“เื่ทางชายแดนเหนืออีกไม่นานต้องประทุขึ้นแน่ หากหลานตัดหัวเย่ว์ลู่ ทัวปาจี๋กลับไปที่ราชสำนักตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินนี้จะได้รับการยอมรับหรือไม่”
“…”
แน่นอนว่าต้องได้รับการยอมรับเป็แน่ เย่ว์ลู่ ทัวปาจี๋เป็ใครกัน นั่นรัชทายาทแคว้นเหลียวเป็แม่ทัพที่เก่งกาจความสามารถโดดเด่น ั้แ่ขี่ม้าฟันดาบเป็ก็เข้าสนามรบปราบแคว้นน้อยใหญ่มานับสิบ เรียกได้ว่าประสบการณ์รบโชกโชนหนำซ้ำกำลังทหารก็มีพอๆ กับแคว้นซ่ง แต่อุปสรรคเดียวที่ทำให้รัชทายาทผู้นี้ไม่สามารถรุกรานแคว้นซ่งได้คือ แม่ทัพสกุลเฉิน การรบแต่ละคราของทั้งสองกองทัพต่างเปี่ยมไปด้วยชั้นเชิงของแม่ทัพผู้เจนสนาม แต่ยายหนูตัวจ้อยที่อยู่แต่ในหุบเขาจะไปรบกับเขางั้นรึ?
หากพูดภาษาชาวบ้านร้านตลาดสักหน่อย ก็เหมือนคนบ้านนอกไม่เคยเห็นพลุไฟ เป็แค่นายกองอยากจะนำทัพ
“เ้าหยุดความคิดเพ้อฝันซะ ตอนนี้บ้านเมืองสงบสุขอย่ามาแช่งให้เกิดา”ซ่างกวนอู๋จี๋ชี้หน้าด่าหลานสาวตัวดีอย่างเหลืออด
“ท่านผู้นำตระกูลโปรดอนุญาตด้วย ข้าอ่านรายงานทางทหารในระยะนี้แล้ว อิงกั๋วกงนำทัพลงใต้ไปปราบฏ แม่ทัพรักษาการที่เหอเป่ยทำได้แค่ป้องกันศึกเท่านั้น ข้าเชื่อว่าเย่ว์ลู่ ทัวปาจี๋ไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไปแน่ เขาต้องยกทัพมาด้วยตัวเอง หากเรารอช้าไม่เกินหนึ่งเดือนพวกมันจะยึดหัวเมืองสำคัญทางเหนือของเราเอาไว้ได้ หากรอถึงตอนนั้นต่อให้อิงกั๋วกงยกทัพมาเสริมโอกาสชนะก็เหลือไม่มากแล้ว”
“เ้าแน่ใจในความคิดนี้?”
“หากทุกท่านในที่นี้ไม่เชื่อก็รออีกสักหนึ่งเดือนเพื่อพิสูจน์คำพูดของข้าก็ได้”
ทุกคนในห้องต่างมองหน้ากันไปมา พวกเขาไม่ใช่ตาแก่ที่ไม่เคยพบเจอโลกภายนอก สอบขุนนางบุ๋นบู้ก็ไปสอบมาแล้ว เข้าร่วมกองทัพของราชสำนักก็ใช่ว่าจะไม่เคย แล้วจะไม่เข้าใจสถานการณ์เหล่านี้ได้อย่างไร ยิ่งเหตุการณ์บ้านเมืองพวกเขาก็รับรู้มาโดยตลอด
“ลุกขึ้นกลับไปดื่มยาพักผ่อน”
“ท่านปู่…”
“ข้าบอกให้กลับเรือนไปพักผ่อน เ้าหนุ่มทัวปาจี๋นั่นคงไม่ยกทัพมาวันสองวันนี้หรอก จะรีบร้อนไปใย หากเ้ารีบร้อนอยากเจอเ้านั่นมาก ข้าจะคิดว่าเ้าชอบเ้าหนุ่มนั่นนะ ได้ข่าวว่ารูปงามอยู่นา”
ข้าถลึงตาใส่ตาเฒ่าที่พูดจาอัปมงคลอย่างไม่อายปาก ออกจากห้องโถงมาอย่างฉุนเฉียวนางเดินตรงดิ่งไปยังเรือนของตนโดยมิได้สนใจสายตาของคนรอบข้าง
วู่วามเกินไป… คนเราจะนิสัยเปลี่ยนไปเพียง่เวลาสั้นๆ ไม่ได้
ประมาทเกินไป เมื่อครู่เผลอแสดงท่าทีกระหายเืออกไปเหล่าผู้เฒ่ารวมถึงท่านปู่คงจับสังเกตได้เป็แน่
เอาเถิดหากพวกท่านอยากรู้สิ่งใดข้าก็จะบอกตามความจริงทุกประการ ต่อให้ต้องถูกมองว่าป่วยหรือโดนิญญาร้ายครอบงำ ข้าก็มิอาจละทิ้งหนี้แค้นในชาตินี้ไปได้
“ท่านพี่…”
อุก
ข้ามองก้อนกลมๆ สองก้อนที่เกาะขาซ้ายขวา ศีรษะเล็กๆนั่นถูไถเข่าของนางอย่างแสนรัก อืม หากบอกว่าการคุกเข่าโขกหัวกว่าสามชั่วยามไม่เจ็บเลยนั้นเนื้อหนังคงทำด้วยเหล็ก แล้วเ้าก้อนซ้ายขวาที่เกาะไม่ยอมปล่อยนี่...ข้ากัดฟันข่มความเจ็บทำเป็ไม่สนใจก้าวขาต่อไป
เนื้อหนังไม่กี่ชั่งคิดจะแกล้งมารดา
“ท่านพี่เหตุใดไม่คุยกับข้าเล่า”
“นั่นสิๆ ท่านพี่หัวแตกจนจำน้องชายไม่ได้แล้ว”
ใช่...ข้าจำไม่ได้ ข้าลืมไปแล้ว ข้าจะไม่สนใจเ้า
“ท่านพี่/ท่านพี่ๆๆๆ”
สติข้าใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว เ้าสองตัวนี่เล่นะโซ้ายขวา แล้วเขย่าขาข้าอย่าเมามัน ใช่แล้วแฝดนรกนี่้าฆ่าข้าเป็แน่
“ซีเ้าไปตามปู่หมอผู้เฒ่ามาเร็ว ท่านพี่ใกล้จะไม่ไหวแล้ว”
อะไร? ปู่เอ็งสิไม่ไหว ข้ากระแทกเท้าอย่างฉุนๆ
“ได้ เยี่ยนเ้าเฝ้าเอาไปให้ดีนะข้าจะรีบไป”
“อื้ม”พยักหน้าอย่างหนักแน่น
แง!
“มารดา...ของ...ข้า ท่านทำใจดีๆ นะขอรับ ฮึก อีกเดี๋ยวปู่หมอผู้เฒ่าก็มาแล้ววว”
“มารดาเ้าสิ! เ้าพวกเด็กแสบ”ข้าะโออกมาอย่างเหลืออด ดู ดูเอาเถิดคนหนึ่งเกาะขาแหกปากร้องราวกับใครจะสิ้นใจ อีกคนก็วิ่งไปร้องไปไม่ต่างกัน
ข้ายอมแพ้แล้ว
แค่ครานั้นเผลอะโใส่อย่างเหลืออด ความเ้าเล่ห์และฉลาดแกมโกงของเด็กทั้งสองทำให้คนดีๆ ขาดสติ
ข้าว่าอย่างไรนะ?
‘ข้า ไม่ใช่-มาร-ดา-เ้า หน้าที่เช็ดอึเช็ดฉี่พวกนี้จะมาให้ข้าทำให้ทำไม’เ้าก้อนแป้งที่วิ่งเปลือยก้นขาวๆ มาขอให้ข้าผู้เป็พี่สาวล้างก้นให้ ไม่ว่าใช้เหตุผลอะไรเ้าสองตัวนี่ก็จะให้นางทำให้จนได้ จนแม่นมยังต้องยอมแพ้ พอะโออกไปอย่างนั้นเด็กชายฝาแฝดอายุสองขวบก็มองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง แล้วทั้งสองก็หันหน้ามามองข้าใช้สายตากลมโตฉ่ำน้ำนิดๆ จ้องมาแม้แต่ตอนกระพริบตายังพร้อมกัน
‘มารดา’
‘…’
ข้าพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ ใช่แล้วเด็กหญิงอายุสิบสามในตอนนั้น โดนเด็กสองขวบที่หน้าตาคล้ายกับข้าเรียกว่ามารดา สุดท้ายก็ต้องเช็ดก้นให้ เช็ดไปเช็ดมาก็อาบน้ำ ป้อนข้าว ป้อนนม กล่อมนอน ครึ่งเดือนที่ท่านพ่อท่านแม่ออกไปท่องเที่ยว ข้าก็ผอมโซเหมือนเป็โรค นับแต่นั้นมาเ้าสองแฝดก็ถือคติอารมณ์ดีเรียกท่านพี่ อารมณ์ดีมากๆ เรียกมารดา
“เ้าสองแสบนี่มากวนพี่เ้าทำไม ถ้าจะเล่นพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะเด็กๆ”เสียงนุ่มนวลของสตรีดังมาแต่ไกล เป็มารดาตัวจริงของหนึ่งเด็กหญิงสองเด็กชายที่กำลังจะเปิดาป่วนประสาทกันอีกรอบ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านปู่หมอมืดค่ำแล้วนะเ้าคะ วันนี้น้องๆ จะนอนกับข้าพวกท่านหากไมมีธุระอันใดค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะเ้าคะ”
“เด็กดื้อคนนี้นี่พ่อกับแม่เ้าต้องมีธุระถึงจะมาหาได้งั้นรึ”ท่านพ่อมองลูกสาวสุดที่รักอย่างน้อยใจดูสิั้แ่เกิดมาเขาเคยตีให้นางเจ็บตัวเช่นนี้หรือ
“ท่านพี่ก็อย่าว่าลูกเลย เอาล่ะพรุ่งนี้แม่กับพ่อจะมาหาเ้าใหม่นะ อย่าคิดมากไม่ว่าเ้า้าสิ่งใดพ่อกับแม่จะสนับสนุนเต็มที่”
“ลูกทราบแล้ว”ข้ามองส่งสองสามีภรรยาที่เดินจูงมือกันกลับไปด้วยแววตาเศร้าหมอง
“ท่านทายาทนี่เป็ยาทาแก้ฟกช้ำ ให้นวดคลึงที่เข่าลงน้ำหนักมืออย่างพอเหมาะ ข้างละครึ่งก้านธูปก็เป็อันใช้ได้ ให้เ้าหนูตงเอ๋อทำให้ก็ได้ ส่วนยาข้าสั่งให้นางไปต้มให้แล้ว หากไม่มีข้อสงสัยอันใดข้าผู้เฒ่าขอลา”
“น้อมส่งท่านปู่หมอผู้เฒ่าขอรับ/น้อมส่งท่านปู่หมอผู้เฒ่าขอรับ”สองแฝดประสานมือคารวะส่งอย่างพร้อมเพรียง ทั้งสองใช้มือน้อยจูงมือพี่สาวซ้ายขวาเดินเข้าไปในเรือน
“คุณหนูยาต้มเสร็จแล้ว สำรับอาหารจัดขึ้นโต๊ะรอท่านแล้วเ้าค่ะ”ตงเอ๋อรายงานคุณหนูของนางอย่างสงบนิ่งเสร็จแล้วย่อกายคารวะเดินออกไปเตรียมน้ำร้อนไว้ให้คุณหนูเช็ดตัว
“เอาล่ะ มาซีเอ๋อ เยี่ยนเอ๋อกินข้าวกัน”
“มารดาท่านรอสักครู่นะขอรับ ซีมากับข้า”ซ่างกวนเยี่ยนพูดจบก็ลากพี่ชายของตนวิ่งออกไปทันที
ข้ามองเ้าก้อนแป้งสองก้อนวิ่งซอยขาอ้วนๆ ออกไป ชีวิตที่ผ่านมาคล้ายฝันตื่นหนึ่ง ความทุกข์ทรมานดั่งนั่งอยู่ใจกลางอเวจีในชาติที่แล้ว...พอเ้าลืมตาตื่นขึ้นมากลับพบว่ามันไม่เป็ความจริง ทุกคนที่รายล้อมรอบกายข้ายังอยู่ดีมีสุข ทว่า์ก็มิอาจปราณีคนบาปเช่นนาง
วัฏสงสารนี้ข้าคิดจะหนีก็หนีไม่พ้น ์ลิขิตให้ข้าอยู่ข้าก็จะอยู่ อยู่เพื่อฆ่า อยู่เพื่อล้างแค้น...เพื่อวันคืนอันขมขื่นที่ผ่านมา
การตัดหัวหลี่หยวนเฮ่า มหาเสนาบดีลู่จิ่วหยวน และบุตรสาวสุดที่รักลู่หรงอิน นับว่าเป็การปิดฉากชีวิตเดรัจฉานเช่นข้าได้ดีระดับหนึ่ง
ทว่ามันยังดีไม่พอ ฆ่าให้ตายไม่ใช่จุดจบของทุกสิ่ง สวะอย่างพวกมันตายไปแล้วแต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็อ๋องผู้ปรีชา เป็ขุนนางผู้ภักดี เป็ยอดสรตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมจรรยา แล้วข้ากับตระกูลซ่างกวนเล่า ฏคิดล้มล้างบัลลังก์ชื่อเสียงย่อยยับ ผู้คนก่นด่าไปอีกพันปี ตลกร้ายที่ว่าความจงรักภักดีต่อแว่นแคว้น ชื่อเสียงอันดีงามที่เหล่าบรรพบุรุษสั่งสมมานับพันปีของตระกูลต้องมาพังเพราะคนเช่นข้า น่าขันนัก
ชาตินี้ข้า ซ่างกวนจือหลิน ขอใช้หัวของเยว์ลู่ ทัวปาจี๋เป็เครื่องเซ่นสังเวยชิ้นแรก เพื่อนเก่าเอ๋ยชาตินี้เราต้องเจอกันในสนามรบหวังว่าเ้าจะล้างคอรอรับคมดาบของข้า...
“เยี่ยนเ้าเดินดีๆ ซี่”
“ซีข้าก็เดินดีแล้วนะ เ้าเร่งฝีเท้าหน่อยข้าหิวแล้ว”
ข้ามองเ้าก้อนแป้งทั้งสองเดินเข้ามาด้วยความเอ็นดู ดูเอาเถิดเรือนนี้มีเพียงตงเอ๋อที่เป็ผู้จัดการดูแลชีวิตประจำวันของข้า กับบ่าวใช้แรงงานไม่กี่คน ด้วยข้ารังเกียจว่ามากคนมากเื่ วันนี้ถึงได้รู้ว่ามีสาวใช้คอยทำนั่นนี่ให้ก็คงจะไม่สุขใจเท่าเ้าสองก้อนที่กำลังทำอยู่ ดูสิหายไปตั้งนานสองนานกลับได้อ่างล้างมือกับผ้าสะอาดมา
โถ...เ้าเด็กน้อยเดินถืออ่างล้างมือใบโตมาคนละข้าง ไม่รู้ว่าด้วยขาสั้นๆ นั่นต้องใช้ความพยายามมากเพียงใด พอทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ข้าก็ช่วยยกอ่างล้างมือขึ้นมาวางบนเก้าอี้
“มารดาเชิญท่านล้างมือขอรับ”เ้าก้อนซีเอ๋อพูดแล้วใช้สายตาวาวๆ มองมาอย่างน่ารัก ข้าก็ล้างมือตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
“มารดาเช็ดมือขอรับ”จะทำอันใดก็ต้องมาเป็คู่ คนหนึ่งล้าง คนหนึ่งเช็ด ข้ารับผ้าเช็ดมือที่เ้าก้อนเยี่ยนเอ๋อยื่นมาให้
จิตใจมนุษย์ล้วนสร้างจากเืเนื้อต่อให้ภายในใจเต็มไปด้วยความแค้น แต่ก็มิอาจละเลยคนที่ใส่ใจเราได้ คนรอบกายที่อยู่ในชีวิตข้า ยามนี้พวกเขารักและเป็ห่วงข้าจากใจจริง ต่อให้ท่านปู่จะพูดเหมือนว่าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ข้า้าทำ แต่ลึกๆ แล้วท่านพร้อมสนับสนุนความคิดของข้าเสมอ
ท่านพ่อท่านแม่ที่รักข้าสุดหัวใจ แม้จะมีนับพันนับหมื่นคำถามกับการกระทำของข้าในวันนี้ พวกท่านก็เลือกที่จะไม่เค้นถาม พวกท่านเลือกที่จะรอให้บุตรสาวที่ท่านรักและภูมิใจมาตลอดเป็ฝ่ายพูดออกมาด้วยตัวเอง แล้วยังมีเ้าน้องชายทั้งสองนี่อีก เื่ราวที่เกิดขึ้นพวกเขาล้วนเข้าใจเป็อย่างดีแต่ก็เลือกที่จะมาอยู่เคียงข้างนางอย่างรู้ความ
“เด็กดี...ช่างกตัญญูเหลือเกิน ไม่เสียแรงที่เช็ดก้นเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เ้า”ข้าลูบศีรษะเล็กๆ อย่างรักใคร่
ซาบซึ้งกันเท่านี้เถิด ฮ่า ฮ่า ฮ่า
“ทำไมเล่าแก้มพองเป็กบแล้ว มา...มากินข้าวเป็เพื่อนมารดากัน เสร็จแล้วจะได้นอน พรุ่งนี้จะพาลงเขาไปเที่ยวดีหรือไม่”
“ดีขอรับ/ดีขอรับ”
หลอกเด็กนี่ก็มีความสุขเหมือนกัน ทั้งสามผลัดกันคีบกับข้าวบนโต๊ะให้กันอย่างสนุกสนาน แขนสั้นๆ นั่นจะใช้งานอะไรได้มากมายงั้นรึ อยากจะคีบอะไรก็เป็หน้าที่พี่สาวอย่างนางต้องถือจานกับข้าวมาไว้ตรงหน้าให้คุณชายทั้งสองได้คีบให้หนำใจ ชอบทำเื่ง่ายให้ยุ่งยาก พี่สาวอย่างข้าจะคีบให้เ้าก็ส่ายหัวเป็ลูกข่างยืนยันหนักแน่นว่าโตแล้วต้องคีบกับข้าวกินเอง
โตแล้วก็คีบให้ถึงสิ
“คุณหนูน้ำมาแล้วเ้าค่ะ”ตงเอ๋อร์ยกอ่างล้างหน้าเข้ามา
ข้ารับผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดหน้าให้เ้าก้อนทั้งสองที่ยามนี้นั่งห้อยขาป้อมๆ อยู่บนเตียงนอน เปลี่ยนชุดนอน เช็ดหน้า เช็ดมือ เช็ดเท้า ใส่ถุงเท้าหนาสักหน่อยเป็อันใช้ได้ เอาล่ะนอนได้แล้ว ข้าส่งหมอนข้างใบเล็กที่ตนมอบเมื่อปีที่แล้วให้ ทำเอาหนุ่มน้อยทั้งสองที่บอกว่าตัวเองโตแล้วนั้นชอบมากขาดไม่ได้ เวลานอนต้องได้กอด เวลาตื่นต้องได้ดอมดมสักฟอด ทั้งสองถือหมอนของตัวเองแล้วคลานเข้าไปด้านในเตียง กอดหมอนหลับไปอย่างว่าง่าย
“คุณหนูตงเอ๋อจะนวดยาให้ท่านนะเ้าคะ”
“อืม”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เข่าทั้งสองช้ำเป็เป็สีม่วงน่ากลัว เห็นแล้วต้องเจ็บไม่น้อยแต่ยามที่สาวใช้ออกแรงนวดคลึงกลับไม่ได้ยินแม้เสียงใดๆ จากผู้เป็นาย แม้แต่ลมหายใจยังไม่ขาดห้วง ตงเอ๋อไม่เข้าใจเลย...คุณหนู เหตุใดต้องอดกลั้นด้วยนะ หลังจากที่เจอคนาเ็คนนั้นก็เหมือนนิสัยจะเปลี่ยนไปมาก เด็ดเดี่ยวขึ้น ดูเหมือนมีเื่ต้องให้ขบคิดอยู่ตลอดเวลา แต่ก็นะ...คุณหนูไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็ถึงท่านทายาท ข้าน้อยตงเอ๋อที่เป็ผู้ช่วยอันดับหนึ่ง จะใส่ใจในการกระทำของคุณหนูทุกสิ่งไม่ได้ ขอเพียงทำตามคำสั่งอย่างไม่มีข้อแม้ก็เพียงพอแล้ว
“คุณหนูพรุ่งนี้จะลงเขาหรือไม่เ้าคะ”
“ไปสิ...ความเป็ความตายของคน เราจะเอามาเป็เื่ล้อเล่นไม่ได้ อีกอย่างขายเ้าน้ำแข็งไม่กี่ตัวเราก็เพิ่มทรัพย์เข้าบ้านได้มากโข อีกไม่นานเรามีเื่ต้องใช้เงิน”หญิงสาวหลับตาพริ้มขณะตอบคำถาม
“ทราบแล้วเ้าค่ะ พรุ่งนี้เช้าข้าจะเตรียมตัวให้พร้อม ว่าแต่...เอาไปกี่ตัวดีเ้าคะ”ตงเอ๋อที่กำลังนวดอย่างตั้งใจ เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจเท่าใดนัก ก็เ้าสิ่งนั้นน่ะ...
“สักสิบตัวน่าจะพอ”ข้าตอบไปส่งๆ
“หา สิบตัวเลยหรือเ้าคะ”์...ข้าต้องไปขโมยของรักของหวงจากท่านหมอผู้เฒ่า ตัวหนึ่งว่าเสี่ยงชีวิตแล้ว นี่ต้องเอามาถึงสิบ หวังว่าตงเอ๋อจะมีชีวิตรอดกลับมา โฮๆ
“อืม เ้าจะกลัวอะไรเล่าก็บอกท่านผู้เฒ่าว่าข้า้า เขาไม่ตีเ้าหรอก”
ท่านก็พูดง่ายสิ ใจร้าย…
“ตงเอ๋อทราบแล้ว ท่านดื่มยาแล้วก็พักผ่อนนะเ้าคะพรุ่งนี้เราต้องเดินทางแต่เช้า”
หญิงสาวพยักหน้าแบบขอไปที เห็นสาวใช้ตัวน้อยเดินออกไปด้วยท่าทางเหี่ยวเฉาก็ยิ้มอย่างเอ็นดู ข้ายกมือขวาขึ้นมาดู แล้วก็ต้องส่ายหัวอย่างจนใจเข็มที่ปักอยู่ในมือยังไม่ได้ถอดออกเลย แล้วจะนอนได้เช่นไร มองไปเห็นกรรไกรที่ใช้ตัดไส้เทียน คงใช้ได้ล่ะนะ ไม่รอช้านางใช้ปลายกรรไกรหนีบเข็มเย็บผ้าส่วนที่ปักลงไปยังไม่มิดเสร็จแล้วก็ดึงออกมาอย่างแรง
ความรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้...ข้าจะลืมไปได้อย่างไร
วันเวลายังอีกยาวไกลนัก
ไม่ต้องรีบร้อน
นานเทาไหร่แล้วนะ ที่ข้าไม่ได้หลับสนิทเช่นนี้
เช้ามืดอากาศหนาวเย็นเข้ากระดูก กลางลานขนาดใหญ่ภายในเรือนของท่านทายาท เสียงฝึกยุทธ์ดังมากว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว ทหารยามที่เดินผ่านไปมาได้แต่ชื่นชมในระเบียบวินัยของท่านทายาท เหล่าทหารฝึกร่างกายเช่นไรท่านก็ฝึกเช่นนั้น วิ่งระยะไกล เตะต่อยท่อนไม้ หรือจะเป็ฝึกกระบี่หรือวิชาทวนต่างก็ยอดเยี่ยมทั้งนั้น
ท่านทายาทที่เหล่าทหารพูดถึงอยู่นั้น กำลังเหวี่ยงง้าวจันทร์เสี้ยวตัดอากาศเกิดเป็เสียงหวีดหวิวชวนฟัง กระบวนท่าที่ส่งออกมาแต่ละครั้งที่ง้าววาดออกไปล้วนแฝงไปด้วยจิตสังหาร ป้องกัน จู่โจม ปลิดชีวิต
ปัง
กระบวนท่าสุดท้ายมิอาจลดความรุนแรงของการโจมตีได้ จุดจบของหินประดับสวนอันงดงามก็แตกออกเป็เสี่ยงๆ ฟู่ว! ข้าเกือบจะลืมไปแล้วว่าการเหวี่ยงง้าวอย่างสุดกำลังเช่นนี้ให้ความรู้สึกอย่างไร ร่างเพรียวบางกลับเข้าสู่ท่าเตรียมพร้อม แล้วผ่อนลมหายให้กลับมาเป็ปกติ รู้สึกถึงกำลังภายในที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ช่างดียิ่งนัก
“คุณหนูๆ เราต้องรีบไปแล้วนะเ้าคะ หากท่านหมอผู้เฒ่าตื่นมาแล้วรู้ว่าเ้าน้ำแข็งหายไปตงเอ๋อต้องโดนลงโทษแน่นๆ”สาวใช้ตัวน้อยหอบกล่องไม้ใบโตวิ่งเข้ามาในลานอย่างลนลาน วิ่งไปหันไปมองข้างหลังไป เ้าเด็กคนนี้บอกให้ไปขอมาดีๆ ทำไมไปขโมยมาเล่า
“เอาล่ะๆ ข้าจะไปล้างเนื้อล้างตัวเ้าไปนำอาหารเช้ามาจะไปทั้งที่ท้องหิวไม่ได้”ข้าโบกมือไล่สาวใช้อย่างไม่ใส่ใจแล้วเดินเข้าไปในเรือน
อยากอาบน้ำจัง
ไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรมากมายข้าเดินออกไปตักน้ำร้อนมาเติมในถัง แล้วลงไปแช่อย่างสบายตัว คิดไปคิดมาก็สระผมด้วยเลยดีกว่า หน้าผากมีาแระวังนิดหน่อยก็ใช้ได้ จัดการตัวเองเสร็จก็มานั่งเช็ดผมอยู่หน้ากระจก อืม ฝีมือการเย็บแผลของท่านผู้เฒ่ายังยอดเยี่ยมเหมือนเคย ดูสิ...แผลเนื้อแตกยังเย็บให้เป็ระเบียบได้ มองไปมาคลายจะเป็รูปทรงดอกอะไรสักอย่าง มันยึกยือได้ที่ ช่างเถิด เช็ดผมไม่นานก็แห้ง หน้าก็แต่งไม่ได้เพราะมีาแไปแบบซีดๆ เซียวๆ เช่นนี้ล่ะ ทาขี้ผึ้งหลอมที่ริมฝีปากนิดหน่อยก็เป็อันใช้ได้
“คุณหนูนี่ท่านอาบน้ำหรือเ้าคะ แถมยังสระผมด้วย ถ้าเกิดแผลโดนน้ำขึ้นมาจะทำเช่นไร ท่านนี่ไม่ห่วงตัวเองบ้าง”ตงเอ๋อบ่นนายของตนอย่างเคืองๆ ทุกวันนี้เื่ทำร้ายตัวเอง ละเลยตัวเอง ต้องยกให้คุณหนูของนางแล้ว ถึงจะพูดอย่างนั้นนางก็เดินเข้าไปใช้หวีไม้สางผมให้อย่างเบามือ เส้นผมเรียบรื่นหนานุ่มดุจแพรไหม เฮ้อ แต่ใบหน้ามีแผลยึกยืออีกหนึ่ง ทว่าตงเอ๋อก็พยามยามปลอบใจตนเองว่ามันไม่ได้เป็อุปสรรคต่อความงามของคุณหนูแม้แต่น้อย
จะเรียกว่าอย่างไรดีล่ะ
ความงามแบบดิบเถื่อน?
ตงเอ๋อมิได้สงสัยในความงามของคุณหนูแม้แต่น้อย เส้นผมยาวเงางามนุ่มสลวยดุจแพรไหมสีดำเข้มดั่งหมึกชั้นดี ดวงตาคมเฉี่ยวดุจหงส์ฉ่ำน้ำหน่อยๆ ขนตางอนๆ นั่นอีก คิ้วเรียวไม่หนาไม่บางจนเกินไป เครื่องหน้าก็เหมาะเจาะรับกันทุกส่วน ไม่คมเข้มเกินไปแล้วก็ไม่ได้หวานหยดราวน้ำผึ้ง
จะว่าอย่างไรดี เอาเป็ว่าสวยได้โเี้ได้ในคนๆ เดียวก็แล้วกัน สาวใช้ตัวน้อยคิดอย่างเรื่อยเปื่อย มือก็ทำผมให้คุณหนูของนางอย่างคล่องแคล่ว รวบเป็ทรงง่ายๆ แค่ครึ่งศีรษะปักตรึงด้วยปิ่นหยกแล้วก็เครื่องประดับที่เข้ากันอีกสองสามชิ้น เห็นคุณหนูลุกขึ้นยืนหลับตากางแขนดูไม่ใส่ใจว่าตนจะแต่งตัวให้เช่นไร แล้วตงเอ๋อก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา
เริ่มจากกระโปรงสีโปรดดูดีสุดๆ ที่นางชื่นชอบ ปิดท้ายด้วยเสื้อคอปิดตัวยาวสีอ่อนติดกระดุมไข่มุกเม็ดโตก็เป็อันเสร็จ
“เรียบร้อยเ้าค่ะ คุณหนูแล้วคุณชายน้อยทั้งสองต้องปลุกหรือไม่”
“อืม ข้าไปดูเองเ้าไปเตรียมตัวให้พร้อมดูกล่องเก็บเ้าหนอนไหมน้ำแข็งดีๆ ถึงนี่จะเข้าฤดูหนาวแล้วแต่อากาศยังเย็นไม่พอ”หนอนไหมน้ำแข็งจะอยู่รอดได้ในสภาพอากาศที่เย็นจัด กล่องที่บรรจุต้องดูแลเป็พิเศษ ข้าเดินไปยังเตียงนอนอย่างไม่รีบร้อน หญิงสาวนั่งลงริมเตียงมองน้องชายทั้งสองกำลังนอนก้นโด่งอย่างเป็สุข
“ซี เยี่ยน พี่จะไปแล้วนะ...ถ้ายังไม่ตื่นจะไม่รอแล้วนะ”เอ่ยออกไปได้สักครู่ข้าก็เห็นก้นน้อยๆ ขยับไปมา ก้อนกลมๆ สองก้อนค่อยๆ กลิ้งมาตามเสียงเรียกอย่างช้าๆ พอชนเข้ากับกำแพงมนุษย์ตัวหอมๆ หนุ่มน้อยทั้งสองที่ยังไม่ลืมตาก็เลื้อยเข้าไปในอ้อมกอดของพี่สาว
“ตื่นแล้วขอรับ/ตื่นแล้วขอรับ”
เห็นท่าทางเช่นนี้ของเ้าก้อนแป้งข้าก็อดใจไม่ไหวต้องหอมแก้มยุ้ยๆ ไปคนละฟอดสองฟอดจนเ้าตัวหัวเราะคิกคัก ข้าไม่รอช้าอุ้มน้องชายซ้ายขวาไปล้างหน้าแต่งตัวแล้วออกมากินมื้อเช้า เสร็จแล้วก็กระเตงเ้าก้อนซ้ายขวานี่มุ่งตรงไปยังเรือนท่านหมอผู้เฒ่า
“คุณหนูทำไมท่านเดินไปทางเรือนของท่านหมอผู้เฒ่าเล่า”ตงเอ๋อเห็นเ้านายเดินไปทางเรือนหมอก็ร้อนรนขึ้นมาทันที โถคุณหนูข้าไม่ไปได้หรือไม่
“ข้าจะไปล้างแผลใส่ยา ตงเอ๋อแค่หนอนไม่กี่ตัวคุณหนูของเ้าปกป้องเ้าได้”
“ปกป้อง/ปกป้อง”เสียงดังสนับสนุนเต็มที่
“ตงเอ๋อทราบแล้ว”
เดินมาสักพักก็ถึงเรือนหมอบรรยากาศตอนเช้าๆ เช่นนี้เงียบสงบอย่างยิ่งแสดงแดดอ่อนๆ ขับไล่อากาศเย็นไปได้ไม่น้อย เข้ามาถึงลานกว้างในเรือนก็เห็นศิษย์ชายเพียงหนึ่งเดียวของท่านผู้เฒ่ากำลังตากสมุนไพรอย่างตั้งใจ พอให้ว่าผู้มาเยือนเป็ใครก็ส่งสายตาไปทางห้องโถงของเรือน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่านผู้เฒ่าอยู่ในอารมณ์ใด ตื่นมาก็พบว่าของสะสมหายไปแม้จะไม่มากแต่ก็ทำให้คนปวดใจอยู่ไม่น้อย
“ท่านผู้เฒ่าข้ามาทำแผล”
“ทำแผล/ทำแผล”
ข้ามองหมอเฒ่าที่นั่งหลังเหยียดตรงทำตาขวางอยู่กลางเรือนแล้วแสดงทาทีราวกับไม่ใส่ใจ ดูน้องชายตัวแสบสิพามาไม่เสียเที่ยวจริงๆ พูดสิ่งใดก็พูดตามราวกับเสียงสะท้อน ยั่วโมโหคนได้ดีนักแล
ก็เป็ดังว่านอกจากถลึงตาใส่อย่างเหลืออดแล้วก็ทำอันใดมิได้ น่าเศร้า น่าเศร้า
“เอาน่าหมอเฒ่าหนอนสิบตัวที่เสียไปมันคุ้มค่านา”ข้าพูดอย่างทีเล่นทีจริง จะไม่ให้คุ้มค่าได้อย่างไรก็ต้องดูว่าจะให้ใครนั่น...บ้านว่าที่สามีในอนาคตของข้าเชียว
“ล้างผาลสิไม่ว่า ข้าไม่คุยกับเ้าแล้วไปๆ”ท่านผู้เฒ่าไล่อย่างไร้เยื่อใย หลังจากล้างแผลแล้วป้ายยารักษาแผลเสร็จ ไม่รอให้ทั้งนายทั้งบ่าวออกไปผู้เฒ่าขี้น้อยใจก็สะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างไม่ใยดี
“คุณหนูตงเอ๋อพันแผลให้เ้าค่ะ”สาวใช้ตัวน้อยมองท่านหมอจากไปอย่างโล่งอก รอดแล้วเรา เห็นว่าแผลยังไม่ได้พันนางก็หยิบเอาผ้าพันแผลที่เตรียมมาเป็ผ้าไหมสีขาวดิ้นขอบด้วยเงินดูเรียบหรูชั้นในบุผ้าฝ้ายสำหรับพันแผล พอใส่ไปแล้วเหมือนผ้าคาดผมปกติมองไม่ออกว่าที่ศีรษะมีบาทแผลแม้แต่น้อย โชคดีที่อากาศเย็นลงแล้ว ถ้าหากเป็หน้าร้อนคงจะพันผ้าหนาเช่นนี้ไม่ได้
“เสร็จแล้วก็ไปกัน เรามีของที่ต้องไปขอจากท่านปู่อีก”
เอ๋ นี่ยังขอไม่พออีก
ณ เรือนพยัคฆ์
“ท่านปู่ๆ/ท่านปู่ๆ”
เสียงเล็กๆ ดังลั่นไปทั่วเรือน ร่างเล็กพุ่งเป็ลูกธนูไปหาผู้เป็ปู่ที่กำลังออกหมัดกลางอากาศอยู่ตรงลานฝึกยุทธ์ ทั้งสองกระโจนเข้าไปในอ้อมกอดของปู่ที่อ้ารับอย่างแสนรัก ซ่างกวนอู๋จี๋มองหลานสาวที่เดินมาอย่างไม่รีบร้อน วันนี้เกิดอันใดขึ้นหรือหลานสาวข้าโขกหัวจนสมองกลับ เหตุใดถึงได้ลุกมาแต่งตัวเหมือนผู้หญิงทั่วไปเช่นนี้
อืม ดูไปดูมาหลานสาวข้าก็งามไม่ใช่เล่น
“หลานคารวะท่านปู่”
“มาแต่เช้าเช่นนี้มีเื่อันใดอีก”ท่านผู้เฒ่าสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี หรือว่า...แต่งตัวสวยๆเช่นนี้จะไปเจอผู้ชาย? คิดแล้วไอสังหารก็แผ่ออกจากตัวท่านผู้เฒ่าไม่หยุด ไอ้หนุ่มบัดซบทางไหนมาล่อลวงหลานสาวข้า
“ข้ามาขอคนกับท่านปู่เ้าค่ะ”ข้ามองท่าทางของตาเฒ่าก็รู้ว่าคิดฟุ้งซ่านไปถึงไหน ข้าไปเจอผู้ชายจริง แต่คนคนนี้ท่านต้องชอบใจแน่
“อยากได้ใครก็ไปเลือกเอาสิ”พอรู้ว่าไม่ใช่เื่ผู้ชาย ท่านผู้เฒ่าก็ตอบไปส่งๆ อยากได้คนจะมาขอกับเขาให้วุ่นวายทำไม
“ท่านปู่ ไม่ต้องทำเป็ไม่เข้าใจ คนที่ข้าจะขอก็...สองคนนั้นไงเ้าคะ”
“สองคนไหน ไม่มีหรอก”ไอ้เ้าเด็กบ้า ขออะไรไม่ขอมาขอคนที่ดีที่สุดของเขาไปได้
ข้าหยีตาแสยะยิ้มให้ตาเฒ่าอย่างร้ายๆ แล้วส่งสายตายให้สองแฝด เอาเลยลูก เอาให้เต็มที่
พอได้รับสัญญาณจากพี่สาว ทั้งสองก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ท่านปู่ขอออ”
“ท่านปู่ไม่รักหลานแล้วว”
“ซีเอ๋อน้อยใจ เสียใจ ตรอมใจ”
“เยี่ยนเอ๋อเป็เด็กที่ไม่มีใครรัก น่าสงสารที่สุด”
แง แง แง แงงงง
ลั่น...ไปทั่วเรือน
ท่านผู้เฒ่าได้แต่ปล่อยหลานรักที่ดิ้นพล่านๆเหมือนปลาขาดน้ำลงพื้น แผนการ นี่...เป็แผนการทั้งสิ้น ยิ่งเสียงแหลมๆ ร้องมากดังขึ้นหัวเขาก็ปวดไปหมด เวรกรรมอันใดกันยิ่งมองหน้ายิ้มๆ ของหลานสาวก็ได้แต่พยักหน้าอย่างฝืนใจ
ข้ายิ้มหวานอย่างพอใจ เห็นไหมท่านปู่ยอมดีๆ ก็สิ้นเื่ เมื่ออีกฝ่ายปราชัยข้าก็ส่งสัญญาณให้สองทหารตัวน้อยถอยทัพได้ ทั้งสองที่เห็นสัญญาณของพี่สาวก็เช็ดน้ำตาแล้ววิ่งไปยืนข้างพี่สาวอย่างรู้งานปิดท้ายด้วยรอยยิ้มบานแฉ่งให้กับท่านปู่สุดที่รัก
“พวกเ้าสองคนออกมาได้แล้ว”
เมื่อเห็นนายท่านพยักหน้าอนุญาตอย่างจำยอม สองร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินออกมาจากหลังต้นไม้ อีกคนออกมาจากหลังูเาจำลอง ทหารในชุดเกราะสีดำปลอดเข้ากับรูปร่างไม่ดูเทอะทะ ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าท่านทายาทคุกเข่าข้างหนึ่งลงพื้น ก้มศีรษะทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง ตามปกติของทหารหน่วยิญญาพยัคฆ์มีทั้งส่วนที่เป็ทหารในกองทัพ และส่วนงานที่อยู่ในเงามืดไม่เปิดเผยตัวตน ไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง การทำงานเป็ดั่งผีไม่เห็น์ไม่รับรู้ สองคนนี้คือมือดีระดับผู้บัญชาการ ถนัดด้านงานข่าวกรองและลอบสังหาร
“ชื่อ”
“อิงปู้/อิงเหอ”
“น้อมรับใช้ท่านทายาท/น้อมรับใช้ท่านทายาท”
“เอาล่ะ นี่ก็สายมากแล้วเ้าสองคนตามข้าลงเขา มีคำถามหรือไม่”
“ถามท่านทายาทพวกเราสองคนต้องไปในสถานะใด”อิงปู้ถามเ้านายคนใหม่ในใจก็เกิดลางสังหรณ์ว่าหน้าที่ในเงามืดของตนคงจบแล้ว
“วันนี้ไปเป็องครักษ์ให้ข้าคุณหนูผู้สูงศักดิ์ วันหน้าจะให้ทำสิ่งใดก็รอคำสั่ง”
“รับทราบ/รับทราบ”