รับ
“ข้ารู้แล้วเสด็จพ่อ ข้าจะปฏิบัติต่อเขาอย่างดีแน่นอน” สุ่ยเย่ว์หรูหวาไม่ได้คัดค้านการแต่งงานครั้งนี้ เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าคู่ชีวิตของเขาต้องเป็คนสูงศักดิ์ และต้องมีอำนาจยิ่งใหญ่สนับสนุนอยู่เื้ั แม้ว่าเขาจะเคยพบไป๋จิ่นอวี้เพียงครั้งเดียว เมื่อตอนอายุหกขวบ ครานั้นไป๋จิ่นอวี้ยังขู่ว่าจะแต่งงานกับเขา คิดไม่ถึงว่าสิบปีผ่านมา เื่ตลกนี้จะเป็จริง ตอนนี้เขาจำไม่ได้ว่าไป๋จิ่นอวี้หน้าตาอย่างไร ทว่าเขาคิดว่าต้องดีกว่าหานรุ่ยแน่ ขนาดตอนแรกเขายังยินดีจะแต่งงานกับหานรุ่ย การแต่งงานกับไป๋จิ่นอวี้ครั้งนี้ ก็มิใช่ปัญหาของเขา สุ่ยเย่ว์หานซานดีใจยิ่งนัก คิดในใจ ดูเหมือนเ้าลูกชายจะไม่ถูกความงามเข้าครอบงำ ยังตระหนักถึงความสำคัญเป็หลัก จากนั้นเขาก็เล่าข่าวคราวที่รับรู้มาให้สุ่ยเย่ว์หรูหวาฟัง กล่าวขึ้น “เดิมทีตระกูลไป๋ตั้งใจจะให้ไป๋จิ่นอวี้แต่งงานกับพี่ใหญ่ของเ้า...สุ่ยเย่ว์หรูเฟิง แต่ไป๋จิ่นอวี้มิได้ชอบพอพี่ใหญ่ของเ้า ยืนกรานจะไม่แต่งงานด้วย ประมุขของตระกูลไป๋รักหลานคนนี้มาก จึงขอร้องข้าให้เขาแต่งงานกับเ้า ข้าก็ตั้งใจจะหาคู่ครองให้เ้าพอดี จึงนึกถึงตระกูลไป๋...ไป๋จิ่นอวี้คนนี้ รู้สึกว่าเหมาะสมกับเ้า ตระกูลไป๋ก็มาพูดเื่แต่งงานพอดี ข้าจึงตอบตกลง คนที่จะมาเป็พระชายารักเ้าเช่นนี้ คือพรของเ้าแล้ว จากนี้ไปจิตใจของเขาย่อมเฝ้ามองแต่เ้า”
“เสด็จพ่อ โปรดวางใจ ข้ารู้ดีว่าอะไรสำคัญ ก่อนหน้านี้ทำให้ท่านเป็กังวลแล้ว” สุ่ยเย่ว์หรูหวากล่าว สุ่ยเย่ว์หรูหวาเข้าใจเื่ไป๋จิ่นอวี้ดี เช่นนั้นเขายิ่งต้องแต่งงานด้วย เขาเต็มใจจะแย่งของๆ สุ่ยเย่ว์หรูเฟิง
สองพ่อลูกพูดคุยกันเื่งานประมูลต่อ สุ่ยเย่ว์หรูหวาก็ขอตัวลา
