“มันกำลังเล็กลง!”
ผู้แข็งแกร่งขั้นบรรพบุรุษระดับสูงสุดที่ยืนอยู่ด้านหลังเหลยต้งมองลูกไฟดวงนั้นพลางกล่าวอย่างตื่นตะลึง
ทว่าสีหน้าของเหลยต้งไม่ใช่ตื่นตะลึง แต่เป็ความหวาดกลัว
ลูกไฟดวงนี้คือสิ่งที่เขาแสดงออกไป เขาต้องรู้ถึงสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในอยู่แล้ว
เมื่อครู่มันโจมตีไม่โดนเสิ่นเสวียน อีกทั้งลูกไฟยังเล็กลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย เพราะโดนบางอย่างกลืนกินอยู่
นั่นเป็ถึงเพลิงประจำตัวของเขา มีเพียงผู้แข็งแกร่งขั้นราชันที่จะสามารถบ่มเพาะเพลิงจิติญญาขึ้นมาได้ แล้วอะไรกันที่กล้ากลืนกินเพลิงของเขาเข้าไป!
ลูกไฟมีขนาดใหญ่เกือบสองจั้ง ทว่าขณะนี้มันกำลังเล็กลงอย่างรวดเร็ว
เหลือหนึ่งจั้งกับอีกครึ่ง
หนึ่งจั้ง
หกฉื่อ
สามฉื่อ
เพียงสิบลมหายใจเท่านั้น ลูกไฟขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ากลับมีขนาดเล็กลงเหลือเพียงสามฉื่อ และร่างเงาเล็กๆ ร่างหนึ่งก็ปรากฏออกมาในตอนนั้นเอง
เสี่ยวเหยียนยืนอยู่กลางอากาศด้วยเท้าทั้งสี่ข้าง หางขนฟูที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงตั้งชูขึ้น เขาบนหัวเปล่งประกายแสงสีแดงสว่างไสว เปลวเพลิงปกคลุมไปทั่วร่างเหมือนเป็สัตว์เทพอัคคีที่สง่างาม
มันอ้าปากเล็กๆ ของมันอยู่ พลังของลูกไฟกำลังโดนมันกลืนลงท้องไปอย่างต่อเนื่อง ยากที่จะจินตนาการได้ว่าเ้าตัวเล็กตัวนี้จะกลืนกินลูกไฟที่ใหญ่ขนาดนั้นเข้าไปได้
ผู้าุโทั้งหลายในตระกูลเสิ่นต่างมีสีหน้าดีใจ แม้พวกเขาไม่รู้ที่มาของเสี่ยวเหยียน แต่ก็ดูออกว่ามันอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขา
มิเช่นนั้น หากลูกไฟพุ่งลงมาด้านล่าง แม้แต่ร่างไร้ิญญาของพวกเขาก็ไม่มีเหลือ
ในแววตาของเสิ่นล่างฉายความตื่นเต้นออกมาอย่างปิดไม่มิด เมื่อครู่เขาหวาดกลัวพลังของเหลยต้งอยู่ตลอดทำให้เขาลืมเสี่ยวเหยียนไปเลย ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้ที่ปากปล่องูเาไฟ เสี่ยวเหยียนเคยสู้กับคนจากเผ่าอนธการสามคนมาแล้ว
เสี่ยวเหยียนมีพลังป้องกันไฟแต่กำเนิด และยังสามารถกลืนกินเปลวเพลิงได้อีก ส่วนสิ่งที่เหลยต้งฝึกฝนคือเปลวเพลิง ธาตุประจำตัวก็คือไฟ ที่พึ่งใหญ่ที่สุดก็คือไฟเช่นกัน แม้เหลยต้งจะมีพลังถึงขั้นราชัน แต่ในสถานการณ์ที่ไม้ตายไร้ผล เสี่ยวเหยียนอาจเอาชนะเขาได้
“ตระกูลเสิ่นยังมีหวัง”
เสิ่นล่างมองสถานการณ์บนท้องฟ้า พลันน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“หนีเร็ว!”
เหลยต้งเห็นลูกไฟจางหายไปแล้วจึงะโออกไป จากนั้นเขาก็หันหลังเตรียมเหาะหนีออกไป
เพื่อสร้างลูกไฟดวงนั้นออกไปทำให้เพลิงประจำตัวของเขาหมดไปกว่าครึ่ง ตอนนี้มีพลังไม่ถึงแปดส่วนเลยด้วยซ้ำ เมื่อครู่มิอาจสังหารอีกฝ่ายได้ และยังมีตัวประหลาดโผล่มาอีกตัวหนึ่งด้วย
หากไม่หนีไปตอนนี้ จะรอตอนไหนอีก!
ขั้นบรรพบุรุษสองคนเห็นดังนั้นก็ไม่สนใจอย่างอื่นอีก รีบเหาะตามเหลยต้งไปทันที
ทว่าพวกเขาเพิ่งเหาะออกไปได้ไม่นาน เสียงของเสิ่นเสวียนก็ดังขึ้น
“คิดหนีตอนนี้เกรงว่าจะสายเกินไปแล้ว”
เมื่อกล่าวจบ ค่ายกลป้องกันตระกูลเสิ่นพลันมีลำแสงสีฟ้าสว่างจ้าพุ่งออกมา
ค่ายกลป้องกันตระกูลกลับมามีพลังอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่ลำแสงสีฟ้าแล้ว แต่เป็เสาน้ำแข็งสีฟ้า
เสาน้ำแข็งพุ่งขึ้นไปรวมกันที่ดวงตาของค่ายกลทั้งสี่จุด จากนั้นก็แผ่ขยายปกคลุมไปทุกทิศทางอย่างรวดเร็วโดยมีดวงตาของค่ายกลเป็ศูนย์กลาง ปกคลุมตระกูลเสิ่นไว้ในพริบตาเดียว
ส่วนพวกของเหลยต้งก็โดนขังอยู่ในนั้นด้วย
เหลยต้งเห็นดังนั้นก็ไม่สนใจสิ่งอื่นแล้ว เขาฟาดพลังฝ่ามือใส่ค่ายกลน้ำแข็ง ้าทำลายค่ายกลน้ำแข็งออกไป
ตึง!
ฝ่ามือโจมตีลงไป ทว่าค่ายกลน้ำแข็งกลับไม่เป็อะไรเลย เหลยต้งจึงดึงมือกลับโดยเร็ว
“นี่คืองูหน้าผีอย่างนั้นหรือ”
เหลยต้งกล่าวเสียงดัง สีหน้าดูแย่มาก พลังของตนเองได้รับความเสียหาย ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์วิเศษตัวนั้นก็ว่าแย่แล้ว ตอนนี้ยังต้องปะทะกับงูหน้าผีอีก
ไอพลังพิษของงูหน้าผีเป็ขั้วตรงข้ามกับเปลวเพลิงของเขา หากว่าเขายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมเขาคงไม่กลัว แต่ตอนนี้คิดจะทะลวงออกไปไม่ใช่เื่ง่ายแล้ว
“ความรู้รอบตัวไม่เลวเลยนี่”
เสียงของเสิ่นเสวียนดังขึ้นจากด้านล่าง แล้วร่างของเขาก็ค่อยๆ ทะยานขึ้นมาจนอยู่ในระดับเดียวกัน
เมื่อเป็เช่นนี้ ตระกูลเสิ่นได้ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงแล้ว ทั้งสองคนที่อยู่บนยอดหอคอยตระกูลหานได้เห็นเหตุการณ์ต่างก็มองหน้ากันไปมา
“ระหว่างพวกเขาใครมีโอกาสชนะมากกว่ากัน”
หานหนานเทียนถามคนผู้นั้นที่อยู่ข้างๆ
“มิอาจบอกได้ สัตว์วิเศษตัวนั้นแปลกมาก ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
คนผู้นั้นกล่าวพึมพำกับตัวเองพลางครุ่นคิดอยู่ในใจ
“หากเขาพ่ายแพ้ เ้ารู้ดีถึงผลที่ตามมา”
หานหนานเทียนปรายตามองอีกฝ่ายด้วยแววตาเย็นเยียบพร้อมกล่าวข่มขู่
“พ่ายแพ้...”
คนผู้นั้นเงียบไปไม่ตอบกลับ เขารู้ดีว่าหานหนานเทียนหมายความว่าอย่างไร ตอนนี้หวังเพียงเหลยต้งจะเอาชนะพวกนั้นได้
“ประมุขสำนัก ทำอย่างไรดี”
ภายในค่ายกลน้ำแข็ง ขั้นบรรพบุรุษคนหนึ่งกล่าวถามเหลยต้ง
“ทำลายค่ายกลน้ำแข็งนี้ด้วยพลังทั้งหมด”
“ขอรับ”
ผู้แข็งแกร่งขั้นบรรพบุรุษทั้งสองคนกล่าวรับคำพร้อมกัน พวกเขาคิดไม่ถึงเลย ตนติดตามประมุขสำนักมานานขนาดนี้ จะมีวันที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้
เป็ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าของประมุขสำนัก
ตึง!
ตึง!
ทั้งสองคนโจมตีค่ายกลน้ำแข็งด้วยพลังทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง แต่ค่ายกลน้ำแข็งกลับแข็งแกร่งมาก ยากที่จะทำลายได้ใน่เวลาสั้นๆ
เสิ่นเสวียนสังเกตเห็นถึงพลังของอีกฝ่ายและค่ายกลที่อยู่ด้านล่าง ผู้สร้างค่ายกลนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว อย่างน้อยก็ไม่ใช่สิ่งที่เสิ่นล่างจะสามารถสร้างขึ้นมาได้
พลังของงูหน้าผีถูกเขาเก็บซ่อนไว้ในตันเถียน ตอนนี้เขาดึงพลังออกมาเสริมเข้าไปในค่ายกลนี้ สามารถแสดงอานุภาพที่ไม่ธรรมดาออกมาได้ ส่วนพลังของอีกฝ่ายก็กำลังถดถอยลง ค่ายกลน้ำแข็งนี้คือสิ่งที่จะทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ไป
ใช้ความอ่อนแอเอาชนะความแข็งแกร่ง ตอนที่อยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร เสิ่นเสวียนเคยทำมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง
หลังจากโจมตีออกไปนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดทั้งสองคนก็ยอมแพ้
“ประมุขสำนัก ทำลายไม่ได้เลย...”
“เฝ้าระวังค่ายกล ขอเพียงรักษาค่ายกลเอาไว้ได้อีกฝ่ายก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้ ข้าอยากเห็นนักว่าพลังของเขาหรือของข้าจะมากกว่ากัน”
เหลยต้งคิดวิธีออกใน่เวลานั้น จากนั้นทั้งสามคนก็ยืนอยู่สามทิศเหมือนกับเผ่าอนธการสามคนก่อนหน้านี้ แล้วสร้างม่านพลังเปลวเพลิงขึ้นมาปกคลุมพวกเขาทั้งสามคนไว้ภายใน
“ข้ายอมรับว่าเ้ายอดเยี่ยมมาก ไม้ตายก็ไม่เลว แต่คิดจะสังหารข้า เ้ายังทำไม่ได้หรอก”
“อย่างนั้นหรือ”
เสิ่นเสวียนลอยอยู่ด้านหน้าเสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียนในตอนนี้กลืนลูกไฟที่เหลือเข้าไปแล้ว มันเช็ดปากทำท่าทางเหมือนยังไม่อิ่ม
“เสี่ยวเหยียน เ้าคิดเห็นอย่างไร”
“จี๊ด จี๊ด”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าให้เสิ่นเสวียน สีหน้าคาดหวัง เหมือนกำลังรอคำอนุญาตจากเสิ่นเสวียน
“เช่นนั้นเ้าไปเถอะ”
เสิ่นเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นร่างของเสี่ยวเหยียนพลันโอนเอน กลายเป็เปลวเพลิงพุ่งเข้าใส่ค่ายกลของอีกฝ่ายทันที
หากต้องสู้กันจริงๆ เสิ่นเสวียนมิอาจสู้อีกฝ่ายได้เลย เพราะขั้นราชันเทียบได้กับผู้บำเพ็ญเพียรขั้นหยวนก่อกำเนิด โดยเฉพาะเหลยต้งผู้นี้ที่เทียบได้กับขั้นหยวนก่อกำเนิดระดับกลางแล้ว ผู้ที่ต่ำกว่าขั้นหยวนก่อกำเนิดเป็เพียงแค่มดเท่านั้น การที่เขาจะเหยียดหยามเสิ่นเสวียนนับเป็เื่ปกติ
แต่เสี่ยวเหยียนกลับเป็ข้อยกเว้น
พลังที่แท้จริงของเสี่ยวเหยียนน่าจะเกิดมาแล้วอยู่ในขั้นหกเลย ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าเหลยต้งสักนิด รวมกับมีพลังป้องกันไฟแต่กำเนิด ยิ่งเป็ขั้วตรงข้ามกับเหลยต้งอย่างสมบูรณ์ อยากได้รับชัยชนะไม่ใช่เื่ยาก
“ต้านทานมันไว้เร็วเข้า!”
เมื่อเห็นเสี่ยวเหยียนกระโจนเข้ามาทำให้เหลยต้งใมาก เมื่อครู่เสี่ยวเหยียนกลืนเปลวเพลิงเข้าไปแล้ว จนเกิดเงามืดขึ้นในจิตใจของเขา จากนั้นทั้งสามคนจึงโคจรพลังออกมาถึงขีดสุด ทำให้พลังของค่ายกลทวีความรุนแรงขึ้นในพริบตาเดียว
แต่เขายังคำนวณผิดพลาดไป
ฟุ่บ!
ร่างของเสี่ยวเหยียนทะลวงผ่านเข้าไปภายในค่ายกลได้ทันทีโดยไม่มีอะไรขวางกั้นเลย ราวกับเปลวเพลิงเปิดทางให้มันเอง
“เป็ไปได้อย่างไร!”
เหลยต้งกล่าวจบ เขาใช้กริชสามปลายสองคมรับพลังโจมตีของเสี่ยวเหยียนไว้ จากนั้นค่ายกลก็เริ่มแปรปรวน
อีกสองคนไม่ได้นิ่งเฉย เข้าต่อสู้กับเสี่ยวเหยียนพร้อมกัน
“ใช่แล้ว ข้าลืมบอกเ้าไป ลูกรักของข้ามีพลังป้องกันไฟแต่กำเนิด”
เสิ่นเสวียนกอดอก กล่าวกับทั้งสามคนด้วยรอยยิ้ม