เช้าวันต่อมา
07:30น.
พรึบ
“พี่เคนโซคะ”เสียงหวานใสของผู้หญิงเอ่ยดังออกมา
“ครับ…?”
“อร่อยไหมคะ?”
“อร่อยมากครับ^_^”เสียงพูดคุยของผู้ชายกับผู้หญิงที่ดังมาจากด้านห้องนั่งเล่นทำให้ฉันที่อยู่ในชุดนักศึกษาเตรียมพร้อมที่จะไปมหาลัยเดินลงบันไดมาต้องทอดสายตามองไปยังภาพเบื้องหน้าทันที ก็เห็นว่าชายหญิงสองคนนั้นที่กำลังพูดคุยกันอยู่ก็คือรูมเมทของฉันนั้นเอง
เหมือนพวกเขากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่นะ ฉันที่ในมือถือรองเท้าส้นสูงอยู่ก็เดินอย่างแ่เบาที่สุดเพื่อไม่ให้เป็การรบกวนบุคคลสองคนนั้น ที่จริงฉันก็ไม่ได้เกรงใจอะไรหรอก แต่ฉันอายนะที่แอบดูหนังสดของพวกเขาสองคนและเอาไปช่วยตัวเองจนสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองน่ะ
“พี่ขวัญเอยครับ^_^”แต่แล้วฉันก็ต้องหยุดชะงักขาลงทันทีเมื่อฉันกำลังจะเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่อยู่ตรงโซนด้านหน้าของบ้าน
และฉันก็รู้สึกใที่รูมเมทหน้าหล่อรู้จักชื่อฉันแถมยังเรียกฉันว่าพี่อีก ฉันดูแก่มากขนาดนั้นเลยเหรอ
พรึบ
“มะมีอะไร?”ฉันหันไปหาเขาพร้อมกับเอ่ยถามเขาไปอย่างสงสัย นายหน้าหล่อนั่นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ทางบ้านเช่าจัดไว้ให้คนอยู่อาศัยได้ใช้ทานอาหารก็นั่งยิ้มแฉ่งให้ฉันอย่างเป็มิตร โดยที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขามีร่างของผู้หญิงหน้าตาน่ารักและสวยอยู่พอตัวหันมามองหน้าฉันด้วยความสงสัย
“สวัสดีค่ะ…”เธอคนนั้นยกมือไหว้ฉัน ฉันก็จำเป็ต้องยกมือรับไหว้เธอ ทั้งสองคนสวมใส่ชุดยูนิฟอร์มประจำวิทยาลัยที่อยู่ติดกับมหาลัยของฉัน ฉันได้ยินข่าวเกี่ยวกับเด็กวิทยาลัยนี้มาบ่อยว่าเด่นอยู่เื่หนึ่งนั่นคือเื่ชกต่อยกันน่ะ
“สวัสดีจ๊ะ^^”ฉันยิ้มแหยๆให้เธอแฟนรูมเมทของฉันก่อนจะหันไปมองหน้ารูมเมทหน้าหล่อที่วันนี้ดูหล่อเปล่งออร่ามากยิ่งช็อปที่เขาใส่เป็สีแดงออกเข้มๆแล้วยิ่งขวับกับผิวขาวๆของเขาให้ดูมีออร่าเพิ่มขึ้นไปอีก
“ผมจะถามว่า…พี่ขวัญเอยจะทานข้าวด้วยกันไหมครับ^7^”
“ไม่อ่ะ…แฟนฉันมารับแล้ว…”ฉันตอบเสียงห้วนอย่างไม่สนใจและไม่มองหน้ารูมเมทสุดหล่ออีก กลับวางรองเท้าส้นสูงราคาเหยียบหมื่นวางลงบนพื้นเตรียมจะใส่เพื่อจะออกไปรอพี่คีรีที่หน้ารั้วบ้าน
“อ้อครับ…ตอนเย็นเจอกันครับ^_^”หนุ่มรูมเมทหน้าหล่อยิ้มหวานพิมพ์ใจพร้อมกับขยิบตาให้ฉันข้างหนึ่งอย่างโปรยเสน่ห์ นายนี่มันเ้าชู้จริงๆขนาดแฟนนั่งอยู่ด้วยยังจะมาทำสายตากรุ้มกริ่มใส่หญิงอื่นอีก!
“พี่สาวของพี่เคนโซเหรอคะ?”เสียงหวานใสที่ฟังดูสงสัยและไร้เดียงสาเอ่ยกระซิบถามหนุ่มหน้าหล่อที่ชื่อเคนโซไป เขาชื่อเคนโซเหรอ ชื่อนี้ไม่เหมาะกับคนจนๆเลยเนอะ
“เปล่าหรอกครับ…พี่ขวัญเอยเขาเป็รูมเมทพี่น่ะ…”
“รูมเมทเหรอคะ…มีนามาที่บ้านพี่เคนโซหลายครั้ง…ไม่เคยรู้เลยนะคะ…ว่าพี่เคนโซมีรูมเมทด้วย?”
“เพิ่งมีนะคะ…น้องมีนารีบทานข้าวเถอะค่ะ..เดี๋ยวไปวิลัยสายนะ…”
“ค่ะ…”ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังบทสนทนาของคนทั้งสองนั้นนะ แต่บังเอิญว่าฉันที่ยืนใส่รองเท้าอยู่ได้ยินพอดีน่ะ
พรึบ
“แฟนพี่ขวัญเอย…ยังไม่มารับอีกเหรอครับ…?”ฉันที่ยืนรออยู่หน้าถนนหน้าบ้านที่พยายามจะไม่สนใจผู้ชายหน้าหล่อที่กำลังจูงรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ออกมาจากข้างบ้านจนถึงหน้าบ้านที่ฉันกำลังยืนอยู่และเขาก็เอ่ยถามฉัน ฉันจึงต้องหันไปมองหน้าเขาด้วยสายตาเรียบเฉย
“ใกล้แล้วย่ะ!”ฉันตอบเสียงห้วนอย่างคนที่แสดงออกได้ชัดว่าไม่อยากคุยกับเขา แต่เคนโซกลับไม่สะทกสะท้านเลยกลับยิ้มหวานให้ฉัน แถมยังมองเรือนร่างท่อนขาเรียวขาวของฉันด้วยแววตาหวานเยิ้มอีกตั้งหาก
“นาย!”ฉันจึงต้องเรียกเขาเสียงเข้มเมื่อแฟนของนายรูมเมทเดินออกมาจากบ้านเช่าพอดี เขาจึงยิ้มบางๆให้ฉันก่อนจะหันไปมองหน้าแฟนของตัวเองที่เดินไม่รู้เดียงสามาหาเขา
ปี้นๆๆๆ
พรึบ
เสียงบีบแตรรถทำให้เราทั้งสามคนหันไปมองยังรถหรูลัมโบร์กินีคันสีดำเงาวับที่แสนคุ้นตาฉันที่กำลังแล่นเข้ามาและหยุดลงตรงหน้าฉันพอดี ฉันก็ยิ้มออกมาทันที
พรึบ
ประตูรถฝั่งคนขับถูกเปิดออกพร้อมกับผู้ชายร่างสูงโปร่งดูภูมิฐานหน้าตาหล่อเหลาสวมใส่สูทสีดำสะอาดเดินยิ้มแฉ่งมาหาฉันที่ยืนรอเขาอยู่
“น้องเอยคะ^_^”พี่คีรีเรียกฉันเสียงนุ่มพร้อมกับยิ้มพิมพ์ใจให้ฉัน ฉันก็ยิ้มให้พี่คีรี ถึงเื่เมื่อคืนนี้จะทำให้เราสองคนเข้าหน้ากัรไม่ค่อยติด แต่ฉันก็ไม่อยากให้เื่แค่นั้นมามีผลต่อความสัมพันธ์ของเรา ต่อไปนี้ฉันจะไม่เร่งรัดพี่คีรีเื่บนเตียงอีกแล้ว ฉันจะรอจนกว่าวันที่เขาจะขอฉันเอง ถึงวันนั้น ฉันกฺ็พร้อมและยินดีที่จะเป็ของพี่คีรี
“รอนานไหมคะ..ขอโทษทีนะคะ…”
“พอดีรถติดมากค่ะ^^”พี่คีรีว่าพร้อมกับยื่นมือมาลูบแก้มฉันอย่างแ่เบา
“ไม่นานเลยค่ะ…เอยก็เพิ่งจะลงมาเหมือนกัน”ฉันตอบพี่คีรีไปพร้อมกับอมยิ้มให้เขา
“งั้นเราไปกันเลยไหมคะ…เดี๋ยวเราจะได้มีเวลาไปทานข้าวเช้าด้วย…”
“ค่ะ^_^”ฉันพยักหน้าตอบพี่คีรีไป เขาก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะผายมือให้ฉันเดินไปขึ้นรถหรูของเขาโดยมีพี่ีคีรีเป็คนเปิดประตูให้ฉันและคอยปิดประตูให้ฉันอย่างสุภาพบุรุษ โดยที่ฉันมีหน้าที่แค่นั่งเชิดๆสวยๆเป็พอ
“ขอบคุณค่ะ^^”ฉันเอ่ยขอบคุณพี่คีรีไป
“ครับ^_^”ก่อนที่จะขึ้นรถฉันแอบชำเลืองสายตาไปมองยังรูมเมทของฉันกับแฟนของเขาที่ยืนมองมาที่ฉันกับพี่คีรีด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจนัก ฉันก็แสยะยิ้มให้นายหน้าหล่อที่คิดจะเต๊าะฉันให้เขารู้ว่า แฟนฉันหล่อและรวยมากแค่ไหน เขาน่ะเทียบไม่ได้สักนิดกับพี่คีรีของฉัน
และจะให้ฉันเปลี่ยนใจจากเ้าชายไปเอาเด็กเกเรแบบเขาไม่มีทางซะหรอก
พรึบ
“คาดเบลท์ด้วยนะคะ^_^”พี่คีรีที่ขึ้นมานั่งที่ประจำคนขับแล้วก็เอ่ยบอกฉัน
“ค่ะ^^”ฉันก็ยิ้มรับรู้และหยิบสายเบลท์มาคาดไว้เพื่อความปลอดภัยเมื่อฉันคาดเบลท์เสร็จแล้ว พี่คีรีก็หันมายิ้มละมุนให้ฉันก่อนจะค่อยๆขับรถออกมาจากบ้านเช่าอย่างช้าๆ ฉันแอบมองกระจกมองข้างก็ยังเห็นว่านายรูมเมทที่ชื่อเคนโซนั่นเอาแต่ยืนมองตามรถของพี่คีรีด้วยสายตาละห้อยจนรถของพี่คีรีออกมาจากซอยแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาเลิกมองหรือยัง…ไม่รู้จะมองอะไรนักหนา
“เด็กสองคนนั้น…รูมเมทน้องเอยเหรอคะ?”จนเสียงของพี่คีรีทำให้ฉันเลิกให้ความสนใจกระจกมองข้างและหันกลับไปมองหน้าพี่คีรีแทน
“อ้อ…ค่ะ”ฉันตอบพี่คีรีไป เขาก็หันมายิ้มให้ฉันและพยักหน้ารับรู้ก่อนที่เขาจะหันไปให้ความสนใจกับถนนเบื้องหน้าต่อ โดยที่ฉันก็นั่งเงียบไม่ได้ชวนพี่คีรีคุย เราสองคนแวะทานอาหารเช้าที่โรงแรมและพี่คีรีก็มาส่งฉันที่มหาลัยในตอนสิบโมงเช้า ซึ่งวันนี้ฉันมีเรียนถึง่เย็น
ฉันก็พอจะมีเพื่อนอยู่บ้างแต่ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ เพราะฉันเป็คนเข้ากับคนไม่เก่ง ถึงฉันจะมีหน้าตาที่สวยมีหนุ่มๆตามจีบเยอะก็ตามแต่ฉันเป็คนหน้าเหวี่ยงน่ะ เลยไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิงสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะฉันไม่ใช่คนเฟรนลี่ด้วยแหละมั้ง
17:30น.
ร้านคาเฟ่หน้ามหาลัยQA
พรึบ
“คุณหนูเอยของป้า”ป้าแพรเอ่ยขึ้นเสียงแ่เบาและสงสารจับใจทันทีที่เธอเดินเข้ามาหาฉันที่นั่งรอเธอที่โต๊ะอาหารของร้าน โดยที่เมื่อวานฉันโทรนัดแนะให้ป้าแพรแอบเก็บเสื้อผ้ารองเท้าและกระเป๋าของฉันมาให้ฉัน
โดยสถานที่นัดแนะของเราทั้งคู่คือคาเฟ่หน้ามหาลัยของฉัน ที่ป้าแพรรู้จัก ฉันเลือกนั่งเป็โต๊ะด้านในสุดของร้านเพื่อความเป็ส่วนตัว เพราะเวลาเย็นๆแบบนี้นักศึกษาและนักเรียนจากวิทยาลัยเทคนิคค่อนข้างเยอะน่ะ
“ป้าแพร^_^”ซึ่งผิดกับฉันที่ลุกขึ้นยืนและเอ่ยเรียกป้าแพรไปด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจ
พรึบ
ป้าแพรวางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบที่เป็สีชมพูที่เธอเข็นมาลงและโผเข้าสวมกอดฉันทันที ฉันก็กอดตอบเธอไปเธอกอดฉันแน่น ฉันกับป้าแพรจะค่อนข้างสนิทกันเพราะเธอเป็คนเลี้ยงฉันมาั้แ่เกิดน่ะ เธอรักและเอ็นดูฉันมาก
“คุณหนูของป้า^7^”ป้าแพรคลายกอดฉันและยื่นมือลูบไปตามท่อนแขนของฉันด้วยสายตาเป็ห่วง
“นั่งก่อนนะคะ^7^”ฉันเอ่ยชวนป้าแพรให้นั่งลง เธอก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเป็คำตอบให้ฉัน
“ป้าแพรจะรับน้ำอะไรดีคะ?”
“ไม่ล่ะค่ะคุณหนู…ขอบคุณนะคะ^_^”
“ค่ะ…”
“คุณหนูเป็ยังไงบ้างคะ…เื่ที่พัก…สะดวกสบายดีไหมคะ?”ป้าแพรเอ่ยเปิดประเด็นพร้อมกับมองหน้าฉันด้วยแววตาสั่นไหวที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเธอเป็ห่วงฉันมากจริงๆ อาจจะมากกว่าแม่แท้ๆของฉันเสียอีกด้วยซ้ำ
“สบายดีค่ะ…”
“แล้วป้าแพรล่ะค่ะ..สบายดีไหม?”
“สบายดีค่ะ…คุณหนูไม่ต้องเป็ห่วงป้านะคะ…”
พรึบ
“อะไรคะ?”ฉันเอ่ยถามป้าแพรไปอย่างสงสัยที่เธอยื่นซองจดหมายสีขาวให้ฉัน ฉันก็มองหน้าเธอสลับกับซองจดหมายนั่น
“เงินค่ะ…คุณหนูออกจากบ้านมามีเงินติดตัวแค่ไม่ถึงหมื่น…”
“แถมบัตรเครดิตของคุณหนูก็ถูกอายัดเงินในธนาคารก็ถูกอายัดไปด้วยอีก…”ป้าแพรพูดเสียงสั่นเครือดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยน้ำสีใส ทำให้ฉันถึงกับน้ำตาเอ่อคลอตามไปด้วย
พรึบ
ฉันยื่นมือไปกุมมือป้าแพรและคลี่ยิ้มบางๆให้เธอ
“หนูสบายมากค่ะ…ไม่ลำบากเลย…”ฉันเอ่ยตอบป้าแพรไปและยิ้มให้เธอดูว่าฉันอยู่ได้ และสบายดี
“หนูอยู่แบบนี้ดีกว่ากลับไปอยู่บ้านอีกค่ะ…”ฉันพูดออกไปอย่างหนักแน่น
“ป้าแพรเก็บเงินไว้เถอะนะคะ…เอยมีพี่คีรีคอยช่วยเหลืออยู่แเล้ว…”
“สบายมากค่ะ^_^”
“ค่ะ…แค่ป้ารู้ว่าคุณหนูเอยมีคุณคีรีคอยช่วยเหลือและดูแลป้าก็เบาใจขึ้นมาเยอะเลยค่ะ…^_^”ป้าแพรเอ่ยบอกฉันพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เพราะป้าแพรรู้จักพี่คีรีมาั้แ่เด็กๆน่ะฉันเองก็โชคดีที่การออกมาจากบ้านของฉันในครั้งนี้ได้รับการช่วยเหลือจากพี่คีรี ถ้าฉันไม่มีเขา ฉันคงแย่กว่านี้แน่
“ของๆคุณหนูป้าเอามาให้หมดเลยนะคะ^_^”
“ขอบคุณค่ะป้า…”
“แล้วคุณแม่ตามหาหนูบ้างไหมคะ?”ฉันเอ่ยถามป้าแพรไปอย่างสงสัย ป้าแพรก็ทำสีหน้าอ้ำๆอึ้งๆเหมือนลำบากใจที่จะตอบ ซึ่งฉันเองที่เห็นสีหน้าของป้าแพรก็พอจะรู้แล้ว ว่าคุณแม่ไม่ได้ออกตามหาฉันและไม่ได้สนใจฉันเลยด้วยซ้ำไป
“คุณผู้หญิงคงคิดว่าคุณหนูเอยไปอยู่กับคุณคีรีนะคะ…ท่านเลยไม่ห่วง…”
“ค่ะ…ท่านคงจะกำลังยุ่งอยู่กับการจัดงานแต่งงานใช่ไหมคะ?”
“ค่ะ…”
“คุณหนูจะไปร่วมงานแต่งของคุณผู้หญิงไหมคะ?”
“เดือนหน้าใช่ไหมคะ?”
“ค่ะ…”
“หึ…ก็คงไปอ่ะค่ะ”ฉันตอบป้าแพรไปพลางทำสีหน้ามีเลศนัย ฉันจะไป ไปแบบทำให้คนทั้งงานตกตะลึง และคนที่จะร้อนรนใจที่สุดก็คงจะเป็เ้าสาววัยสี่สิบปี…หึ!แล้วเจอกันค่ะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้