เสียงฝีเท้าของหลี่เทียนจินเดินฉับ ๆ เข้ามายังเรือนรับรองพร้อมบ่าวไพร่บริเวณนั้นเห็นท่าทางโกรธของเขา จึงพากันเดินหลบไปคนละทาง เหลือไว้เพียงร่างของหญิงชรา นั่งดื่มชาอยู่ตามลำพัง เขามองมารดาพร้อมกัดฟันแน่น
“เหยียนหลิงตั้งครรภ์ เหตุใดไม่บอกข้า หากข้าไม่ได้ยินจากปากของบ่าวในจวน ข้าก็คงโง่ไปอีกนาน!” หลี่ชิงหลีวางถ้วยชาลง ตวัดสายตากลับมายังบุตรชายแล้วเอ่ยขึ้น
“แล้วเ้าจะเดือดร้อนอะไร คนก็ไม่อยู่แล้ว?”
“นางตั้งครรภ์ลูกของข้า ก็เท่ากับเด็กในท้องเป็เืของสกุลหลี่ เหตุใดท่านแม่จึงไม่บอกข้าสักคำ” หญิงชราค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เผยให้เห็นชุดและเครื่องประดับสูงค่าที่ติดกาย บ่งบอกถึงฐานะอันมั่งคั่งที่มีในยามนี้
“อยากให้เด็กนั่น เป็อย่างเ้าเหรอ? นับจากเด็กจนโต เ้าก็รู้ว่าความลำบากเป็เช่นไร ข้าเป็เพียงหญิงธรรมดาสามัญ ไม่มียศตำแหน่ง เลี้ยงดูเ้ากว่าจะรอดพ้นไปได้ในแต่ละวันยากเย็นเท่าใด ตอนนี้เ้าเป็ถึงขุนนางระดับสูง มีหน้ามีตา มีบารมีเงินทองมากมาย เหตุใดจะต้องสนใจนางด้วย”
“แต่ไม่ใช่เพราะนางหรอกเหรอ ข้าถึงมีวันนี้”
‘เพี้ย!’ แรงตบของมารดา ทำให้ชายหนุ่มหน้าหัน อย่างไม่ทันตั้งตัว
“หากไม่ใช่เพราะความสามารถของเ้า เ้าจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้เหรอ นางส่งเสียเ้าก็จริง แต่ก็แลกกับการกินอยู่อย่างสบายในจวนนี้เป็เวลาถึงหนึ่งปี มันชดใช้กันไปหมดแล้ว” น้ำเสียงสั่นเครือของหลี่ชิงหลี ที่แสดงออกว่ารังเกียจจางเหยียนหลิง ทำให้ชายหนุ่มนึกโกรธขึ้นมา
“ไม่ว่ายังไง ข้าจะไปตามจางเหยียนหลิงกลับมา นางตั้งครรภ์ลูกของข้า” พูดจบเขาก็เบี่ยงตัวเดินจากไป ก่อนหญิงกลางคนจะเอ่ยจึ้น
“ข้าให้นางกินยาขับเืไปแล้ว ไม่ว่าหมอหน้าไหน ก็รักษาไม่ได้ทั้งนั้น เอากลับมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร!” ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงหยุดชะงัก เขาแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง สายตาสั่นไหวค่อย ๆ หันมองไปยังมารดาพร้อมน้ำตาเอ่อขึ้นมาเล็กน้อย
“ท่านแม่..เหตุใดท่านจึง...” เขาอยากจะต่อว่าด่าทอแรง ๆ แต่ก็อ้าปากพูดอะไรไม่ออก ก่อนหญิงชราจะค่อย ๆ เดินเข้ามาแล้วเอื้อมมาจับบ่าเขาเบา ๆ เป็การเรียกสติ
“ตอนนี้คนที่เ้าควรดูแลไม่ใช่จางเหยียนหลิง แต่ควรเป็คุณหนูไป๋ นางตั้งครรภ์ลูกของเ้าอยู่ เด็กคนนี้จะเป็สายใยให้สกุลหลี่กับสกุลไป๋เชื่อมต่อกัน ไม่ว่าภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะมีสกุลไป๋คอยช่วยเหลือ หน้าที่การงานของเ้าจะมั่นคงไม่มีผู้ใดกล้ารังแก แม่ทำทุกอย่างก็เพื่อเ้า....” เขาไม่ตอบรับ เพียงแต่ค่อย ๆ เดินจากไปพร้อมดวงตาแดงก่ำ ท่ามกลางสายตาไป๋หลานเสวี่ย ที่ยืนมองเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ
ร่างของหลี่เทียนจินก้าวฉับ ๆ มาถึงร้านสมุนไพรของจางเหยียนหลิง ดวงตากวาดมองไปรอบร้านด้วยความร้อนรน พยายามสอดส่ายสายตา หาเงาของหญิงสาวอย่างกระวนกระวาย เมื่อไม่พบ เขาจึงเร่งเดินเข้าไปหาคนเฝ้าร้าน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกดต่ำ
“เหยียนหลิง...นางกลับมาที่นี่บ้างหรือไม่” สองคนหันมองหน้ากัน แล้วตอบกลับ
“มาครั้งหนึ่ง มาขอยา...ที่แก้พิษยาขับเือะไรสักอย่าง นางพยายามจะเข้าไปในร้านเพื่อเอายาให้ได้ ห้ามเท่าใดก็ไม่ฟัง ดื้อดึงยิ่งนัก” หลี่เทียนจินเม้มริมฝีปาก ดวงตาไหววูบ ก่อนถามต่อด้วยเสียงสั่น
“พวกเ้าได้ช่วยนางหรือไม่?” อีกฝ่ายส่ายหน้าช้า ๆ
“จะให้เข้าได้อย่างไร เถ้าแก่หลินสั่งห้ามเด็ดขาด” ทันทีที่ได้ยินคำตอบ สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็โกรธจัด กำมือแน่น ก่อนกล่าวเสียงกร้าว
“เหตุใด พวกเ้าใจดำนัก! นางกำลังตั้งครรภ์ หากไม่ได้ยา...เด็กในท้องจะต้องตายแน่!”
“พวกข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่านางตั้งครรภ์จริงหรือไม่ ท่านเป็ถึงสามีนาง ยังปล่อยให้นางถูกยาขับได้เสียเอง เราสองคนก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาที่สั่นไหวของหลี่เทียนจินก็เผยความเ็ปออกมาอย่างชัดเจน เขาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปตามตรอกซอกซอยในตลาด เพื่อตามหาหญิงสาวอย่างร้อนใจ
เขาใช้เวลาเกือบครึ่งวันพลิกหาทุกมุมของตลาด แม้กระทั่งเดินไปยังศาลเ้าใกล้เคียง ทว่ากลับไร้เงาของหญิงที่เฝ้าตามหา
ในที่สุด ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง พลันล้วงเอาปิ่นปักผม ที่เคยสัญญาจะมอบให้นางเป็ของแทนใจขึ้นมา ดวงตากลมไหวระริก เอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ
“เ้า...อยู่ที่ไหนกันแน่’
ร่างของจางเหยียนหลิง กำลังทำอาหารอยู่ในตำหนักหานเยี่ยด้วยความตั้งใจ หญิงสาวหยิบผักมาหั่นเป็ท่อน ๆ แล้วหย่อนลงกระทะด้วยความชำนาญ หลังจากเสร็จแล้วก็เบี่ยงตัวไปยังลานซักล้าง นำผ้าและเครื่องใช้ส่วนตัวของหยวนเฟิงอ๋อง มาซักตามหน้าที่ ใบหน้างดงามของนาง ทำให้บ่าวผู้ชายต่างแอบมองไม่เป็อันทำงาน หากแต่นั่นไม่ทำให้จางเหยียนหลิงหวั่นไหว นางยังคงทำหน้าที่ของตนด้วยความเต็มใจ เมื่อเสร็จจากงานแล้วจึงหันตัวกลับเข้าห้องที่มีเพียงหมอนและเสื่อเก่า ๆ ไว้ให้
นางหยิบเอากระดาษแผ่นใหญ่ที่ติดตัวมา แล้วเตรียมวาดภาพเพื่อนำไปขาย ทว่าวาดไปได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น เสียงฝีเท้าของซูซู หัวหน้าแม่บ้านก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น
“เหยียนหลิง ท่านอ๋องเรียกพบ”
“พอรู้หรือไม่ว่าเื่ใด”
“ข้าไม่รู้หรอก แต่ด้วยนิสัยของท่านอ๋อง เรียกแล้วต้องเข้าพบทันที เ้ารีบวางมือจากงานวาดภาพก่อนเถอะ” คำพูดร้อนใจของซูซู ทำให้จางเหยียนหลิง วางมือจากภาพวาด แล้วเดินตรงไปยังเรือนใหญ่
สองเท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในเรือนใหญ่ สายตาของจางเหยียนหลิงสะดุดเข้ากับร่างสูง ในชุดสีดำสนิทของหยวนเฟิงอ๋องใบหน้าหล่อเหลา กำลังจับจ้องสิ่งหนึ่งบนโต๊ะเบื้องหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ฝีมือวาดภาพของเ้า...ไม่เลวทีเดียว” เหยียนหลิงค่อย ๆ เลื่อนสายตาไปยังสิ่งที่เขาจับจ้องอยู่ พลันสะดุดใจเมื่อเห็นว่าเป็ภาพวาดของนางเอง
“ภาพนี้ ข้าขายให้กับใต้เท้าอี้ไปแล้ว ท่านได้มาอย่างไร?” หยวนเฟิงอ๋องละสายตาจากภาพ แล้วปรายตามองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง เขาเคยหมายมั่นให้นางเป็ชายาเคียงข้าง ทว่าไม่คาดคิด ว่านางจะโง่งมกล้าปฏิเสธข้อเสนอของเขา โดยไม่ไยดีบัดนี้ แม้จะลดนางให้เป็เพียงบ่าวในจวน แต่ความสามารถของนาง...อาจเป็ประโยชน์ในภายหน้า ชายหนุ่มแย้มยิ้มมุมปากอย่างไม่น่าไว้วางใจ พลันเอ่ยเสียงราบ
“ข้าได้มันมาอย่างไร ไม่สำคัญ ตอนนี้มีงานวาดภาพให้เ้า สนใจหรือไม่?” เขาพูดพลางโยนอุปกรณ์วาดภาพดี ๆ ให้นางหนึ่งชุด จางเหยียนหลิงมองอุปกรณ์ที่กองอยู่กับพื้น แล้วเลื่อนสายตามองเขาแน่นิ่ง
“มีค่าตอบแทนหรือไม่?” สายตาและท่าของจางเหยียนหหลิงเปลี่ยนไปราวกับคนละคน หัวใจอ่อนโยนของนางถูกทำลายไปไม่เหลือความไว้ใจมอบให้ใครอีก นับจากนี้นางจะไม่เสียสละเพื่อผู้ใด ลมหายใจที่มีอยู่ก็เพื่อตัวเอง และรอวันเห็นสกุลหลี่ล่มจมกลับไปสู่จุดต่ำสุดดังเดิม
“แน่นอนว่ามี แต่ข้าต้องหักเงิน จากผลงานของเ้าครึ่งหนึ่ง ฐานะที่เ้าเป็เพียงแค่บ่าวในจวนข้า” หญิงสาวก้มหน้าลงขบคิด ทบทวนอย่างเงียบ ๆ แม้ภาพวาดจะถูกหักราคาออกไปครึ่งหนึ่ง แต่เขาเป็ถึงอ๋อง มีคนรู้จักมากมายในวังหลวง นางอาจขายภาพได้มากขึ้นกว่าที่เป็อยู่ เมื่อรวบรวมเงินมากพอนางจะกลับไปไถ่ร้านสมุนไพรคืนจากเถ้าแก่หลิน แล้วออกไปจากจวนอ๋องนี้ซะ
“ตกลงเ้าค่ะ” สายตาของนางแสดงความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น ผิดกับรูปลักษณ์บอบบางราวกับสายลมพัดผ่านก็แทบล้ม หยวนเฟิงอ๋องจับจ้องมองอีกฝ่าย ั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า คำร่ำลือว่านางงดงามราวกับเทพธิดาบน์นั้น อาจไม่ผิดนัก ไม่ว่าจะมองมุมใดก็งดงามยากจะละสายตา
“ที่ท่านว่ามีงานให้ข้าทำ...เป็งานวาดภาพอะไรหรือเ้าคะ?” คำถามนั้นทำให้เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย ท่าทางเ็าไร้ความรู้สึกของหยวนเฟิงอ๋องยังคงเดิม เขายกภาพวาดฝีมือนางขึ้นพินิจอย่างใจเย็น
“เป็ภาพเหมือน...พรุ่งนี้ ข้าจะพาเ้าเข้าวังหลวง ไปวาดภาพของบุคคลผู้หนึ่ง” สายตามีเล่ห์นัยของเขา ทำให้นางน้อมกายรับ แล้วก้มลงเก็บอุปกรณ์วาดภาพที่เขาเพิ่งโยนให้ พลันหันตัวเดินจากไป พร้อมสายลมอ่อน ๆ ที่พัดกาย
เมื่อเดินออกจากเรือนใหญ่ นางหยุดมองอุปกรณ์วาดภาพในมือครู่หนึ่งทันใดนั้น ร่างของซูซูเดินเข้ามา เอียงศีรษะเล็กน้อย
“นั่นอะไร?”
“อุปกรณ์วาดภาพ” นางตอบเสียงเรียบ หัวหน้าแม่บ้านขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ท่านอ๋องมอบให้งั้นรึ?” จางเหยียนหลิงพยักหน้าเบา ๆ
“เหตุใดต้องมอบให้ด้วย เ้าเพิ่งเข้ามาที่จวนได้ไม่นาน ความดีความชอบอะไรก็ไม่มี... ไม่ใช่ว่าเ้าไปขโมยมาหรอกนะ ข้าแค่เตือนด้วยความหวังดี ว่าเวลาท่านอ๋องลงโทษผู้ใด คนผู้นั้นไม่ตายก็พิการ” เหยียนหลิงก้มมองอุปกรณ์วาดภาพในมือแล้วฝืนยิ้มเล็กน้อย
“ข้าเป็แค่บ่าว มีหรือจะกล้าทำเื่เช่นนั้น อุปกรณ์วาดภาพนี้ ท่านอ๋องมอบให้ข้าจริง ๆ” พูดจบ ร่างของเหยียนหลิงก็เบี่ยงตัวเดินกลับเข้าห้องพัก ท่ามกลางสายลมอ่อนที่พัดโชยมาเป็ระยะ ดวงตากลมของหัวหน้าแม่บ้านไหวระริก มองตามอีกฝ่ายด้วยความสงสัยไม่คลาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้