ณ กระท่อมที่ทั้งมืดและผุพัง ลมฤดูหนาวพัดเข้ามาตามรอยแยกของกำแพง ปะทะกับเปลวเพลิงสลัวๆ ที่เต้นระริกอยู่ในกระถางเหล็กที่แทบมองลักษณะไม่ออก
ชวีหงนอนอยู่บนเตียงไม้สภาพเก่าใกล้พัง คลุมตัวด้วยผ้าห่มสองผืน อากาศหนาวเย็นมากจนต้องคลุมผ้ามาถึงหัว
หลายวันก่อนนางเสนอความคิดให้พ่อลูกบ้านชวี เสนอให้ชวีฟางฟางแต่งกับหลี่สือ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของบ้านหลี่และสูตรการทำเต้าหู้มาให้ได้
นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว แต่เฒ่าชวีและบุตรกลับไม่มีความเคลื่อนไหว หรือพวกเขาจะไม่ได้ไปหาหลี่สือที่หมู่บ้านหลี่กัน นางรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ ด้วยนิสัยโลภมากและน่ารังเกียจของพ่อลูกบ้านชวี ทรัพย์สินมหาศาลและสูตรการทำเต้าหู้มาลอยอยู่ตรงหน้าแล้ว พวกเขาต้องไปแน่นอน
หลี่ซานและหลี่สือเป็เพียงลูกพี่ลูกน้องกัน ชวีหงไม่เชื่อว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ดีประหนึ่งพี่น้องแท้ๆ คิดว่าต่อให้พ่อลูกบ้านชวีทำไม่สำเร็จในครานี้ อย่างน้อยก็ต้องยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ซานกับหลี่สือให้แตกหักได้
จ้าวซื่อภรรยาของหลี่ซานเห็นหลี่สือเป็เหมือนบุตรชาย แต่ชวีหงกลับใช้ความคิดต่ำๆ ไปตัดสินสุภาพชน จึงไม่เชื่อว่าจ้าวซื่อจะใจดีเพียงนั้น
ขณะที่ชวีหงกำลังรู้สึกอิจฉาริษยาจ้าวซื่ออยู่นั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าถี่ๆ ดังมาจากนอกประตู ตามมาด้วยเสียงเคาะประตูแรงๆ ดังปังๆๆ จากนั้นก็มีเสียงบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยโทสะ “ชวีหง เปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“ผู้ใด?”
“เ้าถามหรือว่าข้าคือผู้ใด!” บุรุษผู้นั้นใจร้อนเป็อย่างยิ่ง ถึงกับใช้เท้าถีบประตูที่ผุพังให้เปิดออกทันที เมื่อทอดสายตามองไปก็พบชวีหงกำลังนอนอยู่บนเตียง ข้างเตียงมีถ้วยกระเบื้องสีดำวางอยู่ ในถ้วยมีไข่ต้มอยู่สี่ฟอง เขาจึงพูดขึ้นว่า “เ้าหาเื่ให้ข้าลำบากแล้วยังมีหน้ามากินไข่ไก่ที่ข้าให้เ้าอีกหรือ”
บุรุษผู้นี้ก็คือ ชวีผิง ที่ถูกสตรีหลายคนของตระกูลหวังถอดกางเกงและไล่ให้ออกมาจากหมู่บ้านหลี่ในสภาพเปลือยเปล่านั่นเอง
ชวีหงเห็นสายตาดุดันของชวีผิงก็ใจนสะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นนั่ง กล่าวเสียงดังว่า “เ้าจะทำอะไร! หากเ้าเข้ามาใกล้อีก ข้าจะะโเรียกคน! ช่วยด้วย!”
เดิมทีชวีผิงอยากจะตบตีชวีหงเพื่อระบายโทสะ แต่หากชวีหงกล่าวขอร้องด้วยวาจาดีๆ เขาตบตีนางสองสามครั้งก็นับว่าเพียงพอแล้ว ผู้ใดจะทราบว่าเขายังไม่ทันแตะกระทั่งปลายนิ้วของชวีหง นางก็ร้องลั่นให้คนช่วยแล้ว ตอนนี้ชวีหงนอนอยู่บนเตียง สวมเพียงเสื้อตัวใน เขากับชวีหงนับเป็อากับหลานกันห่างๆ หากผู้อื่นเห็นเข้าจะต้องคิดว่าเขาล่วงเกินชวีหงเป็แน่ หากเป็เช่นนั้นเขาย่อมไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้อีกต่อไป
ชวีผิงมีนิสัยใจร้อนและป่าเถื่อน เพื่อไม่ให้ชวีหงเรียกคนในหมู่บ้านมาช่วย จึงโถมตัวเข้าไปที่เตียงแล้วใช้มือปิดปาก ชวีหงเสีย
ชวีหงดิ้นรนสุดชีวิต ทั้งสองมือสองเท้ากระแทกเข้าที่ร่างของชวีผิงไปหลายครั้ง
ชวีผิงยิ่งโกรธจัด ใช้ฝ่ามือทั้งสองตบตีชวีหงจนสลบไป
ในห้องเงียบลงโดยพลัน ชวีผิงหยิบไข่ไก่ในถ้วยไปทั้งหมดแล้วเดินตรงไปที่ประตู จู่ๆ ก็รู้สึกว่าโทสะยังไม่คลายจึงหาหยิบของในบ้านไปเพิ่มเติม
ชวีหงค่อยๆ ได้สติคืนกลับมา เห็นชวีผิงนั่งย่อตัวหยิบกล่องเหล็กที่นางซ่อนเอาไว้ใต้เตียงออกมาทำให้เห็นเศษก้อนเงินอยู่ด้านในเข้าพอดี สติของนางแจ่มชัดขึ้นโดยพลัน รีบกรีดร้องไปว่า “ห้ามขโมยเงินข้า!”
“เ้าหลอกพวกเราพ่อลูกได้ดียิ่งนัก ทำให้พวกข้าสองพี่น้องถูกหลี่สือและคนตระกูลหวังทำร้าย ทั้งยังทำให้ข้าขายหน้าอีกด้วย เงินพวกนี้นับเป็ค่าชดเชยก็แล้วกัน” ชวีผิงยัดกล่องเหล็กเข้าไปในสาบเสื้อ ไม่เหลือเศษก้อนเงินไว้ให้ชวีหงแม้แต่ก้อนเดียว
“ใครก็ได้ช่วยที ชวีผิงขโมยเงินข้า!” ชวีหงไม่สนใจว่าตนจะสวมเพียงเสื้อตัวในเท่านั้น ถึงกับโถมตัวเข้าใส่ชวีผิงอย่างบ้าคลั่ง
ชวีผิงจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกชวีหงพุ่งชนเข้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาล้มลงไปในสภาพแขนขาชี้ขึ้นฟ้า ท้ายทอยกระแทกพื้น เจ็บจนต้องส่งเสียงโอดครวญ พลันเปลวเพลิงแห่งโทสะลุกท่วมสมอง ถึงกับรีบคลานไปฉุดชวีหงลงจากเตียงแล้วกระแทกศีรษะของชวีหงกับขอบเตียงอย่างแรง
“ช่วยด้วย!” ชวีหงกรีดร้อง เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ร้อนรนจึงได้กัดหลังมือของชวีผิงจนเืไหล
ชวีผิงเ็ปยิ่งนัก ถึงกับใช้มือทั้งสองบีบคอชวีหงพร้อมขบฟันด่าว่า “นังแพศยา ผู้ใดใช้ให้เ้ากัดข้า ผู้ใดใช้ให้เ้าหลอกข้า ผู้ใดใช้ให้เ้าทำร้ายข้า”
ชวีหงพยายามถีบชวีผิงสุดชีวิต ใช้สองมือข่วนไปที่หน้าของชวีผิง
ชวีผิงโกรธจัดจนทนไม่ไหว “ข้าจะบีบคอเ้าให้ตาย!”
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเพียงใด จู่ๆ ก็มีเสียงตื่นตระหนกใของชายชราสองคนดังแว่วมาจากนอกประตู
“เ้าทำอะไร!?”
“เ้าบีบคอชวีหงจนตายหรือ!”
ชวีผิงหันไปมอง ยามนี้จึงค่อยได้สติกลับคืนมา เขารีบคลายมือทั้งสองข้างออก แต่กลับพบว่าชวีหงเบิกตาโพลง ลิ้นห้อยออกมา ไม่มีลมหายใจ นางสิ้นใจไปแล้ว
ชายชราร่างท้วมชี้ไปที่ชวีผิงแล้วะโว่า “เ้าฆ่าชวีหง!”
“ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ฆ่านาง นางหาเื่เอง” ชวีผิงใจนทำอะไรไม่ถูก เขาตื่นตระหนกราวกับกระต่าย ถึงกับะโขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างว่องไวปานสายลม ใช้มือทั้งสองผลักชายชราสองคนจนล้มลงกับพื้น จากนั้นจึงะโข้ามร่างของพวกเขา แล้ววิ่งออกไปนอกหมู่บ้านอย่างบ้าคลั่ง
“โอย...”
“เจ็บจะตายอยู่แล้ว เอวข้าเคล็ดหมดแล้ว”
ชายชราทั้งสองล้มลงในสภาพแขนขาชี้ขึ้นฟ้า พวกเขาโกรธจนะโด่าไปว่า “ไอ้ลูกเต่าชวีผิงฆ่าชวีหง” “ชวีผิงจะข่มเหงชวีหงแต่ชวีหงไม่ยอม ชวีผิงเลยบีบคอนางจนตาย”
เสียงของชายชราทั้งสองค่อนข้างดัง ไม่นานก็มีชาวบ้านหลายคนเดินเข้ามา
สตรีสองนางถูกคนอื่นๆ เร่งเร้าให้เข้าไปดูชวีหง “นางตายแล้ว” “ชวีหงไม่มีลมหายใจแล้ว นางตายแล้ว”
เื่ใหญ่ถึงเพียงนี้ อีกทั้งชายชราสองคนที่เป็พยานเห็นเหตุการณ์ก็มิใช่คนตระกูลชวี พวกเขาเป็คนต่างแซ่ หากตระกูลชวีอยากปิดบังก็ปิดไม่มิด จึงทำได้เพียงไปแจ้งทางการ
นายอำเภอส่งเ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ชวีผิงหนีออกไปนอกหมู่บ้านนานแล้ว ไม่ทราบว่ามุ่งหน้าไปทางใด ส่วนครอบครัวชวีผิงก็ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใดแล้ว
บิดาของชวีหงส่งคนไปบอกเื่นี้กับหวังต้านิว หวังเอ้อร์นิว และหวังซื่อนิว เพื่อให้พวกนางมาแสดงความกตัญญูต่อชวีหง
กว่าหวังไห่จะทราบเื่นี้ก็ผ่านไปสองวันแล้ว นึกไม่ถึงว่าสตรีอัปลักษณ์เช่นชวีหงจะถูกผู้อื่นข่มเหง และยิ่งคิดไม่ถึงว่าผู้ร้ายจะเป็ชวีผิง ซึ่งเป็อาห่างๆ ของชวีหง และอีกฝ่ายเคยเป็พี่เขยของหวังไห่ด้วย
โชคดีที่เขาตัดญาติขาดมิตรกับเฒ่าชวีไปแล้ว มิเช่นนั้นคราวนี้คงไม่มีหน้าอยู่ต่อ
“ซื่อนิวเล่า?” เมื่อหวังไห่กลับถึงบ้าน ประโยคแรกที่ถามถึงก็คือหวังซื่อนิว
เฟิงซื่อเกลียดชังชวีหงเป็อย่างมาก แต่เมื่อได้ยินข่าวการตายของชวีหงก็มิได้รู้สึกยินดีบนความทุกข์ของผู้อื่น “เมื่อวานซื่อนิวไปเฝ้าโถงิญญาให้ชวีหงที่บ้านชวี ตอนกลางคืนก็ไม่ได้กลับมา”
“ผู้ใดให้นางไป”
“หวังลี่ตง นอกจากเขาแล้วยังจะมีผู้ใดอีก”
“เหลวไหล! ชวีหงถูกพวกเราจับหย่าไปแล้ว ไม่ใช่มารดาของซื่อนิวอีก ซื่อนิวไปเฝ้าโถงิญญาให้ชวีหงอันใดกัน หากซื่อนิวไปเฝ้าโถงิญญาให้ชวีหงก็ต้องไว้ทุกข์ ไม่อาจแต่งงานไปอีกสามปี” หวังไห่ยังไม่ทันนั่งลงบนเก้าอี้ ก็รีบหมุนตัวเดินออกจากบ้านไปหาหวังลี่ตง บอกให้เขาไปพาหวังซื่อนิวกลับมา
หนึ่งชั่วยามต่อมา หวังลี่ตงและหวังซื่อนิวก็กลับมาจากหมู่บ้านชวี
หวังซื่อนิวสวมชุดไว้ทุกข์เพื่อแสดงความกตัญญู ทำให้หวังไห่โกรธจัดแทบอยากจะสั่งให้นางถอดชุดออกมาแล้วนำไปเผาเสียเดี๋ยวนั้น “ครอบครัวเรายังอยู่ดี ไม่ต้องสวมชุดไว้ทุกข์”
เมื่อถึงตอนเย็นหวังไห่ก็เรียกหวังลี่ตงและลูกๆ รวมไปถึงหวังชุนเฟิงและครอบครัวมาหาที่ห้องโถง กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ตระกูลชวีเกิดเื่ใหญ่ถึงขั้นสังหารคน ตระกูลใดเกี่ยวข้องจะถูกสั่งห้ามเข้าร่วมสอบเคอจวี่หลายปี ตอนนี้ชื่อเสียงของตระกูลชวีเหม็นเน่าไปไกลแล้ว พวกเราตัดขาดกับตระกูลชวีแล้ว ต่อไปห้ามพวกเ้าไปมาหาสู่กับตระกูลชวีอีก หากข้ารู้ว่าผู้ใดยังไปมาหาสู่กับตระกูลชวี จะขับออกจากตระกูลสถานเดียว”
ตอนนี้มีเพียงชวีฮวาที่ยังไปมาหาสู่กับตระกูลชวี ส่วนคนอื่นๆ ไม่ชอบตระกูลชวีอยู่แล้วย่อมไม่ติดต่อกัน เมื่อนางได้ยินคำพูดนี้ก็ทำได้แค่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หวังชุนเฟิงคิดจะด่าชวีฮวาเสียหน่อย หวังไห่กลับถลึงตาใส่เขาเสียก่อน ทั้งยังกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “ตอนมารดาเ้ายังมีชีวิตอยู่ข้าไม่เคยแตะต้องนางแม้แต่ปลายนิ้ว เ้าตบตีภรรยาเช่นนี้เหมือนผู้ใดกัน?”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้