แต่ิอวี่ก็ไม่ได้ถอดใจ ในเมื่อถูกบีบคั้นถึงขั้นนี้แล้ว เขามีเหตุผลอะไรที่จะต้องละทิ้งเป้าหมายอีก?
“เื่นี้จะรอช้าไม่ได้ เพราะอะไรๆ อาจจะเปลี่ยนแปลงขึ้นมาอีกก็ได้ เพื่อโอกาสที่มากขึ้นเราจะต้องรีบเดินทางไปที่เมืองเสวี่ยเยวี่ยให้เร็วที่สุด แต่ม้าตัวนี้ความเร็วยังไม่มากพอ เราต้องนั่งรถม้าลมกรดไป”
รถม้าลมกรด ความหมายก็ตามชื่อ คือใช้ม้าป่าหลิงระดับที่สองที่เลี้ยงจนเชื่องแล้วมาลากรถ ม้าลมกรดมีรูปร่างกำยำ เวลาวิ่งมีความรวดเร็วมาก แต่ว่าร่างกายของมันไม่สามารถรับน้ำหนักมากได้ ดังนั้นมันจึงเหมาะที่จะใช้ในการบังคับลากรถมากกว่า
เพื่อเป็การเบี่ยงเบนความสนใจ ิอวี่จึงไม่เลือกนั่งรถม้าในเมืองหลวง แต่ว่ากลับเร่งเดินทางทั้งคืนทั้งวันเพื่อไปยังจุดจอดพักจี๋สิงที่เขตชิงกู่ที่มีผู้คนค่อนข้างน้อยแทน
ในเวลานี้เป็เช้าของวันที่สอง บริเวณพื้นของจุดจอดพักจี๋สิงเต็มไปด้วยดินโคลน มีชาวบ้านมากมายรออยู่ที่นี่ ิอวี่กับเฮยจีก็แฝงตัวอยู่ในนั้น
ไม่นานนัก ก็มีเสียงรถม้าลมกรดขนาดม้าแปดตัวลากเคลื่อนที่เข้ามาจอดเทียบท่า
รถม้ามีขนาดยาวถึงสิบเมตร กว้างเจ็ดถึงแปดเมตร ตัวรถทำจากไม้มาประกอบกัน ถึงแม้จะทาด้วยสีน้ำตาลแล้วแต่ก็มีหลายจุดที่สีหลุดลอกไปทำให้เห็นเนื้อไม้ข้างใน
เขตชิงกู่เป็พื้นที่เล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีผู้ฝึกยุทธ์เท่าไร ความสามารถสูงสุดส่วนมากก็อยู่ที่ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สาม ในเมื่อกำลังต่อสู้เป็เครื่องตัดสินความเจริญในท้องที่นั้นๆ ดังนั้น เศรษฐกิจของเขตชิงกู่นั้นถึงได้ล้าหลังมาก
เพราะฉะนั้น รถม้าวิ่งของเขตชิงกู่วิ่งได้เทียบเท่ากับม้าปกติทั่วไปได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ส่วนสภาพของรถม้าก็แทบจะไม่มีใครไปสนใจเลย
ตอนนี้มีคนรูปร่างผอมจนเห็นกระดูกนั่งอยู่บนรถม้า ส่วนชางหยางคนบังคับรถนั้นก็ะโเรียกเก็บเงินหนึ่งหยกดำแล้วโยนเงินเข้าถุงหยาบๆ เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา แล้วพูดเร่งอย่างหงุดหงิด “คนต่อไป จะไปลงที่ไหน”
“จุดจอดพักเสวี่ยเยวี่ย” ิอวี่พูด
คำพูดของิอวี่ทำให้ชางหยางเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อย กำลังคิดว่าจะก้มหน้านับเงินต่อแต่ก็รู้สึกว่า ... มันแปลกๆ ?
พอเงยหน้ามามอง ก็เห็นเฮยจีหญิงสาวผิวขาวสวยราวกับหิมะที่อยู่ข้างๆ ิอวี่ สายตาเขาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าตา แล้วเหมือนหยุดนิ่งราวกับหมดลมหายใจ
ไม่นานนัก ชางหยางก็เหมือนได้สติกลับมา
เขามองไปที่ิอวี่ ก็พบว่ามีใบหน้าอ่อนเยาว์ เป็แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น เขาเป็คนขับรถม้ามานานหลายปี เจอเื่เยอะแยะมากมายไม่รู้เท่าไร เขาอาบน้ำร้อนมาก่อนเด็กนี่ตั้งนาน แล้วเ้าเด็กนี่ทำไมถึงดวงดีได้เจอกับสาวงามเช่นนี้กัน?
“คุณหนูท่านนี้ ท่านขึ้นรถก่อนได้เลยนะ จะไปยังจุดจอดพักเสวี่ยเยวี่ยต้องใช้เงินห้าร้อยเหรียญหยกดำ เมื่อถึงที่แล้วท่านค่อยจ่ายก็ได้”
ชางหยางพูดจาดีกับเฮยจีอย่างมาก พอเห็นเฮยจีลังเลที่จะขึ้นรถม้าเขาถึงได้มองไปที่ิอวี่ ชักสีหน้าแล้วพูดว่า “เ้ารอที่นี่ก่อน อีกเดี๋ยวค่อยขึ้น”
“เ้าหมายความว่าอย่างไร?” ิอวี่ถามด้วยน้ำเสียงที่เ็า
“เ้าไม่ต้องมาสนใจหรอกว่าข้าหมายความว่าอย่างไร จะขึ้นไหมก็แล้วแต่เ้า นี่มันรถม้าของข้า ข้าเป็คนตัดสินใจทุกอย่าง ถ้าไม่ขึ้นก็ไสหัวไป” ชางหยางพูดเสียงดัง แล้วจ้องไปที่ิอวี่ไม่กะพริบตา
ความคิดของเขานั้นง่ายเกินไป เขาแค่้าเก็บเงินคนที่เหลืออยู่ไม่กี่คนให้เสร็จ จากนั้นก็จะขับรถม้าออกไปโดยทิ้งิอวี่เอาไว้ แล้วเมื่อถึงจุดจอดพักเสวี่ยเยวี่ยเขาก็จะเชยชมสาวงามตามแต่ใจเขา
“อือ? ถ้างั้นเ้าก็เรียกราคามา ต้องจ่ายเท่าไรข้าถึงจะขึ้นรถม้าได้” ิอวี่ข่มอารมณ์แล้วถาม เขาไม่อยากมีปัญหากับพวกนกพวกกา
ชางหยางไม่พอใจ เ้าเด็กคนนี้หาเื่ให้เขาเล่นงาน ก็เลยพูดไปว่า “ห้าพันหยกดำ”
เดิมทีราคาเมื่อไปถึงจุดหมายที่เขา้า มันก็แค่คนละห้าร้อยเหรียญหยกดำ ชางหยางกลับเรียกราคาสูงขึ้นอีกสิบเท่า ไม่ได้ไว้หน้าิอวี่เลย
เขาเองก็ไม่ได้กลัวิอวี่หาเื่ เขามีความสามารถขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สอง มีกำลังเทียบเท่าราชสีห์ห้าสิบตัว!
“ได้”
ิอวี่หยิบยาเม็ดจูหยวนตันออกมาจากถุงเก็บของเม็ดหนึ่งแล้วโยนให้กับชางหยาง “เอาไป ไม่ต้องทอน”
พูดจบเข้าก็ขึ้นไปเปิดม่านรถม้า แล้วเดินขึ้นรถไป
ยาจูหยวนตันหนึ่งเม็ดมีราคาหนึ่งหมื่นหยกดำ ชางหยางเดิมคิดอยากจะโขกสับิอวี่ ใครจะคิดว่าิอวี่แทบจะไม่ะเื แล้วยังจ่ายเงินมากกว่าที่เขาเรียกอีก มันทำให้ชางหยางอับอายและดูแย่เป็อย่างมาก
เหอะๆ คิดว่าตัวเองมีเงินแล้วเก่งนักหรือไร? ถึงเมืองเสวี่ยเยวี่ยเมื่อไหร่ ข้าจะถลกหนังเ้าแล้วยึดเงินมาให้หมด แถมยังมีผู้หญิงคนนั้นอีก ทั้งหมดนี้ต้องเป็ของข้า!
ชางหยางคิดไปด้วยและเก็บเงินคนที่เหลือไปด้วย ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีเสียงแส้ม้าก็ดังขึ้น รถม้าลมกรดเริ่มวิ่งจนเศษฝุ่นทรายฟุ้งกระจาย รถม้าเริ่มออกเดินทางแล้ว
เดิมิอวี่เลือกมานั่งรถม้าที่ผู้คนหลากหลายและอยู่ในสถานที่ห่างไกลแบบนี้ ก็เพื่อเลี่ยงการตามล่าของนักรบเื แล้วทุกอย่างก็เป็ไปตามที่ิอวี่คิด
เพียงแต่ หลังจากที่นั่งรถม้ามาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเฮยจีก็เหมือนจะทนไม่ไหว
สาเหตุนั้นง่ายมาก นางเป็ที่สะดุดตาเกินไป ... แทบจะมีคนจับจ้องนางในทุกวินาทีเลย
บนรถม้ามีพื้นที่กว้างขวางมาก แต่ด้านในกลับมีผู้คนเบียดเสียดกันอยู่ถึงสามสิบสองคน มันเลยดูอึดอัด ทุกคนนั่งล้อมวงกันอยู่ในรถม้า ิอวี่กับเฮยจีก็นั่งอยู่ในมุมหนึ่งทางกราบซ้าย
ภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วยาม ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามท่าทางสุภาพ ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ก็จะเหลือบมามองเฮยจีแบบมี “เลศนัย” เป็ระยะสลับกับการมองออกไปนอกหน้าต่าง สุดท้ายก็ก้มมองไปที่พื้นไม้กระดานราวกับคิดอะไรอยู่ ท่าทางลุกลี้ลุกลนมองไปทั่ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่
ชายหนุ่มที่ดูซื่อๆ ที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือก็มือไม้อยู่ไม่นิ่งราวกับคลำหาถุงเงิน ก็มองมาทางเรียวขาที่ขาวราวกับหิมะของเฮยจี เหมือนว่าทำถุงเงินตกอยู่ตรงนั้นก็ไม่ปาน
ส่วนคนที่นั่งอยู่ทางขวามือของเฮยจีก็เป็ชายผิวคล้ำร่างกายกำยำขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สอง ก็จะเอียงตัวมาชิดนางราวกับว่ารถม้าขับไม่นิ่ง ...
“ิอวี่ ช่วยข้าด้วย ... ” เฮยจีกระซิบไปที่ข้างหูิอวี่เพื่อขอความช่วยเหลือ
เมื่อััได้ถึงสายตาที่แฝงเจตนาไม่ดีที่อยู่รอบตัว และยังมีชายร่างั์ที่พยายามเบียดเข้าใกล้ เฮยจีก็เกาะไปที่แขนของิอวี่
เฮยจีแทบจะอยากโผเข้าอ้อมกอดของิอวี่เลยด้วยซ้ำ เพราะมีแค่การอยู่ใกล้เขาเท่านั้นที่จะทำให้นางรู้สึกว่าปลอดภัย
“จะช่วยอย่างไรล่ะ?” ิอวี่กระซิบข้างหูของเฮยจีว่า “ข้าก็ไม่ได้เป็อะไรกับเ้า ถูกคนอื่นมองก็ไม่เห็นเป็ไรเลยนี่นา?”
“เ้า ... เ้าก็บอกว่าเป็องครักษ์ของข้า พวกเขาก็ไม่กล้ามองข้าแล้ว” เฮยจีกระซิบ
ิอวี่อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “มีคุณหนูที่ไหนเขาเกาะแขนองครักษ์กันล่ะ? ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็คงต้องแสดงเป็คุณหนูตระกูลใหญ่หนีตามบ่าวไพร่ในจวนแล้วสิ น่าสนุกดีนะ”
เฮยจีจ้องไปที่ิอวี่ตาเขม็งแล้วพูดว่า “ชิ เ้าคิดว่าเ้าเป็คนรักของข้าหรืออย่างไร? ฝันไปเถอะ”
“ถ้างั้นเ้าก็อย่ามาเกาะข้าสิ ไม่งั้นคนอื่นก็เข้าใจผิดหมด”
ิอวี่พูดแล้วก็พยายามจะสลัดมือออก แต่เฮยจีกลับเกาะแน่นขึ้น หน้าอกของนางััไปที่แขนของิอวี่ นางกระซิบว่า “ ... ไม่เอา”
ิอวี่กับเฮยจีเหมือนคู่รักที่กำลังกระซิบกระซาบหยอกล้อกันอยู่ ทำให้คนรอบๆ ก็เริ่มอิจฉา แต่พวกเขาก็ไม่กล้าว่าอะไร ทำได้แค่มองแบบไม่อยู่สุขเหมือนแอบกินอาหารหมาอยู่
“หยุด!”
ทันใดนั้นเอง ด้านหน้ารถก็มีเสียงดังขึ้น จากนั้นม้าก็ร้องแล้วรถม้าก็หยุดเดิน ทำให้ทุกคนล้มระเนระนาด มีแต่ิอวี่คนเดียวที่ยังนั่งนิ่งราวกับก้อนหินแล้วใช้มือซ้ายพยุงเฮยจีเอาไว้
“เกิดอะไรขึ้น?” หลายคนเดินลงจากรถม้า แล้วพบว่ามันเป็ผืนป่าเขียวชอุ่มแห่งหนึ่ง ตอนนี้อากาศดูมืดครึ้มแทบจะไม่มีแสงแดดส่องผ่านลงมาอยู่แล้ว นี่ก็ยิ่งทำให้ดูมืดกว่าเดิม
ทุกคนเห็นว่าด้านหน้ารถม้าลมกรดนั้น มีก้อนหินสีน้ำตาลเทาขนาดใหญ่ขวางอยู่ด้านหน้า แล้วก็เป็สาเหตุที่รถม้าลมกรดนั้นหยุดลง
“ฟึ่บ!”
ไม่นานนัก ก็มีเงาของคนหลายคนพุ่งมารวมตัวกันอยู่หน้าก้อนหินสีน้ำตาลเทา
ผู้นำที่อยู่หน้าสุดเป็ชายหัวล้านขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สาม ในมือถือดาบขนาดใหญ่ บนหัวของเขามีรอยแผลเป็ขนาดใหญ่ ที่หน้าอกด้านซ้ายมีรอยสักรูปสัตว์สีเขียว บวกกับหน้าตาที่ดูไม่เป็มิตร จึงทำให้เขาดูน่ากลัวมาก
ส่วนด้านหลังของเขา ก็มีชายหน้าตาอัปลักษณ์สวมชุดผ้าหยาบ เหมือนจะเป็ลูกน้องของชายหัวล้านนั่น
พอเห็นคนพวกนี้ก็รู้ทันทีเลยว่าเป็โจรูเา แต่ว่า เดินทางตามเส้นทางหลักมาตั้งหลายรอบแล้ว ทำไมถึงมาเจอโจรูเาได้ล่ะ?
ทุกคนกลับไม่เห็นว่าคนขับรถอย่างชางหยางนั้นมีสีหน้าซีดเซียว หน้าผากมีเหงื่อผุดออกมาจำนวนมาก
เพราะว่าเขามีปัญหากับิอวี่ ชางหยางเลยอยากจะไปให้ถึงเมืองเสวี่ยเยวี่ยไวๆ เพื่อจะได้ชิงสาวงามข้างกายและเงินทองของิอวี่มา ก็เลยเลือกที่จะใช้ทางลัด
เมื่อครู่เขาลองคำนวณดูแล้ว วันนี้ไม่น่าจะมีโจรูเาออกมาอาละวาด หากเขาเลือกมาทางนี้น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
เขาเร่งเดินทางมาด้วยคิดว่าเขาจะโชคดี แต่สุดท้ายกลับต้องมาเจอกับโจรูเา
พูดได้เลยว่า ที่คนบนรถม้าเจอโจรูเานั่นเป็เพราะชางหยาง!
ในเวลานี้เอง ผู้นำหัวล้านก็ตะคอกเสียงขึ้นมา “คุกเข่าลง! แล้วเอาเงินออกมาให้ข้าให้หมด”
คนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีพลังฝีมือสามสิบกว่าคนใตื่นกลัวและคุกเข่าลง มีแค่คนที่มีอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หนึ่งหรือสองเท่านั้นที่ไม่ยอม
สีหน้าของชางหยางดูแย่มาก แต่เขาก็หัวไวรีบวิ่งไปประจบชายหัวล้านว่า “พี่ชาย พี่ชาย ทำบุญทำทานเถอะนะ บนตัวของข้าน้อยไม่มีเงินเลยจริงๆ ปล่อยข้าน้อยไปเถอะนะ? ข้าบอกท่านได้เลยว่า บนรถม้าของเรามีของดีอยู่ เป็สาวงามแสนสวยแบบหาที่ไหนไม่ได้เลย พี่ชาย หากท่านไม่รังเกียจ ท่านเอาไปเชยชมได้เลยดีไหม?”
“หือ?” ชายหัวล้านฟังแล้วก็รู้สึกสนใจ “หากว่าผู้หญิงคนนั้นทำให้ข้าสบายตัว ข้าจะปล่อยเ้าไป”
ชางหยางพูดอย่างดีใจแล้วรีบพยักหน้า แล้วหันไปหาเฮยจีพร้อมกับพูดว่า “ไม่ได้ยินหรือลูกพี่ใหญ่เรียกเ้าอยู่น่ะ? ยังไม่รีบมาอีก?”
เพียงแต่เฮยจีกลับยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้มีท่าทีจะเดินมาเลย ส่วนิอวี่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มองมาที่ชางหยางแต่ไม่ได้พูดอะไร
ชางหยางยังไม่รู้ตัวว่าสายตาของิอวี่นั้นดูเรียบเฉยผิดปกติ เพราะมันเป็สายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร!
ิอวี่เห็นว่าผู้ชายคนที่เหลือเงียบกริบไปกันหมด ทุกคนพอเจอปัญหาก็ไม่ได้คิดจะช่วยอะไรกันเลย ทั้งๆ ที่มีผู้หญิงสวยๆ อย่างเฮยจีอยู่ด้วยแท้ๆ แต่พอถึงเวลาคับขัน กลับอยู่หลังชายกระโปรงผู้หญิง
“ข้าทนไม่ไหวแล้ว” ชายร่างกำยำผิวคล้ำ พูดขึ้นมาอย่างหนักแน่นจริงจัง
จากนั้นก็มีคนยืนขึ้นหน้ามาอีกคน “ข้าเองก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
“เื่นี้ข้าจะทำเป็ไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้!”
มีผู้ชายสามคนยืนออกมาขวางหน้าปกป้องเฮยจี