เครื่องในหมูมีราคาถูกกว่าหมูสามชั้น แต่มีราคาแพงกว่าเนื้อไม่ติดมันเล็กน้อย ราคาอยู่ที่สิบเจ็ดถึงสิบแปดอีแปะหนึ่งชั่ง
สิ่งที่หายากมักมีราคาแพง หมูที่น้ำหนักสองถึงสามร้อยชั่งก็มีเครื่องในเพียงชุดเดียว
ไม่ว่าจะในยุคปัจจุบันหรือราชวงศ์โจวก็ไม่เคยขาดแคลนนักกิน จึงส่งผลให้เครื่องในหมูนั้นได้รับความนิยมยิ่งกว่าเนื้อหมูเสียอีก
ไส้หมูสองชุด หลิวเต้าเซียงจ่ายไปหนึ่งร้อยสามสิบหกอีแปะ แล้วก็ซื้อปอดหมูอีกสามชุด ราคาห้าสิบอีแปะ
หลิวเต้าเซียงมองไปที่ไส้ไก่และไส้ใหญ่หมูในตะกร้า อีกทั้งปอดหมู จึงคิดว่าพอเท่านี้ก่อน
นางไปที่ร้านขายของชําเพื่อซื้อเครื่องปรุงรส เมื่อเห็นว่ายังมีเวลาเหลืออยู่ จึงแบกตะกร้าไปที่ร้านขายขนมขบเคี้ยว
ตอนนี้ครอบครัวได้แยกบ้านแล้ว เงินในกระเป๋าของหลิวเต้าเซียงจึงะโโลดเต้น เงินนั้นหามาด้วยเหตุใด?
ก็เพื่อซื้อๆๆๆ
นางซื้อเมล็ดทานตะวันคั่ว แล้วก็ซื้อพุทราหิมะ ขนมงาแท่งต่างๆ
เมื่อซื้อขนมจนเพียงพอ ก็ใกล้จะถึงเวลาที่นัดหมายกับพ่อครัวจาง
โชคดีที่ร้านขนมอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขา ใช้เวลาเพียงแค่สิบนาทีก็ถึง
มีรถม้าชั้นดีจอดอยู่ที่ทางเข้าของลานบ้าน เกาจิ่วมาถึงแล้ว!
“ข้าว่าสาวน้อยคงไปซื้อขนมขบเคี้ยวแล้ว นายท่านจิ่ว เห็นหรือไม่ ข้าพูดถูกต้องจริงๆ ด้วย ฮ่าๆ!” เสียงหัวเราะแสนอร่อยของพ่อครัวจางแฝงด้วยความเอาใจ
เมื่อเกาจิ่วเห็นหลิวเต้าเซียงเดินมา เขาทักทายนางด้วยรอยยิ้มและส่งสัญญาณให้บ่าวรับใช้ข้างกายไปช่วยนางหิ้วของ
หลิวเต้าเซียงทักทายเขาก่อนแล้วยิ้ม “เดิมทีข้าควรมาหานายท่านจิ่วหลังจากเสร็จธุระ เพียงแต่ข้ากลัวว่าในตำบลอาจจะไม่ได้กินไก่มากมายเช่นนั้น จึง้าขอความคิดเห็นจากนายท่านจิ่ว”
หัวใจของเกาจิ่วเมื่อได้ยินคำว่า ‘นายท่านจิ่ว’ ที่นางเรียกก็ถึงกับถูกแขวนกลางอากาศ รู้สึกใจสั่นชอบกล
“คุณหนูรองหลิวเกรงใจเกินไปแล้ว เ้าเตรียมจะทำสถานที่เลี้ยงไก่โดยเฉพาะหรือ?”
หัวใจของหลิวเต้าเซียงเต้นตูมตาม เห็นทีเื่นี้คงเป็ไปได้
“ไม่ใช่แค่ไก่ แต่มีหมูด้วย!”
นางได้คิดเื่นี้ไว้แล้ว พ่อผู้แสนดีของนางยังต้องเรียน จะให้เสียเวลาไม่ได้
ประการที่สอง นางไม่้าให้แม่ผู้แสนดีเหนื่อยเกินไป เพราะต้องดูแลสภาพร่างกายให้ดี ถึงอย่างไรนางก็มีอาวุธที่ใช้หาเงิน ถึงแม้มารดาจะคลอดลูกมาอีกสักคนก็สามารถเลี้ยงดูได้
นอกจากนี้ ที่นาดีในหมู่บ้านสามสิบลี้นั้นมีน้อยเกินไป
เกาจิ่วมองนางอย่างประหลาดใจ “คุณหนูรองหลิวหมายความว่า้าเลี้ยงสองชนิดหรือ? เหตุใดไม่ซื้อที่นาขายแล้วปล่อยเช่าออกไป หรือไม่ก็จ้างคนงานช่วยบ้านตนเองทำนา?”
ผู้คนในราชวงศ์โจวรู้สึกว่ามีเพียงการที่นาอันอุดมสมบูรณ์ไว้ในมือเท่านั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีข้าวกิน
หลิวเต้าเซียงโบกมือและยิ้ม “ปล่อยมันไว้ก่อน พ่อข้ากำลังเล่าเรียน ในบ้านจึงมีเพียงท่านแม่และพวกข้า เลี้ยงไก่กับหมูก็พอแล้ว”
เกาจิ่วได้ยินดังนั้นก็เริ่มเข้าใจแผนการของนาง จึงหันไปยิ้มแล้วเอ่ยกับพ่อครัวจาง “ตาเฒ่าจาง ได้ยินกัวซิวฝานเอ่ยถึงหรือไม่?”
ที่เขาถามคือ กัวซิวฝานเคยเอ่ยถึงเื่การเรียนของหลิวซานกุ้ยต่อหน้าพ่อครัวจางบ้างหรือไม่
“กัวซิ่วไฉบอกว่าให้คุณชายหลิวสามลงสนามสอบปีนี้ขอรับ” พ่อครัวจางเอ่ยต่อ “เห็นที คุณชายหลิวสามต้องเป็คนเรียนดีแน่นอน มิเช่นนั้น กัวซิ่วไฉคงไม่ให้เขาลงสนามสอบปีนี้แน่ ได้ยินว่ากัวซิ่วไฉเองก็จะรอจนถึงการสอบฤดูกาลใบไม้ร่วง และเตรียมตัวลงสนามสอบเองด้วย”
หลิวเต้าเซียงได้ยินก็หวั่นไหว จึงเอ่ยถาม “อาจารย์กัวก็จะลงสอบเซียงซื่อ [1] ด้วยเช่นกันหรือ?”
“เขาเคยบอกเช่นนี้ แล้วยังบอกอีกว่า หากไม่รีบสอบให้ผ่าน เกรงว่าปีหน้าคงมิอาจสอนพ่อเ้าได้แล้ว”
นี่หมายความว่าการเล่าเรียนของหลิวซานกุ้ยนั้นดีมาก
ไม่อย่างนั้นเหตุใดกัวซิวฝานจึงเร่งรีบถึงเพียงนี้
หลิวเต้าเซียงยิ้มและพูดว่า “ไม่ว่าพ่อข้าจะสอบผ่านหรือไม่ ถึงอย่างไรบ้านข้าก็อยากให้ท่านพ่อเล่าเรียนให้มาก เพื่อที่จะไม่เป็คนโง่เขลา”
เกาจิ่วรู้ว่าหลิวเต้าเซียงรู้ตัวหนังสือ จึงไม่แปลกใจที่ได้ยินนางพูดเช่นนี้
“โอ้ ดูเหมือนว่าข้าต้องรีบเตรียมของขวัญไว้สองชุด ไม่ได้ๆ หากเ้าเลี้ยงไก่และหมูจริง ขายให้ข้าราคาถูกหน่อย ข้าได้ยินว่าพ่อของเ้าเป็คนที่จดจำสิ่งที่ผ่านตาได้ดี นึกภาพตามไม่ยาก ต่อไปพ่อของเ้าต้องเก่งกาจแน่นอน กระเป๋าเงินของข้าคงต้องหดแล้ว คุณหนูรองหลิว มาๆๆ เรานั่งลงดื่มน้ำชาแล้วค่อยๆ เจรจากันดีกว่า เ้าต้องช่วยข้าเติมกระเป๋าเงินให้เต็มนะ”
“นั่นขึ้นอยู่กับว่านายท่านจิ่วจะรับของไว้ได้เท่าไร ท่านรับได้เท่าไรข้าก็เลี้ยงเท่านั้น” หลิวเต้าเซียงไม่ได้กังวลเื่อาหารสัตว์เลยแม้แต่น้อย
ในห้วงมิตินั้นใช้ไข่สองใบแลกรำข้าวได้หกชั่ง ไข่สี่ใบสามารถแลกข้าวร่วนได้สามชั่ง ราคานี้ถูกกว่าในราชวงศ์โจวยิ่งนัก
ยิ่งไปกว่านั้นนางสามารถใช้เงินของตนเองได้อย่างเปิดเผยั้แ่บัดนี้เป็ต้นไป
เกาจิ่วมองนางที่พูดอย่างมั่นอกมั่นใจ จึงยิ้มแล้วเอ่ย ”ข้ารู้ว่าเ้าเป็คนทำสิ่งใดก็จริงจังไว้ใจได้ วันนี้เ้าพูดเื่นี้ขึ้นมา เห็นทีตาเฒ่าจางคงเคยเกริ่นกับเ้า ข้ามีโรงเตี๊ยมฟู่กุ้ยในเขตชิงโจวทั้งหมดสิบสองแห่ง”
หลิวเต้าเซียงไม่มีแรงกดดันในเื่นี้ “ข้าไม่รู้ว่านายท่านจิ่ว้าเท่าไร หากว่าเป็ไปได้ เราพอจะร่างสัญญาระยะยาว ท่านมองว่าดีหรือไม่?”
เกาจิ่วรู้อยู่แล้วว่าครอบครัวของหลิวเต้าเซียงถูกแยกออกมา และรู้ว่านี่คือข่าวดีจึงต้องรีบส่งข่าวไปยังเมืองหลวง ประจวบเหมาะกับวันนี้นางพูดคุยเื่ไก่กับหมู จะได้นำข่าวนี้ส่งไปพร้อมกัน เห็นทีนายน้อยที่เมืองหลวงท่านนั้นคงดีใจแน่นอน
“อ๋อ? กิจการโรงเตี๊ยมของข้าไม่เลว เวลาที่คึกคัก ทุกโรงเตี๊ยมจะขายเนื้อไก่ได้มากกว่าหนึ่งร้อยตัว หากว่า่ไหนที่ค่อนข้างซา ก็จะใช้ไก่ประมาณแปดถึงเก้าสิบตัว พอคำนวณเช่นนี้ หนึ่งวันคงใช้ราวหนึ่งพันสองร้อยตัว แล้วก็เนื้อหมู ในร้านคงใช้ราวครึ่งซีก เช่นนี้วันหนึ่งคงต้องใช้หมูหกตัว หมู้าเป็ๆ พวกเรามักจะเชือดหมูที่หลังโรงเตี๊ยมยามเช้า เพื่อประกันว่าเนื้อหมูนั้นสดใหม่”
หลิวเต้าเซียงนั่งขมวดคิ้วอยู่ตรงนั้น เช่นนี้แล้วเกรงว่าพื้นที่ข้างบ้านคงจะเล็กเกินไปหน่อย แต่นางก็ไม่อยากซื้อที่ดินในหมู่บ้านสามสิบลี้อีก หนึ่งคือพื้นที่น้อย สองคือใกล้กับหลิวฉีซื่อเกินไป
เมื่อเกาจิ่วเห็นท่าทีของนางจึงคิดว่านางลำบากใจ เขาแอบหัวเราะในใจ เพียงแค่เด็กสาวอายุแปดขวบ จะเข้าใจการเจรจาได้อย่างไร คงเพราะคิดได้ไม่ทั่วถึง
“คุณหนูหลิว ข้าคิดว่าเ้าไม่ต้องรับไว้เองทั้งหมดก็ได้ ดีที่เราจะทำสัญญาระยะยาว พอดีกันกับโรงเตี๊ยมในตำบลเหลียนซานของเรา มีเซียงเซินท่านหนึ่งตั้งใจว่าจะพาบุตรชายของเขาไปตั้งถิ่นฐานที่เขตอี้โจว ย่อมไม่มีทางส่งไก่กับหมูได้ต่อ เดิมทีข้ากำลังกังวล คิดไม่ถึงว่าคุณหนูรองมาหาถึงที่ ข้าจะแบ่งส่วนนั้นให้เ้าเข้ามารับแทน ดีหรือไม่?”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าตนเองค่อนข้างหละหลวม คิดๆ ไปก็ถูก โรงเตี๊ยมใหญ่โตเช่นนี้จะไม่มีเพื่อนคู่ค้าระยะยาวได้อย่างไรกัน!
“ข้าสงสัยว่าบ้านนั้นส่งไก่และหมูให้ท่านทั้งหมดเท่าไรต่อปี?”
“บ้านของเขาพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ปีหนึ่งก็น่าจะสองพันตัว นอกนั้นก็มีหมูอีกสองร้อยตัว”
หลิวเต้าเซียงคํานวณในใจ กําไรขั้นต้นของไก่สองพันตัวต่อปีนั้นมากกว่าสองร้อยตำลึง น้อยไปสักหน่อย แต่นางรู้ว่าครอบครัวของนางเพิ่งเริ่มต้น แน่นอนว่าคงยังไม่สามารถทําอะไรที่สะดุดตาเกินไป การดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่ใช่สิ่งที่ดี
“ไม่ทราบว่าราคาเป็เช่นไร?”
ดวงตาของเกาจิ่วเปล่งประกาย เด็กสาวคนนี้นับวันก็ยิ่งทำการค้าเก่ง อีกทั้ง เวลาเจรจาก็ตรงเข้าประเด็น
“ไม่ทราบว่าคุณหนูจะลดให้ได้เท่าไร?”
เขาตั้งใจจะทดสอบนาง หรืออีกนัยหนึ่งคือ เขากำลังสอนนางเพื่อเข้าสู่หนทางนี้
“ข้ารู้แค่ว่าไก่ที่ขายในตลาดมีราคายี่สิบห้าอีแปะต่อหนึ่งชั่ง และเมื่อปีที่แล้วนายท่านจิ่วก็ให้ราคานี้กับไก่ของข้าไม่ใช่หรือ?”
ดวงตาที่มีไหวพริบของหลิวเต้าเซียงส่องประกาย
หึ อยากให้นางเสนอราคาก่อน อย่าได้คิดเชียว นางไม่ใช่เด็กน้อยจริงๆ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าราคาค้าส่งกับค้าปลีกนั้นต่างกัน
เกาจิ่วรู้สึกว่าน่าสนใจ สาวน้อยคนนี้เป็คนพูดจาฉะฉานยิ่งนัก ทว่ายังเป็คนที่มีหัวด้านการค้าขาย
เขาชื่นชอบคนฉลาดหลักแหลม!
แต่ด้วยเหตุนี้ ผลที่ตามมาคือหลิวเต้าเซียงจึงน่าสงสารยิ่งนัก
“เช่นนั้นคงไม่สามารถอิงตามราคานั้นได้ คราวที่แล้วเนื่องจากอากาศหนาวเย็น ทุกคนชอบล้อมวงกินหม้อไฟ ไก่จึงขายดี ตอนนี้อากาศร้อน ย่อมได้ราคาถูกกว่า แล้วไก่ก็มีอายุอีกด้วย ไก่อายุครึ่งปีเอามาผัดนั้นอร่อยเนื้อนุ่ม แต่ราคาถูกกว่ามาก ส่วนไก่อายุหนึ่งปีก็แพงกว่าหน่อย สองปีกับสามปีราคาแพงกว่ากันมากโข”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกปวดศีรษะ ทำไมนางจึงไม่รู้ว่ามีหลักการมากมายเช่นนี้
“สัตว์ปีศาจน้อย ออกมาเดี๋ยวนี้!”
“เซียงเซียงที่รัก ผมอยู่นี่ครับ!” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดได้ยินหลิวเต้าเซียงเรียกเขาในใจจึงรีบออกมา
“ฉันถามว่า ทำไมไก่ของฝั่งนายถึงรับราคาเดียวได้ทั้งปี เมื่อกี้ฉันได้ยินว่า ไก่อายุสองปีกับสามปีนั้นคุณภาพดีกว่า ราคาแพงกว่า”
หลิวเต้าเซียงไม่สงสัยสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ด แค่อยากรู้ว่าองค์ประกอบต่างๆ ในนี้สามารถควบคุมได้ระดับใด
เห็นได้ชัดว่าสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดรู้เื่นี้ “โอ้ ที่คุณอยากถามคือเื่นี้หรือครับ ไก่นั่นแม้ว่าจะแพงหน่อย แต่ต้นทุนก็สูงกว่า ทางฝั่งของพวกคุณก็มีหลักเช่นนี้ไม่ใช่หรือครับ ข้าวสารแลกไก่หนึ่งชั่ง นี่บ่งบอกได้ชัดว่าไก่ไม่ได้ตัวใหญ่มาก แต่เป็นักกิน และกินจุมาก อีกทั้งไก่อายุสองขวบกับสามขวบ โอกาสในการวางไข่ของพวกมันก็ยิ่งต่ำ แม้ว่าสารอาหารจะมีมูลค่า แต่พอหักต้นทุนไปกำไรก็ลดน้อยลง อีกอย่าง หากขายไก่แพงเกินไป ทุกคนจะเห็นว่าแพงเกินไปด้วยครับ”
ดังนั้นไก่อายุหนึ่งปีจึงขายได้คุ้มที่สุดหรือ?
หลิวเต้าเซียงไม่รู้ว่าถูกหลอกหรือไม่ แต่เื่ที่ไก่กินจุนั้นเป็เื่จริง หากไม่ได้ฟังสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ด คงไม่อาจรู้ว่าการเลี้ยงไก่นั้นมีโอกาสไม่คุ้มทุน ซึ่งเป็สิ่งที่ทำให้นางกังวลใจ ใครจะรู้ เพราะห้วงมิติเพาะเลี้ยงนั้นเป็ดั่งอาวุธมือขวาของคนที่ข้ามมิติมามากมายนับไม่ถ้วน
“ใช่สิ ฉันคิดจะเลี้ยงไก่กับหมูที่บ้าน ถึงตอนนั้นไข่ไก่ส่วนใหญ่คงต้องเอามาแลกรำข้าวกับข้าวร่วน”
เพราะมีห้วงมิติที่ให้แลกอาหารสัตว์ราคาถูก จึงไม่ต้องแกล้งวิ่งโร่ไปหาทั่วสารทิศ นางสามารถทำงานนี้ได้อย่างเปิดอก มิเช่นนั้นคงต้องขาดทุนเป็แน่
“ได้ครับๆ ยินดีมาแลกได้ตลอด ใช่สิ เซียงเซียง ผมขอแนะนำว่าคุณควรซื้อเนินเขานั่นไว้ด้วย ถึงตอนนั้นก็ล้อมเนินเขาไว้ จะได้ทำฟาร์มไก่เปิด เช่นนี้ไก่ก็จะได้มีพื้นที่ออกกำลังกายเคลื่อนไหว คุณภาพเนื้อก็จะดีกว่ามากครับ”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของเขา จึงถามอย่างระแวดระวัง “นายคิดจะทำอะไร?”
“โอ้ ตอนนี้บริษัทได้มาแจ้งให้คุณทราบว่า คุณผ่าน่ทดลองหนึ่งปีแล้ว ดังนั้นต้องพยายามขยายพื้นที่เพาะเลี้ยงของคุณ เพื่อรักษาระดับการเลี้ยงไก่ให้ได้จำนวนสามร้อยตัวต่อไร่ครับ”
“อะไรนะ?” ชีวิตที่มีความสุขของนางยังไม่ทันเริ่มขึ้น
“ไม่ต้องกลัวครับ ทางบริษัทยังคำนวณค่าแรงให้คุณตามเดิมครับ เพียงแค่คุณขยายพื้นที่มากหน่อย พอพื้นที่เยอะ ค่าแรงของคุณก็จะได้เพิ่มไงครับ”
ดังนั้นสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ด บริษัทของนายจะเคี่ยวไปไหน
-----
เชิงอรรถ
[1] เซียงซื่อ 乡试 หมายถึงการสอบระดับภูมิภาค การสอบในระดับนี้จะจัดขึ้นทุก 3 ปีที่เมืองหลวงของมณฑลต่างๆ เนื่องจากการสอบมักจัดขึ้นใน่ฤดูใบไม้ร่วง จึงเรียกการสอบในระดับนี้อีกชื่อหนึ่งว่า "ชิวซื่อ" หรือการสอบในฤดูใบไม่ร่วง ผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกในระดับนี้เรียกว่า "จี่ว์เหริน" หรือมักเรียกกันทั่วไปว่า "จ้งจี่ว์"
