บทที่ 98 ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
“ท่านปุโรหิตอาหย่า...ท่านพูดจริงหรือ? ขอเพียงดื่มน้ำนี่ก็จะแข็งแกร่งขึ้นหรือ?” ฉู่อวิ๋นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“แน่นอน!” อาหย่าพูดอย่างเด็ดขาดด้วยสีหน้าจริงจัง “บาดาลเทพอสูรนี้เป็วัตถุทางิญญาที่สืบทอดมาในเผ่าเรานานนับพันปี ตอนนี้เหลือเพียงเล็กน้อยเท่านี้แล้ว เ้าไม่เชื่อข้าหรือ?”
“ข้าน้อยไม่กล้า! ข้าแค่รู้สึกในิดหน่อย” ฉู่อวิ๋นยกมือประสานแล้วถาม “แต่บาดาลเทพอสูรนั้นล้ำค่ามาก ผู้าุโมอบมันทั้งหมดให้ข้า... ไม่เป็ไรจริงๆ หรือ?”
“จอมยุทธ์ฉู่ นี่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากปุโรหิตเช่นข้า ขอเ้าอย่าปฏิเสธเลย พวกเราเผ่าสุนัขไม่เคยโกหก ถ้าพูดออกไปแล้วก็ต้องทำให้ได้ เ้าไม่ต้องกังวลกับคำกล่าวลอยลม” อาหย่ากล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยคิดว่าอาหย่าจะไม่ทำร้ายเขาจึงขอบคุณนางอย่างจริงใจ “เช่นนั้นข้าน้อยก็ขอเชื่อฟังไม่สู้เคารพแล้ว ขอบคุณท่านปุโรหิตอาหย่า”
ทันทีที่พูดจบ ฉู่อวิ๋นก็หายใจเข้าลึกๆ และกำลังจะก้มหน้าลงเพื่อดื่มบาดาลเทพอสูร แต่ในตอนนี้เอง เขาก็ได้ยินมู่หรงซินพูดว่า “เดี๋ยวก่อน!”
นางแสดงสีหน้าสงสัย เดินเข้าไปและพูดกับอาหย่า “ท่านปุโรหิต ในเผ่าท่านไม่มีนักรบิญญาไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดจึงมั่นใจนักว่าบาดาลเทพอสูรนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งได้? พวกท่านเคยลองดื่มแล้วหรือ?”
แม้ว่ามู่หรงซินจะรู้สึกว่าอาหย่ามีเจตนาดีและไม่้าทำร้ายฉู่อวิ๋น แต่เมื่อนางมีข้อสงสัยก็กังวลจนอดถามไม่ได้
“เอ่อ...” อาหย่าพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ไม่คิดว่ามู่หรงซินจะจริงจัง
นางกระแอมในลำคอและอธิบายว่า “อะแฮ่ม... เอ่อ...เผ่าสุนัขของเราเคยเป็ชนเผ่าพลังยุทธ์ที่ทรงพลัง ต่อมาก็ค่อยๆ ลดลงเพราะไม่มีใครสามารถปลุกิญญายุทธ์ได้อีก ดังนั้นจึงพอมีบาดาลเทพอสูรเหลืออยู่บ้าง”
“แม่นางมู่หรงผู้นี้ เ้าไม่ต้องกังวล สิ่งที่ข้าพูดเป็ความจริงทั้งสิ้น”
หลังจากพูดจบ อาหย่าก็หันกลับมา มือข้างหนึ่งไพล่หลัง อีกข้างกำไม้เท้าไว้ ทำให้ดูสูงส่ง มู่หรงซินเองก็รู้สึกละอายขึ้นมา คิดว่าเมื่อครู่ตนเองไร้มารยาทไป
อันที่จริงอาหย่าไม่อยากให้ทั้งสองคนเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของตน ในฐานะคนธรรมดา นางโกหกไม่เก่งจริงๆ...
ความจริงแล้ว สำหรับบาดาลเทพอสูรแอ่งนี้ อาหย่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่า้าให้ฉู่อวิ๋นดื่มมันลงไปจริงๆ หรือไม่? เพราะอย่างไรเสียนางก็เห็นเพียงนิมิต หาได้สื่อสารกับเทพอสูรโดยตรง
อาหย่าไม่รู้ว่าหากดื่มบาดาลเทพอสูรเข้าไปแล้วจะเกิดสิ่งใดขึ้น
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างละเอียดอ่อน ฉู่อวิ๋นจึงกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล ซินเอ๋อร์ ของเหลวนี้ใสแจ๋ว ดูเหมือนว่าจะมีพลังมากมาย หากเป็ผู้าุโอาหย่ามอบให้ ข้าต้องรับไว้แน่!”
หลังจากพูดจบ ฉู่อวิ๋นก็ก้มหน้าลงดื่ม ราวกับปลาวาฬดูดน้ำ ดื่มบาดาลเทพอสูรที่มีไอปกคลุมอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ อาหย่าเองก็กังวลเช่นกัน หากฉู่อวิ๋นเกิดมีปัญหาใดๆ ตามมา นางคงได้กลายเป็คนบาปแน่แล้ว
“อึก อึก——”
ขณะที่ดื่มบาดาลเทพอสูร ฉู่อวิ๋นรู้สึกสดชื่นเป็อย่างมาก รสชาติของมันสะอาด สดชื่น ไม่ทรมานร่างกายเลย
ไม่นาน ฉู่อวิ๋นก็ดื่มบาดาลเทพอสูรเกือบหมด เหลือไว้เพียงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น
“บาดาลเทพอสูรนี้สดชื่นนัก ไร้กลิ่นไร้สี ดียิ่งนัก” ฉู่อวิ๋นเช็ดมุมปากและเรอออกมา
“จอมยุทธ์ฉู่! รู้สึกอย่างไรบ้าง?” อาหย่าดูกังวล ทั้งยังรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้วนางก็หลอกให้ฉู่อวิ๋นดื่มบาดาลเทพอสูรอันแปลกประหลาดนี้ลงไปจนได้
“เ้าอันธพาลอวิ๋น?” มู่หรงซินเองก็กังวลมากเช่นกัน ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ใบหน้าของฉู่อวิ๋นไม่ละไปไหน
“ก็ไม่เป็ไร ก็เหมือนดื่มน้ำอย่างไรเล่า ไม่ต้องห่วง...หืม?!”
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกราวกับว่าจุดตันเถียนของเขากำลังเดือด พลังปรานฮุ่นหยวนทั้งหมดพุ่งโจมตีแขนขาและอวัยวะภายในของเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความเ็ปอย่างรุนแรงทั่วร่างกายของเขา!
“ฉู่อวิ๋น!”
“จอมยุทธ์ฉู่!”
มู่หรงซินและอาหย่าต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นฉู่อวิ๋นเหงื่อออกมากและล้มลงกับพื้น สีหน้าของเขาดูเ็ปมาก
“ท่านปุโรหิต! ท่านบอกว่ามันจะไม่เป็ไรไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดฉู่อวิ๋นถึงเป็แบบนี้?!” มู่หรงซินกังวลมากและรีบช่วยพยุงฉู่อวิ๋นขึ้น ดวงตาของนางเบิกกว้างและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
“นี่... บาดาลเทพอสูรนี้จะปรับสมดุลร่างกาย ย่อมทำให้เ็ปอยู่บ้าง! เ้าต้อง... อดทนไว้! อดทนไว้แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น!” อาหย่าก็กังวลมากเช่นกัน แต่นางก็ไม่อาจบอกความจริงแก่ทั้งสองคนในตอนนี้ได้ ได้แต่เพียงปิดบังมันต่อไป
ยามนี้ ฉู่อวิ๋นเหงื่อชุ่มอาบตัว เขาเ็ปจนต้องกัดฟัน กำมือแน่น แม้แต่เสื้อผ้าก็เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ
เขารู้สึกเพียงว่ากระดูก เนื้อ เื และอวัยวะภายในทั้งหมดของเขาคล้ายถูกไฟเผา ความเ็ปนั้นเทียบได้กับลูกธนูนับพันที่แทงทะลุหัวใจ มันทรมานมาก
“เจ็บ! เจ็บมาก!”
แม้แต่ะโออกมาดังๆ เขายังไม่อาจทำได้ด้วยหมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรง จึงได้เพียงะโอยู่ในใจเท่านั้น
แต่เมื่อครู่ที่ได้ยินคำบอกเล่าของอาหย่าว่าเพียงแค่อดทนก็จะดีขึ้น ฉู่อวิ๋นจึงกัดฟันอดทนต่อความเ็ปนี้!
“ข้าต้องแข็งแกร่ง... ข้าต้องช่วยพี่หญิงซินเหยา... ข้าต้อง... อดทนไว้!”
“ข้า...ข้าไม่อยากเห็นคนที่ข้ารักจากไปต่อหน้าต่อตาอีกแล้ว!"
“อดทนไว้...อดทนไว้!!”
“อ๊าก----!!”
แม้ว่าเขาจะทนต่อความเ็ปแสนสาหัสจนร่างกายกระตุกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เมื่อเขาคิดถึงรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนและไม่มีใครเทียบได้ของฉู่ซินเหยา ดวงตาคมกริบก็เปล่งประกายอย่างไม่ยอมแพ้!
ด้วยวิธีนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ความเ็ปในร่างกายของเขาก็ค่อยๆ บรรเทาลง และสิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพละกำลัง
“พลังนี้…” ฉู่อวิ๋นกำหมัดแน่นจนมีเสียงแตก จากนั้นเขาก็หลับตาและมองเข้าไปภายในเพียงเพื่อจะเห็นว่ากระดูก เนื้อ และเืของเขาแข็งแรงมากขึ้น อวัยวะภายในของเขาก็เช่นกัน พวกมันเปล่งประกายมีชีวิตชีวา!
“ขัดเกลากล้ามเนื้อและกระดูก ขัดเกลาอวัยวะภายใน... ตอนนี้ข้าเป็นักรบที่จุดสูงสุดระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณแล้ว?”
ฉู่อวิ๋นรู้สึกเหลือเชื่อ เขาไม่คิดว่าการดื่มสิ่งที่เรียกว่าบาดาลเทพอสูรจะได้ผลเร็วขนาดนี้! ความจริงแล้วถ้าเขา้าทะลวงสองขั้นนี้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสามเดือน
แต่ตอนนี้เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากบาดาลเทพอสูร ในหนึ่งชั่วยามก็สามารถทะลวงได้ถึงสองขั้น อัศจรรย์นัก!
“นี่... เ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?” เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นหัวเราะคิกคัก มู่หรงซินก็ดูกังวล นางคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว
“รู้สึกดี! บาดาลเทพอสูรนี้อัศจรรย์มาก ตอนนี้ความแข็งแกร่งของข้าอยู่ที่ประมาณหนึ่งหมื่นจิน! มันเกินมาตรฐานของระดับเก้าขอบเขตควบแน่นพลังปราณไปมากเลย!” ฉู่อวิ๋นหัวเราะ
โดยทั่วไปแล้ว นักรบชั้นยอดในระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นของพลังปราณจะมีความแข็งแกร่งเพียงแปดพันจิน เมื่อถึงตอนนั้นแล้วก็คล้ายจะอยู่ที่คอขวด ไม่อาจก้าวหน้าได้ง่ายๆ หาก้าพลังที่มากขึ้น จำต้องเข้าสู่ขั้นมหาสมุทรเท่านั้น
และฉู่อวิ๋นที่อยู่ที่ระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แต่กลับมีพลังเทียบเท่ากับระดับต่ำสุดของขั้นมหาสมุทร มันช่างเหลือเชื่อ!
เมื่อรวมกับพลังปราณฮุ่นหยวนและวิชากระบี่ิญญาระดับสูง วิชากระบี่ดาวตก ตอนนี้แม้จะเจอกับสัตว์อสูรที่อ่อนแอสักหน่อย ฉู่อวิ๋นก็สามารถสู้ได้!
“ท่านปุโรหิตอาหย่า! ความเมตตาอันยิ่งใหญ่ที่เผ่าสุนัขมีต่อข้า ข้าน้อยจะไม่มีวันลืมเลย! โปรดรับความเคารพจากข้าน้อยคนนี้ด้วย!” ฉู่อวิ๋นดีใจมากและอยากจะขอบคุณอาหย่า แต่นางก็หยุดเขาไว้
“อะแฮ่ม... จอมยุทธ์ฉู่ บุญคุณไม่หมดเพียงทดแทน ข้าบอกแล้วว่าบาดาลเทพอสูรที่สืบทอดมาของเผ่าเรานั้นอัศจรรย์ไร้ขอบเขต ตอนนี้เ้าก็ออกจากป่าสีเือย่างมั่นใจเถอะ” อาหย่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดนางก็ไม่ได้หลอกฉู่อวิ๋น
“ใช่แล้ว บาดาลเทพอสูรที่เหลือนั้น ข้าน้อยคงไม่รับไว้แล้ว ตอนนี้ข้าน้อยทะลวงเพิ่มมาได้สองระดับ จำต้องใช้เวลาในการปรับพื้นฐาน หากดื่มเพิ่มอีกก็คงไม่มีผลมากเท่าใดแล้ว” ฉู่อวิ๋นกล่าว
“อืม ได้…”
“เดี๋ยวก่อน!”
มู่หรงซินขัดจังหวะคำพูดของอาหย่า หายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ท่านปุโรหิตอาหย่า บาดาลเทพอสูรนี่ปล่อยไว้ก็ไม่มีผลอันใดต่อเผ่าท่าน มิสู้ยกที่เหลือให้คุณหนูเช่นข้าชิมรสชาติเถิด!”
เมื่อได้ยิน ทั้งฉู่อวิ๋นและอาหย่าต่างก็สะดุ้งเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่ามู่หรงซินจะเอ่ยคำขอเช่นนี้ออกมา แต่ในท้ายที่สุดอาหย่าก็มอบบาดาลเทพอสูรที่เหลือให้นางไป
อย่างไรเสีย บาดาลเทพอสูรนี้มีประโยชน์สำหรับนักรบเท่านั้น เผ่าสุนัขหาได้้ามันไม่
ครู่หนึ่ง...
“ท่านพ่อ ท่านแม่!!”
“เจ็บจะตายแล้ว!!”
“อ๊าก--”
ครึ่งชั่วยามต่อมา หลังจากเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ทำให้ท้องฟ้าสั่นะเื มู่หรงซินก็ทะลวงเข้าสู่ระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณได้สำเร็จ แต่ในตอนนี้ ใบหน้าของนางกลับเต็มไปด้วยน้ำตา
“ซินเอ๋อร์... เ้าไม่เป็ไรใช่หรือไม่?” ฉู่อวิ๋นถาม
“อย่าดูถูกข้า! เ้าอยากให้ข้าต้องอับอายเพราะต้องทนความเ็ปแค่นี้หรือ? ไม่มีทาง!” มู่หรงซินะโพร้อมเช็ดน้ำตา
“ไม่เป็ไรก็ดีแล้ว” ฉู่อวิ๋นมีเหงื่อซึมบนใบหน้า ตอนที่มู่หรงซินร้องหาพ่อหาแม่ นางก็ดึงทึ้งเสื้อผ้าของเขาด้วยความเ็ป ตอนนี้สภาพของเขาดูไม่ต่างจากผู้ลี้ภัย
เมื่อมองดูท่าทางสิ้นหวังของฉู่อวิ๋นแล้ว อาหย่าก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาหัวเราะคิกคัก หลังจากนั้น นางก็แสร้งทำเป็สูงส่งอีกครั้งและพูดอย่างเคร่งขรึม “อย่างไรเสีย จอมยุทธ์ฉู่ นอกจากบาดาลเทพอสูรนี้แล้ว พรุ่งนี้ข้ายังมีของขวัญอีกชิ้นหนึ่ง ข้าจะให้คนเตรียมสุนัขบพิตริญญา์ไว้ให้สองตัว นี่คือน้ำใจสุดท้ายจากข้า”
อาหย่าไม่ได้ตาบอด นางมองก็รู้ว่าพรุ่งนี้มู่หรงซินต้องตามฉู่อวิ๋นออกไปจากป่าสีเืด้วยเป็แน่
“สุนัขบพิตริญญา!? นี่... ท่านปุโรหิตอาหย่า ท่านมีน้ำใจต่อข้าน้อยมากเกินไปแล้ว! ข้าน้อยขอบคุณท่านยิ่งนัก!” ฉู่อวิ๋นดีใจ ประสานมือคำนับอีกครั้ง
ต้องรู้ว่า สุนัขบพิตริญญาเป็สัตว์อสูรระดับกลางที่แม้จะไม่แข็งแกร่งมาก แต่ก็เร็วพอตัว หากสามารถเดินทางร่วมกับพวกมันได้ ความสำเร็จในการผ่านป่าสีเืก็จะพุ่งทะยานขึ้นมาหลายเท่า!
“ข้าเพียงมอบน้ำใจให้เล็กน้อยเท่านั้น เ้าช่วยพ่านพ่านกลับมาได้ ข้าย่อมต้องตอบแทน” อาหย่าหันกลับมาอีกครั้งโดยมีมือข้างหนึ่งไพล่อยู่ด้านหลัง น้ำเสียงของนางดูจริงจัง
หลังจากนั้น ฉู่อวิ๋นและอาหย่าก็พูดคุยแลกเปลี่ยนกันอีกหลายคำ ก่อนจะหันหลังจากไปพร้อมกับมู่หรงซิน
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็เดินออกจากห้องหินของปุโรหิตและกลับไปที่ถ้ำ ระหว่างทางฉู่อวิ๋นยกยิ้มไม่หยุด ดวงตาของเขาเป็ประกายสดใส เปี่ยมไปด้วยพลัง
ตอนนี้ ไม่ว่าจะมู่หรงซินหรือตัวเขาล้วนแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ฉู่อวิ๋นจึงเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาเชื่อว่าตราบใดที่พรุ่งนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาจะสามารถหลบหนีจากป่าสีเืได้อย่างปลอดภัย วันที่จะไปถึงเมืองชุยเสวี่ยขยับเข้ามาอีกก้าว!
แต่เมื่อกลับมาที่ห้องหิน ฉู่อวิ๋นก็สังเกตเห็นพ่านพ่านที่ขี่สุนัขบพิตริญญาอยู่
ทว่าคราวนี้นางมีสีหน้ายินดีและพูดว่า “อวิ๋นอวิ๋น อวิ๋นอวิ๋น! พวกเ้ารีบไปดูเร็ว! สุนัขบพิตริญญาของเราบางตัวมีอะไรอยู่ในปากล่ะ... “