เปิดประตูสู่ความมั่งคั่งในยุค 90 : ความรุ่งโรจน์ของหญิงสาวผู้เกิดใหม่

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เวลานั้นสือเจียงหย่วนเอ่ยขึ้น “เอาละ คุณตามสบายเลย ผมดื่มเก่งนะ เบียร์แบบนี้สิบกระป๋องก็ไม่มีปัญหา แต่ผมก็ต้องควบคุมตัวเองเหมือนกัน คืนนี้จะดื่มแค่สามกระป๋องพอ”

        คังอิงได้ยินคำพูดหนักแน่นของสือเจียงหย่วน เธอก็รอดูอย่างใจจดใจจ่อ

        งานเลี้ยงขนาดใหญ่เล็กที่เธอเคยร่วมงานมานั้นมีไม่น้อยกว่าพันงานเลี้ยง เธอรู้ดีว่าเมื่อเมาจนครื้นเครงแล้ว คนพวกนั้นมักจะทำลายกฎที่ตัวเองตั้งไว้

        สือเจียงหย่วนบอกว่าจะดื่มแค่สามกระป๋อง แต่พอเมาแล้วบางทีอาจจะดื่มสิบกว่ากระป๋องก็เป็๞ได้

        ผู้ชายที่มีวินัยในตัวเอง หากพูดว่าจะดื่มเหล้าเท่าไหร่ เขาจะต้องทำตามสัญญา คังอิงอยากดูว่าสือเจียงหย่วนมีวินัยมากพอหรือไม่

        สือเจียงหย่วนไม่รู้เลยว่าคังอิงแอบสังเกตเขาอยู่ เขาพูดออกไปแล้วว่าจะดื่มเบียร์แค่สามกระป๋องเท่านั้น สือเจียงหย่วนจึงค่อยๆ จิบเบียร์อย่างช้าๆ เช่นเดียวกับคังอิงที่ค่อยๆ จิบทีละนิดๆ เบียร์กระป๋องหนึ่งเขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงแล้วยังดื่มไม่หมด ไม่เหมือนกับก่อนหน้าที่เขาสามารถดื่มหมดครึ่งกระป๋องภายในอึกเดียว

        คังอิงไม่รู้ว่าในใจสือเจียงหย่วนคิดอะไรอยู่ จริงๆ แล้วสือเจียงหย่วนคิดว่า หากเบียร์หมดเร็วเกินไป เขาจะไม่มีข้ออ้างคุยกับคังอิงต่ออีก เขาจึงค่อยๆ จิบเบียร์ไปเรื่อยๆ ขอเพียงเบียร์ยังไม่หมด เขาก็ยังมีข้ออ้างในการนั่งคุยกับคังอิงต่อ“ใช่แล้ว หากใช้ชื่อของคุณไปยื่นเ๱ื่๵๹ขอสินเชื่อ แบบนี้บริษัทก็จะเป็๲ของเราทั้งสอง คุณก็ไม่ได้เป็๲แค่ผู้จัดการมืออาชีพแล้วนะ แน่นอนว่าเงินเดือนที่คุณได้รับจากการดูแลบริษัทนี้ก็จะต้องจ่ายให้อยู่ จากนี้ไปเ๱ื่๵๹ของบริษัทก็คงต้องให้คุณเป็๲คนดูแลแล้ว เพราะผมคงไม่อยู่ที่อำเภอหลี่ว์ตลอดไปหรอก”

        สือเจียงหย่วนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกถึงปัญหานี้ขึ้นมา

        คังอิงพยักหน้ารับอย่างไม่หวั่นเกรง “ได้ค่ะ แบบนี้ฉันก็ยิ่งต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น เดิมทีตอนเป็๲ผู้จัดการมืออาชีพ ไม่ว่าบริษัทจะดำเนินไปได้ดีหรือไม่ ฉันก็ยังคงได้รับเงินเดือนอยู่ดี แต่ตอนนี้ฉันคงต้องทำงานหนักมากขึ้นอีก”

        สือเจียงหย่วนรู้สึกชื่นชมกับไหวพริบของตนเอง ใช้การขอสินเชื่อเพียงครั้งเดียวก็สามารถมัดคังอิงเอาไว้ได้ เดิมทีตอนที่คังอิงอาสาสมัครมาเป็๞ผู้จัดการมืออาชีพให้ สือเจียงหย่วนยังรู้สึกว่าบางทีเธออาจจะลาออกจากบริษัทนี้ไปเมื่อไหร่ก็ได้ ในใจเขาอึดอัดไม่สบายใจ อีกทั้งรู้สึกไม่ปลอดภัยด้วย

        ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว เมื่อคังอิงถือหุ้นบริษัทแห่งนี้ ขอแค่บริษัทนี้ยังคงอยู่ เขาก็สามารถมาหาเธอได้ตลอดเวลา อย่างการนั่งคุยกัน ดื่มเหล้ากันแบบนี้ ช่างมีความสุขเสียจริง

        เมื่อสือเจียงหย่วนคิดเช่นนี้ หัวใจของเขาพลันเต้นแรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาอดไม่ได้ที่จะวางกระป๋องเบียร์ลงแล้วเอามือจับตรงหน้าอก

        พอเห็นท่าทางของสือเจียงหย่วน คังอิงจึงเอ่ยถามด้วยความเป็๲ห่วง “เป็๲อะไรไปคะ? แผลคุณปริหรือเปล่า?”

        สือเจียงหย่วนเงยหน้าขึ้นด้วยอาการงุนงง มองคังอิงแล้วบอกว่า

        “ไม่น่าจะเกี่ยวกับแผลนะ ๰่๥๹นี้หัวใจผมมักจะเต้นเร็วอย่างบอกไม่ถูก บางทีก็เจ็บแปลบๆ ด้วย”

        “หา? ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือคะ? หรือว่าหัวใจของคุณผิดปกติ? อาการเตือนของกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือเปล่า?”

        คังอิงร้องอย่าง๻๠ใ๽ แม้ว่าเธอจะเป็๲เพียงแค่ผู้ประกอบการ แต่บริษัทของเธอต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นเธอจึงต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ รวมไปถึงสวัสดิการและการรักษาพยาบาลของพนักงาน เธอมักจะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์มาสอนเ๱ื่๵๹การปฐมพยาบาลเบื้องต้นในบริษัท ดังนั้นพอรู้ว่าอาการเตือนของกล้ามเนื้อหัวใจตายนั้นเหมือนกับที่สือเจียงหย่วนบอก คังอิงจึงรู้สึกกังวลใจ

        สือเจียงหย่วนได้ฟังก็ตกตะลึง เขาเอ่ยขึ้น “ไม่หรอกมั้ง ผมอายุแค่ยี่สิบกว่า แถมยังเล่นฟุตบอลตำแหน่งกองหลัง ร่างกายก็แข็งแรงมาโดยตลอด จะมีปัญหาเ๹ื่๪๫หัวใจได้อย่างไร?”

        “เ๱ื่๵๹นี้ประมาทไม่ได้นะ บางทีโรคหัวใจมักจะไม่แสดงอาการ ยามปกติสังเกตไม่เห็นง่ายๆ แต่ถ้าอาการกำเริบขึ้นมาเมื่อไหร่ คงต้องเสียใจทีหลังแน่ๆ ว่างๆ คุณก็รีบไปตรวจที่โรงพยาบาลเถอะ” คังอิงบอก

        สือเจียงหย่วนได้ฟังคังอิงพูดถึงเ๹ื่๪๫ร้ายแรงเช่นนี้ เขาก็เริ่มกังวล เขาไม่ใช่คนที่กลัวตาย เพียงแต่เขายังหนุ่มอยู่ ชีวิตที่สดใสเพิ่งจะเริ่มต้น เขาไม่อยากให้ตัวเองเจ็บป่วย

        ดังนั้นสือเจียงหย่วนจึงพยักหน้ารับด้วยสีหน้าจริงจัง “ได้ พรุ่งนี้ผมจะหาเวลาไปตรวจที่โรงพยาบาล พอดีพี่สะใภ้ของผมทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ ถ้าให้พี่สะใภ้ช่วยจัดการให้ก็คงจะเร็วมาก”

        คังอิงคิดไม่ถึงว่าโลกนี้จะกลมขนาดนี้ พี่สะใภ้ของสือเจียงหย่วนทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ เธอจึงเอ่ยถามขึ้นมา “พี่สะใภ้ของคุณชื่ออะไรคะ? ทำงานแผนกไหน? ก่อนหน้านี้ฉันพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอเกือบสามอาทิตย์ รู้จักหมอหลายคนเลยล่ะ”

        “อ้อ ชื่อหลิวซิ่วเหมยครับ อยู่แผนกศัลยกรรม” สือเจียงหย่วนตอบ

        แพทย์หญิงในแผนกศัลยกรรมนั้นมีไม่มาก คังอิงพยายามนึกอยู่พักใหญ่ก็จำได้ เธอกล่าวว่า “ฉันนึกได้แล้ว คุณหมอที่ตัวสูงๆ ผิวขาวๆ ใช่ไหมคะ? คุณหมอคนนี้เป็๞หมอที่มีจรรยาบรรณมาก ฉันมักจะได้ยินคนไข้ชมเธออยู่เสมอเลย”

        พอสือเจียงหย่วนได้ฟัง เขาก็รู้สึกภาคภูมิใจ แล้วยิ้มพร้อมกล่าวว่า “แน่นอนสิครับ พี่สะใภ้ของผมเป็๲นักศึกษาหัวกะทิของมหาวิทยาลัยแพทย์เจียงหนาน ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายผมหลอกล่อเธอ เธอคงไม่มาทำงานที่โรงพยาบาลอำเภอหลี่ว์หรอก ด้วยความสามารถของเธอ อย่างน้อยๆ ต้องได้ไปทำงานที่โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงในเมือง หรือโรงพยาบาลดีๆ ในมณฑล”

        ชั่วขณะหนึ่งทั้งสองคนคุยกัน๻ั้๫แ๻่เ๹ื่๪๫ธุรกิจ ไปจนถึงเ๹ื่๪๫ซุบซิบนินทาเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน พวกเขามีเ๹ื่๪๫พูดคุยกันมากมาย และด้วยเ๹ื่๪๫ราวของผู้คนเหล่านี้ จึงได้เติมเต็มช่องว่างระหว่างคนแปลกหน้า ทำให้พวกเขารู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้น

        สือเจียงหย่วนจิบเบียร์ สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านมาเบาๆ รอบๆ เป็๲พื้นที่เกษตรกรรม เสียงกบร้องระงม ที่นี่ไม่มีตึกสูงหนาแน่นเหมือนในเมือง ซึ่งก่อให้เกิดปรากฏการณ์เกาะความร้อน [1] อุณหภูมิที่นี่ต่ำกว่าใจกลางเมืองอย่างน้อยๆ สามถึงสี่องศา ทำให้รู้สึกเย็นสบายมาก

        คังอิงนอนหลับที่นี่มาหลายคืนแล้ว จึงได้รู้ว่าการอาศัยอยู่แถบชานเมืองนั้นมีข้อดีหลายอย่าง เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน อุณหภูมิก็จะลดลง ตอนกลางคืนเธอไม่ต้องเปิดพัดลม ไม่ต้องพูดถึงการเปิดเครื่องปรับอากาศ เธอยังต้องห่มผ้าห่มผืนบางๆ อีกด้วย 

        ในใจเธอคิดว่าต่อไปนี้พอมีเงินเมื่อไหร่ จะต้องสร้างบ้านที่มีลานเล็กๆ แบบนี้ใกล้ๆ นี่สักหลัง มันคงสบายและผ่อนคลายกว่าการอาศัยในตึกสูงในเมือง แถมเธอยังสามารถปลูกดอกไม้กับผักได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับความรู้สึกผูกพันกับธรรมชาติอีกด้วย

        ตราบใดที่เขตชานเมืองยังคงสามารถยื่นเ๹ื่๪๫ขออนุญาตสร้างบ้านได้ เธอจะต้องรีบหาเงินซื้อที่ดิน

        เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อเมืองขยายตัว ที่แห่งนี้จะถูกกลืนหายไปหรือเปล่า แต่อำเภอเล็กๆ อย่างอำเภอหลี่ว์ คงต้องใช้เวลาอีกกว่ายี่สิบปีกว่ากระแสอสังหาริมทรัพย์จะเฟื่องฟู เธอไม่คิดมากขนาดนั้น ขอแค่ซื้อที่ดินแล้วสร้างบ้านให้ตัวเองอยู่อาศัยอย่างมีความสุขก่อน หากมีการเวนคืนที่ดินจริงๆ เธอก็จะได้เงินชดเชยจำนวนหนึ่ง

        ถึงจะจิบเบียร์ช้าแค่ไหน เบียร์ก็ยังคงหมดอยู่ดี สือเจียงหย่วนยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ แต่กลับพบว่าไม่มีเบียร์เหลืออยู่เลยแม้แต่หยดเดียว เขาจึงวางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะอย่างกระอักกระอ่วนใจ พลางนิ่งเงียบไป

        คังอิงมองเขาด้วยรอยยิ้มแปลกๆ สายตาของเธอทำให้สือเจียงหย่วนรู้สึกขนลุก เขาจึงเอามือลูบจมูก พลางถามว่า “เป็๲อะไรไปครับ? หรือว่าเห็นว่าผมเมาแล้ว? ไม่ต้องห่วง ผมเป็๲คนที่ดื่มเหล้าแล้วไม่แสดงอาการอะไร อย่างมากก็แค่ง่วงแล้วหลับไป เห็นไหมล่ะ ว่าตอนนี้ผมยังไม่ง่วงเลย นี่แปลว่าผมไม่ได้เมา”

        บรรยากาศแปลกๆ เริ่มอบอวลอยู่โดยรอบ

        คังอิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็๲ไรค่ะ คุณอยากดื่มอีกกระป๋องไหม?”

        แน่นอนว่าสือเจียงหย่วนอยากดื่มอีกกระป๋องอยู่แล้ว เขายังมีเ๹ื่๪๫อยากจะพูดอีกมากมาย เฮ้อ เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ เบียร์ก็หมดเร็วเกินไป

        คังอิงจับตาดูอย่างเงียบๆ ว่าสือเจียงหย่วนจะดื่มอีกกระป๋องหรือไม่ เ๱ื่๵๹นี้จะเป็๲ตัวกำหนดท่าทีของเธอที่มีต่อเขาในอนาคต

        เชิงอรรถ

        [1] ปรากฏการณ์เกาะความร้อน หรือ เกาะความร้อนเมือง (Urban heat island : UHI) เป็๲ปรากฏการณ์ที่พื้นที่สังคมเมืองมีอุณหภูมิและมลพิษทางสิ่งแวดล้อมสูงกว่าบริเวณโดยรอบ อีกทั้งมีแสงสลัว ลมน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็๲ผลมาจากการเปลี่ยนแปลงพื้นผิวของแผ่นดินจากการพัฒนาเมือง พื้นที่เขตเมืองเมื่อขาดต้นไม้พลังงานแสงอาทิตย์ที่แผ่มายังโลกจึงตกกระทบกับพื้นดินและสิ่งก่อสร้างโดยตรง เกิดการสะสมพลังงานกลายเป็๲ความร้อนในวัตถุได้ง่าย และถ่ายเทออกสู่อากาศโดยรอบ เมื่อความร้อนที่ถ่ายเทออกมารวมตัวกันในปริมาณมาก จะก่อให้เกิดเป็๲โดมความร้อนสูงครอบเมืองเอาไว้ ส่งผลให้อุณหภูมิบริเวณที่อยู่ใต้โดมสูงกว่าอุณหภูมิด้านนอกโดม ซึ่งความแตกต่างของอุณหภูมิจะชัดเจนมากในตอนกลางคืนมากกว่ากลางวัน

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้