ตูมมม! ตูมมม! ตูมมม!
เสียงะเิะเืฟ้า เสียงปืนใหญ่พุ่งกระแทกม่านพลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราเืจนสั่นไหวใกล้พังทลายลงทุกเมื่อ! เรือบินนับร้อยรำพุ่งออกมาจากความว่างเปล่ากลางอากาศ บุกถล่มใส่ม่านพลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราเืราวกับฝูงหมาป่าล่าเหยื่ออย่างบ้าคลั่ง!
"ไอ้เวรเอ๊ย!! ท่านผู้นำตายแล้ว! ไปปลุกบรรพบุรุษขึ้นมาเดี๋ยวนี้!!"
เสียงะโของผู้าุโผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราเืดังลั่น เขาเหวี่ยงแขนเปิดทางให้ศิษย์ที่อ่อนแอหลบเข้าไปด้านใน พร้อมทั้งสั่งให้กางรูปแบบป้องกันชั้นในสุดทันที
ทางด้านของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนกะก็ไม่ต่างกัน พวกเขาถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องจนไม่มีเวลาหายใจ ม่านพลังของพวกเขาพังทลายลงก่อนที่เรือบินจำนวนมหาศาลจะพุ่งเข้าไปข้างในทันที
ในขณะเดียวกัน ัดำขนาดมหึมาแหวกเมฆบินมาถึงที่ตั้งของตระกูลอู๋ แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ต้องชะงักกลางอากาศ
ควันสีชมพูปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่ตระกูล พร้อมเรือบินจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งลอยวนเวียนอยู่เหนือซากของตระกูลอู๋ ราวกับฝูงแร้งเตรียมกินศพ
บนหัวั ซุยจื่อเมิ่ง แม่ของอู๋จ้าว หรี่ตาลง มองควันสีชมพูที่อบอวลอยู่เบื้องล่าง
"พิษ...งั้นเหรอ?"
เสียงของนางเบาราวกับสายลมแต่เต็มไปด้วยอำนาจ ภายในควันนั้นมีองค์ประกอบพิษหลากชนิด แม้นางจะมีระดับการบ่มเพาะสูง แต่หากสูดดมมันเข้าร่างตรงๆ ยังมีโอกาสทำให้ร่างกายนางป่วยได้
นางยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วโบกมือเบาๆ
ฟิ่ว...
ควันทั้งหมดถูกทำลายหายไปในพริบตา ราวกับมันไม่เคยมีอยู่ ทันใดนั้น ซากของตระกูลอู๋ก็เผยให้เห็นเต็มตา
อู๋เวิน พ่อของอู๋จ้าว บินลงไปอยู่กลางซากความพินาศ ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ดวงตาเย็นเยือกขณะมองดูสภาพทุกอย่างตรงหน้า
"ใคร...เป็คนทำ?"
เขาถามด้วยเสียงเรียบเฉย แต่มันส่งแรงกดดันจนทำให้อากาศรอบตัวหยุดไหลเวียน
ไม่มีใครตอบ...
เขาหันไปมองเรือบินจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ลอยอยู่รอบตัว แล้วพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำ
"ฆ่า"
เพียงคำเดียว!
ตูมมม!!
สมาชิกตระกูลอู๋ทั้งหมดบนหลังัพุ่งเข้าใส่เรือบินเ่าั้ราวกับฝูงหมาป่าหิวโหย!
"เดี๋ยวก่อน! พวกเราไม่ใช่คน……."
ตูมมม!!
เรือบินลำนั้นะเิหายไปกลางอากาศ
ตูม! ตูม! ตูม!
จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลอู๋ไล่ฆ่าศัตรูไม่เลือกหน้า อู๋เวินรู้... คนพวกนี้ไม่ได้เป็คนลงมือทำจริงๆ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้้าความจริง เขา้าเื
เืจำนวนมาก... เพื่อชุบชีวิตลูกชายของเขา!
ผ่านไปไม่นาน ไม่มีใครเหลือรอด ไม่ว่าจะเป็นักบุญ กึ่งจักรพรรดิ หรือแม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ หากไม่ใช่คนของตระกูลอู๋ ล้วนถูกฆ่าทิ้งในทันที!
้า ซุยจื่อเมิ่งยังคงยืนนิ่ง แต่นางกำลังใช้พลังอนุมานสำรวจอดีต เพื่อตามหาว่าใครเป็คนทำลายตระกูลอู๋กันแน่ แต่จู่ๆ ข้อความแปลกประหลาดก็ผุดขึ้นมาในจิตของนาง
"อ่านหาพ่อเ้าเหรอ?"
ดวงตาของนางเปลี่ยนสีทันที ออร่าสีดำทมิฬทะยานขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้!
"ไอ้เวรตัวไหนมันกล้ามาเล่นกับข้าแบบนี้กัน!?"
[ (•̯́ ₃ •̯̀) ]
นางตวัดมือเล็กน้อยด้วยความโกรธ
ฟุบบบ!
ในพริบตา... คนมากมายที่ไม่ใช่คนของตระกูลอู๋ กลายเป็หมอกเื! ไม่ว่าจะมีระดับการบ่มเพาะเท่าไหร่ หากต่ำกว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ล้วนตายเรียบ!
หมอกเืลอยวนกลับมาหานางราวกับมีชีวิต ก่อนจะถูกดูดเข้าไปในร่างของลูกชายนางอย่างง่ายดาย
จากนั้น... นางดึงขวดยาลึกลับออกมา เทของเหลวบางอย่างลงไปที่ศพของลูกชายตนเอง
เืในอากาศพุ่งเข้าหาศพของอู๋จ้าวทันที
พริบตาเดียว... ร่างของอู๋จ้าวค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หัวของเขาค่อยๆ งอกกลับคืนมา
ทันใดนั้น อู๋จ้าวลืมตาขึ้นอีกครั้ง!
เขาฟื้นคืนชีพแล้ว! แม้ร่างจะยังมึนงง แต่สิ่งแรกที่เขาทำคือยกมือแตะหน้าผากตนเอง แล้วร้องลั่น
"ระบบ! ระบบ!! ระบบ!!!"
ไม่มีเสียงตอบกลับ... เพียงแต่มีข้อความลอยขึ้นในจิตของเขา
[ระบบอยู่ใน่ฟื้นฟูตนเอง ไม่สามารถใช้งานได้เป็เวลา 1 ปี โปรดโฮสต์อดทนรอ]
ใบหน้าอู๋จ้าวซีดขาวทันที
“เล่ยเฉินนนนนนนนนนนนนนนนนน”
อู๋จ้าวะโเรียกชื่อของเล่ยเฉินด้วยความโกรธ แต่ทันใดนั้น อู๋จ้าวก็กระอักเืออกมา
“อ๊าาาาาาาาา”
พร้อมการบ่มเพาะของเขาที่ค่อยสลายไป เพียงพริบตาในตอนนี้อู๋จ้าวไม่ต่างจากคนพิการการบ่มเพาะของเขาพังทลายลงไปทั้งหมดและร่างกายพิเศษของเขายังสูญเสียตนกำเนิดไปด้วย
ซุยจื่อเมิ่งยืนมือไปควบคุมร่างของอู๋จ้าวเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้น “พิษอีกแล้วงั้นเหรอ??”
ณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ ยอดเขาแสงบริสุทธิ์ แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นส่องลอดผ่านต้นไม้สูงใหญ่ ลมเย็นพัดผ่านเบาๆ กลิ่นหอมของข้าวหอมกับอาหารมากมายลอยมาแตะจมูก บรรยากาศดูสงบจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเพิ่งผ่านการฆ่าฟันมาได้ไม่นาน
เล่ยเฉินนั่งอยู่กับศิษย์น้องทั้งสี่คน หานินั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งหมดกำลังกินข้าวอย่างเงียบๆ ไม่มีพิธีรีตอง ไม่ใช่ฉากฝึกบำเพ็ญ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่ยากจะอธิบาย
พวกเขาทั้ง 5 คนได้กินโอสถรักษาเข้าไปเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายให้สมบูรณ์ และยังช่วยล้างผลกระทบจากโอสถเพิ่มพลังใน่ก่อนหน้านั้นได้ทั้งหมดโดยไม่หลงเหลือผลข้างเคียงเลย
เล่ยเฉินที่เพิ่งผ่านการสังหารอดีตอาจารย์ของเขา รวมถึงฆ่าศัตรู ดวงตาของเขายังคงเหมือนเดิม สีหน้าและท่าทางไม่มีเปลี่ยนแม้แต่น้อย นิ่ง เยือกเย็น ไม่สะทกสะท้าน ไม่ต่างจาก 7 วันที่ผ่านมา
หานิมองหน้าเล่ยเฉิน ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“เ้ารู้สึกยังไงบ้าง เล่ยเฉิน?”
เล่ยเฉินยิ้มเบาๆ ก่อนจะตอบกลับเรียบๆ
“ข้ารู้สึกดีขอรับ... แต่ก็รู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อย”
หานิยิ้มมุมปาก
“เื่ของเ้ายังไม่จบหรอกนะ ศัตรูของเ้ายังไม่ตายนะ และกองกำลังที่อยู่เื้ัอู๋จ้าวเองก็มาจากโลกเบื้องบนด้วย ตอนนี้... พวกมันน่าจะชุบชีวิตเขาขึ้นมาแล้ว แต่ร่างกายของมันน่าจะพังทลายและการบ่มเพาะก็น่าจะพังไปด้วยละมั้งจากพิษบนดาบของเ้า”
เล่ยเฉินยังคงยิ้ม กระบี่ของเขานั้นมีการเคลือบพิษหลายชนิดเอาไว้ ต่อให้อู๋จ้าวฟื้นขึ้นมามันก็จะกลายเป็คนพิการไปสักพักหนึ่ง โดยพิษนี้เขาได้มาจากหานิเหมือนเขาจะเคยได้ยินจากหานิว่า พิษนี้มันจะไปเปลี่ยนเซลล์เม็ดเืขาวที่ปกติจะทำการกำจัดสิ่งแปลกปลอมให้มากำจัดเซลล์ในร่างกายแทน
แต่เมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับโลกเบื้องบน เขาก็ถามกลับอย่างรวดเร็ว
“โลกเบื้องบนคืออะไรงั้นเหรอขอรับ?”
หานิวางตะเกียบลงก่อนจะตอบ
“โลกที่เราอยู่... จริงๆ แล้วมีชื่อว่า โลกิญญาไร้ขอบเขต ที่ 23 เป็ดาวบริวารของโลกิญญาไร้ขอบเขตที่แท้จริงนะ”
เล่ยเฉินเลิกคิ้ว “ดาวบริวาร?”
หานิพยักหน้า
“เอาง่ายๆ โลกแบบเราจะถูกเรียกว่า โลกเบื้องล่าง หรือไม่ก็โลกใบเล็ก และโลกแบบเรานั้นมีอยู่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันโลก และโลกของเราถือว่าอุดมสมบูรณ์มากในเื่พลังิญญาและทรัพยากร จัดเป็ 1 ใน 10 อันดับแรกของโลกเบื้องล่างเลยล่ะ เพราะแบบนั้นถึงมีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่มากมาย”
“ซูไป๋หนิง หรงหลี่เซียน เฟิ่งหวงจุน สามคนนี้ก็ล้วนมาจากโลกิญญาไร้ขอบเขตที่แท้จริงหรือโลกเบื้องบนนั่นแหละ”
ได้ยินเช่นนั้น หรงหลี่เซียนกับเฟิ่งหวงจุนถึงกับสะอึก บางคนความทรงจำเสื่อม บางคนไม่เคยรู้มาก่อนด้วยซ้ำ
แต่ซูไป๋หนิงยังคงนิ่งเหมือนเดิม ไม่มีแววตาเปลี่ยนเลยแม้แต่นิด
เล่ยเฉินนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ข้าขอโทษท่านอาจารย์... ที่นำปัญหามาให้ท่านอาจารย์”
หานิหัวเราะเบาๆ
“ไม่เป็ไร ผู้นำดินแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเรา เป็หลานสาวคนโตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สาขาหลักในโลกเบื้องบน และนาง... ยังเป็คนที่ถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงตำแหน่งธิดาศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย”
“ท้ายที่สุดเ้าไม่ต้องคิดอะไรให้เปลืองสมอง อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ข้ารู้ว่าพวกเ้าทุกคนล้วนมีปัญหาของตัวเองอยู่แล้ว แต่ขอแค่เ้าแข็งแกร่งพอ... ทุกปัญหาก็จะมีทางแก้ ไม่ทางตรง... ก็ทางอ้อม”
ศิษย์ทั้งสี่ที่นั่งฟังอยู่พร้อมใจกันลุกขึ้นพูดเสียงหนักแน่น
“รับทราบขอรับท่านอาจารย์!”
หานิพยักหน้า ยิ้มบางๆ แล้วหยิบแผ่นหยกออกมากดเปิดระบบบางอย่าง
“จากนี้ไป กระท่อมแห่งการต่อสู้จะเปิดให้ใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนทรัพยากรที่จำเป็ เ้าไปเอาที่หลังูเาได้เลยจะใช้เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่พวกเ้าเลย”
หลังจากพูดจบ ศิษย์ทั้ง 5 คนก็แยกย้ายกันไปฝึกพร้อมหายเข้าไปในมิติของกระท่อมต่อสู้ เหลือไว้เพียงหานิคนเดียวที่นั่งนิ่งเงียบอยู่คนเดียว
เขารู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยจากผลลัพธ์การต่อสู้ทุกอย่างที่ออกมา เขาไม่พอใจมันเลย มันมีตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้อย่างแม่ของอู๋จ้าวที่เข้ามาเปลี่ยนสถานการณ์ทุกอย่าง ทั้งที่พวกเขากำลังได้เปรียบแท้ๆ และตอนนี้เหมือนสิ่งที่พวกเขาทำลงไปจะแทบจะไร้ประโยชน์เหมือนไม่ได้ทำอะไรเลย เขาไม่รู้เหตุผลลึกๆ ว่าทำไมซุยจื่อเมิ่งถึงไม่โจมตีดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะแต่มันน่าจะเกี่ยวกับ มู่หนานซือ
เขายืนขึ้น สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะพูดขึ้น
“ระบบ ปิดกั้นพื้นที่ซะ ห้ามให้ใครก็ตามแต่รู้ถึงการมีอยู่ของข้า”
[จัดไปโฮสต์]
เพียงพริบตาเดียว ยอดเขาแสงบริสุทธิ์ภายนอกดูปกติแต่ภายในเหมือนถูกตัดขาดออกจากความจริงโดยสิ้นเชิง เงียบสงบและลอยล่องเหมือนอยู่คนละมิติ
หานิยื่นมือออกไป แล้วดึงพลังบางอย่างออกมาจากอากาศ
มันคือ ส่วนหนึ่งของระบบวายร้ายของอู๋จ้าว
[ไปเอามาตอนไหนก่อน!? … ไม่สิ ไปเอามาได้ยังไงก่อนดีกว่า!?]
หานิยิ้มอย่างเยือกเย็น ดวงตาไร้อารมณ์ เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป...