"เคราแดงคนนี้ดูเหมือนจะเรียบง่ายไร้พิษสงแต่ที่จริงแล้วเ้าเล่ห์พอตัว" เหงื่อเย็นเยียบไหลท่วมตัวฉินโจ้วในขณะที่เขาใช้ทักษะรักษาชีพอยู่หลายครั้งเพื่อเพิ่มพลังชีวิตของเขาไม่น่าทะนงตัวไปหน่อยเลยเรา ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ยังรู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจเ้าเคราแดงคนนี้ช่างสายตาเฉียบคมนักถึงขนาดมองเห็นสภาวะล่องหนของเขาทั้งที่อยู่ไกลตั้งขนาดนั้นดูท่าน่าจะเป็ระดับผู้เชี่ยวชาญเป็แน่
แต่คิดว่าแค่นี้จะหยุดฉันได้รึ? น้ำเสียงของเขาออกแนวเย้ยหยัน
ะเิควันถูกโยนขึ้นไปในอากาศก่อนที่ควันสีดำหนาทึบจะกระจายไปทั่วบริเวณจนปกคลุมไปทั่วทั้งกำแพงป้อมฉินโจ้วพุ่งกลับไปที่ประตูด้วยความเร็วสูงสุดก่อนจะโปรยผงหินเหล็กไฟลงไปพร้อมกับจุดไฟจากนั้นเปลวไฟก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะลามไปทั่วประตู ฉินโจ้วไม่ได้อยู่รอดูผลเขารีบหันหลังกลับโดยทันที ซึ่งก็กินเวลาไปหลายอึดใจกว่าจะกลับมาถึงใน่ระหว่างนั้น พลธนูก็ยังคงยิงธนูลงมาอย่างต่อเนื่องแต่เนื่องจากไม่สามารถเล็งเป้าได้ถนัด เพราะควันดำที่ปกคลุมจนมองไม่เห็นเป้าหมายถึงกระนั้นลูกธนูก็ยังเล็ดลอดมาถึงตัวของฉินโจ้วได้ถึงสามดอกแต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายมากนัก
ในขณะที่ควันเริ่มจางหายไปประตูค่ายก็กลายสภาพเป็เถ้าถ่าน เผยให้เห็นเป็ช่องขนาดใหญ่
สีหน้าของเคราแดงยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าประตูกำลังถูกเพลิงเผาไหม้ เขาแค่ออกคำสั่งอย่างเยือกเย็นว่า"พลธนูจงยิงต่อไป ส่วนคนอื่นๆ ออกไปจัดการกับศัตรูก่อนจะตัดหัวมันมาเอาไวน์มาด้วย"
"โอ๊ส"กลุ่มโจรูเาตอบด้วยเสียงคำราม ด้วยความเชื่อถืออย่างแรงกล้าทำให้เห็นได้ว่าเคราแดงนั้นมีความน่าเกรงขามเป็อย่างมาก
กลุ่มโจรูเาวิ่งออกมาพร้อมกับรังสีของความโหดร้ายทั้งหมดมีประมาณ 150 คน พวกเขาดูดุดัน เหี้้ยมเกรียมฉายแววแห่งความโเี้ออกมาราวกับมีคนจำนวนมากได้จบชีวิตด้วยน้ำมือของเขามาแล้วนับไม่ถ้วน
มีพื้นราบอยู่นอกกำแพงเป็ที่กลุ่มโจรูเาใช้สำหรับฝึกฝนเป็ประจำ ซึ่งมีความกว้างใหญ่พอสมควรและไม่มีปัญหาที่จะรองรับคนจำนวน 3-5 ร้อยคนได้อย่างสบายกลุ่มโจรพุ่งตรงเข้ามารุมล้อมอย่างรวดเร็วแต่เนื่องจากเป็โจรดังนั้นถึงจะดูร้ายกาจ แต่ก็ไม่มีระเบียบและแบบแผน
มันก็เป็เพียงแค่กลุ่มคนจำนวนที่ไม่หวาดกลัวต่อความตาย
ฉินโจ้วรู้สึกยินดีและไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อยถ้าเคราแดงออกมาด้วยตัวเองนี่สิถึงควรจะต้องกังวลแต่ก็ไม่รู้ว่าเคราแดงกำลังคิดอะไรอยู่เขายังคงยืนอยู่บนกำแพงโดยไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด
ฉินโจ้วร่ายเวทอัญเชิญอย่างเงียบกริบทหารม้าโครงกระดูกสี่ตัวปรากฏขึ้นจากฟากฟ้าสองตัวอยู่ด้านหน้ากลุ่มโจรที่คอยปิดกั้น หอกของพวกมันแทงออกมาในทันทีก่อนจะปรากฏรูกลวงที่ลำคอของโจรูเาทั้งสองคน พวกมันถูกสังหารภายในชั่วพริบตาทหารม้าโครงกระดูกซ้ายขวาคอยป้องกันการโจมตีจากด้านข้างส่วนทหารม้าโครงกระดูกอีกสองตัวคอยอยู่แนวหลังอีกชั้นหนึ่งดูแล้วให้ความมั่นคงปานเทือกเขาไท่ซา
ทันใดนั้นฉินโจ้วก็ถูกตรวจพบเขาจึงไม่ใช่สภาวะล่องหนอีกต่อไป
กลุ่มโจรูเานั้นมีความแข็งแรงมากแต่เนื่องจากพลังโจมตีที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับทหารม้าโครงกระดูกของฉินโจ้วแล้วยังต่ำกว่าพอสมควรผ่านไปไม่นานพวกโจรก็เริ่มล้มตายไปหลายสิบคนแล้ว
"พวกแกก็ลงไปด้วย"เคราแดงออกคำสั่งแก่นักธนู
"โอ๊ส"พลธนูก็รีบลงจากกำแพงในทันทีก่อนที่จะวิ่งออกมาทางประตูหน้า ตอนนี้ก็เหลือเคราแดงอยู่บนกำแพงเพียงลำพัง
"ยิงได้"
เขาก็ไม่แน่ใจว่าใครเป็คนออกคำสั่งจากนั้นก็มีลูกธนูไม่ต่ำกว่า 150 ดอก พุ่งตรงมาที่ฉินโจ้วอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฉินโจ้วใกลัวก่อนที่จะกลิ้งหลบซ้ายทีขวาที แต่ก็โดนไปหลายดอก ยังโชคดีที่ลูกธนูส่วนใหญ่ถูกทหารโครงกระดูกป้องกันไว้ไม่อย่างนั้นแล้วดูท่าว่าร่างของเขาคงน่าจะพรุน
"เสี่ยวจินลุยเลย" ฉินโจ้วออกคำสั่งให้เสี่ยวจินบุก
ตามมาด้วยเสียงของฝูงผึ้งผึ้งเพชฌฆาตไม่ต่ำกว่าโหล ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันก่อนจะบินตรงเข้าไปที่ค่ายของพลธนูพร้อมกับเหล็กไนจำนวนไม่น้อยถึงแม้ว่าไม่ทำให้าเ็ถึงตาย แต่ก็เ็ปอยู่ไม่น้อยทันทีที่พลธนูโดนต่อยเข้าไปก็เริ่มส่งเสียงโวยวายกรีดร้อง ก่อนจะมีบางส่วนที่ไม่โดนต่อยก็เริ่มหลบหนีออกไปทำให้เริ่มเสียกระบวน ลูกธนูก็เริ่มลดน้อยลงจนแทบจะไม่เหลือ
ผึ้งเพชฌฆาตเหล่านี้ตัวไม่ใหญ่ถึงแม้ว่าพลังชีวิตจะไม่มาก แต่พวกมันมีความคล่องตัวสูงมาก พลธนูนั้นไม่มีคบเพลิงและอาวุธที่ร้ายแรงดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะจัดการกับผึ้งเพชฌฆาตได้เลยและยิ่งเป็ไปแทบไม่ได้เลยถ้าจะยิงด้วยธนูและลูกธนูพลธนูเวทคงไม่น่ามีผลอะไรมากนักพลธนูหลายคนเอามือป้องศีรษะไว้ก่อนจะวิ่งไปมากันชุลมุน
ดาบลมรูปจันทร์เสี้ยวตัดผ่านคอของโจรูเาสองคนไปไวปานฟ้าแลบเห็นเพียงรอยเืทะลุผ่านไป อาจจะเป็เพราะด้วยความเร็วโจรูเาจึงยังไม่ทันได้รู้สึกถึงความเ็ป หลังจากเดินไปได้สองก้าวพวกมันก็ล้มลงกับพื้น และยังไม่รู้เลยว่าได้รับาเ็อย่างไรจนกระทั่งตาย
เมื่อไม่มีการคุกคามจากพลธนูฉินโจ้วก็ค่อยหายใจได้อย่างโล่งอก เขากำลังเพ่งความสนใจมาที่เวทมนตร์หลังจากหลายวันก่อนของการฝึกฉินโจ้วเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับเวทมนตร์ลึกซึ้งขึ้นมากกว่าแต่ก่อนซึ่งพลังโจมตีเวทของเขานั้นเบามากอาจเป็เพราะแต่ละทักษะก็มีลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นหนามกระดูกที่มีพลังทะลุทะลวงสูง แต่เทียบกับดาบลมนั้นจะมีความเร็วค่อนข้างสูงกว่าตราบใดที่ใช้ได้ถูกต้องตามสถานการณ์ ก็ย่อมจะมีส่วนช่วยได้มากทีเดียว
ภายใต้การโจมตีที่เฉียบคมของทหารโครงกระดูกใช้เวลาไม่นานก็สังหารโจรูเาไปไม่ต่ำกว่า 100 ศพจากนั้นก็พุ่งตรงไปที่ค่ายของพลธนูเป็เป้าหมายถัดไป
หลังจากเข้าใกล้พลธนูพลธนูก็เท่ากับหมดความสามารถในการโจมตีไปใช้เวลาไม่นานเหล่าพลธนูก็ถูกจัดการโดยฉินโจ้วและทหารโครงกระดูกรู้สึกว่าตอนนี้สถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนฝั่งเสียแล้วแต่เคราแดงก็ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด เขาเพิกเฉยก่อนจะจ้องมองด้วยสายตาเ็าก่อนจะปล่อยให้ฉินโจ้วจัดการสังหารคนของเขา
ประกายแสงสีฟ้าส่องประกายออกมาจากตัวฉินโจ้วทักษะดาบลมได้เพิ่มระดับ
เทคนิคดาบลม: เลเวล 50 ความเชี่ยวชาญ 0.5% ปลดปล่อยดาบลม 10 เล่มออกมาในเวลาเดียว ใช้พลังจิต10 หน่วยต่อการสร้างดาบลมหนึ่งครั้ง เวลาร่ายเวท : 2 วินาที
ปล่อยออกมาได้พร้อมกันใช้พลังจิตแค่ 10 หน่วย เพื่อปล่อยดาบลม 10 อัน ดูแล้วเหมือนจะแรงขึ้นกว่าระดับพื้นฐานที่สำคัญก็คือ ลดเวลาการร่ายเวทลงอีก 1 วินาทีนี่ก็จะทำให้เพิ่มความเร็วในการโจมตีได้มากขึ้นไปอีก
เมื่อโจรูเาคนสุดท้ายล้มลงเสี่ยวจินก็เพิ่มระดับเป็เลเวล 22 แล้วเนื่องจากมันมีพลังมากขึ้นเลยถูกใช้งานมากขึ้นด้วย และได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ฉินโจ้วเปลี่ยนทหารโครงกระดูกใหม่ยกชุดเพื่อที่ทหารโครงกระดูกจะได้เจอกับเคราแดงในสภาพสมบูรณ์ที่สุดถ้าเคราแดงสามารถมองเห็นสภาวะล่องหนของเขาได้ก็แสดงว่าระดับเลเวลหรือความแข็งแกร่งนั้นต้องสูงกว่าน่าจะเป็ศัตรูที่แข็งแกร่งพอสมควร
ฉินโจ้วมองไปที่เคราแดงซึ่งเคราแดงเองก็กำลังหันมามองฉินโจ้ว พอดี สายตาทั้งคู่ประสานกันกลางอากาศก่อนที่เคราแดงจะยิ้มยิงฟันสีเหลืองให้กับฉินโจ้วหลังจากนั้นเขาก็ย่อตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะะโขึ้นทันทีร่างทั้งร่างพุ่งตรงมาในอากาศราวกับะุปืน ลอยข้ามมาเป็ระยะทางราว 10 เมตรก่อนจะตามมาด้วยเสียง ''ตูมม'' ซึ่งอยู่ตรงหน้าของฉินโจ้วพอดิบพอดีเป็ความเร็วที่คนทั่วไปยากที่จะมองตามทัน
เหมือนกับการตกใส่ของอุกกาบาตลงสู่พื้นเคราแดงลงมายืนอย่างมั่นคงบนพื้น ร่างกายของฉินโจ้วถึงกับสั่นะเื พร้อมกับ-120 ที่ลอยขึ้นเหนือหัว ฉินโจ้วก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วและจ้องมองเคราแดงหน้าตาของเขาดูไม่เป็ธรรมชาติ น่าสงสัยว่าชายคนนี้จะทำอะไรได้มากมายแค่ไหนกัน
"แกน่ะฆ่าตัวตายไปซะ" เคราแดงพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย เสียงของเขานั้นทั้งแหบทั้งต่ำ
"ว่าไงนะ?"สมองของฉินโจ้วถึงกับคิดตามไม่ทัน สมองของเคราแดงมีปัญหาหรือเปล่าหรือว่าหูของเขาต่างหากที่เพี้ยนมีใครบางคนที่กำลังบอกกับเขาว่าให้ฆ่าตัวตายเนี่ยนะ?"
เสียงหวีดแหลมถูกส่งออกมา
ฉินโจ้วรู้สึกว่าร่างของตัวเองกำลังสั่นหลังจากนั้นร่างทั้งร่างก็เริ่มะเืเหมือนตอนที่โดนอุกกาบาตตกใส่มีแรงถูกส่งเข้าโดยที่ร่างกายไม่สามารถต่อต้านได้ เนื่องจากเขาบินไม่ได้ดังนั้นเขาจึงตกลงมาหลังจากที่ร่างกายลอยขึ้นไปสูงราว 10 ฟุตก่อนจะมองเห็นดาวระยิบระยับตอนกลางวันแสกๆ
"เอ๋...ยังไม่ตายอีกแฮะ น่าสนใจจริงๆ" เคราแดงเดินเข้ามาหาฉินโจ้วทีละก้าวในขณะที่เขากำลังดิ้นรนที่จะลุกขึ้น ทุกย่างก้าวที่เดินจะเกิดเสียงดังขึ้นเมื่อระยะใกล้เข้ามา การสั่นะเืก็เริ่มที่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆซึ่งดูเหมือนเขากำลังรวบรวมพลัง
ฉินโจ้วลุกขึ้นยืนอย่างโงนเงนสิ่งแรกที่เขาทำก็คือสั่งให้ทหารโครงกระดูกทั้งหลายโจมตีในตอนนี้หัวสมองของเขายังคงมึนงงอยู่เล็กน้อยคลับคล้ายคลับคลาว่าถูกเคราแดงโจมตีใส่ที่หน้าอก แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจนักเพราะเคราแดงโจมตีเร็วมาก เขามองเห็นไม่ชัดเจนใน่เวลาวิกฤติเหมือนจะมีแสงจากผ้าคลุมมาช่วยป้องกันฝ่ามือและช่วยชีวิตของฉินโจ้วไว้
ทหารโครงกระดูกที่อยู่ใกล้เคราแดงที่สุดมันเดินเข้าไปสองก้าวก่อนที่จะฟันเคียวสีดำไปที่คอของเคราแดงหมายจะตัดให้ขาดในคราเดียวถ้าฟันโดนล่ะก็ เคราแดงก็เคราแดงเถอะแยกเป็สองส่วนแน่นอน
ใครจะคิดว่าเคราแดงนั้นไม่คิดจะหลบเลยทันทีที่เคียวฟันถูกที่คอ พลันเกิดเสียงดังขึ้น แต่ปรากฏว่าคอของเคราแดงยังอยู่แต่เคียวนั้นกระเด้งออกมา เคราแดงจ้องมองมาทางทหารโครงกระดูกั์ตาแสดงถึงความโกรธเกรี้ยว
"ระวัง"ฉินโจ้วไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากส่งเสียงเตือน แต่เป็ที่น่าเสียดายสายไปเสียแล้ว
เกิดแสงสีทองสว่างวาบขึ้นก่อนที่เคราแดงจะตบฝ่ามือไปที่ทหารโครงกระดูกด้วยความโเี้ ทันทีที่กระทบถูกทหารโครงกระดูกก็ปลิวออกไปไกล ก่อนที่ร่างจะแตกกระจายกลางอากาศเมื่อมันตกลงถึงพื้น ก็ยากที่จะบอกได้ว่าชิ้นส่วนไหนเป็ส่วนไหน
เคราแดงยังคงเดินตรงเข้ามาหาฉินโจ้วก่อนที่ทหารโครงกระดูกสองตัวจะเข้ามาขวางทางไว้ แสงจากเคียวส่องประกายก่อนที่จะโจมตีใส่เคราแดงพร้อมกันทั้งสองฝั่ง ทั้งซ้ายและขวามีรอยเืสองรอยพุ่งออกมา เคราแดงมีรอยแผลที่คอและอกแต่มันก็เป็เพียงรอยแผลเท่านั้น
เคราแดงดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความเ็ปแสงสีทองส่องประกายอีกครั้งก่อนที่สองฝ่ามือจะตบไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าพลังของฝ่ามือช่างแข็งแกร่งมากเสียนี่กระไรเสียงกระดูกของทหารโครงกระดูกทั้งสองตัวแตกหักอย่างน่าสยดสยองฝ่ามือของเคราแดงทำให้ทหารโครงกระดูกตายในทันที ถึงแม้ว่ามันจะตายอีกไม่ได้แล้วก็ตาม
5ก้าว 4 ก้าว
เสียงผึ้งบินหึ่งๆผึ้งเพชฌฆาตจำนวนกว่าโหลอยู่ล้อมรอบตัวของเคราแดงก่อนจะเลือกจุดที่เปราะบางเพื่อโจมตี ได้แก่ดวงตา หูและแม้แต่รอยแผลทั้งสองแห่งก็เป็เป้าสำหรับการโจมตี
เคราแดงขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาไม่รู้วิธีว่าจะรับมือกับมันได้อย่างไร เขาเคยฝึกแต่กังฟู เช่น ภูษาเหล็กแต่เขาไม่ได้บำเพ็ญเพียรเป็ผู้ฝึกตนไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงไม่ถูกทหารโครงกระดูกฟันจนเป็แผลยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่ไม่ติดพิษอีกด้วย
ฉินโจ้วถอนหายใจโล่งอกเขาเตรียมร่ายเวทอัญเชิญแล้ว อีกแค่วินาทีเดียวเขาก็จะอัญเชิญทหารม้าโครงกระดูกได้ดังนั้นเขาจึงไม่กังวล เพราะค่อนข้างมั่นใจในทหารโครงกระดูก
ทันใดนั้นร่างก็เลือนหายไปในพริบตา
อยู่ๆเคราแดงก็ปรากฏกายอยู่ต่อหน้าฉินโจ้วเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้วิธีไหนถึงป้องกันการแทงจากผึ้งเพชฌฆาตได้จากนั้นฝ่ามือของเคราแดงก็ตบลงมาที่อกของฉินโจ้วฉินโจ้วรู้สึกเหมือนถูกรถสิบล้อพุ่งชนอย่างไรอย่างนั้นแล้วเขาก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองจะบินได้ ก่อนที่จะตกลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปอีกหลายตลบเหมือนกระดูกก้นกบของเขาน่าจะแตกหักไปแล้วพลังชีวิตของเขาลดลงจนถึงจุดต่ำสุดก่อนที่จะกะพริบวาบและเขาก็...ตายสิครับท่านผู้ชม
สามวินาทีต่อมาแสงสีขาวพวยพุ่งขึ้นจากร่างกายก่อนที่เขาจะกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งผ่านจุดวิกฤติมาได้แต่ก็ยังคงต้องพึ่งพิงอุปกรณ์สวมใส่อยู่ดี
มันเป็เวลาเพียงไม่กี่วินาทีั้แ่เคราแดงะโจากกำแพงและพูดกับฉินโจ้วว่า ให้ฆ่าตัวตายซะ จนกระทั่งฉินโจ้วฟื้น อย่างไรก็ดีใน่เวลาไม่นาน ฉินโจ้วได้เสียชีวิตไปแล้วถึง 2 รอบกับทหารโครงกระดูกที่ตายไปสามตัว ซึ่งน่าประหลาดใจว่าทำไมคนร้ายที่มีหมายจับถึงแข็งแกร่งที่สุดมากกว่าศัตรูที่ฉินโจ้วเคยพบมา
เคราแดงรู้สึกประหลาดใจอีกครั้งเขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงฆ่าฉินโจ้วแล้วไม่ตาย แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรในใจคิดเพียงแต่ว่าถ้าสามารถฆ่าได้สองครั้ง เขาก็แค่ฆ่าครั้งที่สามและสี่ซึ่งเขามีเวลาเสมอให้กับการฆ่า มันเป็แค่เื่ของเวลาสิ่งสุดท้ายที่เขาขาดก็แค่เวลา
"หน่วง"
กระแสลมสีเทาพุ่งใส่ร่างของเคราแดงก่อนที่ความเร็วของเขาจะเริ่มลดลงเล็กน้อยหลังจากนั้นะเิสายฟ้าสองลูกก็พุ่งกระทบเคราแดง ก่อนจะเกิดะเิขึ้นตัวเลขความเสียหายแสดง -5,000 และ -5,000 ขึ้นมาแต่นั่นเพียงแค่ทำให้เคราแดงได้รับาเ็
"หน่วง"
ทักษะหน่วงครั้งที่สองทำให้เคราแดงหยุดอยู่ห่างจากฉินโจ้วอย่างน้อย 10 ก้าวอาจเพราะว่าทหารม้าโครงกระดูกได้ถูกอัญเชิญขึ้นมาความแข็งแกร่งของทหารม้าโครงกระดูกไม่สามารถเทียบกับทหารโครงกระดูกได้เคราแดงรู้สึกได้ในทันทีถึงการถูกคุกคาม ทหารม้าโครงกระดูกนั้นมีความเร็วสูงและไม่มีนิสัยชอบทักทายใครดังนั้นมันจึงเริ่มโจมตีในทันที หอกดำแทงไปที่เคราแดงอย่างต่อเนื่องตัวเลขความเสียหาย -350 -360 -356 -382 -450
ทักษะการต่อสู้ของเคราแดงนั้นแข็งแกร่งเหนือกว่าที่คาดเอาไว้มากนักทหารม้าโครงกระดูกสามารถทำให้เกิดาแขึ้นบนร่างของเคราแดงได้แต่ยังไม่สามารถแทงทะลุ หรือจัดการได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ปัง!
เคราแดงตบไปที่ม้าของทหารม้าโครงกระดูกทั้งทหารโครงกระดูกและม้าถึงกับะเืไปทั้งคู่ตำแหน่งของม้าที่ถูกกระแทกเริ่มมีรอยแตก จากนั้นรอยร้าวเริ่มขยายออกไปทั่วกระดูก
ปัง!
ฝ่ามืออีกข้างกระแทกเข้าไปที่ตำแหน่งเดิมม้าโครงกระดูกถึงกับทรงตัวไม่อยู่ ก่อนที่จะแตกสลายไป ทหารม้ากลิ้งหล่นไปที่พื้นก่อนที่พลังชีวิตจะหายไปครึ่งหนึ่ง
เขาไม่รู้ว่าทักษะฝ่ามือที่เคราแดงใช้นั้นคืออะไรแต่มันทรงพลังเป็อย่างมาก ใน่ที่แสงสีทองส่องประกายมันเป็ไปไม่ได้เลยที่จะเข้าไปช่วยม้าโครงกระดูกที่ถูกฝ่ามือจนแตกสลายมันแทบจะไม่เหลือชิ้นดี แต่โชคดีที่จุดที่โดนมันอยู่ต่ำ (ตามความสูงของเคราแดง)เพราะถ้าสูงกว่านี้อีกนิดทหารม้าโครงกระดูกก็คงกลับบ้านเก่าไปแล้ว
"อ่อนแรง"
กระแสลมสีเทาพุ่งตรงไปที่เคราแดงทำให้เคราแดงถึงกับอ่อนแอลงชั่วขณะ แต่ความโหดยังคงอยู่ คราวนี้เขาใช้ 3ฝ่ามือเพื่อจัดการทหารม้าโครงกระดูกตัวที่สอง
หึ่งๆๆๆๆเสียงของผึ้งเพชฌฆาตดังขึ้นอีกรอบ
เป็อีกครั้งที่ผึ้งเพชฌฆาตมีบทบาทในการก่อกวนศัตรูถึงแม้ว่าพิษมันจะสร้างความเสียหายให้กับเคราแดงได้แค่ -10 -10 -20 -20 ก็ตามแต่มันก็ช่วยบดบังการมองเห็นของเคราแดงทำให้ไม่สามารถมุ่งตรงมาหาฉินโจ้วได้เร็วขึ้นวิธีจับโจรเพื่อไล่จับหัวโจกคงจะใช้ไม่ได้ผลเสียแล้ว
ฉวยโอกาสตอนที่ยังมีโอกาสฉินโจ้วเปลี่ยนทหารม้าโครงกระดูกสองตัวออก และเพิ่มทหารโครงกระดูก 3 ตัวและทหารโครงกระดูกจิ๋วอีก 10 ตัว โดยทหารม้าโครงกระดูกนั้นโจมตีเป็หลักส่วนทหารจิ๋วก็เอาเป็เบี้ยรับฝ่ามือไปพลางๆ
มดจำนวนมากก็สามารถที่จะจัดการกับช้างตัวใหญ่ได้ภายใต้การรายล้อมด้วยสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก พลังชีวิตของเคราแดงก็ค่อยๆ เริ่มลดลงแต่ถึงอย่างนั้นในฝั่งของฉินโจ้วนั้นมันไม่ง่ายเลยเนื่องจากเขาต้องรับความเ็ปอย่างมากที่เกิดจากการาเ็และเสียชีวิตหลายต่อหลายครั้งจนทำให้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยาแแห่งความเ็ป
สองนาทีต่อมาทหารโครงกระดูก 6 ตัว และผึ้งเพชฌฆาต 23 ตัวตาย
5นาทีต่อมา ทหารโครงกระดูกทั้งหมดโดนฆ่าเรียบ เหลือแค่ผึ้งเพชฌฆาต 3 ตัว
10นาทีต่อมา ทหารโครงกระดูกทั้งหมดถูกฆ่า ฉินโจ้วใช้ทักษะ "หน่วง" และ"อ่อนแรง" จนเลเวลทักษะเพิ่มถึงเลเวล 50
อ่อนแรง: ระดับเลเวล 50 ความชำนาญ 1.2% ลดค่าสถานะความแข็งแกร่งทุกอย่างของเป้าหมายลง 20%เป็เวลานาน 20 วินาที ซึ่งสามารถใช้ซ้ำกับเป้าหมายเดิมได้โดยจะลดค่าสถานะเพิ่มอีก1% (ผลของทักษะจะขึ้นอยู่กับเลเวลของทักษะ และจะได้ผลน้อยลง ถ้าเลเวลของเป้าหมายสูงกว่าผู้เล่น) ใช้ค่าพลังงานิญญา 5 หน่วยต่อการใช้ในแต่ละครั้งระยะเวลาในการเรียกใช้ทักษะ 2 วินาที
ทักษะการหน่วงเหนี่ยว: ทักษะระดับต้น เลเวล 50 ความเชี่ยวชาญ 0.8% ทำให้ศัตรูอยู่ในสถานะติดลบความเร็วลดลง 20% ระยะเวลา : 20 วินาที ประสิทธิภาพทับซ้อนทับซ้อนครั้งหนึ่งส่งผลให้ค่าเพิ่มขึ้น 1% (หมายเหตุ :ถ้าศัตรูมีระดับสูงกว่าผู้เล่น ประสิทธิภาพจะลดลงเปลี่ยนแปลงตามระดับที่เปลี่ยนไป) ใช้พลังิญญา : 5 แต้มต่อครั้งระยะเวลาการร่ายเวท : 2 วินาที
สิบห้านาทีต่อมาเมื่อทหารม้าโครงกระดูกตายและสลายไป
ณตอนนี้ โจรูเาที่หุบเขาหัววัว รวมทั้งหัวหน้าโจรเคราแดงทั้งหมดรวม 3,000 คนได้ถูกจัดการครบเรียบร้อย
ขาของฉินโจ้วถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงก่อนที่จะทรุดลงไปนั่งกับพื้น เหนื่อยโคตร...