เื่การแสดงถูกกำหนดให้เป็เช่นนี้
แม้ว่าอวิ๋นอี้จะฝืนใจเป็ร้อยครั้ง อยากเบ้ปากขึ้นฟ้า ทว่าไม้ต่อเป็เรือเสร็จแล้ว ข้าวดิบหุงสุกแล้ว นางจะทำอย่างไรได้
ต้องทนน่ะสิ!
เมื่อนางรู้ข่าวร้ายนี้ อาหารมื้อนี้พลันไม่อร่อยขึ้นมาเสียอย่างนั้น
กู่ซือฝานและตู้ซือโหรวที่อยู่ข้างๆ กำลังคุย ทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งสองเป็ลูกสาวผู้เพียบพร้อมของตระกูลดัง มิว่าจะเื่ร้องเพลงหรือเต้นรำ มันเป็เพียงเื่เล็ก
อวิ๋นอี้มองไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มของทั้งสอง พลันถอนหายใจอย่างอดมิได้
ปลอม
ทุกอย่างเป็ของปลอม
ความเ็ปของความสัมพันธ์ราวดอกไม้ปลอม ทำได้เพียงกลืนเข้าไปในใจผู้เดียว
มาคิดว่าจะรับมืออย่างไรดีกว่า
ตอนที่ทั้งสามคนทานเสร็จ ก็เดินไปที่หอพักด้วยกัน อวิ๋นอี้ยังคงคิดมิออกว่าจะแสดงกระไรดี
หากเป็เมื่อก่อน นางยังพอจะเล่นดนตรีได้บ้าง ทว่ามันเป็ไวโอลินเปียโนกระไรพวกนั้น ราชวงศ์ต้าอวี่มีของพวกนั้นที่ใดกัน?
ส่วนเื่เต้น เต้นออกกำลังกายกลางลานนางน่ะทำได้ ท่าเต้นในผับบาร์ โยกหัวส่ายสะโพกบิดก้น ตึงๆ ตังๆ นางย่อมเต้นได้
หากจะไปเต้นในวังเช่นนี้ คงจะห่างจากความตายมิไกลแน่
อวิ๋นอี้ขมวดคิ้ว ถอนหายใจ ทำเอาคนสองคนที่อยู่ข้างๆ มองมาบ่อยๆ
ตู้ซือโหรวฉลาด ย่อมรู้ดีว่านางกำลังกังวลใจเื่ใดอยู่ พลันตบไหล่กู่ซือฝาน ทั้งสองแลกที่นั่งกัน นางเข้าใกล้อวิ๋นอี้ ยกแขนขึ้น แล้วพูดว่า “อวิ๋นอี้!"
"กระไร?" นางทำหน้ามุ่ย "เ้าช่วยคิดหน่อย การแสดงความสามารถข้าจะแสดงกระไรดี?"
"นี่เ้ากำลังหาเื่ให้ข้าหรือ?" ตู้ซือโหรวปฏิเสธ "ในหมู่สตรีในวัง นักเต้นที่เก่งที่สุดคือพระสนมอ๋องโยว คนที่ร้องเพลงเก่งที่สุดคือซูเมี่ยวเออร์ ในความคิดของข้า เ้าดูมิมีกระไรดีเลย"
อวิ๋นอี้มุมปากกระตุก โดนแทงใจดำหนึ่งดอก
นางคิดมิออกว่าจะตอกกลับอย่างไร ถึงอย่างไรสิ่งที่นางพูดนั้นเห็นๆ กันอยู่
กู่ซือฝานได้ยินพลันหัวเราะเสียงดัง พูดว่า "พระชายาเอกผู้ใดเยาะเย้ยผู้อื่นอย่างท่านกัน? อย่างน้อยท่านพี่ของข้าก็กินเก่ง นอนเก่งนะเพคะ"
“มีจุดเด่นเป็กินเก่งนอนเก่ง ทว่าจะแสดงกินๆ ดื่มๆ มิได้น่ะสิ ขายหน้าจะตายไป!”
เหอะ เหอะ
ยิ่งพูดยิ่งออกนอกเื่ไปเรื่อยๆ
รู้ว่านางทั้งสองปากสุนัขอย่างนี้คงคายงาช้างออกมามิได้ [1]
พึ่งเขา เขาถล่ม พึ่งพาคนก็มิน่าเชื่อถือ ทำได้เพียงพึ่งพาตนเอง
ดุด่าปนเสียงหัวเราะไปตลอดทางจนถึงหอพัก ผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างหลังมิรู้พูดถึงกระไร พากันกุมท้องหัวเราะ อวิ๋นอี้หน้ามุ่ยมืดมน เดินกลับเข้าห้องตนเองไป
แม่นมเอาน้ำอุ่นมาให้ นางโยนตัวลงไปในนั้น ความกังวลทุกอย่างพลันมลายหายไป
เครื่องหอมที่ไม่รู้จักถูกจุดขึ้นในห้อง ส่งกลิ่นบางๆ น่ารื่นรมย์ หมอกขาวปนกับน้ำร้อนที่เดือดปุด ตอนที่ตกลงบนิัมนุษย์พลันทำให้เปียก
อวิ๋นอี้หลับตาลง นางััได้ถึงแสงและเงาสลัว มีลมเล็กน้อยเล็ดลอดเข้ามาทางช่องแคบๆ เป็ครั้งคราว พัดให้แสงเทียนโยกซ้ายขวา
ใจที่กระสับกระส่ายค่อยๆ สงบลง
นางนึกถึงการแสดงความสามารถที่ทำให้คนปวดไข่อีกครา
นางร้องเพลงมิได้แน่ๆ นางเคยไปฟังการแสดงที่หอนางโลม เสียงที่นุ่มนวลและหลากหลายทำให้ตะลึง
อวิ๋นอี้รู้ตัวเองดี หากไม่มีหมุดเจาะทอง จะมิกล้าซ่อมเครื่องเคลือบเด็ดขาด [2]
เต้นรำ... ไม่ ไม่ ไม่ นางเต้นเป็แค่แจ๊ซที่เย้ายวน มันโอ่อ่าและโล่งโจ้งเกินไป
หลังจากคิดไปคิดมา นางก็ตัดสินใจที่จะเล่นดนตรี
ตอนเด็กนางเคยเรียนกู่เจิงมาสองสามปี ให้หลังถึงมาตกหลุมรักไวโอลิน และมิเคยแตะต้องมันอีกเลย
ห่างจากเวลาที่ต้องแสดงยังเหลืออีกหนึ่งเดือน ตราบที่ตั้งใจฝึกเรียน น่าจะคลำทางกลับมาได้บ้าง
ตัดสินใจเื่ยุ่งยากได้แล้ว คนทั้งคนพลันโล่งใจ
อวิ๋นอี้เอาตัวมุดอยู่ในน้ำ น้ำอุ่นกดลงบนใบหน้าของนาง ความวุ่นวายและความเงียบหายไป ตอนที่นางกำลังจะหมดลมหายใจ ก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
“อ๊า!”
เมื่อเห็นบุรุษผู้หนึ่งที่จู่ๆ ปรากฏตัวต่อหน้านาง ทำให้นางร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
กู่ซือฝานที่อยู่ห้องข้างๆ ได้ยินการเคลื่อนไหวจึงะโถามว่าเกิดกระไรขึ้น ในคืนที่เงียบงัน เสียงของนางทะลุผ่าน ทำให้บรรยากาศเปลี่ยน
อวิ๋นอี้จ้องหรงซิว กัดฟันอย่างดุดัน ตอบกู่ซือฝาน "ไม่มีกระไร มีแมลงสาบ!"
"อ๊า? แมลงสาบ! ท่านพี่สะใภ้! ข้ามาแล้ว ข้ามาแล้ว! มิต้องกลัวเพคะ!"
มีเสียงตึกตักขณะที่นางพูด ดูเหมือนว่านางกำลังเคลื่อนตัวอย่างตื่นเต้น พลันชนเข้ากับกระไรบางอย่าง
อวิ๋นอี้ปล่อยให้นางเข้ามาไม่ได้แน่ หากนางเจอหรงซิวที่นี่ ปากสว่างนั่นจะมิทำให้เื่ไปกันใหญ่หรือ?
“ไม่!” นางละสายตาออก พูดค่อยๆ ว่า “ไม่เป็ไร! แมลงสาบหนีไปแล้ว ข้าไม่เป็ไรแล้ว! ฮ้า ข้าจะนอนแล้ว! เ้าก็รีบนอนเถิด!”
พูดรัวๆ อย่างมิกล้าหยุดหายใจ อวิ๋นอี้เงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวของห้องข้างๆ
กู่ซือฝานไม่ดึงดัน ได้ยินเสียงสั่นเครือ น่าจะพลิกตัวกลับไปหลับต่อแล้ว
การไปมาหาสู่ที่อันตราย อวิ๋นอี้ควรชำระบัญชีกับบุรุษที่อยู่ข้างหน้านาง
นางลดเสียงลง แววตาโกรธเล็กน้อย ปนด้วยความเขินอายมากกว่า “มาเมื่อใดเพคะ?”
“เมื่อครู่” หรงซิวยักไหล่ ยิ้มชั่วร้าย หรี่ตาลงครึ่งตา ก้มลงต่ำ
"ฝ่าา! หลับตาเดี๋ยวนี้นะ! เดี๋ยวนี้! เร็ว! ด่วนเลย!" อวิ๋นอี้ถูกเขากวาดสายตาใส่ จะมิเข้าใจความหมายของเขาได้อย่างไร โวยวายทันทีจนหน้าแดง รีบขดตัวลง ด่าเขาไม่หยุด
คนที่ถูกดุมิได้รู้สึกกระไรเลย “อ้อ? เป็กระไรไป?”
จะเป็กระไรเล่า!
โปรดเถิดนะแสร้งทำเป็งี่เง่าก็ช่วยแสร้งทำให้เหมือนหน่อยได้หรือไม่!
อย่าให้เปลือกตามาทักทายกับร่างนางชัดเจนเช่นนั้นสิ!
อวิ๋นอี้รู้นิสัยของเขาเป็อย่างดี จึงกางแขนออกแล้วโยนเสื้อไปบนหัวหรงซิว ปิดตาเขาไว้แน่น
เมื่อเห็นว่าเขามิทันได้ตอบสนอง นางจึงรีบยืนขึ้น เอาคลุมชุดยาวคลุมร่าง เกี่ยวนิ้วอันเรียวยาวของนางมัดเสื้อเอาไว้
อวิ๋นอี้ยืนเท้าเปล่าอยู่บนพื้น จ้องเขาอย่างโกรธจัด แอบด่าว่า "ไร้ยางอาย"
นางมิได้ขอให้แม่นมมาเก็บอ่าง ทว่าเดินตรงไปที่เตียง แล้วดับเทียน
สักพัก ชายที่ยืนอยู่ถึงจะเดินเข้ามาหา ในมือของเขามีสิ่งหนึ่งตกลงมาจากเสื้อที่ลอยเข้ามาเมื่อครู่
หรงซิวมือตาไว พอคว้าได้พลันเห็นชัดว่าเป็เซียงหนาง มีชื่อของเขาปักไว้ข้างบน
ในใจของเขาหวั่นไหวเล็กน้อย มีความรู้สึกที่อธิบายมิได้
เดินสองสามก้าวก็ถึงตัวนาง สาวน้อยหันหลังใส่เขา จับนางหันกลับมา ตะเกียงสีแดงที่อยู่ด้านนอกชายคาส่งแสงอันอบอุ่นซึ่งเพียงพอที่จะส่องให้เห็นใบหน้าเล็กๆ ที่สดใสของนาง
“ทำกระไรเพคะ?” อวิ๋นอี้มุ่ยปาก พูดอย่างหงุดหงิด
หรงซิวมิพูด เขาถือเซียงหนางแล้วเอาให้นางดู น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ให้ข้าหรือ?”
“เฮ้ย!” ทันทีที่เห็นผลงานที่แทนน่าเกลียดของตัวเอง นางแทบจะะโขึ้น เอื้อมมือไปแย่งเขา “มิใช่! ฝ่าา! เอามาให้ข้านะ!"
"เขียนชื่อของข้า มิได้ให้ข้าหรือ?" เขาแน่วแน่
อวิ๋นอี้ประหม่าจนเหงื่อตกหน้าผาก แย่งอยู่นาน มิเพียงแต่แย่งมาไม่ได้เท่านั้น ทั้งยังถูกหรงซิวโอบเอวกดลงบนเตียงด้วย "สาวน้อย ปากของเ้ามิชอบพูดดีๆ เช่นนั้นเลยหรือ? หากเ้ามิพูดความจริง ข้าจะจูบจนเ้าพูดนะ"
"อู้..."
เขาชอบจูบเช่นนี้มาก ตอนแรกนั้นอ่อนโยนและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
อวิ๋นอี้รับความปุบปับของเขามิไหว ราวกับเรือลำน้อยที่เผชิญคลื่นลม ทำได้เพียงจับคอเขาแล้วดื่มด่ำไปด้วย
“ทำให้ข้าใช่หรือไม่?” หรงซิวผละริมฝีปากออก ถามนางขึ้น
อวิ๋นอี้พยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “อื้ม แต่มันน่าเกลียดมาก...คราหน้าข้าจะทำให้ดีกว่านี้ค่อยให้ฝ่าา ฝ่าา...เอาอันนี้คืนมาให้ข้า”
“มิให้” เขายิ้มกว้างขึ้น จับใบหน้าเล็กๆ ของนางไว้ในมือทั้งสองข้าง "อันนี้ก็ดีแล้ว เพราะว่า..."
เขาจงใจยืดน้ำเสียง เอาริมฝีปากแนบหูของนาง บีบคั้นหัวใจนางด้วยเสียงแหบแห้ง "เพราะว่าในนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจของเ้า”
เชิงอรรถ
[1] ปากสุนัขคายงาช้างไม่ได้ 狗嘴里吐不出象牙 หมายถึง คนที่พูดได้แต่คำแย่ๆ พูดสิ่งดีๆ ไม่เป็
[2] หากไม่มีหมุดเจาะทอง ไม่กล้าซ่อมเครื่องเคลือบเด็ดขาด 没有金刚钻,绝对不揽瓷器活 หมายถึง ไม่มีความชำนาญในเื่นั้นๆ จะไม่ลงมือทำเด็ดขาด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้