ทำไมข้าถึงได้ซวยขนาดนี้? จูเยี่ยนร่ำร้องขณะวิงวอนขอความเมตตา ตายแน่ ตายแหง! ไอ้สารเลวหวังเค่อ เ้าเข้าสู่วิถีมารแล้วทำไมถึงไม่รีบบอก ข้าจบเห่แล้ว!
มารอริยะเหลือบมองจูเยี่ยน ก่อนหันมองหวังเค่อ “หวังเค่อ เื่จูเยี่ยนเ้าว่าอย่างไร?”
ปล่อยให้หวังเค่อเป็คนตัดสิน? จูเยี่ยนตัวกระตุกด้วยความหวาดกลัววูบหนึ่ง ก่อนจะกองแหมะกับพื้น
จูเยี่ยนกลัวจนสลบเหมือด หมดสติไปจริงๆ! จูเยี่ยนที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจจนถึงขีดสุด พอความกลัวพุ่งกระฉูด พิษงูในร่างก็กระหน่ำจู่โจมหัวสมองจนสิ้นสติไปในบัดดล
อีกด้านหนึ่ง จูหงอีก็หน้าดำคร่ำเครียด แต่พอเห็นมารอริยะให้หวังเค่อเป็คนตัดสินโทษจูเยี่ยน จูหงอีก็กังวลขึ้นมา อย่างไรเสีย อีกฝ่ายก็ยังมีศักดิ์เป็เหลนทวดของมันอยู่ดี!
หวังเค่อพอได้ยินคำถามของมารอริยะ มันก็ลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยปากในที่สุด “เื่นี้ท่านจะโทษจูเยี่ยนไม่ได้ขอรับ!”
“อ้อ?” มารอริยะส่งเสียงแปลกใจ
“เื่นี้เป็ความลับ ท่านมารอริยะ ไม่ให้คนนอกรู้มากเกินไปจะได้หรือไม่?” หวังเค่อกังวล
มารอริยะโบกมือ
“ปัง!”
ประตูห้องโถงใหญ่ปิดลงทันที ทันใดนั้น ไม่มีศิษย์ลัทธิมารคนใดนอกตำหนักสามารถได้ยินเสียงด้านในได้อีก
ทุกคนในห้องโถงต่างมองหวังเค่ออย่างสงสัย
“ถูกต้อง จูเยี่ยนพูดถูกแล้ว ข้าเป็ศิษย์ของเฉินเทียนหยวนประมุขพรรคเทพหมาป่า์ จูเยี่ยนไม่ได้พูดเหลวไหล!” หวังเค่อเอ่ยอย่างจริงจัง
“ว่าอะไร?” จูหงอีอุทาน
เนี่ยชิงชิงเผยสีหน้าขมขื่น หวังเค่อจบสิ้นแล้ว?
“ศิษย์เฉินเทียนหยวน? เป็ไปได้อย่างไร?” เซิ่งจื่อถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“เ้ายอมรับออกมาแล้ว!” มารอริยะแค่นเสียง
วาจาของมารอริยะทำให้หวังเค่อหน้าเปลี่ยนสี นี่เื่อะไร? มารอริยะรู้เื่ของข้า? เมื่อกี้เ้าหมายความเช่นไร?
มารอริยะไม่เอ่ยอันใด ชัดเจนว่ารอให้ข้าเป็ฝ่ายเอ่ยปากเอง ก่อนหน้านี้ข้าไม่คิดเปิดเผยตัวตน ถ้าข้าเงียบปากไว้ ไม่ใช่คงตายไปแล้ว?
จูเยี่ยนมาเพื่อเปิดโปงข้า ที่แท้ไม่ได้ทำร้ายข้า แต่เพื่อช่วยข้า? ช่วยพาขึ้นโต๊ะเจรจา?
หวังเค่อรู้สึกซาบซึ้งในใจ จูเยี่ยนนี่เป็คนดีโดยแท้! เ้าช่วยเหลือข้ามากมายปานนี้ ความบาดหมางหนหลังก็เลิกแล้วต่อกันเถอะ!
“มารอริยะ ท่านทราบเื่ของข้า?” หวังเค่อแปลกใจ
“ไม่กี่เดือนก่อน ลัทธิมารเราวางแผนถล่มพรรคเทพหมาป่า์ ทุ่มเทกำลังไปมากมาย สุดท้ายแผนการกลับล่มด้วยสองตัวกระจ้อย เ้าไม่รู้รึ? ข้อมูลเื่เ้าอยู่ในมือข้ามานานแล้ว หวังเค่อ? รูปเหมือนเ้าข้าก็มี! เ้าคิดว่าข้าไม่รู้เื่เ้า?” มารอริยะเอ่ยเสียงเย็น
“นี่เ้าเป็ศิษย์เฉินเทียนหยวนเรอะ?” จูหงอีถลึงตาอย่างโกรธเกรี้ยว
ที่แท้หวังเค่อก็โกหกข้ามาตลอด? เนี่ยชิงชิงดึงชายเสื้อจูหงอีเอาไว้จนมันไม่กล้าลงมือ
“ไม่สิ มารอริยะ ไม่ใช่ท่านบอกว่าเฉินเทียนหยวนไม่ปรานีศิษย์ลัทธิมารเรา? แล้วหวังเค่อเกี่ยวอะไร? ไอมารบนมือมันดำทมิฬปานนั้น มันต้องเป็…!” เซิ่งจื่อถามอย่างสับสน
“นี่คือสิ่งที่ข้าอยากได้ยินจากเ้า หวังเค่อ! ใครเป็คนเปลี่ยนเ้าให้เป็มาร เ้าอธิบายให้ชัดเจนได้หรือไม่?” มารอริยะมองหวังเค่อด้วยแววตาเ็า
ใครเป็คนเปลี่ยนหวังเค่อเป็มาร? ประเด็นคือหวังเค่อยังไม่ใช่มารด้วยซ้ำ!
ขืนพูดความจริงออกไป ตายหยังเขียด!
แผนการถล่มพรรคเทพหมาป่า์ของลัทธิมารล้มเหลว ศิษย์ลัทธิมารมากมายที่ต้องตายในพรรคเทพหมาป่า์ล้วนเป็ความผิดข้า?
หวังเค่อปาดเหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าออก ก่อนจะสงบใจลง
“ท่านมารอริยะ เื่นี้ข้าไม่มีส่วนรับผิดชอบ!” หวังเค่อพลันปั้นหน้าเ็ป
“อ้อ?” ทุกคนมองหวังเค่อ
“คนที่เปลี่ยนข้าเป็มารก็คือซุนซง!” หวังเค่อเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย
“ซุนซงรึ?” ทุกคนขมวดคิ้ว
“ข้าจำได้แล้ว ซุนซงได้ท่านมารอริยะช่วยเหลือจึงแฝงตัวอยู่ในพรรคเทพหมาป่า์ ซุนซงรับผิดชอบเื่กิจการภายในของพรรคเทพหมาป่า์ ใช่แล้ว มันเป็คนรับผิดชอบแผนการถล่มพรรคเทพหมาป่า! ไม่ใช่มันตายเพราะภารกิจล้มเหลว?” จูหงอีขมวดคิ้ว
“ใช่แล้ว อันที่จริง ก่อนข้าจะเข้าร่วมพรรคเทพหมาป่า์ ข้าก็ถูกเปลี่ยนเป็มารแล้ว ตอนนั้นซุนซงบอกว่าให้ข้าร่วมเล่นละครตามน้ำเผื่อไว้ ตอนนั้นสถานการณ์ซับซ้อนยิ่ง ไม่เรียบง่ายอย่างที่เห็นภายนอก ซุนซงค้นพบว่าพรรคเทพหมาป่า์ได้วางกำลังยอดฝีมือเตรียมดักซุ่มโจมตี พอมันรู้ตัวว่าแผนการต้องล้มเหลวแน่ มันจึงจงใจให้ข้าเป็คนสังหารมัน!” หวังเค่อยิ้มอย่างขื่นขม
“ว่าอะไร?” ทุกคนมองหวังเค่ออย่างแตกตื่น
“ซุนซงกล่าวว่า พวกมันถูกเปิดโปงตัวตน ไม่รอดแน่แล้ว! ดังนั้นให้ข้าเอาตัวรอด เป็เมล็ดพันธุ์ของลัทธิมารสืบต่อไป! ข้าก็เลย…ตอนข้าลงมือ ข้าเศร้าใจเหลือเกิน!” หวังเค่อเล่นบทโศก
ทุกคน “...!”
“ตามที่ซุนซงได้วางแผนเอาไว้ ข้าบากหน้ากราบเฉินเทียนหยวนเป็อาจารย์จนสำเร็จ แต่ข้ารู้ตัวว่าอย่างไรเสีย กระดาษก็ไม่อาจห่อไฟ ดังนั้นข้าจึงหลบหนีมา แต่คิดไม่ถึงว่าจะพบเจอเื่ราวมากมายปานนี้!” หวังเค่ออธิบาย
“สรุปก็คือ เ้าฝากตัวเป็ศิษย์เฉินเทียนหยวนในฐานะคนของลัทธิมาร แถมสามารถหลอกเฉินเทียนหยวนได้อีกด้วย?” จูหงอีขมวดคิ้ว
“ใช่ขอรับ ตอนนั้นสัจปราณของข้ายังไม่กลายเป็สีดำ เฉินเทียนหยวนจึงจับผิดข้าไม่ได้ ดังนั้น…ข้าจึงเป็ผู้บริสุทธิ์! ท่านคิดดูให้ดี ข้าเป็แค่เซียนเทียนจะก่อการใหญ่โตอะไรได้? จริงไหม? ท่านมารอริยะ ขอท่านมารอริยะวินิจฉัยด้วย!” หวังเค่อกราบคารวะมารอริยะด้วยสีหน้าเศร้าโศก
มารอริยะคล้ายจมอยู่ในห้วงความคิด
ถึงมารอริยะจะสอบถามเื่สถานการณ์ภายในพรรคเทพหมาป่า์อย่างละเอียดั้แ่ต้น หากก็เป็ตามที่หวังเค่ออ้าง ตัวมันสอบถามข้อมูลได้เพียงผิวเผิน บางทีอาจยังมีบางสิ่งซ่อนเร้นอยู่อีก? หรือที่หวังเค่อพูดจะเป็เื่จริง?
ซุนซงกับศิษย์ลัทธิมารที่เหลือไม่ได้ถูกหวังเค่อสังหาร? พอซุนซงรู้ตัวว่าไม่รอด ก็เลยจงใจช่วยปิดบังอำพรางตัวตนของหวังเค่อให้?
มีเพียงเนี่ยชิงชิงที่นอนอยู่บนพื้นเบิกตาโพลงจ้องหวังเค่อเขม็ง เ้าผายลมทั้งนั้น! ข้ออ้างไร้ยางอายพรรค์นี้ก็ยังพ่นออกมาได้? เฉินเทียนหยวนตาบอดรึไงถึงรับมารเป็ลูกศิษย์? อีกอย่าง ในเมืองจูเซียนเ้าโกหกจูหงอีไป ข้าก็เพิ่งช่วยออกหน้ากลบเกลื่อนให้เมื่อกี้ นี่เ้าโกหกมันอีกแล้ว?
“มารอริยะ หวังเค่อมันถูกสถานการณ์บังคับ! ท่านอย่าได้เอาผิดมันเลย! ไอมารของมันชัดเจนขนาดนี้ย่อมไม่ใช่ของปลอม! เพียงแต่สายข่าวของท่านอาจไม่ได้ตรวจสอบเื่ราวให้ชัดเจน! มันไหนเลยจะล้วงข้อมูลลับสุดยอดของพรรคเทพหมาป่า์ออกมาได้?” จูหงอีขมวดคิ้ว
มารอริยะครุ่นคิดต่อ
“มารอริยะ ข้าไม่สนใจ ท่านจะสงสัยหวังเค่อไม่ได้ ไอมารของมันเป็ของจริง มันเป็ศิษย์ลัทธิมาร แถมยังช่วยชีวิตข้าไว้ด้วย!” เซิ่งจื่อเองก็ออกหน้าแทนหวังเค่อ
มารอริยะขบคิดสักพัก ก่อนพยักหน้ารับในที่สุด
“ก็ได้ ตอนนี้ข้าจะเชื่อคำพูดเ้าไปก่อน! หากเ้ากล้าหลอกลวงข้า ข้าจะทำให้เ้ามีชีวิตอยู่มิสู้ตกตาย!” มารอริยะเอ่ยเสียงเย็น
หลอกสำเร็จแล้ว? หวังเค่อตื่นเต้นยินดีทันที
“ขอรับ!” หวังเค่อรับคำอย่างนอบน้อม
หลอกเ้าแล้วมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตกตาย? หากไม่หลอกเ้า ข้าคงได้ตายเสียตรงนี้ งั้นก็ขอแถเอาชีวิตรอดต่อไปนี่แหละ!
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ เ้าก็จงขึ้นเป็นายท้ายเทพั ส่วนลูกศิษย์ในสังกัดเ้าต้องคัดเลือกเอง! นี่ประกาศิตเทพั รับไป!” มารอริยะเอ่ยเสียงเข้ม
ขณะเอ่ยคำ ด้านหลังของแผ่นป้ายประกาศิตเทพัก็ปรากฏอักษรอาคมพิสดารขึ้น
“รีบขอบคุณท่านมารอริยะเร็ว ประกาศิตเทพัลงอาคมรับนายท้ายแล้ว หยดเืเ้าลงไป มันก็จะรับเ้าเป็นาย นี่คือป้ายยืนยันตัวตนของเ้า!” จูหงอีกล่าว
“ขอรับ ขอบคุณท่านมารอริยะ!” หวังเค่อรับมาทันที
พร้อมกันนั้น มันก็หยดโลหิตตนลงบนป้าย มันััได้ว่าอาคมบนป้ายเลือนหายไป หวังเค่อััได้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างตนกับป้ายประกาศิต
“นายท้ายเทพั!” มารอริยะกล่าวอย่างจริงจัง
“ขอรับ!” หวังเค่อรีบก้าวออกมาเบื้องหน้า
“ตัวข้าแบ่งแยกรางวัลและโทษทัณฑ์ชัดเจน เ้าช่วยชีวิตเซิ่งจื่อไว้สองครั้ง หากไม่เกินเลย ข้าสามารถรับปากตกรางวัลให้เ้าได้สองเื่ ไว้เ้าคิดได้แล้วค่อยบอกข้า!” มารอริยะกล่าว
“ข้าคิดได้แล้ว!” หวังเค่อตอบทันที
“หา?” มารอริยะชะงักไป
เ้าคิดได้แล้ว? นี่เ้าได้คิดหรือเปล่าก่อน?
นี่ไม่ใช่ว่าหวังเค่อด้อยปัญญา แต่ประเด็นสำคัญคือหลังจากวันนี้ไป ตนจะมีโอกาสได้พบหน้ามารอริยะอีกไหมก็ยังไม่แน่ใจ ในเมื่อเป็เช่นนี้ หากไม่รีบเอ่ยปากขึ้นรางวัล เกิดรางวัลหมดอายุขึ้นมาจะทำยังไง?
“ว่ามา!” มารอริยะเอ่ยเสียงเข้ม
“ผู้น้อยกำลังคิดว่า เหล่านักโทษบนเกาะเทพัสามารถปล่อยให้ข้าจัดการได้หรือไม่?” หวังเค่อมองมารอริยะอย่างคาดหวัง
“นักโทษ? เ้าคิดทำอะไร? คิดจะกินทั้งหมดรึ?” มารอริยะขมวดคิ้ว
กฎที่ข้าตราไว้ก็คือห้ามกินนักโทษ เ้าเด็กนี่เพิ่งขึ้นแท่นเป็นายท้ายก็คิดแหกกฎข้า?
“เปล่าขอรับ ข้าคิดอยากปล่อยพวกมันไป!” หวังเค่อส่ายหน้า
“ปล่อยไป?” ทุกคนมองหวังเค่ออย่างสับสน
“ใช่แล้ว ตอนนี้พวกมันล้วนผอมโซติดกระดูก บีบน้ำคั้นน้ำมันออกมาได้ไม่มาก หากท่านมารอริยะคิดขุนให้พวกมันกลับมาอ้วนท้วน นักโทษตัวแห้งติดกระดูกแบบนี้จะต้องสิ้นเปลืองศิลาิญญาอีกตั้งเท่าไหร่ สู้ปล่อยไปไม่ดีกว่าหรือ?” หวังเค่อเกลี้ยกล่อม
“พวกมันเป็ฝ่ายธรรมะ ฆ่าได้อย่างเดียวห้ามปล่อย!” จูหงอีเอ่ยเสียงเข้ม
“แต่มารอริยะบอกว่าถ้าพวกมันไม่อดอาหารประท้วง ก็ห้ามฆ่าพวกมันไม่ใช่เหรอ!” เซิ่งจื่อถามอย่างสงสัย
“ต่อให้พวกมันอดอาหารจนตายก็ห้ามปล่อย!” จูหงอีเอ่ยปากหนักแน่น
มารอริยะหรี่ตามองหวังเค่อ “ทำไมเ้าถึงคิดปล่อยตัวพวกฝ่ายธรรมะ?”
“ข้าเหรอขอรับ? ข้าอยากลองดูว่านักโทษผอมแห้งพวกนี้จะช่วยพาข้ากลับเข้าไปยังพรรคฝ่ายธรรมะได้หรือเปล่า!” หวังเค่ออธิบาย
“หวังเค่อ เ้ายังคิดข้องแวะกับพรรคเทพหมาป่า์อีก? เ้าไม่กลัวโดนเฉินเทียนหยวนฆ่าเหรอ?” เซิ่งจื่อเบิกตาอย่างแปลกใจ
“ข้า ข้ายังอยากลองดู! แน่นอนว่าหากท่านมารอริยะไม่อนุญาต เช่นนั้นก็ถือเสียว่าข้าไม่เคยพูดแล้วกัน!” หวังเค่อรีบส่ายหน้าทันที
มารอริยะมองหวังเค่ออยู่นาน “เด็กน้อย เ้านี่ห้าวหาญนัก เป็แค่ชนชั้นเซียนเทียนกระจ้อยร่อย กลับยังคิดเล่นลูกไม้ต่อหน้าเฉินเทียนหยวน? เฮ้อ หลายปีมานี้ข้าเพิ่งเคยเห็นคนขวัญกล้าแบบเ้าเป็คนแรก!”
เนี่ยชิงชิงทางด้านข้างทำหน้าพิลึก มันไม่ใช่แค่กล้าเล่นลูกไม้ต่อหน้าเฉินเทียนหยวน ต่อหน้าเ้ามันก็กล้าเล่น!
“เช่นนั้น ท่านมารอริยะยินยอม?” หวังเค่อถามอย่างแปลกใจ
“ขอเพียงไม่ผิดกฎที่ข้าตั้งไว้ ทุกสิ่งที่ทำเพื่อลัทธิมาร ข้าย่อมอนุญาต!” มารอริยะพยักหน้า
“ขอบคุณท่านมารอริยะ!” หวังเค่อเองก็แปลกใจไม่น้อย
“แล้วรางวัลที่สองเล่า?” มารอริยะมองหวังเค่อ
“คำขอที่สอง ท่านมารอริยะ ไม่ใช่ท่านให้ข้าเสาะหาลูกศิษย์ประจำสังกัด? ข้าอยากขอคนจากท่านขอรับ!” หวังเค่อทำสีหน้าคาดหวัง
“โฮ่? เ้าอยากได้ตัวใคร?” มารอริยะถามอย่างอยากรู้
“เป็นาง เนี่ยชิงชิง!” หวังเค่อชี้หน้าเนี่ยชิงชิง
“อะไร?” จูหงอีตาลุกวาว
ไอ้เด็กนี่เบื่อชีวิตแล้ว?
“ท่านมารอริยะ ไม่ใช่ท่านกำลังจะลงทัณฑ์เนี่ยชิงชิงหรอกหรือ? ถ้าหากนางที่เป็ยอดฝีมือชั้นทารกแกนิญญาถูกลงโทษให้เป็ศิษย์ในสังกัดเซียนเทียนตัวกระจ้อยอย่างข้าจะเป็เช่นไร? ความอัปยศนี้เลวร้ายยิ่งกว่าสังหารนางเสียอีก ขอท่านมารอริยะส่งเสริมด้วย!” หวังเค่อรีบกล่าวอย่างนอบน้อม
สร้างความอัปยศให้เนี่ยชิงชิง? จูหงอีไหนเลยจะยอม? ขณะคนกำลังจะะเิอารมณ์ออกมา
เนี่ยชิงชิงกลับหยิกเนื้อแผ่นหลังของมันก่อนบิดอย่างแรง
“อ๊าก!” จูหงอีกรีดร้องอย่างเ็ป
“จูหงอี เ้าทำอะไร?” มารอริยะถามเสียงเข้ม
“มะ ไม่มีอะไร! ข้าแค่คอแห้งเลยเผลอส่งเสียงไปขอรับ!” จูหงอีกล่าวอย่างหดหู่
มารอริยะ “...!”
มารอริยะไม่ทราบว่าจูหงอีโดนเนี่ยชิงชิงข่มไว้จนไม่อาจเอ่ยปากโต้แย้ง จูหงอีได้แต่เศร้าใจ หวังเค่อมันคิดหยามเกียรติท่าน ทำไมถึงไม่โต้แย้งอะไรบ้างเล่า?
มารอริยะเหลือบมองเนี่ยชิงชิงก่อนขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ได้!”
“ขอบคุณท่านมารอริยะเป็อย่างสูง!” หวังเค่อเอ่ยปากอย่างแปลกใจ
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ งั้นก็ให้เป็ไปตามตามนั้น! หวังเค่อ ในฐานะนายท้ายเทพัคนใหม่ จูหงอี เ้าบังเอิญพักรักษาตัวอยู่ที่เกาะเทพัพอดี งั้นฝากเ้าดูแลมันก่อน!” มารอริยะสั่งการ
“ท่านมารอริยะคิดจากไปแล้ว?” จูหงอีใ
“ใช่ ประเดี๋ยวข้าจะพาเซิ่งจื่อไปแล้ว อีกอย่าง ระหว่างเดินทางมาที่นี่ ข้าพบว่าเฉินเทียนหยวนเองก็มาถึงทะเลพิษแล้ว! บางทีมันอาจกำลังตามหาเกาะเทพัอยู่ รอบเกาะเทพัมีปริศนาและอุปสรรคมากมาย มันจึงยังหาเกาะนี้ไม่พบ แต่ข้าจะปล่อยให้มันค้นหาตามอำเภอใจไม่ได้ ข้าจะหลอกล่อมันไปเอง!” มารอริยะกล่าวอย่างจริงจัง
“ทราบ!” จูหงอีพยักหน้า
“มารอริยะ พวกเราจะไปเลยเหรอ? ข้ายัง…!” เซิ่งจื่อยังลังเลไม่อยากแยกจากหวังเค่อ
“เ้าโดนหมายหัวครั้งนี้แสดงว่าเกาะเทพันั้นอันตราย ต่อให้จับได้ว่าครั้งนี้ถงอันอันเป็คนวางแผน แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีมือสังหารเร้นกายอยู่อีกแน่ ดังนั้นเ้าอยู่ต่อไปไม่ได้ มากับข้า!” มารอริยะเอ่ยเสียงเข้ม
“ทราบ!” เซิ่งจื่อได้แต่รับคำอย่างหดหู่
“ปัง!”
มารอริยะสะบัดมือ ประตูตำหนักก็ดีดเปิดออก
ด้านนอกห้องโถง ศิษย์ลัทธิมารนับไม่ถ้วนต่างรอฟังผลลัพธ์กันอยู่
จูเยี่ยนบอกว่าหวังเค่อเป็ศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะ แต่หวังเค่อกลับมีไอมาร นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ขณะทุกคนกำลังตั้งตารอคอย ประตูตำหนักก็พลันเปิดออก ทุกคนต่างหันไปมอง
ภาพที่ทุกคนเห็นคือจูเยี่ยนนอนสลบเหมือด ส่วนหวังเค่อถือประกาศิตัไว้ในมือ?
มารอริยะพาตัวเซิ่งจื่อเดินออกมานอกห้องโถง
“นับแต่วันนี้ไป ลัทธิมารจะเปิดสาขาย่อยเทพัเพิ่มอีกแห่ง! นายท้ายคือหวังเค่อ! ก่อตั้งบนเกาะเทพั ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายท้ายสาขาย่อยลัทธิมาร!” มารอริยะเอ่ย
“ทราบ!” ศิษย์ลัทธิมารทั้งหมดขานรับอย่างนอบน้อม
“น้อมรับนายท้ายเทพั!” ศิษย์ลัทธิมารทั้งหมดต่างค้อมศีรษะให้
หวังเค่อ “...!”
นี่ข้ากลายเป็นายท้ายลัทธิมารไปแล้วจริงๆ? หวังเค่อรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
“หวังเค่อ ข้ามีของให้เ้า!” เซิ่งจื่อพลันเดินมาหาหวังเค่อ
“อ้อ?” หวังเค่อชะงักไป
เซิ่งจื่อยื่นมือขวาออกพลางมองดูข้อมือตัวเอง จากนั้นเนื้อหนังของมันพลันแยกตัวออกจนเห็นกระดูก กระดูกมือขวาเซิ่งจื่องอกตัวอย่างรวดเร็วออกมาเป็ทรงกลม จากนั้นจึงดีดหลุดจากข้อมือ ก่อนเซิ่งจื่อจะหยิบมันขึ้นมา
“กำไลกระดูก?” หวังเค่อเอ่ยอย่างใ
สร้างกำไลจากกระดูกตัวเอง? เซิ่งจื่อทำบ้าอะไรได้อีก?
“ข้าเห็นว่าเ้าสวมกำไลมิติหลายวงเหลือเกิน เห็นชัดว่ากำไลมิติเ้ามีที่เก็บของไม่พอ ข้าไม่มีสิ่งใดมอบให้ เลยให้เ้าได้เพียงเท่านี้ มิติเก็บของข้างในนี้กว้างกว่ากำไลมิติทั่วไปหนึ่งร้อยเท่า เ้าช่วยชีวิตข้าไว้สองครั้ง หวังว่ากำไลนี้จะช่วยเ้าได้!” เซิ่งจื่อมอบกำไลกระดูกให้
“หือ? จริงรึ? ข้ารับไว้จะดีหรือ?”
หวังเค่อยิ้มพลางสวมกำไลกระดูกลงบนแขน เซิ่งจื่อผู้นี้ใครบอกว่ามันเป็ทารกอารมณ์ร้าย? น่ารักออกปานนี้! เ้าตาบอดหรือไง?
“ไปกัน!” มารอริยะกุมมือเซิ่งจื่อไว้
“ฟิ้ว!”
มารอริยะกับเซิ่งจื่อเหินกายขึ้นฟ้าหายไปจากสายตาทุกคนในพริบตา
“น้อมส่งมารอริยะ!” ศิษย์ลัทธิมารทุกตนต่างพากันคารวะขึ้นฟ้าอย่างนอบน้อม
จากนั้น ทุกคนค่อยหันกลับมามองพี่หวังด้วยสายตาพิกล ไม่สิ เป็นายท้ายหวังแล้ว! ตอนนี้ทั้งเกาะเทพัอยู่ในปกครองของมัน?
