วันเวลาผ่านไปรวดเร็วราวกับสายน้ำ เพียงชั่ววูบหนึ่งที่มิได้ใส่ใจก็ไหลผ่านปลายนิ้วไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยแล้ว
เฉียวเยว่ก็ไม่เคยรู้สึก แต่ดูเหมือนว่าเพียงชั่วพริบตาผ่านไปนางก็ห้าขวบแล้ว นางเองไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใดถึงได้เร็วขนาดนี้ คล้ายว่าใช้ชีวิตตอนเป็ทารกอยู่ดีๆ ทำหน้าแบ๊วขายความน่ารัก นอนหลับ กินนมเผลอแวบเดียวก็โตแล้ว
นางสวมอาภรณ์ตัวน้อยแต่เช้า ดวงหน้าอวบอิ่มเต็มไปด้วยเนื้อเชิดขึ้น "เสี่ยวชุ่ย ฉีอันตื่นหรือยัง?"
น้ำเสียงใสกังวาน
นางพูดเป็เร็วกว่าเด็กทั่วไป ทั้งมีไหวพริบฉลาดเฉลียว จึงเป็ที่รักของทุกคนมาโดยตลอด
เสี่ยวชุ่ยรีบตอบ "ตื่นแล้วเ้าค่ะคุณหนู คุณชายตื่นแต่เช้าไปหานายท่านสามแล้วเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่พยักหน้าราวกับเป็ผู้ใหญ่ "แล้วท่านพ่อเล่า? มีแขกมาหรือ?"
หากไม่มีธุระ ฉีอันไหนเลยจะไป!
"นายท่านอยู่ห้องหนังสือ วันนี้รัชทายาทกับคุณชายน้อยสกุลิ่มาเ้าค่ะ" เสี่ยวชุ่ยตอบ
เฉียวเยว่ร้องอ้อ ก่อนจะเอ่ยอย่างเบิกบานใจ "ข้าจะไปหาเสด็จพี่รัชทายาท" พูดจบก็ตั้งท่าจะวิ่ง
ไท่ไท่สามกำชับไว้หลายคราแล้ว ว่าจะปล่อยให้คุณหนูเจ็ดวิ่งไปไหนมาไหนส่งเดชไม่ได้ เสี่ยวชุ่ยจึงรีบคว้าตัวนางไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "คุณหนูจะไปไม่ได้เ้าค่ะ ไท่ไท่สั่งไว้ หลังจากท่านตื่นแล้วให้ไปพบที่ห้องของนาง"
เฉียวเยว่ทำปากยื่น แสดงความไม่พอใจ นางอยากไปหารัชทายาทผู้มีราศีเจิดจรัสประหนึ่งท้องฟ้าสว่างไสวหลังพายุฝน
"ใครจะอยากไปฟังหมัวหมัวซุบซิบนินทาชาวบ้านกันล่ะ ข้าเป็เด็กดี ข้าจะไปเรียนหนังสือกับท่านพ่อ" นางใช้เท้าซ้ายย่ำเท้าขวาทำกระมิดกระเมี้ยนราวกับจะสื่อว่า "ข้าเป็เด็กดีมาก เ้าอย่ามาพาข้าเสียคน"
หากคนที่ไม่รู้อาจนึกว่านี่คือเด็กดีคนหนึ่ง แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย
เสี่ยวชุ่ยแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่ได้ถูกคุณหนูเจ็ดล่อลวงได้ "ไม่ได้เ้าค่ะคุณหนู"
นางไปเตรียมชามใบเล็กมาให้คุณหนูของตน "หลังกินข้าวเสร็จแล้ว เสี่ยวชุ่ยจะพาท่านไป... เอ๋?"
หันไปแวบเดียว คนหายไปไหนแล้ว?
นางรีบตามออกไป แต่ไหนเลยจะเห็นเงาของคุณหนูเจ็ด
เฉียวเยว่ซ่อนร่างเล็กอวบอ้วนอยู่หลังประตู เมื่อเห็นเสี่ยวชุ่ยไปแล้ว ก็หัวเราะคิกคัก นางหัวไวขนาดนี้จะถูกคนจับได้ได้อย่างไร
นางกลับไปที่ห้องอีกครั้ง หยิบว่าวตัวเล็กของตนเองออกมา แล้วออกจากประตูอย่างสบายใจ นี่คือว่าวที่เสด็จพี่รัชทายาทมอบให้นาง นางจะไปเล่นกับเสด็จพี่รัชทายาท
อาจเพราะเป็เด็กทารกมานานเกินไป แม้ว่าเฉียวเยว่จะเฉลียวฉลาดเป็พิเศษ แต่ความคิดแบบผู้ใหญ่ก็เริ่มอ่อนแอลงมาก ในทางกลับกัน นางยิ่งคล้ายเด็กน้อยเข้าไปทุกที เป็เด็กมานาน ทั้งพฤติกรรมและความเคยชินจึงถูกหล่อหลอมขึ้นมาใหม่
นางถือว่าวตัวน้อย เดินยิ้มแป้นไปทางห้องหนังสือ มิหนำซ้ำยังเลือกทางลัดอย่างช่ำชองเส้นทาง
เคราะห์ดีที่เรือนสามของพวกเขาได้รับการดูแลอย่างดีเสมอมา มีกฎระเบียบเคร่งครัด ไม่มีคนนอกเข้ามาส่งเดช มิเช่นนั้นเฉียวเยว่ก็คงไม่กล้าไปไหนซี้ซั้วเพียงลำพัง
"คุณหนูเจ็ด" เสี่ยวชุ่ยซึ่งหลบอยู่ระหว่างทางโผล่เข้ามาขวาง แล้วมองนางด้วยรอยยิ้ม "บ่าวรออยู่นานแล้วเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่ทำปากจู๋ "เสี่ยวชุ่ยกลายเป็คนนิสัยไม่ดีแล้ว"
เสี่ยวชุ่ยหัวเราะ "คุณหนูจะไปไหนส่งเดชมิได้เ้าค่ะ"
นางอุ้มเฉียวเยว่ขึ้น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ท่านยังไม่ได้กินข้าวเลย"
เฉียวเยว่ถูกส่งไปที่เรือนของไท่ไท่สามทั้งอย่างนี้ พอเห็นแก้มป่องๆ ของบุตรสาว ไท่ไท่สามก็รู้ว่าต้องถูกบังคับมาแน่
นางหยิกแก้มของเฉียวเยว่ "ยังไม่กินข้าวก็วิ่งออกมาส่งเดชได้อย่างไร อีกอย่างเ้าเป็สตรีโตแล้ว อย่าเอาแต่วิ่งแล่นไปหารัชทายาท ผู้อื่นจะเข้าใจผิดได้"
เฉียวเยว่มองไปที่ของอร่อย ก่อนประคองชามใบน้อยแล้วกินขนมไข่เข้าไปคำโตๆ
จากนั้นก็พูดเสียงอู้อี้ฟังไม่ชัด "เขาก็เป็เด็กเหมือนกัน ข้าจะทำอะไรเขาได้ แค่เห็นว่าหน้าตาดี ก็เลยอยากเล่นด้วยเท่านั้นเอง"
หลังจากนึกดูก็เสริมขึ้นอีกว่า "น้องชายก็ไป"
พวกเขาพี่น้องไม่เสียแรงที่เป็ฝาแฝดกัน ล้วนแต่ชอบรัชทายาททั้งคู่ เพียงแค่เห็นคนก็ตะลึงงัน เป็เช่นนี้ั้แ่ยังแบเบาะ แข่งกันขอให้อุ้มบ้างล่ะ ตอนนี้โตแล้วก็ยังแย่งชิงกันเหมือนเดิม
ไท่ไท่สามมองบุตรสาวตัวน้อยของตนเอง นางสวมเสื้อผ้าไหมสีฟ้าปักลายนกยูงคู่ล้อมไข่มุกเชื่อมด้วยลายเมฆมงคล กระโปรงแพรลายดอกไป่เหอกระจุ๋มกระจิ๋ม เรือนผมงดงามมัดเป็จุกเล็กๆ สองข้างพันด้วยแถบผ้าสีเขียวมรกต เหมือนกับเด็กผู้หญิงทั่วไป เพียงแต่เมื่อมาจับคู่กับดวงตาสดใสเป็ประกายกับฟันขาวสะอาด ช่วยขับเสริมให้เด็กหญิงงดงามน่ารักอย่างหาตัวจับได้ยาก
สาวน้อยเ้าเนื้อน่าเอ็นดูเป็พิเศษ ดูราวกับตุ๊กตานำโชค
เฉียวเยว่ยู่ปากน้อยๆ "ข้าจะไป"
นางวางชามใบเล็กที่กินจนหมดเกลี้ยงแล้วลง ก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง "ท่านแม่ ข้าจะไป"
ไท่ไท่สามยิ้มกล่าวว่า "เด็กน้อยอย่างเ้า อยู่ที่นี่ต้องแสร้งทำตัวเป็ผู้ใหญ่อะไรกัน หากดื้อนักแม่จะตีก้นน้อยๆ ของเ้าเสีย"
แต่การข่มขู่เยี่ยงนี้กลับไม่มีความน่ายำเกรงแม้แต่น้อยภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มของแม่หนูน้อย
แต่อย่างไรก็ตามไท่ไท่สามก็มิอาจทนเห็นบุตรสาวไม่มีความสุขได้ จึงเกลี้ยกล่อมหว่านล้อมนาง "เดี๋ยวแม่จะนึ่งเนื้อให้กิน กินเสร็จเ้าค่อยออกไปเล่นว่าวดีหรือไม่"
เฉียวเยว่เห็นว่าตนเองคงหมดหวังจะได้ไปแล้ว ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
ไท่ไท่สามรู้จักบุตรสาวของตนเองดี จึงพูดหว่านล้อม "เ้าคิดดู ไปแล้วก็ต้องเจอพี่ิ่ของเ้าด้วยนะ"
พอนึกได้อย่างนี้ เฉียวเยว่ก็รู้สึกท้อแท้
นางคอตก ถอนหายใจอีกเฮือก พูดอย่างหมดอาลัย "งั้นก็ช่างเถอะ เทียบกับต้องเจอหน้าศัตรูคู่แค้นคนนั้น ข้ากินเนื้อเล่นว่าวดีกว่าเยอะ"
ไท่ไท่สามถึงกับสำลัก ทุบเสี่ยวเยว่ไปทีหนึ่ง "หากพูดจาเลอะเทอะเหลวไหลเยี่ยงนี้อีก แม่จะตีเ้าจริงๆ แล้วนะ"
เฉียวนึกอยู่ในใจ ใครว่าเดินทางข้ามเวลามาแล้วจะดี ทั้งบุรุษและสตรีบ้านของพวกเขาล้วนแต่ชอบตีทั้งคู่
ชิชิ!
...
เพียงแต่ตราบใดที่มีความจริงจัง ก็ย่อมจะคว้าสิ่งที่เรียกว่าโอกาสไว้ได้
พอเห็นว่าวไปติดอยู่บนต้นไม้ เฉียวเยว่ก็วิ่งตึงตังๆ ออกไป
เสียงฝีเท้าเร่งร้อนแว่วมา เฉียวเยว่เหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้าผาก นางผลักประตูเข้าไป พลางพูดกระท่อนกระแท่น "เสด็จพี่รัชทายาท เสด็จพี่รัชทายาท ว่าวของข้าติดอยู่บนต้นไม้ ท่านต้องรีบไปช่วยข้าเอาลงมา นั่นเป็ของที่ท่านมอบให้ ท่านช่วยเอาลงมาให้ข้าได้หรือไม่
รัชทายาทส่ายหน้าน้อยๆ วางตำราในมือลง พลางทอยิ้ม หลังจากนั้นก็มองไปทางต้นไม้ใหญ่ในสวน
"เฉียวเยว่ เ้าคิดว่าเสด็จพี่รัชทายาทจะขึ้นไปได้จริงๆ หรือ" เขาถามอย่างใสซื่อ
"เฉียวเฉียวงี่เง่า" เสี่ยวฉีอันชะโงกศีรษะเข้ามา
เฉียวเยว่ถลึงตาใส่เขา ก่อนยิ้มตาหยีอย่างไร้เดียงสา
เฉียวเยว่ตรงหน้าหาใช่ทารกน้อยเมื่อหลายปีก่อนอีกต่อไป แต่เป็สาวน้อยตัวกลมเ้าเนื้ออายุห้าขวบ แต่ไม่ว่านางจะโตขึ้นเพียงใด ความน่ารักน่าเอ็นดูก็ยังคงเหมือนเช่นวันวาน
กว่าเฉียวเยว่จะหาเหตุผลมาพบเสด็จพี่รัชทายาทได้มิใช่เื่ง่ายเลย จะปล่อยไปได้อย่างไร
"เสด็จพี่รัชทายาทเก่งกาจยิ่ง ต้องได้อยู่แล้ว"
เด็กเพิ่งจะสิบกว่าขวบก็ดูดีขนาดนี้ เห็นแล้วเจริญตาเจริญใจจริงๆ
ซูซานหลางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม มองแม่หนูน้อยหน้าประตูแล้วถามว่า "เฉียวเยว่ เ้าเห็นบิดาหรือไม่?"
เฉียวเยว่รีบพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างมีเหตุมีผล "ท่านพ่องานยุ่ง งานยุ่งมากๆ เฉียวเยว่ไม่กล้ารบกวนเ้าค่ะ"
นางโบกมืออวบน้อยๆ ไปมา "เสด็จพี่รัชทายาท มาสิเ้าคะ"
รัชทายาทมองอาจารย์ซูปราดหนึ่งก่อนวางตำราลง แล้วลุกขึ้น "อาจารย์ ศิษย์ขอออกไปข้างนอกสักครู่ ไปดูสถานการณ์ของเฉียวเยว่สักหน่อยขอรับ"
เฉียวเยว่ยิ้มจนดวงตาหยีโค้ง ลักพาตัวเสด็จพี่รัชทายาทออกมาได้สำเร็จแล้ว
เพียงแต่รัชทายาทยังไม่ทันเดินไปหาเฉียวเยว่ เด็กผู้ชายตัวกำยำล่ำสันก็ลุกพรืดขึ้นมา
เขากวาดมองเฉียวเยว่อย่างเ็าแวบหนึ่ง แล้วแค่นเสียงหึ "ข้าจะไปเอาให้พวกเ้าเอง"
หลังจากนั้นก็สาวเท้าก้าวใหญ่ออกจากประตูไป
เฉียวเยว่ บ้าไปแล้วเหรอ?
ข้าไม่ได้้าเ้าเลย
เ้าจะทำอะไรหา?
อาจเป็เพราะท่าทางตกตะลึงของเฉียวเยว่ดูน่าขันเกินไป รอยยิ้มของรัชทายาทค่อยๆ กว้างขึ้นทีละน้อย เข้ามาช่วยจัดเสื้อผ้าของนางให้เรียบร้อย กล่าวเสียงเนิบเบา "ไป เสด็จพี่รัชทายาทจะจูงเ้าไป พี่ิ่ของเ้าเก่งมากเชียวนะ"
เฉียวเยว่ย่อมรู้ว่าิ่จื้อรุ่ยเก่งมาก แต่นางอยากฉวยโอกาสจับมือกับพี่ชายสุดหล่อต่างหากล่ะ!
ส่วนจอมโหดผู้นั้น นางไม่ชอบ!
เห็นสีหน้าของเฉียวเยว่ตื่นตะลึงอย่างมาก รัชทายาทก็ยิ่งรู้สึกขบขัน
"ข้าไปด้วย" เสี่ยวฉีอันก็จะไป ซูซานหลางตวัดสายตามองเขาปราดหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเย็น "วันนี้เ้าต้องนั่งที่นี่ทั้งวัน"
เด็กน้อยคอตกทันควัน บิดาเข้มงวดมาก น่ากลัวยิ่งนัก
มองไปอีกที เสด็จพี่รัชทายาทก็ถูกจิ้งจอกน้อยเฉียวเยว่ชิงตัวไปต่อหน้าต่อตา
กระซิกๆ
รัชทายาทจูงมือเฉียวเยว่ไปลานสวน แม่นางน้อยราวกับลูกนกกระทา ซึ่งเดินช้าเป็พิเศษ เขาจึงถามเสียงเบา "เฉียวเยว่ไม่ชอบพี่ิ่หรือ?"
พูดถึงคนผู้นี้ เฉียวเยว่มิได้ไม่ชอบเขา เพียงแต่ครั้งแรกที่พบกันเขาก็ลงมือกับนางแรงมาก ต่อมาก็กลายเป็ลูกศิษย์ของบิดานาง ทุกคราที่มาก็ชอบเล่นกับนางอย่างไม่รู้หนักเบา
แม้ว่านางจะรู้สึกว่าเขาน่าสงสารที่บิดามารดาล้วนไม่อยู่ข้างกาย แต่ก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมตนเองให้ชอบรุ่ยเอ๋อร์ได้
บอกได้เพียงว่าไม่รังเกียจ
อีกเหตุผลที่นางทำเช่นนี้ก็เพราะนางรู้ว่าท่านย่าไม่ชอบรุ่ยเอ๋อร์ แม้จะดูเหมือนชอบมาก แต่หลังจากเื่ "การหมั้นที่น่าเคลือบแคลง" เมื่อห้าปีก่อนเป็ต้นมา ท่านย่าก็ไม่อยากให้นางใกล้ชิดกับรุ่ยเอ๋อร์เกินไป ราวกับกลัวว่าเขาจะพาตนเองไป
แม่หนูน้อยพูดอย่างฉาดฉาน "ข้าหาได้มิชอบพี่ชายิ่"
รัชทายาทยิ้มน้อยๆ เสียงของเขาไร้ท่วงทำนองสูงต่ำ "แต่เด็กดีต้องไม่พูดโกหก"
เฉียวเยว่ทำสีหน้าจริงจัง "ข้ามิได้ชังพี่ชายิ่จริงๆ นะ แค่ไม่ชอบเล่นกับเขาเท่านั้นเอง ข้าชอบเสด็จพี่รัชทายาทมากกว่า"
หลังจากนั้นก็ขบคิด แล้วกล่าวเสริมว่า "ข้าไม่ชอบเล่นกับเสี่ยวฉีอันด้วย ก็แค่ไม่ชอบเล่นด้วยกัน หาได้ไม่ชอบตัวคน"
รัชทายาทลูบศีรษะของนาง แล้วนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า "เช่นนั้นต่อไปเฉียวเยว่ไม่หลบเลี่ยงพี่ิ่ดีหรือไม่ เขารักเฉียวเยว่มากอยู่นะ"
รัชทายาทเดินช้ามากเลียนแบบอย่างเฉียวเยว่ น้ำเสียงของเขากังวานชัดเจน เต็มไปด้วยเหตุผล "เฉียวเยว่ทำเช่นนี้ จื้อรุ่ยเสียใจมาก ตอนเขายังเด็กก็ถนอมเ้ามาก ตอนนั้นเ้ายังแบเบาะ เลยยังไม่รู้เื่"
เฉียวเยว่เอียงคอยิ้มตาหยี "แล้วไยเสด็จพี่รัชทายาทต้องให้ข้าชมชอบเขาด้วยเล่า?"
ท่าทางของนางแลดูสับสนเล็กน้อย
รัชทายาทเอ่ยเสียงเนิบ "เพราะเขาเป็น้องชายของข้า ข้าย่อมปรารถนาให้เฉียวเยว่ชมชอบเขา"
เฉียวเยว่ร้องเฮ่อ พลางเกาศีรษะ
บิดาของพวกเขาเป็ลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาจึงนับว่าเป็พี่น้องจริงๆ
"พวกเ้าสองคนมัวแต่ฟักไข่กันอยู่หรือไร ถึงเดินช้าเพียงนี้"
ิ่จื้อรุ่ยหันมาทำตาขวาง หลังจากนั้นก็แหงนหน้ามอง แล้วะโขึ้นไป เพียงพริบตาเดียวก็เก็บว่าวลงมา แล้วส่งให้เฉียวเยว่ "ถือให้ดี ยายโง่"
เฉียวเยว่ : ก็เป็ซะอย่างนี้ นางจะชอบลงได้ไง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้