หลังจากที่ทั้งสองอาบน้ำเสร็จ ก็สดชื่นแจ่มใสอย่างเห็นได้ชัด
"อื้อหือ เหมือนได้ล้างดินสามชั่งออกไป รู้สึกตัวเบาราวกับนกนางแอ่นเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะอย่างเริงร่าพลางคลี่กางเกงออกแล้วชูขึ้นผิงไฟ
ต้องผิงให้แห้ง กางเกงที่ถักจากเส้นใยของเถาเฮ่อ ดูเหมือนจะหนาเตอะ แต่พอสวมเข้าไปแล้ว กลับรู้สึกว่าลมทะลุเข้ามาได้ทั้งตัว เย็นกว่ากางเกงเก้าส่วนของเธออีก
ดินสามชั่ง? มือที่กำลังบิดผมของเหลียนเซวียนชะงักไปหนึ่งจังหวะ เหลือบมองนางอย่างละเหี่ยใจ พูดเกินจริงเสียไม่มี
เหลียนเซวียนยังคงสวมอาภรณ์ชุดเดิม มีหนังงูเป็เสื้อกั๊กสวมทับ เรือนผมของเขาทั้งยาวดกดำ การขยี้ให้แห้งหลังสระไม่ใช่เื่ง่าย
ดังนั้นเขาจึงแค่ขยี้ส่งเดชสองสามครั้ง แล้วปล่อยผมเปียกชื้นสยายไปบนแผ่นหลัง
เซวียเสี่ยวหรั่นทนมองไม่ไหว ยัดกางเกงใส่มือเขา "ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้ ผมยังมีน้ำหยดอยู่เลย หากไม่ขยี้แรงๆ แล้วเมื่อไรมันถึงจะแห้งหมดล่ะ เอ้ารับไป ช่วยข้าผึ่งกางเกงให้แห้ง เดี๋ยวข้าจะขยี้ผมให้ท่านเอง"
พูดจบก็หยิบผ้าเช็ดตัวของเขามาบิดอย่างแรงจนหมาดแล้วค่อยขยี้ผมที่เปียกชื้นด้านหลังให้เขา
ครานี้เหลียนเซวียนคร้านจะหลบเลี่ยงแล้ว ชูกางเกงของเธอขึ้นพลางทอดถอนใจ ยากจะอธิบายอารมณ์ให้ชัดเจนได้
แม่นางผู้นี้ไม่เคยตระหนักเลยว่าชายหญิงมิพึงชิดใกล้ ไม่มีใครเคยสอนนางหรืออย่างไรว่า ห้ามแตะต้องผมของบุรุษตามอำเภอใจ
"ท่านย่าของข้าบอกว่าหากชอบปล่อยให้ผมเปียกชื้น พอแก่ตัวมักจะปวดศีรษะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นบิดผมเรือนผมยาวดำสนิทของเขา หยาดน้ำก็หยดติ๋งๆ ออกมา
ใช่ว่าเธอไม่ตระหนักถึงขอบเขตระหว่างชายหญิง ในทางตรงข้ามั้แ่ขึ้นชั้นมัธยมปลายปีที่สาม [1] เป็ต้นมา นอกจากหัวหน้าชั้นที่เธอแอบมีใจให้อยู่บ้าง แม้แต่มือของพวกผู้ชายเธอยังไม่ััด้วยซ้ำ
แิของเธอกับเหลียนเซวียนไม่เหมือนกัน การตระหนักถึงขอบเขตระหว่างชายหญิงย่อมต่างกันด้วย
เหลียนเซวียนรู้สึกการกระทำเช่นนี้ดูใกล้ชิดกันเกินไป ขณะที่เซวียเสี่ยวหรั่นกลับมองเป็เื่ธรรมดา ประกอบกับในสายตาเธอเห็นเหลียนเซวียนเป็ผู้าเ็้าการดูแล การขยี้ผมให้แห้งจะเป็การละเมิดขอบเขตระหว่างชายหญิงได้อย่างไร
แน่นอน ไม่เคยมีใครสั่งสอนเธอว่าห้ามแตะต้องเส้นผมของผู้ชาย ในโลกของเธอไม่มีธรรมเนียมโบราณคร่ำครึทำนองนี้
"เฮ่อ ผมของท่านยาวเกินไปแล้ว ไม่มีความจำเป็จะไว้ยาวไปทำไม ดูแลยากจะตาย หากผมของข้ายาวขนาดนี้ ก็คงตัดทิ้งไปนานแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นงึมงำ "จะว่าไปผมม้าของฉันก็ยาวแล้วเหมือนกัน แต่ไม่มีกรรไกรน่ะสิ ครั้นจะใช้มีดตัดก็กลัวว่าจะกลายเป็หมาแทะพอดี"
เซวียเสี่ยวหรั่นกลัดกลุ้มเล็กน้อย ผมม้ายาวจนบังลูกตา แต่ยังยาวไม่พอที่จะรวบขึ้น ครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้น่ารำคาญเสียจริง
เหลียนเซวียนรู้สึกปวดหัว หงุดหงิดที่ตอนนี้ตนเองพูดไม่ได้ มิเช่นนั้นเขาคงจะสั่งสอนนางออกไปว่า ร่างกาย เส้นผม และิัได้มาจากบิดามารดา จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างไร
หากเซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินคำกล่าวนี้ ก็คงจะกลอกตาใส่เขาแล้วลอบสบถในใจว่า "เ้าคนคร่ำครึ"
เห็นชัดว่าความคิดของคนทั้งสองไม่ไปในทางเดียวกัน
หลังกางเกงแห้งสนิทแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็สวมกางเกงเก้าส่วนไว้ข้างใน ขาทั้งสองจึงอุ่นขึ้นมาทันตาเห็น
เธอดีใจมากหิ้วตะกร้าหวายออกไปข้างนอก อาเหลยก็เดินกะโผลกกะเผลกตามหลังไปด้วย
หนึ่งคนหนึ่งลิงมุ่งหน้าขึ้นเขาไปเก็บผลเกาลัด
ผลลูกหนามสีเขียวเข้มที่ตกอยู่บนพื้นเริ่มเน่าแล้ว เกาลัดสีน้ำตาลไหม้จึงเผยออกมาให้เห็น ใช้กิ่งไม้สองกิ่งคีบมันขึ้นมาแล้วโยนลงตะกร้า
"เกาลัดที่นี่ถูกเก็บไปพอสมควร อาเหลย พวกเราใกล้จะไม่มีเกาลัดกินกันแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบเกาลัดขึ้นมาผลหนึ่ง จงใจตีหน้าเศร้าแกล้งหลอกอาเหลย
่นี้สิ่งที่ทำให้อาเหลยอารมณ์ดีก็คือการได้กินเกาลัด หากรู้ว่าใกล้จะไม่มีกินแล้วจะต้องเต้นเป็เ้าเข้าแน่นอน
แน่นอนว่าปริมาณของเกาลัดบนไหล่เขาก็มีไม่มากแล้วจริงๆ
ผู้ใหญ่สองคนกับลิงหนึ่งตัว ไม่มีอาหารหลัก เกาลัดกับหัวเฝิ่นเฮ่อเป็พืชที่มีแป้งสูง ปริมาณในการบริโภคย่อมจะเยอะมาก
ลิงน้อยมักจะเอามาเป็ของกินเล่นอยู่บ่อยครั้ง เหลียนเซวียนรูปร่างสูงใหญ่ มักหิวเร็ว แม้ว่าเขาจะสงวนท่าทีตลอดมา แต่เซวียเสี่ยวหรั่นไหนเลยจะทนดูเขาหิวได้ จึงคั่วเกาลัดให้เขากินอยู่เสมอ
เธออดโซจนผอมลงไปมาก แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เท่าเหลียนเซวียน เห็นเรือนร่างสูงใหญ่ที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกของเขาทีไร เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกแสบจมูกไปเสียทุกครั้ง
ดังนั้นเธอจึงพยายามเพิ่มอาหารให้เขาในแต่ละมื้ออย่างสุดกำลัง
อย่างไรเสียเธอยังมีพื้นที่เหลือให้ผอมอีกมาก แต่เขาไม่อาจผอมไปมากกว่านี้อีกแล้ว
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยวิ่งเข้ามาถึงข้างตัวเธอ แล้วยื่นเท้าหน้าชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นหันไปมองตามทางที่มันชี้นำ เฮ่อ... ไกลเกินไป ต้องโทษสายตาย่ำแย่ของเธอ จึงเห็นแต่สีเขียวเข้มบ้างอ่อนบ้างยาวเป็พรืด
"ตรงนั้นมีอะไร? เกาลัดเหรอ?" เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบเกาลัดขึ้นมาถามอาเหลย
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยทำหน้ายู่ พลางชี้ไปตรงนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
เซวียเสี่ยวหรั่นดวงตาทอประกายวิบวับ
ตามอาเหลยลงเขาก่อนอย่างกระตือรือร้น หลังจากปีนขึ้นไปบนเนินเขาอีกลูกหนึ่ง ก็พบสิ่งที่น่าตื่นเต้น ยังมีเกาลัดอีกต้นหนึ่งจริงๆ
ผลของมันกลาดเกลื่อนอยู่บนเนินแห่งนั้น
ขณะที่เธอกำลังจะเท้าสะเอวหัวเราะร่า ก็ถูกผลสีส้มเป็พวงๆ ข้างต้นเกาลัดสูงใหญ่ดึงดูดสายตาก่อน
"นั่นอะไร?" เซวียเสี่ยวหรั่นกะพริบตาถี่ๆ หรี่ตามองอย่างพินิจ "ลูกพลับ?"
ผลไม้ตะกร้าแล้วตะกร้าเล่าถูกขนเข้ามาในถ้ำ เหลียนเซวียนยังตกตะลึง
เซวียเสี่ยวหรั่นมองลูกพลับที่เด็ดมาพร้อมกับกิ่งของมัน พลางยิ้มกว้างเห็นแต่ฟันไม่เห็นตา
"ลูกพลับที่ยังไม่สุกงอมเอามาปอกเปลือกตากแดดให้กลายเป็พลับแห้ง เอาไว้กินระหว่างเดินทางได้ ฮิๆ แต่น่าเสียดายเน่าคาต้นไปเยอะเลย"
ในป่าดงพงไพร สิ่งที่มีมากย่อมเป็ผลไม้นานาชนิด ลิงน้อยพาเธอไปเก็บ เหลียนเซวียนย่อมไม่แปลกใจ
เซวียเสี่ยวหรั่นทำงานยุ่งตลอด่เช้า เอาเกาลัดกับลูกพลับมากองเต็มพื้น
หลังกินมื้อเที่ยงแล้ว เธอก็ยังไม่อยู่เฉย
ด้วยรู้ว่าอาเหลยสามารถพาไปหาผลไม้ เธอก็เลยพาอาเหลยตระเวนไปทั่วูเา
เพียงแต่อากาศเริ่มหนาว หมดฤดูกาลของผลไม้ไปแล้ว แม้ว่าจะหาได้ แต่ผลไม้ที่เลยฤดูกาลก็เหี่ยวเฉาหมดแล้ว
"เฮ่อ เสียดายจัง เน่าเสียหมดแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นโยนผลไม้เน่าในมือทิ้งไปพลางบ่นงึมงำ
อาเหลยหาผลไม้พบ เพราะเป็ของที่เหล่าวานรทั้งหลายโปรดปราน แต่ตอนนี้กินไม่ได้แล้ว
อาเหลยนั่งลงข้างๆ ไม่รู้ว่าเด็ดต้นอะไรมาแทะกิน
"อาเหลย เ้ากินอะไรน่ะ? ตะไคร่น้ำ? "
เซวียเสี่ยวหรั่นก้มลงไปพิจารณาอย่างละเอียด ก็ตะลึงพรึงเพริด ลิงกินตะไคร่น้ำด้วยหรือ?
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยยื่นส่วนที่เหลือให้เธอ
"เอ้อ... ข้าไม่กินหรอก ขอบใจนะอาเหลย" เซวียเสี่ยวหรั่นรีบโบกมือปฏิเสธ
"เจี๊ยกๆ" แต่อาเหลยกลับยังคงยืนกรานจะยื่นให้เธอ ประหนึ่งว่าตะไคร่น้ำในมือเป็ของอร่อยมาก มัน้าแบ่งปันให้เธอ
ประเสริฐ เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกจนใจอยู่บ้าง จำต้องบิมาชิ้นเล็กๆ แล้วลองชิมดู ของที่ลิงกินได้ตามหลักการแล้วน่าจะไม่มีพิษ
ให้ตายเถอะ! ทั้งขมทั้งเค็ม เซวียเสี่ยวหรั่นนิ่วหน้า หันไปส่ายหน้ากับอาเหลย
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยนึกสงสัยที่เธอไม่ชอบ
เค็ม!
ผ่านไปครู่หนึ่งเซวียเสี่ยวหรั่นก็ตระหนักได้
ที่แท้พืชชนิดนี้สามารถชดเชยเกลือให้กับสัตว์ต่างๆ มิน่าล่ะ
เซวียเสี่ยวหรั่นมองอาเหลยกินอย่างเอร็ดอร่อย ก็ทำหน้าเบ้ เธออยากได้เกลือ แต่ถ้าต้องกินตะไคร่น้ำนี่ก็...
รสชาติเหลือรับประทาน หม่อมฉันทำมิได้!
...
[1] การศึกษาระดับมัธยมของจีนจะคล้ายกับระบบของไทยคือแบ่งเป็ มัธยมต้น 1-3 มัธยมปลาย 1-3
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้