เหงื่อเย็นซึมออกทั่วร่างกายของโจวซื่อ นางสะท้านเล็กน้อย มีดในมือของนางก็ตกลงไปที่พื้นเสียงดัง "ปัง"
เมื่อได้ยินเสียง ฟางซื่อก้าวถอยหลังทันที มือขวากุมหน้าอกด้วยความใ มีดเล่มนั้นอยู่ห่างจากหลังเท้าของนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เดิมทีเท้าถูกทุบย่อมไม่เป็ไร แต่ถ้าถูกทุบด้วยมีด ฟางซื่อคิดแล้วก็ขนหัวลุกซู่ไปทั่วร่างกาย ใบหน้าของนางไม่น่ามองในทันที
โจวซื่อมองหลินกู๋หยู่ด้วยความหวาดกลัว ร่างกายของนางตึงเครียด สีหน้าของนางน่าเกลียดมาก หมุนตัวหันหลังกลับเดินออกไปข้างนอก
ฟางซื่อมองไปที่มีดบนพื้นด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง นางค่อยๆ นั่งยองลงหยิบมีดขึ้นมาจากนั้นส่งให้หลินกู๋หยู่
“น้องสะใภ้สาม” มือของฟางซื่อสั่นเทิ้ม ขณะที่ยื่นมีดให้หลินกู๋หยู่ นางหวาดกลัวคล้ายกวางที่ถูกกระแทกอย่างดุเดือดอย่างไรอย่างนั้น “มีดนี้ให้เ้า”
เมื่อมองไปที่หลินกู๋หยู่ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับนาง ร่างของนางดูผอมบางมาก แต่ใบหน้ากลับดูสง่างามและอ่อนโยน ในดวงตาของนางก็เผยความอ่อนโยนเช่นเดียวกัน ซึ่งทำให้คนไม่สามารถละสายตาจากนางไปได้อยู่หลายส่วน
“ขอบคุณ พี่สะใภ้รอง” หลินกู๋หยู่หยิบมีดจากมือของฟางซื่อ นางนั่งข้างเตียงของฉือเย่
เด็กสาวจับแขนของฉือเย่ จากนั้นกรีดแขนเล็กน้อยอย่างระมัดระวัง ก่อนนำชามเืมาและช้อนของเหลวขุ่นรินลงบนปากแผลที่มีเืออกของฉือเย่
ฟางซื่อยืนอยู่ข้างๆ ดูกระบวนการรักษาของหลินกู๋หยู่ด้วยความสยดสยอง นางลอบจำมันไว้ในใจ
เมื่อมองไปที่แผลบนแขนของตนเอง ฉือเย่ไม่รู้สึกเ็ปมากนัก
หลังจากช่วยฉือเย่ทำความสะอาด หลินกู๋หยู่และฉือหางสองคนก็เดินออกไปข้างนอก
“สถานการณ์ของน้องสี่แย่มาก” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองฉือหาง “ยังต้องใช้ตุ่มฝีดาษวัวอีกจำนวนมาก!”
ฉือหางไม่เข้าใจในสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูดมากนัก แต่เขารู้สึกว่าสิ่งที่ภรรยาของเขาพูดนั้นถูกต้อง "แล้วต้องทำอย่างไร?"
"ใน่หลายวันนี้ทำได้เพียงไปหาพี่หญิงสูและเอาตุ่มฝีดาษกลับมา"
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในขณะเดินตามฉือหางออกจากลานบ้านด้านทิศตะวันออก จู่ๆ ก็เห็นโต้ซานั่งยองๆ อยู่บนธรณีประตูของเรือนหลัก
เมื่อโต้ซาได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหว เด็กน้อยก็เงยหน้าขึ้น เห็นหลินกู๋หยู่และฉือหางกำลังเดินมาจากลานบ้านด้านข้าง ลูกตาดำของเขาเป็ประกายสดใส รีบยืนขึ้นทันที "ท่านแม่!"
ฉือหางถูกโต้ซาเพิกเฉยอีกหนแล้ว
เดิมทีโจวซื่อกำลังทำงานอยู่ในบ้าน แต่เมื่อนางได้ยินเสียงของโต้ซา นางจึงเดินไปถึงด้านหลังโต้ซาอย่างรวดเร็ว เมื่อโต้ซากำลังจะรีบเข้าไปหาหลินกู๋หยู่ นางก็คว้าโต้ซาอุ้มและเดินเข้าไปในบ้าน พลางพูดกับคนสองคนที่กำลังยืนอยู่ในลานบ้านอย่างหมดความอดทนว่า "พวกเ้าสองคนรีบกลับไปเถอะ!"
โต้ซาร้องไห้เรียกหาท่านแม่ เสียงร้องไห้จนแทบจะขาดใจทำให้หลินกู๋หยู่รู้สึกปวดใจอย่างสุดจะทน
เพียงแต่ว่าตอนนี้นางยังป่วยอยู่ ดังนั้นจึงเป็การดีกว่าที่จะไม่เข้าใกล้โต้ซา
หลินกู๋หยู่และฉือหางกลับมาที่ลานบ้านของพวกเขาเอง จากนั้นหลินกู๋หยู่ก็รู้ตัวว่านางหิวข้าวแล้ว ดังนั้นจึงเริ่มเตรียมตัวทำอาหาร
หลังจากทานอาหารเสร็จ หลินกู๋หยู่ก็บอกให้ฉือหางนอนบนเตียงแล้วช่วยฉือหางนวดตัว
ใน่สองสามวันที่ผ่านมาที่นางป่วย นางไม่ได้มาดูแลฉือหาง
นางนวดแผ่นหลังของฉือหางด้วยแรงมือที่ไม่เบาและไม่หนักเกินไป ระหว่างนั้นลูบกระดูกสันหลังของฉือหาง
"หากมีอาการปวดใดๆ เ้าบอกข้าได้ทันที" หลินกู๋หยู่นั่งคุกเข่าข้างฉือหาง พยายามนวดฉือหางอย่างเต็มแรงความสามารถ
"อืม"
แม้ว่ามันจะถูกกั้นด้วยเสื้อผ้าเพียงชั้นเดียว แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกสบายจากการนวดของหลินกู๋หยู่
เอวไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว ร่างกายก็ดูเหมือนจะยืดออกแล้ว เขารู้สึกง่วงนอนเล็กน้อย
“ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว” ฉือหางเม้มริมฝีปากเบาๆ
“ไม่มีส่วนที่รู้สึกเจ็บแล้วหรือ?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามโดยไม่สนคำพูดของฉือหาง
เมื่อหลายวันก่อนร่างกายของเขาเกือบจะดีแล้ว เพียงแต่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้คล่องเหมือนเมื่อก่อน "ไม่มีตรงไหนที่รู้สึกเ็ปแล้ว เพียงแต่บางครั้งรู้สึกอึดอัดเมื่อเคลื่อนไหวมากเกินไป"
นับว่าฟื้นตัวได้เร็วมาก
การเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่ไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย "เอวของเ้าเพิ่งจะหายดี แต่เ้ายังต้องรักษาต่อไป หลังจากนี้ไม่นานข้าเชื่อว่าเ้าจะกลับมาแข็งแรงได้เหมือนเดิม"
กลับมาแข็งแรงได้เหมือนเดิมหรือ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ดวงตาของฉือหางก็แวววาวด้วยความประหลาดใจ
เช้าตรู่ของวันต่อมา ทั้งสองคนทานอาหาร ฉือหางช่วยประคองหลินกู๋หยู่ไปที่บ้านของแม่ม่ายสู
ทางด้านแม่ม่ายสู ตอนที่หลินกู๋หยู่ช่วยลูกชายของนางไว้ นางรู้สึกขอบคุณมาก นางแทบอยากจะมอบชีวิตของนางให้กับหลินกู๋หยู่ สำหรับเื่ขอนมวัวเ่าั้ นางไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
หลังจากเอาตุ่มฝีดาษบางส่วน คราวก่อนหลินกู๋หยู่ไม่รู้วิธีจึงได้เืวัวเข้าไปด้วย แต่คราวนี้นางระวังเป็พิเศษและไม่ตัดผิดที่จนเืวัวไหลเข้าไปในชามแล้ว
แม่ม่ายสูยืนอยู่ที่ประตู มองไปที่ด้านหลังของคนทั้งสองที่เดินออกไป มุมปากของนางยกโค้งขึ้นอย่างอดไม่ได้
ชายหนุ่มประคองเด็กสาวตัวเล็กบอบบาง คอยดูแลสอบถามนางเป็ครั้งคราว
เด็กสาวที่อยู่เคียงข้างเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มคนนั้นแล้วส่งยิ้มให้
ดวงตาทั้งสองสบกัน แสงแดดสาดส่องมายังทั้งสองคน ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยชั้นของแสงสีทอง ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านไปทั่วพวกเขาทั้งสอง
สามีภรรยาที่รักกันทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะอิจฉา แม่ม่ายสูดลมหายใจ ได้ยินเสียงลูกชายของนางร้องเรียก นางเดินเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เมื่อทั้งสองกลับถึงบ้าน หลินกู๋หยู่ก็ยังคงให้ตุ่มฝีดาษวัวกับฉือเย่เหมือนเมื่อวานโดยขอให้ฉือหางช่วยทำความสะอาดร่างกายของฉือเย่ ส่วนนางออกไปรออยู่ด้านนอก
หลินกู๋หยู่นั่งอยู่บนม้านั่งหินในลานบ้านของฉือเย่ เพลิดเพลินกับการอาบแสงอาทิตย์อย่างสบายๆ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วดังมาจากข้างๆ
ด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอบนใบหน้าของฟางซื่อ นางเดินช้าๆ เข้ามาหาหลินกู๋หยู่ เอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า "น้องสะใภ้สาม เ้ารู้ได้อย่างไรว่านมสามารถรักษาไข้ทรพิษได้?"
“ข้าก็แค่ลองดู เป็ความโชคดีก็เท่านั้น” หลินกู๋หยู่ไม่้าพูดอะไรมากไปกว่านี้
โชคดีงั้นหรือ?
แต่ฟางซื่อไม่คิดว่านี่เป็ความโชคดี
พวกหมอเ่าั้ล้วนแล้วแต่อ่านและเรียนตำราทางการแพทย์มากมาย แต่พวกเขาเ่าั้กลับไม่มีใครค้นพบว่าไข้ทรพิษรักษาได้ด้วยนม แต่ทำไมน้องสะใภ้สามถึงได้ค้นพบเพียงคนเดียว?
แต่ก็ไม่เป็ไร ลูกตาของฟางซื่อหมุนวน ตอนนี้นางมีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ
“น้องสะใภ้สาม” ฟางซื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม จับมือของหลินกู๋หยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางดูเสแสร้ง แต่เ้าตัวอาจจะยังไม่รู้ตัวกระมัง “น้องสี่ป่วยเช่นนี้ นอกจากจะใช้นมแล้ว ยังต้องใช้อะไรอีกหรือไม่?"
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฟางซื่อ จากนั้นค่อยๆ ถอนมือออก และถอยห่างจากฟางซื่ออย่างไร้ร่องรอย จากนั้นจึงพูดว่า "กินสิ่งที่ช่วยลดไข้และรักษาความสะอาด"
ฟางซื่อจดจำทุกคำ นางรู้ทุกสิ่งที่นางอยากรู้แล้ว จากนั้นลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอกอย่างตื่นเต้น
เมื่อเห็นสถานะของฟางซื่อเช่นนี้ หลินกู๋หยู่รู้สึกแปลกใจ
ฉือหางออกจากบ้านพร้อมอ่างไม้ เทน้ำในอ่าง เดินช้าๆ ไปหาหลินกู๋หยู่ "ข้าเช็ดตัวให้เขาแล้ว เพียงแต่สถานการณ์ของน้องชายสาม ดูเหมือนจะยังคง...”
“กลับกันเถอะ!” หลินกู๋หยู่ขัดจังหวะคำพูดของฉือหาง ทั้งสองเดินกลับไปที่ลานบ้านของพวกเขา
ใน่สองวันนี้ ฉือหางเห็นอาการของฉือเย่ทรุดลงทีละน้อย เขากระวนกระวายคล้ายมดบนหม้อไฟ แต่กระนั้นก็ตามเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถช่วยฉือเย่ได้
ในสองวันนี้หลินกู๋หยู่ก็พลอยวิตกกังวลไปด้วย แต่สิ่งที่นางสามารถทำได้ นางก็ได้ทำทุกอย่างไปแล้ว
เมื่อกลับมาจากบ้านฉือเย่ หลินกู๋หยู่เดินตามด้านข้างของฉือหาง เห็นท่าทีที่หดหู่ของเขา นางถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ทันทีที่เดินเข้าไปในแปลงผักในบ้าน ดวงตาของหลินกู๋หยู่ก็เผลอไปจับจ้องที่หญ้าเกิดใหม่
นางพยายามอย่างยากลำบากเพื่อปีนขึ้นไปเก็บหญ้าเกิดใหม่
เล่าลือกันโจษจันกันว่าหญ้าเกิดใหม่เพียงใบเดียวสามารถรักษาโรคได้มากกว่าครึ่ง
ไม่รู้ว่าหญ้าเกิดใหม่นี้จะสามารถช่วยฉือเย่ได้หรือไม่
“พี่ฉือหาง” หลินกู๋หยู่หยุดก้าวเท้า เงยหน้าขึ้นมองฉือหางที่กำลังพยุงนาง จากนั้นสายตาก็จับจ้องไปที่หญ้าเกิดใหม่ “เดิมทีข้าเก็บสมุนไพรนี้เพื่อพี่โดยเฉพาะ เพียงแต่…”
ใน่เวลานั้นเกิดเหตุการณ์อย่างอื่นขึ้น และนางก็ไม่มีเวลาให้ฉือหางกินยาสมุนไพรนี้
“ข้าไม่รู้ว่าหลังจากกินสิ่งนี้แล้วเขาจะดีขึ้นหรือไม่” หลินกู๋หยู่พูดอย่างไม่มั่นใจว่า “ตอนนี้ต้มให้เขาดื่มดีหรือไม่?”
ฉือหางมองตามสายตาของหลินกู๋หยู่ "เช่นนั้นก็ลองดูสักหน่อย?"
สมุนไพรนี้เดิมทีก็มีใบอยู่ไม่กี่ใบ หลินกู๋หยู่เด็ดหนึ่งใบอย่างระมัดระวัง ในตอนแรกนางคิดที่ต้มเหมือนยา แต่หลังจากคิดไตร่ตรองแล้ว นางคิดว่าใส่ลงในน้ำร้อนเหมือนชงชาโดยตรง
เมื่อชงยาได้ที่แล้ว หลินกู๋หยู่ก็รินน้ำสมุนไพรในชามแล้วยื่นให้ฉือหาง "มันยังมีอีกเยอะ พี่ดื่มก่อนเถอะ"
ถือชามไว้ในมืออย่างเอื่อยๆ สีหน้าของฉือหางชะงักงันชั่วคราว ประกายแห่งความสุขฉายแววในดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็ยื่นชามในมือให้หลินกู๋หยู่ "เ้าดื่มก่อนเถอะ ร่างกายของข้าไม่มีปัญหาใหญ่อะไรแล้ว!"
หลินกู๋หยู่หยิบชามอีกใบออกมารินชาอย่างระมัดระวัง "ข้าจะดื่มชามนี้"
เมื่อเห็นว่าหลินกู๋หยู่ดื่มยาสมุนไพร ฉือหางก็เริ่มดื่มด้วยเช่นเดียวกัน เขาคิดว่าวันข้างหน้าถ้ามีอะไรดีๆ แน่นอนว่าเขาต้องให้ภรรยาของเขาก่อน
หลังจากที่หลินกู๋หยู่ดื่มเสร็จแล้ว นางก็นั่งเงียบๆ ข้างโต๊ะ รู้สึกว่าร่างกายไม่รู้สึกอะไรมากเกินไป แต่ในขณะที่นางกำลังจะพูด ร่างกายของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้น
ในขณะที่กำลังจะพูด ทันใดนั้น หลินกู๋หยู่ก็เห็นฉือหางยืนขึ้นและยืดร่างกายของเขาอย่างสบายๆ
“เ้า” หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางอย่างกระวนกระวาย เอ่ยถามด้วยเสียงต่ำว่า “เ้ารู้สึกดีขึ้นหรือไม่?”
ฉือหางทำท่าทางวาดคันธนู ค่อยๆ ดึงคันธนูออก และมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างมีความสุข "ข้ารู้สึกดีขึ้นมาก สิ่งนี้ดีจริงๆ"
“เช่นนั้นรินหนึ่งชามให้น้องชายสี่” หลินกู๋หยู่พูด จากนั้นรินน้ำลงในชามจนเต็ม
ฉือหางมองไปที่การเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่แล้วรีบเดินเข้าไปหา หยิบชามจากมือของนาง "ร่างกายของเ้ายังไม่หายดี เ้าอย่าทำงานหนักเกินไปเลย ข้าจะจัดการสิ่งเหล่านี้เอง"
ทั้งสองคนไปที่ลานบ้านของฉือเย่พร้อมน้ำชา ฉือหางประคองหลินกู๋หยู่นั่งข้างๆ และหน้าที่ในการป้อนชาให้ฉือเย่ก็ตกเป็ของเขา เขาไม่้าให้นางดูแลผู้ชายคนอื่นอย่างใส่ใจถึงเพียงนั้น แม้ผู้ชายคนนั้นจะเป็น้องชายของเขาก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
ในขณะที่ทั้งสองเดินออกมาจากลานบ้านของฉือเย่ จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอกบ้าน ทั้งคู่เห็นความฉงนในดวงตาของกันและกัน
“เ้าคนสมควรโดนแทงด้วยมีดพันเล่ม เ้าต้องตายอย่างสาสม ตายอย่างสาสม เ้าฆ่าแม่สามีของข้า แล้วเ้ายัง้าฆ่าลูกชายของข้าอีก!” เสียงร้องไห้ดังมาจากด้านนอกฟังดูน่าขนหัวลุก "์ ท่านยัง้าให้คนมีชีวิตต่อไปหรือไม่?!"
