“ท่านเองก็ไม่ได้อยากให้ข้ากลับไปอยู่แล้ว เราต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน” นางตอบ ก่อนชายหนุ่มจะมองตรงมาแล้วเอ่ยขึ้น
“ข้ากับเ้า ยังต้องทนอยู่ด้วยกันอีกพักใหญ่ จนกว่าบิดาของเ้าจะเสร็จศึกกลับมา ถึงตอนนั้น ฮ่องเต้จะทรงอนุญาตให้ข้าพาเ้ากลับเข้าวังหลวง เราสองคนจะได้ตัดขาดสัมพันธ์กันเสียที” เขาพูดจบก็เบี่ยงตัวเดินจากไป ก่อนฝีเท้าของหญิงสาวจะเดินจ้ำอ้าวตามมาด้วยความแปลกใจ
“ไหงเป็งี้ คนไม่ได้รักกัน ก็ต้องเลิกกันสิ บังคับให้อยู่ด้วยกันทำไม” นางเผลอพูดคำปัจจุบันไปหลายประโยค ทว่าเขาที่ฟังรู้เื่กลับตวัดตัว หันกลับมาคว้าแขนภรรยาเอกของตัวเองไว้
“ถ้าจะพูดถึงเื่ถูกบังคับ ข้าต่างหากที่ถูกเ้าบังคับให้แต่งงาน ข้อนี้เ้าควรรู้แต่แรกว่าข้าไม่ได้รักเ้าแม้แต่น้อย แต่เพราะความอยากเอาชนะของเ้า ทุกอย่างจึงต้องเป็เช่นนี้ ข้าต้องสูญเสียลูกเมียก็เพราะเ้า ใช่ว่าข้าอยากทนทรมานเห็นหน้าเ้าทุกวัน ใจจริงข้าอยากฆ่าเ้าวันละหลาย ๆ หนให้สมกับสิ่งที่เ้าทำ เสี่ยวเฟย!” เขาพูดพร้อมน้ำตาร่วงหล่น นั่นเป็ครั้งแรกที่จื่อหลานเข้าใจความรู้สึกแท้จริงของเขา นางชะงักนิ่ง มองหยดน้ำตาของอีกฝ่ายแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ปะ..ปล่อยข้าได้แล้ว ข้าเจ็บ” หญิงสาวมองข้อมือตัวเองที่ถูกเขากำแน่น ก่อนอีกฝ่ายจะสะบัดออกแล้วเดินจากไป
“เสี่ยวเฟยนะเสี่ยวเฟย เ้าก็ร้ายกาจเหลือเกิน จะไม่ให้เขาเกลียดได้ยังไงกันล่ะ” จื่อหลานใช้นิ้วจิ้มไปที่ศีรษะตัวเองซ้ำ ๆ พลางถอนหายใจออกมา
“จะว่าไป โม่โฉวก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย ไม่สิ ๆ ข้าต่างหากที่ต้องสงสารตัวเอง จะถูกเขาฆ่าตายวันไหนก็ไม่รู้” หญิงสาวยืนพึมพำตามลำพัง
ก่อนจะหันไปเห็นเด็กชายตัวเล็กแต่งตัวด้วยอาภรณ์งดงาม เดินร้องไห้ออกมานั่งมองสระน้ำตามลำพัง จื่อหลานในร่างเสี่ยวเฟยหันมองไปรอบ ๆ ไม่พบใครในที่นั้น จึงค่อย ๆ เดินมาแล้วเอ่ยถามเด็กชายปริศนาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ร้องไห้ทำไมกัน” เด็กชายตัวเล็กหันมาแล้วพูดขึ้น
“พี่เสี่ยวเฟย” หญิงสาวเบิกตาเล็กน้อย
“รู้จักข้าด้วยเหรอ”
“ท่านพูดแปลกจัง ทำไมข้าจะไม่รู้จัก ทั่วทั้งวังหลวงมีคนไม่รู้จักท่านด้วยเหรอ” หญิงสาวยิ้มแหย ๆ แล้วตอบ
“รู้จักข้า ในทางที่ไม่ดี ใช่ไหมล่ะ?” เด็กชายตัวเล็กเงยหน้าแล้วปาดน้ำตา
“ว่ากันว่าพี่เสี่ยวเฟย ใช้พิษฆ่าแม่นางเซียนเยว่ตายพร้อมลูกในครรภ์ ท่านทำแบบนั้นจริงเหรอ” หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอ นางเลื่อนสายตาไปมาแล้วยิ้มแห้ง
“ข่าวของข้า แม้แต่เ้าที่เป็เด็กตัวเล็กก็รู้ด้วยงั้นเหรอ ชื่อเสียงข้าช่างโด่งดังอะไรเช่นนี้” นางตอบแบบประชดประชัน ก่อนจะละความสนใจแล้วเอ่ยถามอีกฝ่าย
“เลิกสนใจเื่ของข้าเถิด เหตุใดเ้าจึงมาร้องไห้ผู้เดียวเช่นนี้ พ่อแม่เ้าล่ะ” เด็กชายตัวเล็กเงยหน้าสบตาหญิงสาวแล้วขมวดคิ้ว
“พ่อของข้าก็คือฮ่องเต้ แม่ของข้าก็สนมจาง พี่เสี่ยวเฟยเป็คนแรกที่พูดสามัญกับข้า ท่านนี่ช่างเก่งกล้านัก” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงชะงักนิ่ง นางทำตาปริบ ๆ แล้วเอียงศีรษะเล็กน้อย
“อะ..องค์ชายงั้นเหรอ” ไม่ใช่เพราะนางเก่งกล้าอย่างใด แต่เพราะนางไม่รู้ฐานะของเด็กชายตัวน้อยต่างหาก
“ไม่สำคัญหรอก ข้าเกิดจากสนม เป็องค์ชายเก้า ที่เสด็จพี่ทุกพระองค์มองข้าม ไม่อยากเล่นด้วย” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงปล่อยยิ้มกว้าง
“ที่แท้ ก็เพราะน้อยพระทัยเสด็จพี่นี่เอง” องค์ชายเก้าปาดน้ำตาแล้วมองไปยังสระน้ำเงียบ ๆ ยังคงน้อยพระทัยเสด็จพี่องค์อื่น ๆ อยู่
“ตอนหม่อมฉันเป็เด็ก หม่อมฉันก็ชอบน้อยใจคนอื่นเหมือนกัน แต่ไม่นานเดี๋ยวพวกเขาก็มาง้อ ระหว่างรอก็กินขนมให้สบายใจก่อน ดีหรือไม่เพคะ” องค์ชายเก้าเหล่มองมือหญิงสาวที่ยื่นขนมให้
“ข้าไม่เคยเห็น คืออะไรเหรอ”
“พุทรากวนเพคะ หวาน ๆ เคี้ยวหนุบหนับ” ว่าแล้วองค์ชายเก้าก็หยิบไปเสวย ก่อนจะหันมายิ้มให้เสี่ยวเฟย ไม่นานนักเสียงเรียกของสาวใช้ก็ดังขึ้น
“องค์ชายเก้าเพคะ องค์ชายสี่กับองค์ชายห้าทรงรับสั่งถามหาแล้วเพคะ”
“นั่นไง มีคนมาง้อแล้วเพคะ” เสี่ยวเฟยกล่าวเสริม ก่อนองค์ชายเก้าจะลุกขึ้นแล้วหันมายังหญิงสาว
“ขอบใจที่ช่วยปลอบข้า ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าพี่เสี่ยวเฟยเป็หญิงใจร้าย แต่สำหรับข้าแล้ว ท่านใจดีที่สุด” ว่าแล้วองค์ชายเก้าก็รีบวิ่งไปหาเสด็จพี่ของพระองค์ ท่ามกลางสายตาชื่นชมของเสี่ยวเฟยที่มองเด็กชายตัวเล็กวิ่งลับสายตาไป
“ในสายตาทุกคน เสี่ยวเฟยคงเลวร้ายมากสินะ” หญิงสาวเวทนาตัวเองที่ต้องมาอยู่ในร่างอันร้ายกาจของเสี่ยวเฟย
หลายวันที่นางอาศัยอยู่ในวังหลวง ตอบไม่ได้ว่ามีความสุขหรือไม่ เดินไปทางใดก็มีแต่เสียงซุบซิบแม้แต่เหล่าขุนนาง ก็แสดงท่าทีรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าได้สนใจเลยนะเ้าคะ” มู่เลี่ยนปลอบใจนายหญิง เพราะกลัวว่านางจะท้อแท้ใจไปเสียก่อน
“มู่เลี่ยน ก่อนหน้าที่ข้าจะตบแต่งเข้าไปเป็สะใภ้สกุลจ้าว ข้ามีนิสัยเช่นไร เอาจริง ๆ หลังจากที่ข้าฟื้นตื่นมา ข้าก็จำเื่ราวเก่า ๆ ไม่ค่อยได้ เ้าช่วยฟื้นฟูให้ข้าได้หรือไม่” มู่เลี่ยนบ่าวรับใช้ที่ดูแลเสี่ยวเฟยมาั้แ่เล็กยิ้มอ่อน
