สง่างามดุจเซียน จิตสังหารดุจปีศาจ และน่าทึ่งดุจอสูร
นี่คือภาพจำที่จั๋วอวิ๋นเซียนทิ้งไว้ให้ทุกคน แม้แต่ผู้ดูแลห้าขั้วอำนาจก็ต้องยอมรับพลังอันน่าหวาดหวั่นของจั๋วอวิ๋นเซียน โดยเฉพาะความสามารถด้านค่ายกล
ถึงแม้จะเป็เช่นนี้พวกเขาก็ไม่คิดว่าจั๋วอวิ๋นเซียนจะสามารถต่อกรกับซือคงอวี่ได้ ถึงอย่างไรแม้ว่าอูฐจะผอมแห้งก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับพลังของเขาที่เป็ถึงยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณ
“ทุกท่านตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี?”
“จะปล่อยให้เ้าหนูตระกูลจั๋วตกอยู่ในมือของโม่เหมินมิได้ มิเช่นนั้นเมื่อใต้เท้าทั้งหลายเดินทางมาถึง พวกเราจะอธิบายอย่างไร!”
“ไม่ต้องสนใจแล้ว พวกเราลงมือกันเถอะ!”
“มิได้การแล้ว ทั้งสองฝ่ายล้วนมิได้จัดการง่ายๆ ข้าไม่มีทางทำเื่ที่ไม่มั่นใจแน่”
“หรือรอพวกเขาาเ็ทั้งสองฝ่ายก่อน พวกเรารอเก็บเกี่ยวทีหลัง?”
“เหอะเหอะ รอเก็บเกี่ยวทีหลังหรือ เ้าคิดมากเกินไปแล้ว ถึงแม้ซือคงอวี่จะาเ็สาหัส แต่เขาต้องมีไพ่ตายเก็บไว้แน่ ไม่แน่ว่าอาจจะปราบเ้าเด็กนั่นได้ในกระบวนท่าเดียว”
“ทุกคนเงียบก่อน ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว พวกเรารอดูสถานการณ์ก่อนเถอะ”
“หากมิได้จริงๆ กระนั้นพวกเราเพียงถ่วงเวลาซือคงอวี่เอาไว้ จะปล่อยให้เขาเอาตัวเ้าหนูตระกูลจั๋วไปมิได้”
“อืม เห็นด้วย”
……
ผู้ดูแลทั้งห้าปรึกษาหารือกัน มิได้ลงมืออย่างวู่วาม
ตอนนี้ซือคงอวี่ได้สติกลับมาจากความตกตะลึงแล้ว เพียงแต่การกระทำของจั๋วอวิ๋นเซียนกลับทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ จนเผยรอยยิ้มเ็าที่มุมปากอย่างอดมิได้...เขาเข้าไปจับคนในท่าเรือหลงหยามิได้ เพราะเกรงว่าจะทำผิดกฎของห้าแคว้น ทว่าอีกฝ่ายกล้าเป็ฝ่ายออกมาเอง เรียกได้ว่าช่างไม่รู้จักรักชีวิตเสียจริง!
ทว่าซือคงอวี่มิได้รีบร้อนลงมือ กลับมองจั๋วอวิ๋นเซียนด้วยความสนุก “เ้าหนู ได้ยินมาว่าตอนเ้าอยู่ตระกูลจั๋วเ้าทำลายตราประทับจนพลังหมดสิ้นแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะฟื้นพลังกลับมาได้...ดูท่าบนตัวของเ้าจะมีโชควาสนายิ่งใหญ่! เ้าเอาความลับของเ้าบอกกับข้ามาเถอะ แล้วก็ส่งมรดกสืบทอดของสำนักเทียนกงมาด้วย เช่นนั้นข้าจะสามารถปล่อยเ้าไปได้”
“……”
จั๋วอวิ๋นเซียนยืนถือกระบี่ ทั่วร่างเต็มไปด้วยจิตสังหาร ทั้งบ้าคลั่งรุนแรง ราวกับเป็เซียนและปีศาจ!
ซือคงอวี่รู้สึกใจสั่น จึงไม่คิดจะรอต่อไป เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน “ไม่บอกหรือ? มิเป็ไร ข้ามีวิธี!”
เมื่อพูดจบซือคงอวี่หยิบโอสถสีดำเม็ดหนึ่งเอาไว้ มันก็คือ เมล็ดปีศาจกลืนใจ!
“ไป!”
โอสถถูกโยนไปทางอกของจั๋วอวิ๋นเซียน!
“ขวับ!”
มือซ้ายของเขาคว้าเมล็ดปีศาจกลืนใจเอาไว้ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
เมื่อซือคงอวี่เห็นดังนี้ก็มิได้โกรธกลับหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า! เ้าลูกสุนัข เ้ากล้าใช้มือจับเมล็ดปีศาจ ช่าง...”
เสียงพูดหยุดลง เขาเห็นมือของจั๋วอวิ๋นเซียนมีเปลวเพลิงสีขาวลุกโชนขึ้นมา เมล็ดปีศาจกลืนใจค่อยๆ ถูกแผดเผาจนสลายหายไปแบบไร้ร่องรอย
เพลิงหยางบริสุทธิ์ ชำระล้างทุกสรรพสิ่ง เพียงแค่พิษเมล็ดปีศาจ จึงมิอาจทำอะไรได้
“ปะ...เป็ไปได้อย่างไร?”
ซือคงอวี่เผยแววตาใ รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงแข็งค้าง
จากนั้นจั๋วอวิ๋นเซียนชักกระบี่ ร่างที่ราวกับกระเรียนขาว ก้าวเดินอย่างรวดเร็ว พุ่งทะยานขึ้นฟ้า...
“ทำเป็เก่งไปได้!”
ซือคงอวี่รู้สึกหนาวสั่น ถึงแม้จะกล่าววาจาดูแคลน ทว่าในใจของเขากลับระวังตัวมาก
พลังิญญาเซียนคุ้มกาย พลังอำนาจฟ้าดินยิ่งใหญ่!
และในเวลาเดียวกันในมือของเขายังปรากฏโล่ใบหนึ่ง มีเกราะอักขระเก้าชั้นครอบเอาไว้ ต่อให้เป็ยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณปรากฏก็ยากจะทำลายมันได้ นี่ก็คือสาเหตุที่ซือคงอวี่ไม่กลัว!
“วี๊ด!”
ขนนกสีขาวล่องลอยลงมา
หนึ่งกระบี่ะเื์ วิชาเซียนทะยานสู่์
……
“ตูม! ตูม! ตูม!”
กระบี่ฟาดฟันลงมา พลังิญญาเซียนแตกซ่าน เกราะป้องกันแตกเป็เสี่ยงๆ!
ซือคงอวี่มองที่อกตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ กระบี่แทงเข้าไปในร่างกายทะลุหัวใจของเขา เขาไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย ทว่าพลังชีวิตกลับค่อยๆ สลายหายไป จนจิตสำนึกของเขาจมสู่ความมืดมิด
น่ากลัว! น่าอัศจรรย์!
ไม่มีใครสามารถอธิบายกระบวนท่าของจั๋วอวิ๋นเซียนได้ ราวกับเซียนเปรียบดังกระบี่ ร่ายรำงดงามดุจเทพเซียน
……
“ลุงเยี่ยน ข้าขอโทษ”
หลังจากสังหารศัตรูเสร็จ จั๋วอวิ๋นเซียนยืนเงียบอยู่กับที่ จิตใจค่อยๆ สงบลง จิตสังหารในดวงตาค่อยๆ หายไป เขารู้ดีว่าคนตายมิอาจฟื้น แต่เขาจะมิอาจปล่อยวางได้ตลอดชีวิต เพราะมีชายชราคนหนึ่งที่ต้องตายจากไปก็เพราะเขา
เขาหยิบถุงเก็บของของซือคงอวี่ จากนั้นก็หันหน้าจากไป
และในเวลานี้เองมีเงาหนึ่งพุ่งออกมาจากความมืด ชูไข่มุกสายฟ้าปาไปทางจั๋วอวิ๋นเซียน!
“บึมๆ...”
สายฟ้าดับสูญ ์ะเืปฐีสะท้าน ฝุ่นควันฟุ้งกระจายเต็มท้องฟ้า กลบร่างของจั๋วอวิ๋นเซียนจนมิด
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้ผู้คนต่างไม่ทันตั้งตัว
คนของห้าขั้วอำนาจหันไปมอง แต่คนที่ลงมือกลับเป็หญิงชราที่ทั่วร่างอาบย้อมด้วยเื และครึ่งล่างของร่างนางก็ไม่มีขาแล้ว
คนคนนี้มิใช่ใครอื่น นางก็คือป้าเหลยหลิง คนที่ถูกจั๋วอวิ๋นเซียนวางกับดักจนเกือบตาย
ทว่าโชคของป้าเหลยหลิงไม่เลวนัก มีไข่มุกสายฟ้าสมบัติวิเศษธาตุสายฟ้าคุ้มกายจึงป้องกันการโจมตีถึงชีวิตไว้ได้...ทว่าเสียดายที่ขาสองข้างถูกะเิไปแล้ว นางจึงโกรธแค้นจั๋วอวิ๋นเซียนจนมิอาจอยู่ร่วมโลกกันได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ไอ้เด็กเหลือขอ! คิดไม่ถึงว่าเ้าก็มีวันนี้ด้วย...ตายแล้ว! ในที่สุดก็ตายแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า...”
ป้าเหลยหลิงเก็บไข่มุกสายฟ้าพลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เสียงหัวเราะของนางแฝงด้วยความสะใจที่แก้แค้นได้สำเร็จ และยังมีความรู้สึกสิ้นหวังแฝงอยู่ด้วย เมื่อไม่เหลือขาสองข้างแล้ว หญิงชราอย่างนางจะต่างอะไรกับคนพิการ ต่อให้กลับไปตระกูลซีโหลว ชีวิตของนางก็คงไม่ค่อยดีนัก
“เ้าหัวเราะอะไรกัน?”
เสียงเ็าเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ป้าเหลยหลิงรู้สึกขนลุกตั้งชัน จิตใจหนาวสั่นถึงขีดสุด
“ไม่! เป็ไปมิได้...”
ป้าเหลยหลิงมองจั๋วอวิ๋นเซียนด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น นางเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา...กระบี่สั้นแทงร่างของนางโดยไม่มีสิ่งใดหยุดยั้ง
ตายแล้ว...กำลังจะตายแล้ว...
ความหวาดกลัวได้กัดกินจิตใจของป้าเหลยหลิง นางใช้พลังเฮือกสุดท้ายทำลายไข่มุกสายฟ้าในมือ!
“บึม!”
ไข่มุกสายฟ้าแตกออก สิ่งที่แปลกก็คือมันมิได้ะเิแต่กลับกลายเป็ิญญาสายฟ้าพุ่งตรงไปที่ศีรษะของจั๋วอวิ๋นเซียน ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
ิญญาสายฟ้าเข้าร่าง จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกว่าทะเลจิตสำนึกสั่นสะท้าน ิญญาของเขาราวกับถูกฉีกขาด
……
เหงื่อหยดแล้วหยดเล่าไหลริน ใบหน้าของจั๋วอวิ๋นเซียนซีดขาว เพียงแต่เขามีจิตใจที่เข้มแข็ง จึงอดทนเอาไว้
“ฮึมๆ!”
ทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์บนท้องฟ้ายามราตรี ดวงตาขนาดใหญ่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น จ้องมองจั๋วอวิ๋นเซียนด้วยสายตาไร้อารมณ์
นี่คือ...ดวงตาแห่งสุญญตา?
ผู้บำเพ็ญเซียนมากมายล้วนเคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานของดวงตาแห่งสุญญตา แต่กลับไม่เคยเห็นมาก่อน
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้จึงอดจิตใจสั่นสะท้านไม่ได้!
จั๋วอวิ๋นเซียนเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเ็า จิตใจของเขาสงบนิ่ง เขาไม่คิดว่าตัวเองผิดและไม่คิดว่าตัวเองควรได้รับโทษ ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนไม่เคยเสียใจ
“กลับไป!”
น้ำเสียงกระจ่างใสดังออกมาจากด้านในดวงตาแห่งสุญญตา เป็พลังอำนาจที่สูงส่ง จากนั้นดวงตาแห่งสุญญตาก็สลายหายไป
ดวงจันทร์เด่นสง่าท่ามกลางดวงดารา สายลมอ่อนๆ เมฆจางๆ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
