บทที่ 44 ตัดสิทธิ์?
ฉู่อวิ๋นเดินไปที่ศิลาทลายั ปรับการหายใจ กระตุ้นพลังปราณและถ่ายมันสู่กระบี่ชื่อยวน
ข้างๆ เขา มู่หรงซินอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย รู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะนางรู้ว่านี่คือความหวังสุดท้ายในการหลบหนีไปจากที่นี่
ในชั่วพริบตา ปราณกระบี่แสงดาวสามสิบหกมรรคาหมุนวนไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว ค่อยๆ ควบแน่นจนกลายเป็กระบี่สายรุ้งที่แวววาว ตระหง่านและสง่างาม ราวกับดาวตกที่เจาะจนร่วงหล่นลงมาท้องฟ้า
ฉู่อวิ๋นสูดหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาของเขากะพริบถี่ จากนั้นเขาก็เหวี่ยงกระบี่ชื่อยวน
“ดาราร่วงหล่น!”
"ควั่บ!"
หลังเสียงะโ กระบี่สายรุ้งก็สดใสและทรงพลัง มันพุ่งเข้าหาศิลาทลายัที่สูงสิบเมตร ราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่กระทบท้องฟ้า!
"ตูม!"
ทันใดนั้น สุสานก็สั่นะเือย่างรุนแรง ราวกับโลกกำลังจะพังทลายลง
กระบี่สายรุ้งฟาดไปที่ศิลาทลายัโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่จุดโจมตี ทำให้พื้นผิวหินแตกอย่างรวดเร็ว รอยแตกกระจายไปทุกทิศทางราวกับการทำลายล้าง ท้ายที่สุด ก้อนหินทั้งก้อนก็กลายเป็เถ้า ลอยหายไปอย่างสมบูรณ์
“พลังของดาราร่วงหล่นยิ่งใหญ่มาก สมกับที่เป็วิชายุทธ์จิติญญาระดับสูงจริงๆ!” ฉู่อวิ๋นตกตะลึงในขณะที่มองไปที่ทางเข้าที่ว่างเปล่า ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกอยู่นาน
“ฮ่าๆๆ ทำได้ดีมาก ตอนนี้เราออกไปได้แล้ว!” มู่หรงซินดีใจมาก นางตื่นเต้นมากจนกอดแขนเปลือยเปล่าของฉู่อวิ๋นแน่นพลางะโขึ้นลง
ใช่ ฉู่อวิ๋นยังคงไม่มีเสื้อและไม่มีเสื้อให้ใส่
เสื้อผ้าของเขาถูกงูหลามครามปล่อยกรดกัดกร่อนไปนานแล้ว
“นี่...คุณหนูมู่หรง เ้า…” ฉู่อวิ๋นกำลังจะเตือนมู่หรงซิน แต่นางกลับนึกได้ถึงพฤติกรรมที่ไม่ควรของตนได้เสียก่อน จึงถอยห่างออกไปสองสามหมี่
“นั่นไม่สมควรเลย! อย่า...อย่าคิดว่าเพียงเพราะเ้าทำลายศิลาทลายัได้ ก็จะไร้มารยาทกับคุณหนูเช่นข้าได้นะ เชอะ!” มู่หรงซินดูระมัดระวัง
ฉู่อวิ๋นพูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่านางกำลังเอาเปรียบเขาต่างหาก!
หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็รีบเดินทางออกจากสุสานปราณั ทันทีที่พวกเขาเดินออกจากประตูสุสานก็มองเห็นดวงอาทิตย์ที่แผดเผาลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า
“อ๊ะ! ดูจากท้องฟ้าคงจะใกล้เที่ยงแล้ว เราต้องรีบ ไม่เข่นนั้นจะไปไม่ทันการนับแต้ม!” ฉู่อวิ๋นกังวลและแตะถุงแต้มศิลาหยกที่ห้อยอยู่บนเอวและกำลังจะวิ่งต่อไป
ตอนนี้ มู่หรงซินกลับก้าวขาไม่ออก นางล้มลงกับพื้น ทำให้ฉู่อวิ๋นสะดุ้งเล็กน้อย
จู่ๆ เขาก็หยุดและหันกลับมาช่วยพยุงนางลุกขึ้นแล้วถามว่า "คุณหนูมู่หรง เ้าเป็อะไร?"
“ข้าปวดหัว...นิดหน่อย คุณหนูเช่นข้าไม่เป็ไร ออกเดินทางกันต่อเถอะ” ใบหน้าของมู่หรงซินซีดเผือดและกัดริมฝีปากแน่น ขณะที่กำลังจะลุกขึ้น นางก็รู้สึกคลื่นไส้ ไม่สบายจนแทบจะเป็ลมจากความเ็ป
ความจริงแล้ว มู่หรงซินถูกค่ายกลสายเืในสุสานบรรพบุรุษปรามไว้เป็เวลาเกือบทั้งวัน หากจากไปทันที พลังปราณในจุดตันเถียนก็จะสับสนวุ่นวายและพุ่งเข้าสู่เส้นลมปราณในร่างกายอย่างรุนแรง
และเมื่อได้รับผลกระทบจากพลังปราณ เส้นลมปราณเล็กๆ พวกนั้นก็จะทรมานมาก
เมื่อเห็นใบหน้าของมู่หรงซินที่ซีดขาวราวกับกระดาษ ฉู่อวิ๋นก็ทนไม่ไหว เขาครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็กอดมู่หรงซินแน่นด้วยมือข้างเดียว ปล่อยให้นางพิงหน้าอกของเขาแล้วพูดว่า "คุณหนูมู่หรง อย่าว่าข้าเลย เ้าในตอนนี้คงไปไม่ทันเวลา ข้าไปส่งเอง”
“นี่! เ้า...ดื้อรั้นนัก ข้า...ข้า...” มู่หรงซินอยากจะต่อต้าน แต่ร่างกายของนางกลับไร้ซึ่งพลัง
ดังนั้น นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อฟัง ดวงตาของนางขยับ และพูดเสียงเบา "ถ้าเช่นนั้น ครั้งนี้คุณหนูเช่นข้าจะไว้ชีวิตเ้า..."
“ไปกันเถิด!” ฉู่อวิ๋นกอดมู่หรงซินแน่นอีกครั้งแล้วะโขึ้น
ทั้งสองกลายเป็ภาพเงาติดตาและหายตัวไปท่ามกลางูเาและป่าไม้
พระอาทิตย์กำลังแผดเผาบนท้องฟ้า คลื่นความร้อนกำลังเพิ่มสูงขึ้น และเกือบจะถึงเวลาเที่ยงวัน
ในเขตชานเมืองด้านตะวันออกของเมืองไป๋หยาง สถานที่จัดการประลองเซี่ยหยางเต็มไปด้วยผู้คนและมีเสียงคึกคัก ตระกูลใหญ่และผู้ชมทั้งหมดกลับมาที่นี่เพื่อรอผลสุดท้ายของการประลองรอบแรก
“ฟุ่บ ฟุ่บ!”
ร่างหลายร่างพุ่งออกมาจากทางเข้าเทือกเขา ทุกคนต่างก็เป็หญิงสวยชายหนุ่มที่รูปงาม และผู้ที่นำออกมานั้นสวมชุดสีน้ำเงิน ใบหน้างดงามของนางเ็าราวกับน้ำค้างแข็ง ร่างกายของนางก็สะอาดสะอ้าน และดูเหมือนจะสบายใจอย่างยิ่ง
“คนแรกที่กลับมาคือฉู่เฟยจริงๆ ด้วย! ดูเหมือนว่าครั้งนี้นางจะชนะได้ที่หนึ่งไปอีกครั้งแน่”
“ลำดับการกลับมาก่อนไม่มีความหมายอะไรกระมัง? ดูสิ นั่นคือคุณชายซือหม่า เขากลับมาหลังฉู่เฟย สีหน้าก็มั่นใจมาก”
“ฮ่าๆ ข้าก็แค่อยากรู้ว่าในรอบแรกจะมีคนถูกตัดสิทธิ์กี่คน? จะมีใครโดนสัตว์ปีศาจสังหารไปหรือไม่?”
เมื่อผู้เข้าร่วมการประลองกลับมาทีละคน ก็มีการะโเรียกหากันจนหนวกหู
จากนั้น ผู้คนก็กลับมามากขึ้นเรื่อยๆ และพวกเขาก็ยืนอยู่ใต้ลานของสถานที่จัดงาน
ยังมีเวลาอีกหนึ่งเค่อ[1]ก่อนที่จะถูกตัดสินแต้ม ในเวลานี้ นักรบที่เข้าร่วมเกือบทั้งหมดกลับมาแล้ว แน่นอนว่าบางส่วนก็หายไป เมื่อออกล่าในเทือกเขาไป่หลิง หากพบกับสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่ง อาจไม่สามารถรอดชีวิตได้
นอกจากนี้ หากเข้ารับการนับแต้มรอบแรกล่าช้า ผู้เข้าร่วมก็จะถูกตัดสิทธิ์จากการประลองทันทีและจะไม่ได้สิทธิ์ในการนับแต้มอีก
ในค่ายตระกูลฉู่บริเวณสถานที่จัดงาน ดวงตาของผู้าุโหกแดงก่ำ ใบหน้าของเขาไม่น่ามองอย่างยิ่ง
เพราะเขาได้รู้ข่าวว่าลูกชายคนที่สองของเขา ฉู่เจี้ยนเหริน ถูกฉู่อวิ๋นทำลายิญญายุทธ์จนไม่สามารถฝึกฝนได้อีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่ป้าที่เขาตั้งความหวังไว้สูงลิบกลับยังหาตัวไม่พบ
“พวกเ้า รีบไปหาป้าเอ๋อร์เร็วๆ เข้า! อีกอย่าง ถ้าพบตัวเ้าดาวหายนะนั่น ให้พามันมาหาข้า!” ผู้าุโหกออกคำสั่งกับลูกน้อง ขมวดคิ้วแน่น หน้าบึ้งตึงและรู้สึกหงุดหงิดอย่างยิ่ง
ในอีกด้านหนึ่ง หลินหู่ ผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลหลินก็ได้รู้ข่าวเกี่ยวกับการทำลายิญญายุทธ์ของหลินหล่างเช่นกัน
“ดาวหายนะเวรนี้กล้าทำลายหล่างเอ๋อร์ของข้า! หึ ลมโกรธนี้ข้ากลืนไม่ไหว!” หลินหู่โกรธมากจนแทบจะรีบวิ่งเข้าไปในูเาด้วยตัวเอง อยากจะลากฉู่อวิ๋นออกมาฆ่าเสีย
แต่ตอนนี้มีคนอยู่มาก จึงเป็เื่ยากที่เขาจะโจมตีอีกคน ทำได้เพียงจ้องมองที่ทางเข้าลานเพื่อรอให้ฉู่อวิ๋นกลับมา
ที่โต๊ะในจวนเ้าเมือง มู่หรงเจี๋ยเองก็พบว่ามู่หรงเหิงถูกฉู่อวิ๋นรังแก เขาโกรธจนลมหายใจเป่าเครา
“ดาวหายนะนั่น ข้าจะต้องสอนบทเรียนให้มันแน่! ไม่สิ...เหิงเอ๋อร์ ฉู่อวิ๋นไม่ใช่นักรบิญญาเศษเดนหรอกหรือ? เหตุใดจึงทำให้เ้ามีสภาพน่าอับอายได้เช่นนั้นเล่า?” มู่หรงเจี๋ยโกรธมาก แต่ก็สับสนมากเช่นกัน
"ฮือฮือ...วิชากระบี่ของเขาร้ายกาจมากจริงๆ สุดท้ายก็แขวนข้าไว้บนต้นไม้ใหญ่ ์! ข้ากลัวความสูง! ข้ากลัวจะตายอยู่แล้ว" มู่หรงเหิงยังคงหวาดกลัว ตัวยังสั่นไม่หยุด
มู่หรงเจี๋ยตบเก้าอี้ ความโกรธของเขาเพิ่มสูงขึ้น ฉู่อวิ๋นผู้นี้ขวัญกล้าเทียมฟ้านัก กล้าที่จะรังแกลูกชายของเขาแบบนี้
แต่สีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง และเริ่มกังวล "เฮ้อ ซินเอ๋อร์ยังไม่กลับมา ด้วยความแข็งแกร่งของนาง คงไม่มีเหตุผลที่จะเกิดเื่แบบนี้ขึ้น..."
ในลานขนาดใหญ่ ทุกคนล้วนมีอารมณ์ที่แตกต่างกัน แต่แน่นอนว่า มีคนที่้าจัดการกับฉู่อวิ๋นเพิ่มมาอีกสองสามคน
พระอาทิตย์ร้อนแรง คลื่นความร้อนอบอ้าว และยังมีเวลาอีกห้านาทีก่อนจะเริ่มการนับแต้ม
ในลาน ชายชราที่มีเคราขาวไม่แสดงสีหน้าใดๆ ถือไม้ไว้ในมือ พร้อมที่จะตีกลองได้ทุกเมื่อเพื่อประกาศสิ้นสุดการประลอง
ในกลุ่มผู้ชมก็มีคนตาแหลมที่สังเกตเห็นว่าผู้เข้าแข่งขันบางคนไม่กลับมาและเริ่มพูดถึงเื่นี้
“ดาวหายนะนั่นยังไม่กลับมา โดนสัตว์ปีศาจกินไปแล้วหรือเปล่า? ไม่เจียมตนจริงๆ ฮ่าๆๆ”
“เฮ้อ เทพธิดาของข้า มู่หรงซินก็ยังไม่กลับมาเหมือนกัน ขออย่าได้มีอะไรเกิดขึ้นกับนางเลย”
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
สามนาที
สองนาที
หนึ่งนาที
อีกไม่นานการนับแต้มก็จะเริ่มขึ้น
แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครกลับมาจากทางเข้าเทือกเขาอีก นี่ทำให้มู่หรงเจี๋ยกังวลมาก หากมู่หรงซินถูกตัดสิทธิ์เพราะมานับแต้มไม่ทัน เขาที่เป็เ้าเมืองจะต้องอับอายอย่างมากแน่ๆ
“นังหนูคนนี้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนกัน! จริงๆ เลย...” มู่หรงเจี๋ยรู้สึกเป็กังวล คิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจเลื่อนเวลาออกไป
เขายืนอยู่หน้าที่นั่งของเ้าเมืองและพูดเสียงดัง "อะแฮ่ม...เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ข้าเสนอให้ขยายเวลาการรวมตัวและเลื่อนการนับแต้มออกไปอีกครึ่งชั่วยามนี้"
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ผู้คนทั้งลานก็ตกตะลึง ใบหน้าของปรมาจารย์ทุกคนต่างดูไม่ดี แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่ามู่หรงเจี๋ยกำลังถ่วงเวลานี้ให้มู่หรงซิน
แต่ผู้นำตระกูลส่วนใหญ่ไม่้าให้ลูกๆ ที่เข้าร่วมมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า ดังนั้นบางคนจึงคัดค้านทันที
“ท่านเ้าเมืองมู่หรง ท่านทำเช่นนี้มันจะไม่ยุติธรรมเอานะ!” ผู้นำตระกูลซือหม่ากล่าว
“ใช่ หากขยายเวลาออกไป มันจะไม่เป็ข้อได้เปรียบสำหรับนักรบที่มารวมตัวช้าหรือ? ไม่ได้นะ” หัวหน้าตระกูลหลี่กล่าว
“ข้า...ข้าคิดว่าเลื่อนเวลาออกไปหน่อยก็สมเหตุสมผล” ผู้าุโหก ฉู่เจิ้นหนานเห็นด้วย เขาก็้าซื้อเวลาให้กับฉู่ป้าที่หายไปเช่นกัน แต่เขาไม่รู้ว่าฉู่ป้าไม่อาจกลับมาได้แล้ว
“หึ! การประลองก็คือการประลอง จะยอมรับนักรบที่ไม่ตรงต่อเวลาได้อย่างไร? ไม่ได้ ต้องตัดสิทธิ์การประลองของพวกเขา!” หลินหู่หงุดหงิดเป็ที่สุด เขาตะเบ็งเสียงรุนแรง เขาไม่้าใหัฉู่อวิ๋นใช้ประโยชน์จากเื่นี้ได้อย่างแน่นอน
ในท้ายที่สุด มู่หรงเจี๋ยก็ถูกสถานการณ์บีบบังคับและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ต่อความล่าช้าของบุตรสาวและถอนหายใจลึกๆ
ผู้ชมส่วนใหญ่ต่างสุขสมเปรมปรีดิ์กับความโชคร้ายของคนที่มาสาย ใครบอกพวกเขาให้ไม่ตรงต่อเวลากัน?
เมื่อเห็นมู่หรงเจี๋ยยินยอม หลินหู่ก็ได้ใจและพูดเยาะเย้ย "หึ การประลองยุทธ์เซี่ยหยางควรมีรูปแบบของการประลองดังชื่อ การปล่อยให้ผู้ที่ไร้คุณสมบัติและไร้ซึ่งความสามารถมาเข้าร่วมจะไปมีประโยชน์อันใด?"
“ดังเช่นฉู่อวิ๋น เ้าดาวหายนะที่ยังมาไม่ถึงลานประลองจนถึงตอนนี้ บางทีเขาอาจจะตายอยู่บนูเาแล้วก็ได้ หึ!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผู้ชมและนักรบที่เข้าร่วมเกือบทั้งหมดก็เห็นด้วย พวกเขาพยักหน้าซ้ำๆ ด้วยิญญายุทธ์พิการโดยกำเนิดของฉู่อวิ๋น เขาคงถูกสัตว์ปีศาจฆ่าตายไปแล้ว
ใกล้ถึงเที่ยงวัน
ผู้เฒ่าในลานยกไม้ขึ้นสูงและกำลังจะตีกลองเพื่อประกาศสิ้นสุดการประลองรอบแรก
ชั่วเวลาไฟผ่า[2]
“ใครบอกว่าข้าไม่มา”
ทันใดนั้นก็มีเสียงมาจากทางเข้าลาน คนผู้นั้นค่อยๆ เข้ามาใกล้บริเวณลานที่มีเสียงดังอึกทึก ทำให้สีหน้าของทุกคนนิ่งงันไปชั่วครู่
ยามนี้ ผู้ชมทั้งหมดถูกดึงดูดด้วยเสียงดังกล่าว ดวงตานับไม่ถ้วนมองไปตามต้นเสียง
มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสะพายกระบี่โบราณสีแดงไว้บนหลัง มือขวากอดคนงามตัวน้อยเอาไว้ ก้าวไปในอากาศแล้วรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
"ฟุ่บ!"
เขาพาหญิงสาวนางนั้นไปด้วย ท่ามกลางสายตาของทุกคน เขาะโขึ้นไปที่กลางลานประลองอย่างว่องไว
"ตูม!"
ทันทีที่พวกเขาทั้งคู่ลงถึงพื้น เสียงกลองอันทรงพลังก็ดังขึ้นจากลานประลองในเวลาเดียวกัน
ใน่เวลาวิกฤติ เวลากำลังจะหมดลง
ยามนี้ ทุกคนในกลุ่มผู้ชมในลานประลองยังตกตะลึง พวกเขายังไม่มีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่เกิดขึ้น สีหน้าทุกคนดูซีดเซียวและพูดไม่ออก เงียบจนแทบได้ยินเสียงลมโชย
“ฟิ้ว——”
สายลมพัดผ่านมาอีกระลอกหนึ่ง
“โอ๊ะ มาช้าไปหน่อย ขอโทษด้วย”
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็พูดอะไรบางอย่างเบาๆ
คำพูดอันสงบเสงี่ยมเ่าั้ ดังก้องในพื้นที่นี้ราวกับก้อนหินก้อนเล็กๆ ที่ปล่อยออกไปเพื่อะเิความเงียบงัน!
“วึ้ง——”
ทันใดนั้น ทุกคนก็กลับมามีสติ ดวงตานับจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางลานประลองด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน ทั่วทั้งลานตกอยู่ในความโกลาหล เสียงเซ็งแซ่เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง และสถานการณ์ก็กลับมาเดือดระอุอีกครั้ง!
ชายหนุ่มผู้นี้ ถ้าไม่ใช่ฉู่อวิ๋น ดาวหายนะแห่งเมืองไป๋หยาง แล้วเขาจะเป็ใครได้อีก?
--------------------
[1] 15 นาที
[2] เวลาเร็วมาก พริบตาเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้