ทางด้านลานประลองหมายเลข 1 เกาซีิเองก็ชนะทุกคนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเช่นกัน สมแล้วที่เป็ศิษย์หลักอันดับ 1 ของสำนักลี่ เมื่อได้ผู้ชนะของทั้ง 8 สนามแล้ว ผู้คุมการประลองจึงกล่าวขึ้นมาว่า การประลอง 8 คนสุดท้ายจะจัดในอีก 2 วันเพื่อให้เหล่าจอมยุทธรุ่นเยาว์ได้พักผ่อนเต็มที่
ได้ยินดังนั้น ทั้ง 8 คนก็กลับไปพักผ่อนเพื่อที่จะรอลองประลองรอบสุดท้าย
เห็นดังนั้นจื่อต้าหลงกับพวกจึงกลับที่พักเพื่อไปร่ำสุรา ที่โรงเตี๊ยมตอนนี้คนไม่เยอะมาก เพราะโรงเตี๊ยมที่พวกเขาอยู่เป็โรงเตี๊ยมระดับสูง ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
“ในที่สุดพวกเราก็ติด 8 อันดับแรกของการประลองแล้ว พวกเ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง” เฉิงไฉเซียวกล่าวถาม
“หากท่านพ่อท่านแม่ข้ารู้คงยิ้มจนแก้มปริแล้วกระมัง แล้วเ้าล่ะลวี่เหริน” จื่อต้าหลงตอบพร้อมกับหันไปถามสหาย
“ตัวข้าเองก็แปลกใจที่พวกเรามาถึงขั้นนี้กันได้ ไม่เสียแรงที่พวกเราประลองกันแทบทุกวัน” ลวี่เหรินกล่าวตอบ
“ถึงจะไปไม่ถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ได้อยู่ใน 1 ใน 8 คนสุดท้าย ตระกูลข้าก็ภาคภูมิใจแล้ว ฮ่าๆๆ” เฉิงไฉเซียวกล่าว
“ฮ่าๆๆ พบเื่ดีเช่นนี้ เราคงต้องฉลองกันหน่อยแล้ว มา ดื่ม!!” จื่อต้าหลงกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ
“ดื่ม!! ดื่ม!!”
เฉิงไฉเซียวกับลวี่เหรินยกจอกขึ้นมาดื่มด้วย เห็นทีว่าค่ำคืนนี้ยังยาวนานนัก เพราะทั้งสามหนุ่มแทบไม่ได้รับาเ็เลยดื่มกินกันได้อย่างเต็มที่ ไม่แม้แต่จะเหนื่อยมาก เพราะปกติพวกเขาก็ประมือกันนานวันละ 3,000-4,000 กระบวนท่าอยู่แล้ว หากพลังบ่มเพาะเท่ากันมั่นใจได้เลยว่าจะไม่แพ้ผู้ใดง่ายๆอย่างแน่นอน
และแล้ว 2 วันก็ได้ผ่านไป การประลองรอบ 8 คนสุดท้าย ดึงดูดผู้คนเป็จำนวนมาก มีผู้เข้าชมกว่าแสนคน ในลานประลองอัดแน่นไปด้วยผู้ชมมากมาย เมื่อผู้ประลองมากันครบ ทางผู้คุมการประลองก็ให้หยิบหมายเลขในกล่อง เพื่อจับคู่การประลอง หลังจากที่ทุกคนจับป้ายหมายเลขการประลองเสร็จแล้ว ผู้คุมก็ได้กล่าวถึงกติกาเช่นเดิม ห้ามลงมือจนอีกฝ่ายถึงแก่ชีวิต และใครตกเวทีก็ถือว่าพ่ายแพ้
“เอาล่ะ ผู้ที่หยิบได้หมายเลข 1 เหมือนกันให้ขึ้นมาบนลานประลองได้” ผู้คุมการประลองเอ่ย
เฉิงไฉเซียวผู้ที่หยิบได้หมายเลข 1 ทะยานร่างขึ้นไปทันที อีกฝ่ายเป็หนุ่มหน้าตาคมคาย สวมอาภรณ์หรูหรา เฉิงไฉเซียวเห็นแล้วถึงกับสบถ
“บัดซบ!! นี่มันเกาซีิ ศิษย์หลักอันดับ 1 ของสำนักลี่นี่หว่า นี่ข้าซวยั้แ่รอบแรกเลยหรือ?” เฉิงไฉเซียวบ่น
“การประลอง เริ่มได้!!”
สิ้นเสียงกรรมการ เฉิงไฉเซียวสวมิญญาพยัคฆ์ร้ายบุกเข้าไปหาเกาซีิทันที เขายิงหมัดขวาชกใส่เกาซีิ อีกฝ่ายไม่หลบ ยื่นมืือมารับหมัดของเขาได้อย่างสบายๆ เขาจู่โจมอย่างต่อเนื่อง ยิ่งโจมตียิ่งดุดัน ชั่วพริบตาก็ผ่านไปแล้ว 10 กระบวนท่า เฉิงไฉเซียวเห็นท่าไม่ดี จึงถอยออกมาก่อนที่จะโดนสวน
เขาเป็ฝ่ายเสียเปรียบมาก พอตั้งหลักได้สักพักเขาก็บุกเข้าไปใหม่ ใช้กระบวนท่าหมัดคลุ้มคลั่งของเขา ความเร็วของเพลงหมัดเขาสูงมาก มีบางหมัดที่กระแทกเข้าใส่อกของเกาซีิเต็มๆแต่เขาไม่เป็อะไรมากเพียงถอยไป 2 ก้าวเท่านั้น ก็กลับมาตั้งรับใหม่
ด้วยที่พลังบ่มเพาะห่างชั้นกันมากเกินไป ทำให้หมัดของเฉิงไฉเซียวแม้จะเกรี้ยวกราด ทำให้คู่ต่อสู้ต้องทั้งรับทั้งหลบ แต่ก็มิอาจล้มเกาซีิลงได้ เกาซีิเองก็มิใช่ตั้งรับอย่างเดียว เขาก็สวนกลับมาด้วยวรยุทธของเขาเช่นกัน แต่การโจมตีก็ยังไม่เข้าเป้า หลังจากผ่านไปกว่า 100 กระบวนท่า เฉิงไฉเซียวก็เริ่มจะหลบไม่ได้แล้ว เกาซีิซัดหมัดมา หมัดนี้เฉิงไฉเซียวมิอาจหลบได้ เขาจึงเอาแขนมาป้องกัน
“ปั่กก!!”
หมัดนี้ที่กระทบแขนทำให้เฉิงไฉเซียวถอยหลังไปนับสิบก้าว แขนชาไปหมดทั้งแขน เห็นดังนั้นเกาซีิก็พุ่งเข้ามาหมายโจมตีซ้ำ เขาทะยานร่างมา ปล่อยหมัดใส่เฉิงไฉเซียว แต่หมัดนี้ก็พลาดไป เฉิงไฉเซียว เร้นกายหลบมาได้อย่างหวุดหวิด เขาถอยระยะร่นลงมาเพื่อตั้งหลัก
“ภูมิใจเถอะ เ้าสามารถโจมตีโดนข้าเต็มๆ 1 หมัด หากเป็คนอื่นคงจะล้มลงไปแล้ว แต่เ้าก็น่าจะรู้ว่าเ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” เกาซีิกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
“ฮ่าๆๆ พอดีว่าข้าชอบความท้าทายน่ะ เ้ามีอะไรก็ใส่มาให้หมด เพียงวาจาไม่กี่คำ คนอย่างข้าหาได้กลัวไม่!” เฉิงไฉเซียวกล่าวอย่างห้าวหาญ ดวงตาเกรี้ยวกราดดั่งพยัคฆ์ร้าย
ฝ่ายที่นั่งผู้ชม….
“ดูนั้นสิ เฉิงไฉเซียวผู้นี้ร้ายกาจมาก พลังบ่มเพาะปราณจิตขั้นที่สอง กลับสามารถแลกหมัดกับ เกาซีิ ปราณจิตขั้นเก้า ได้อย่างดุเดือดถึงเพียงนี้ นับว่าเป็บุญตาข้าแล้ว” ผู้ชมการประลองคนนึงกล่าวขึ้น ซึ่งพวกเขาก็ได้แต่นับถือเฉิงไฉเซียว
กลับมาที่ด้านลานประลอง…..
ทั้งสองยังประมือกันอย่างดุเดือด ยิ่งสู้นาน เฉิงไฉเซียวยิ่งเสียเปรียบ เขารับการโจมตีจากเกาซีิไปแล้วหลายหมัด แม้จะป้องกันได้ทุกหมัด แต่มันก็แฝงมาด้วยลมปราณอันทรงพลังของเกาซีิ ทำให้ตอนนี้เฉิงไฉเซียวาเ็สะสม แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังยื้อต่อได้ ณ ตอนนี้ทั้งสองประลองกันไปแล้วกว่า 300 กระบวนท่า เกาซีิแอบชื่นชมเฉิงไฉเซียวในใจ
สุดท้ายเฉิงไฉเซียวก็ไม่สามารถยกแขนขวาขึ้นมากันหมัดของเกาซีิได้ เขาจึงใช้แขนซ้ายรับหมัดของเกาซีิแทน
“เปรี้ยง!!” หมัดนี้กระแทกเข้าไปที่แขนของเฉิงไฉเซียวเต็มๆ เขากระเด็นพลัดตกเวทีไป ทำให้ชัยชนะในรอบนี้เป็ของเกาซีิ
“บัดซบ! ข้ากำลังสนุกเลย!!” เฉิงไฉเซียวคำราม
เฉิงไฉเซียวที่กระเด็นตกเวทีไปลุกขึ้นมากล่าว ตอนนี้ร่างกายของเขาระบมไปทั้งร่าง ในเมื่อตกเวทีเท่ากับแพ้… เขาจึงจำยอม
“เ้าชื่อเฉิงไฉเซียวสินะ ข้าจะจำไว้” เกาซีิกล่าว
เฉิงไฉเซียวเป็คนแรกที่ประลองกับเขาได้เกิน 10 กระบวนท่า ด้วยพลังบ่มเพาะห่างชั้นกันถึงขนาดนี้แต่กลับสู้ได้อย่างดุเดือด หากพลังบ่มเพาะเท่ากันไม่แน่ว่าเกาซีิอาจไม่สามารถเอาชนะเฉิงไฉเซียวได้ง่ายๆเป็แน่
“เฮ้อ… หลังจากนี้ข้าคงต้องหาวิธีเพิ่มพลังบ่มเพาะให้ได้อย่างรวดเร็วเสียแล้ว” เฉิงไฉเซียวคิด
ด้านฝั่งผู้ชมนับแสนๆ ต่างเฮฮากันมาก การประลองรอบนี้สนุกมากจริงๆ รอบด้านเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม
หลังจากเฉิงไฉเซียวลงสนามประลองมาแล้ว จื่อต้าหลงกับลวี่เหรินก็เดินมาถามอาการว่าเป็อย่างไรบ้าง เฉิงไฉเซียวบอกว่าไม่ได้าเ็ถึงขั้นสาหัส เขาบอกแค่นี้ยังไกลหัวใจ สบายๆไม่ต้องห่วง
“เกาซีิผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งนักด้วยระดับปราณจิตขั้นที่ 9 ทำให้เขาเป็เต็ง 1 ในรอบสุดท้ายนี่เลย” ลวี่เหรินกล่าว
“ใช่เขาแข็งแกร่งมาก ทำเอาข้าอยากประลองกับเขาเร็วๆเลย” จื่อต้าหลงกล่าว
“ฮ่าๆๆๆ เ้ากลายเป็พวกเสพติดการต่อสู้ไปแล้วงั้นรึ?” เฉิงไฉเซียวกล่าว
“เป็เพราะท่านกับลวี่เหรินลากข้ามาประมือกันแทบทุกวันมันทำให้ข้าสนุกมาก ฝีมือข้าเองก็ดีขึ้นเมื่อเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน” จื่อต้าหลงกล่าว
เขาคิดในใจ งานนี้ชักสนุกแล้วสิ หึๆๆ
