นอกค่ายเสินเช่อเหนียนยวี่มาเยือนที่นี่เป็ครั้งที่สองครั้นมองกระโจมค่ายทหารที่อยู่ในค่ายจากไกลๆ เหนียนยวี่พลันงงงัน รู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมาเล็กน้อย
นางลูบกำไลหยกบนข้อมือวงนั้นอย่างเบามือครั้นนึกถึงเนื้อหาในจดหมาย เหนียนยวี่พลันขมวดคิ้ว
โรคระบาด คำสามคำนี้วนเวียนอยู่ในหัวนางมาตลอดทางในความทรงจำของนาง นางจำได้ว่าในปีเทียนฉี่ที่ยี่สิบมิได้มีโรคระบาดใดๆทว่าเหตุใดยามนี้ถึงได้เกิดโรคระบาดขึ้นมาอย่างกะทันหันเยี่ยงนี้?
ยิ่งไปกว่านั้นโรคระบาดครานี้ยังเกิดขึ้นในค่ายเสินเช่อ
เหนียนยวี่ไม่มีเวลาตรึกตรองกับความผิดปกติของเื่นี้นักเพราะยามนี้เื่ที่เร่งด่วนที่สุดคือ การเข้าไปในค่ายทหาร
เหนียนยวี่ลงจากหลังม้าย่ำก้าวเดินไปทางประตูค่าย ทันใดนั้นทหารที่เฝ้ารักษาประตูพลันรีบเร่งวิ่งเข้ามาขวางหน้านางไว้
"พวกเ้าออกไปให้พ้นทาง"เหนียนยวี่กล่าวอย่างเ็า น้ำเสียงเจืออารมณ์ไม่พอใจเล็กน้อย
ชาติก่อนท่าทีอันเคร่งขรึมน่าเกรงขามที่นางสั่งสมในการเป็หมอทหารมาแปดปีท่วงท่าน่าเกรงขามที่เผยออกมาให้เห็นต่อหน้าทหารที่เฝ้าประตูในยามนี้ทำให้ทหารสองสามนายตรงนั้นตกตะลึงไปเล็กน้อยอย่างมิอาจห้ามได้
“แม่นางที่แห่งนี้คือค่ายทหารเสินเช่อ ผู้ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า โดยเฉพาะ...สตรี” ทหารยามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่กดให้อ่อนโยนลงยิ่งเช้านี้ ครั้นหมอทหารได้ยืนยันโรคระบาดในค่ายออกมา ท่านแม่ทัพหลวงจึงได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าออกจากค่ายแล้วนอกจากหมอหลวงสองสามคนที่เพิ่งเข้าไปในค่ายเมื่อครู่ที่ผ่านมานี้
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ยามนี้นางมิสนใจกฎเกณฑ์ใดๆอีกต่อไปแล้ว
แม้นวันนี้จะไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าไปนางก็ต้องเข้าไปให้ได้!
"ท่านแม่ทัพหลวงของพวกเ้าอยู่ที่ใด?"เหนียนยวี่ปะทะสายตากับทหารเฝ้ายาม
ทุกสิ่งอย่างในค่ายเสินเช่อแห่งนี้ล้วนเป็ความลับโดยเฉพาะเื่ที่ข้องเกี่ยวกับแม่ทัพหลวง
ทันทีที่เหนียนยวี่เอ่ยจบเขาพลันเอ่ยปากตอบออกไปโดยที่มิรู้ตัว “ท่านแม่ทัพหลวงอยู่ในค่ายขอรับอยู่ด้วยกันกับเหล่าทหารที่ติดโรคระบาดขอรับ”
อยู่กับทหารที่ติดโรคระบาดหรือ?
เช่นนั้นฉู่ชิงเขา...
ฉู่ชิงผู้นี้ไม่้ามีชีวิตแล้วจริงๆ หรือไร?
เหนียนยวี่มาไม่ทันในสิ่งที่เขาคิดจะทำนางเองก็รู้ดีว่าในค่ายทหารแห่งนี้มีทหารมากน้อยเท่าใด ถ้าบุกเข้าไปเช่นนั้นต้องเกิดการต่อสู้สักฉากแน่ อีกอย่างต่อให้เรียกฉู่ชิงออกมาท้ายที่สุดอย่างไร เขาเองก็ต้องไม่ยอมให้นางเข้าไปอย่างแน่นอน แต่ในยามนี้...
เหนียนยวี่เหลือบมองทหารเฝ้ายามคนนั้นท่าทีเคร่งขรึมเ็าพลันแปรเปลี่ยนในทันใด มุมปากนางเผยอรอยยิ้มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งอากัปกิริยาแปรเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา “นายทหารท่านนี้ ข้าขอกล่าวตรงๆโดยมิปิดบังเลยว่า ข้านั้นคือน้องสาวของท่านแม่ทัพหลวงครั้นได้ยินเื่ราวในค่ายเสินเช่อจากฮูหยินท่านแม่ทัพในใจข้าพลันหวาดหวั่นกังวลใจในสถานการณ์ของพี่ชาย ดังนั้นจึงเร่งรีบออกมาจากเมืองทว่าระหว่างทางที่มา เกิดปัญหาขึ้นกับรถม้าเล็กน้อย ดังนั้นข้าจึงได้แต่ต้องขี่ม้าออกมาขอความช่วยเหลือถึงตรงนี้ยามนี้ท่านแม่ข้ายังอยู่บนรถม้า ข้าคนเดียวไร้หนทาง...”
“คุณหนูฉู่หรือขอรับ?” ทหารเฝ้ายามนายนั้นเอ่ยอย่างแปลกประหลาดใจ ทว่าหญิงสาวผู้นี้มีรัศมีของอำนาจอยู่รอบตัวอย่างแปลกประหลาดหากเป็น้องสาวของท่านแม่ทัพหลวง เช่นนั้นคงสนิทสนมกับเขา ทว่าเื่ที่นางเอ่ยมาเป็เื่จริงหรือ?
ท่าทีตอบสนองของพวกเขาอยู่ในสายตาของเหนียนยวี่นางขมวดคิ้วมุ่น “ข้ารู้ว่าค่ายเสินเช่อแห่งนี้เข้ามิได้ทว่าท่านแม่ข้าเป็ห่วงเื่ความปลอดภัยของท่านพี่ ข้าเองก็ปลอบใจนางไม่ไหว ท่านช่วยส่งคนไปบอกกล่าวสถานการณ์เื่เขาให้นางคลายกังวลหน่อยได้หรือไม่?”
หน้าประตูค่าย ทหารเฝ้ายามหลายคนมองหน้ากันและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ได้ เ้าไปกับข้า”
หนึ่งในทหารจำนวนนั้นสั่งอีกคนให้ออกมาจากนั้นคนทั้งสองก็เดินตามกันไป
เหนียนยวี่รู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ “ขอบคุณท่านมากรถม้าอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก”
สองนายทหารขี่ม้าออกไปเหนียนยวี่เองก็ควบขึ้นหลังม้า สามคนมุ่งหน้าพุ่งออกไปยังทิศทางของเมืองชุ่นเทียน
ระหว่างทาง เหนียนยวี่ที่อยู่ปลายแถวนางรู้ว่าทุกสิ่งที่กล่าวไปล้วนเป็เื่ที่นางแต่งขึ้น มีเป้าหมายเพียงเพื่อล่อพวกเขาออกมาจากนั้น...เหนียนยวี่มองไปที่ร่างของทั้งสองข้างหน้านางคำนวณเวลาเพื่อโน้มน้าวทั้งสองคน แต่ทันใดนั้นเสียงของทหารยามที่อยู่ข้างหน้าพลันดังขึ้น...
"คุณหนูฉู่รถม้าคันข้างหน้าหรือ?"
เหนียนยวี่มองไปในทิศทางที่เขากำลังชี้ นางเห็นรถม้ากำลังตรงมาทางนี้เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว เพียงครู่หนึ่ง ทหารยามทั้งสองจึงหยุดอยู่หน้ารถม้าในขณะเดียวกัน รถม้าเองพลันหยุดลงเช่นกัน
ทหารทั้งสองลงจากหลังม้า ภายในรถม้าฮูหยินท่านแม่ทัพสีหน้าฉายแววกังวล ครั้นเห็นรถม้าหยุด นางเปิดม่านทันที สายตาเห็นชายสองคนสวมชุดทหารเดินเข้ามาหานาง
"นายทหาร...นายทหารทั้งสองพวกเ้ารู้จักฉู่ชิง..."
ครั้นฮูหยินท่านแม่ทัพเอ่ยออกมาถึงตรงนี้นางชะงักค้างไปทันใด ท่าทางดูตื่นตระหนก เท่าที่นางเห็นหญิงสาวด้านหลังนายทหารทั้งสองกำลังถือไม้ท่อนหนึ่งในมือและกำลังเดินมาทางด้านหลังนาง้าทำอะไรกันแน่?
ฉู่เซียงจวินซึ่งอยู่ในรถม้าด้วยกันกับฮูหยินท่านแม่ทัพ นางเองก็เห็นหญิงสาวคนนั้นเช่นกันผู้หญิงคนนั้นสวมชุดหรูหรา นางจำใบหน้านั้นได้นั่นคือคุณหนูรองสกุลเหนียนในงานเลี้ยงฉีเฉี่ยววันนั้นมิใช่หรือ?
ระหว่างที่ครุ่นคิด เพียงพริบตาเดียวท่อนไม้ในมือเหนียนยวี่พลันตีลงบนหลังคอของนายทหารทั้งสอง การกระทำภายในครั้งเดียวดูเชี่ยวชาญอย่างยิ่ง เพียงแค่ครั้งเดียว นายทหารทั้งสองก็รู้สึกมึนหัว เป็ลมล้มลงไปกับพื้นทีละคน
ฉากนี้ในสายตาของคนทั้งสองบนรถม้า ช่างรู้สึกตื่นตะลึงนัก
แม้แต่คนขับรถม้าเองยังะโลงจากรถม้าจ้องมองเหนียนยวี่อย่างระแวดระวัง ทว่าเหนียนยวี่มิสนใจผู้ใด นางลากทหารทั้งสองนายไปไว้ที่ใต้ร่มเงาของต้นไม้จากนั้นถอดชุดของนายทหารคนหนึ่งออกมา
"นาง...นางจะทำอะไร"ฮูหยินท่านแม่ทัพมองดูหญิงสาวคนนั้นถอดชุดทหารออกมาจากที่ไกลๆ
“ท่านแม่ ท่านรออยู่ที่นี่ข้าจะไปดู” ฉู่เซียงจวินสูดหายใจลึก พลางเอ่ยกับฮูหยิน
ขณะที่นางกำลังจะลงจากรถม้าฮูหยินท่านแม่ทัพจับมือนาง "เซียงเอ๋อร์ เ้าไปไม่ได้ นาง..."
เห็นอยู่ชัดเจนว่าหญิงคนนั้นเป็หญิงสาวที่ดูท่าทางอ่อนแอทว่ากลับลงมืออย่างสงบและเยือกเย็น การโจมตีนายทหารเมื่อครู่นี้ ทำให้นางรู้สึกว่าสตรีนางนั้นอันตราย
ทว่าฉู่เซียงจวินจำได้ว่านั่นคือเหนียนยวี่ที่อยู่ในงานเลี้ยงฉีเฉี่ยวจื๋อหร่านออกไปบรรเลงฉินเพื่อช่วยนาง คนที่จื๋อหร่านช่วย ไม่มีทางเป็คนไม่ดีอย่างแน่นอน
ฉู่เซียงจวินยกยิ้มให้ฮูหยินท่านแม่ทัพอย่างปลอบประโลมนางลงจากรถม้า เมื่อเดินไปถึงใต้เงาร่มไม้เหนียนยวี่เองได้อยู่ในชุดนายทหารเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
"คุณหนูรองเหนียนหรือ?"
เสียงอันอ่อนโยนเอ่ยหยั่งเชิงถามดังเข้ามาในหูของเหนียนยวี่เหนียนยวี่หยิบดาบของทหารยามขึ้นมาและเสียบมันลงบนเอวของตัวเองจึงค่อยหันกลับมามองผู้ที่เข้ามาใกล้
“คุณหนูฉู่”เหนียนยวี่โค้งคำนับให้นางเฉกเช่นบุรุษ ยกมือประสานและโค้งคำนับให้นางฉู่เซียงจวินคุณหนูใหญ่จวนแม่ทัพ น้องสาวที่แท้จริงของฉู่ชิง นางเคยเห็นที่งานเลี้ยงฉีเฉี่ยวแน่นอนว่าต้องจำได้
นึกไม่ถึงเลยว่าเหนียนยวี่เองก็จะจำนางได้ใบหน้าของฉู่เซียงจวินพลันยกยิ้มสายหนึ่งทว่าสายตากลับมองตกไปที่นายทหารบนพื้นด้านหลังเหนียนยวี่รอยยิ้มพลันแลดูไม่เป็ธรรมชาติ
เหนียนยวี่เห็นเช่นนั้น นางจึงเอ่ยว่า“คุณหนูฉู่ไม่ต้องกลัวไป แต่ไหนแต่ไรค่ายทหารเสินเช่อมิอนุญาตให้สตรีเข้าไปเพราะเช่นนั้นเหนียนยวี่จึงต้องสร้างเื่เช่นนี้”
เหนียนยวี่เหลือบมองฉู่เซียงจวินมิได้เอ่ยตอบอะไร ทว่าดูแล้วฉู่เซียงจวิน กลับมีสีหน้ามืดมนลงเป็คำตอบให้นางเงียบไปครู่หนึ่ง ฉู่เซียงจวินจึงเอ่ยขึ้นว่า“คุณหนูรองพาเซียงจวินเข้าไปด้วยได้หรือไม่?”
“ไม่ได้”เหนียนยวี่เอ่ยปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด นางเข้าไปก็เพราะนางมีฝีมือทางการรักษาสามารถเป็แรงคอยเคียงบ่าเคียงไหล่ให้ฉู่ชิงได้ ทว่าคุณหนูฉู่...
นางเป็น้องสาวของฉู่ชิงหากเข้าไปแล้วเกิดเื่อะไรขึ้น นางคงมิอาจชดใช้ให้ฉู่ชิงได้
“แต่...”
“คุณหนูฉู่ต้องรู้ว่าในค่ายทหารเกิดเื่อะไรข้าคิดว่าท่านแม่ทัพคงไม่อยากเห็นคุณหนูและฮูหยินท่านแม่ทัพอยู่ในค่ายอย่างแน่นอน”เหนียนยวี่ปรายมองไปยังรถม้าทางด้านหลังฉู่เซียงจวินฮูหยินท่านแม่ทัพที่อยู่บนรถม้าเองก็หันมามองนางพอดี