“ข้ารู้สึกว่ามีคลื่นพลังรุนแรงมาจากทางนั้น”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยเงยหน้ามองตำแหน่งที่สูงขึ้นไปอีกเกือบครึ่งลี้ เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างต่อสู้กันอยู่
“อืม พวกเขาสู้กันแล้ว”
เสิ่นเสวียนยิ้มมุมปากน้อยๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ตอนที่ให้เสิ่นเลี่ยนนำขึ้นไปก่อนหน้านี้ พลังจิติญญาของเขาไล่ตามไปด้วยนานแล้วเพื่อสังเกตการณ์้า
“พวกเ้ารู้ได้อย่างไร”
บุรุษหนุ่มสามัญชนผู้นั้นถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
“ใช้ใจ”
เสิ่นเสวียนตบบ่าของบุรุษหนุ่มสามัญชนแล้วกล่าว ก่อนจะเดินต่อ
“ใช้ใจ”
บุรุษหนุ่มสามัญชนเอ่ยพึมพำ แล้วจึงกล่าวออกไป “รอข้าด้วย”
จากนั้นเขาก็เดินตามเสิ่นเสวียนไปอีก
ที่ไหล่เขาหมังตั้ง เสิ่นเลี่ยนสู้กับหมีปีศาจธุลีดินไปหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งฝ่ายที่ได้รับาเ็ก็คือเขา
หมีปีศาจธุลีดินอยู่ในขั้นสี่ แต่เสิ่นเลี่ยนเป็เพียงขั้นปรมาจารย์ระดับสูงเท่านั้น ด้อยกว่าอีกฝ่ายถึงหนึ่งขั้นใหญ่ๆ เขาสู้มันไม่ได้นับเป็เื่ปกติ เพราะไม่ใช่ว่าใครจะท้าทายข้ามระดับได้เหมือนกับเสิ่นเสวียน
ผัวะ!
เสิ่นเลี่ยนใช้สองมือป้องกันไว้เบื้องหน้า ปะทะเข้ากับอุ้งเท้าหมีอย่างจัง ครั้งนี้เสิ่นเลี่ยนไม่ได้โดนตบกระเด็นออกไป แต่สองเท้าของเขาลากเป็ทางยาวไปด้านหลังกว่าสองจั้งจึงตั้งหลักได้อีกครั้ง ครั้งนี้ในแววตาของเขาฉายความมั่นใจออกมา นี่คือการยอมรับในพลังของตนเอง และยังเป็การยอมรับอีกว่าจะเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ได้
ส่วนเสิ่นเสวียนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยในตอนนี้ พวกเขาขึ้นมาในระดับความสูงเดียวกันพร้อมกับบุรุษหนุ่มสามัญชน และยืนมองการต่อสู้นี้ห่างออกไป
“รีบเข้าไปช่วยเขาสิ” บุรุษหนุ่มสามัญชนกล่าว
“พี่ชาย ห้ามพูดขณะกำลังดูเื่สนุก”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับบุรุษหนุ่มสามัญชนอย่างเหนื่อยใจราวกับทุกอย่างนี้อยู๋ในการควบคุมของเขา ในทางกลับกัน อีกฝ่ายทำตัวสนิทสนมกันมากเลยนะ! ดูแบบนี้เหมือนอยู่กลุ่มเดียวกับพวกของเสิ่นเสวียน แต่ความจริงแล้วเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายชื่ออะไร
“เฮ้ย”
บุรุษหนุ่มสามัญชนทำท่าทางเหมือนจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ก็กลืนคำนั้นกลับไป
ส่วนด้านที่สู้กันอยู่ เสิ่นเลี่ยนใช้วิธีเดิมเข้าปะทะกับอีกฝ่าย เสิ่นเสวียนเคยบอกแล้วว่าการเข้าปะทะไม่ได้ผลหากไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย แต่เขาไม่เชื่อแบบนั้น ั้แ่แรกเริ่มที่เข้าปะทะกัน เขาพบว่าพลังของตนเองไม่ใช่ว่าจะสู้ไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายมีาแจากกระบี่เจ็ดแห่งและาแจากดาบสามแห่ง าแจากดาบสามแห่งนั้นมีเืไหลทะลักออกมาด้วย ดูน่ากลัวเป็อย่างมาก นี่คือร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการที่หมีปีศาจธุลีดินตัวนี้สู้กับกลุ่มคนก่อนหน้า
สัตว์วิเศษขั้นสี่ที่าเ็ตัวหนึ่ง เสิ่นเลี่ยนคิดว่าเขายังมีโอกาส
เขาเข้าปะทะแบบนี้สิบครั้งติดต่อกัน และในครั้งที่สิบเอ็ด เสิ่นเลี่ยนโค้งกายลงแล้วเข้าไปอยู่ระหว่างขาสองข้างของหมีปีศาจธุลีดิน หมีปีศาจธุลีดินเห็นดังนั้นจึงสะบัดอุ้งเท้าโจมตีใส่เขาทันที ทว่าใน่เวลานั้นเอง พลันมีกริชเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเสิ่นเลี่ยน แล้วเขาก็แทงกริชเข้าไปตรงรอยแผลลึกจากกระบี่แห่งหนึ่ง
ฉึก!
กริชแทงเข้าไปมิดเล่ม โลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งใบหน้าและร่างกายของเสิ่นเลี่ยน
“โฮก!”
หมีปีศาจธุลีดินร้องคำรามด้วยความเ็ป ขณะที่กำลังจะแทงลงไปที่อุ้งเท้าหมีอีกครั้ง ร่างกายใหญ่โตของหมีปีศาจธุลีดินกลับกระตุกอย่างแรงแล้วล้มลงกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
มันตายแล้ว!
“แฮก! แฮก!”
เสิ่นเลี่ยนคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นแล้วหายใจหอบหนัก สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้คิดผิด เขาแทงเข้าตรงจุดอ่อนของหมีปีศาจธุลีดินได้สำเร็จ
เสิ่นเสวียนเคยบอกเขาว่า เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่าคิดแต่เข้าปะทะ แต่ให้ตามหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายให้เจอ ความจริงแล้วเสิ่นเลี่ยนทำตามอยู่ตลอด ก่อนหน้านี้ดูเหมือนเขาจะเอาแต่เข้าปะทะมัน แต่ความจริงแล้วเขาตามหาจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของหมีปีศาจธุลีดินอยู่
ทุกครั้งที่ออกแรง รอยแผลจากกระบี่ที่อยู่ต่ำที่สุดของหมีปีศาจธุลีดินจะหดขนาดลงอยู่เสมอ เหมือนกับตั้งใจหลบหลีกการโจมตีของเสิ่นเลี่ยน หลังจากที่สังเกตอยู่หลายครั้งก็มั่นใจว่าตรงนั้นคือจุดอ่อน เมื่อครู่เขาจึงสังหารมันได้ด้วยกระบวนท่าเดียว
“ไม่เลว ไม่เลว”
เสิ่นเสวียนกล่าวชื่นชมพลางเดินเข้าไปหา รู้สึกพึงพอใจในความสามารถของเสิ่นเลี่ยนเป็อย่างยิ่ง
เขาคือนักสู้ที่ไม่เลว หรือกล่าวได้ว่าเป็ต้นกล้าที่เหมาะสมกับการเป็มือสังหารคนหนึ่ง
มือสังหารที่ว่านี้ไม่เพียงแค่สังหารคนเท่านั้น แต่สามารถซ่อนตัวอยู่ในความมืด ถึงคราวคับขันจะลงมือสังหารได้ในกระบวนท่าเดียว นี่คือจอมยุทธ์สังหาร
ก่อนหน้านี้ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรยังมีจอมยุทธ์สังหารผู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงพอๆ กับเขา เป็ที่รู้จักกันในนาม ‘นักท่องราตรี’ ผู้ที่ตายด้วยน้ำมือของเขาแบ่งออกเป็ขั้นหยวนก่อกำเนิดเจ็ดสิบสามคน ขั้นแยกเทวะสิบสามคน ขั้นมหายานเจ็ดคน และยอดฝีมือขั้นะระดับปลายอีกสามคน ยอดฝีมือที่รอดพ้นด่านเคราะห์์หลังจากฝึกฝนถึงขั้นะระดับปลายได้ เรียกว่าอยู่ในขั้นสูงสุดของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแล้ว แต่แม้จะเป็เช่นนี้ก็ยังต้องสังเวยชีวิตให้กับน้ำมือของเขาอยู่ดี
และในตอนนั้นที่เขาสังหารยอดฝีมือขั้นะระดับปลายเป็ครั้งแรก เขามีพลังยุทธ์ขั้นมหายานเท่านั้น ตอนแรกที่ได้ยินเื่ความสามารถของอีกฝ่าย แม้แต่เสิ่นเสวียนยังรู้สึกเหลือเชื่อ
เขาเคยเจอกับฝ่ายนั้นหนึ่งครั้ง แต่ไม่มีใครเอาชนะใครได้เลย ต่อมาเสิ่นเสวียนฝ่าด่านเคราะห์ล้มเหลว แต่อีกฝ่ายใช้ความเป็จอมยุทธ์สังหารข้ามผ่านไปได้ แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
“ขอบคุณท่านผู้นำที่ชี้แนะ”
เสิ่นเลี่ยนลุกขึ้นยืน พยายามควบคุมลมหายใจของตนเอง แล้วก้มหัวคารวะเสิ่นเสวียน
“นี่คือสิ่งที่เ้าเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องขอบคุณข้า เ้าอยากเปลี่ยนวิธีการฝึกตนไหม”
เสิ่นเสวียนถามเสิ่นเลี่ยน
“เปลี่ยนวิธีการฝึกตน?”
เสิ่นเลี่ยนไม่ค่อยเข้าใจ การฝึกตนไม่ใช่วิธีการที่ได้รับสืบทอดมาหรอกหรือ มันต้องเริ่มจากการฝึกฝนชีพจรตนเอง เพิ่มพลังเลื่อนขั้นต่อไปเรื่อยๆ ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ
บุรุษหนุ่มสามัญชนที่ดูอยู่ข้างๆ กำลังมองเสิ่นเสวียนอย่างสนใจ อยากรู้ว่าเสิ่นเสวียนมีวิธีอะไรอีก
“การฝึกตนไม่ได้มีเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าอะไรก็ฝึกตนได้ทั้งนั้น เ้าเป็คนเงียบขรึม ไม่ตื่นใง่ายๆ เหมาะสมกับการลอบสังหาร”
“การลอบสังหาร! ไม่ใช่ว่าเป็สมาคมมือสังหารหรอกหรือ สิ่งนี้ข้ารู้จัก”
ขณะนั้นบุรุษหนุ่มสามัญชนเดินเข้ามาพลางกล่าว
เสิ่นเลี่ยนหันมองบุรุษหนุ่มสามัญชนด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แล้วจึงหันมองเสิ่นเสวียนอีกครั้ง
เมื่อได้ยินคำของบุรุษหนุ่มสามัญชน เสิ่นเสวียนยิ้มออกมาพลางส่ายหัว สมาคมมือสังหารเขาเคยเจอในความทรงจำ มันคือกลุ่มคนที่คล้ายกับสมาคมทหารรับจ้างในทวีปหลิงโซ่ว สมาคมนี้คล้ายกับจอมยุทธ์สังหารอยู่บ้าง เน้นการลอบสังหารเป็หลัก แต่มีพื้นฐานต่างไปจากจอมยุทธ์สังหารที่เขากล่าวถึง ในตอนนั้นเขากับอีกฝ่ายต่อสู้กันยาวนานหลายวัน แม้จะไม่สามารถสังหารฝ่ายนั้นได้ แต่ก็ได้เรียนรู้ความสามารถของคนผู้นั้นมามากมาย
ความสามารถเหล่านี้ เขาสามารถถ่ายทอดให้เสิ่นเลี่ยนได้ทั้งหมด
“ใช่แล้ว เ้ากล่าวถูกต้อง เป็มือสังหารนั่นเอง”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับบุรุษหนุ่มสามัญชนด้วยรอยยิ้ม แม้คนผู้นี้จะเข้ามาตีสนิท แต่เขาก็ไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้น
ในทางกลับกัน เขารู้สึกคุ้นเคยกับคนผู้นี้อยู่เล็กน้อย แต่กลับตรวจสอบตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่ายไม่ได้
คนที่สามารถทำให้เขารู้สึกประหลาดใจได้ เสิ่นเสวียนมักจะให้ความสนใจเป็พิเศษ อีกฝ่ายเข้าใกล้เขาขนาดนี้ต้องมีเป้าหมายอื่นอย่างแน่นอน
“เสิ่นเลี่ยนจะทำตามที่ท่านผู้นำ้า” เสิ่นเลี่ยนพยักหน้า พร้อมทำตามแผนการของเสิ่นเสวียน
“เอ๋? นี่คืออะไร”
ขณะนั้น บุรุษหนุ่มสามัญชนหันมองร่างของหมีปีศาจธุลีดิน เห็นว่าร่างของมันมีบางอย่างเปล่งประกายแสงอยู่จึงรีบวิ่งเข้าไป
เมื่อมาถึงตรงหน้าร่างใหญ่โตของหมีปีศาจธุลีดิน เขาก็เอากริชออกมากรีดลงไปที่หัวของหมีปีศาจธุลีดินในทันที กริชของเขาคมกริบไม่ธรรมดา เขากรีดเปิดหัวของหมีปีศาจธุลีดินแล้วควักเอาไข่มุกสีเขียวเข้มออกมา
ทุกขั้นตอนเขาทำได้อย่างช่ำชอง ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนขั้นปรมาจารย์คนหนึ่งจะทำได้เลย
และเสิ่นเสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ประจักษ์แจ้งกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น จึงกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย