ไป๋เจินจูไม่เหมาะที่จะตามไป
แต่หลิวหย่งสามารถไปด้วยกันได้ ทังหงเอินดูเหมือน้าฟังความคืบหน้างานตกแต่งภายในของบ้านพัก นั่นคือสิ่งที่เสี่ยวหวังบอกไว้
รถเก๋งธรรมดาๆ คันหนึ่งพาเซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวหย่งมาถึงอาคารสำนักงานของเทศบาลเมืองโดยตรง
คนแรกที่เซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวหย่งได้พบคือเลขาเผิงผู้โชคชะตาดลบันดาลให้เคยเจอกันครั้งหนึ่ง ทว่าตอนนั้นเลขาเผิงวุ่นกับการย้ายโรงพยาบาลให้ทังหงเอิน ต่อให้เชี่ยวชาญด้านการสร้างปฏิสัมพันธ์ขนาดไหนก็ไม่มีเวลาไปสนใจเหล่าบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานและคนอื่นๆ อยู่ดี หัวหน้าต่างหากที่สำคัญที่สุด ความปลอดภัยของหัวหน้าต้องวางไว้เป็อันดับหนึ่ง ส่วนความช่วยเหลือที่เซี่ยเสี่ยวหลานมอบให้ท่ามกลางค่ำคืนแห่งสายฝน ช่วยส่งตัวหัวหน้าไปโรงพยาบาล วานหลี่ต้งเหลียงกลับเข้าเขตเมืองเพื่อแจ้งข่าว... นี่มิใช่สิ่งที่ควรทำหรอกหรือ? ถ้าคนอื่นเขารู้สถานะของหัวหน้า อาจกุลีกุจอยิ่งกว่านี้ ไม่ถึงคราวให้เซี่ยเสี่ยวหลานได้ทำคะแนนด้วยซ้ำ!
เลขาเผิงไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะเขาไม่ได้ัักับสถานการณ์อันยากลำบากในตอนนั้นเหมือนเสี่ยวหวัง ไม่ได้ ‘ร่วมทุกข์’ กับเซี่ยเสี่ยวหลานและคนอื่น ย่อมคิดว่าความช่วยเหลือของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่สลักสำคัญเป็ธรรมดา
เห็นได้ชัดว่าความเอาใจใส่นี้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเลขาเผิงแม้แต่น้อย ทว่าสลักลึกลงไปในใจของทังหงเอิน
หลังทังหงเอินออกจากโรงพยาบาล เขาแจกจ่ายของเยี่ยมที่คนอื่นมอบให้จนหมดเกลี้ยง รับ ‘ของดีท้องถิ่น’ ที่เซี่ยเสี่ยวหลานฝากไว้ให้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นี่เป็เื่ที่หนึ่ง
เื่ที่สองคือการแบ่งโครงการตกแต่งภายในของบ้านพักรับรองเทศบาลเมืองออกเป็โครงการย่อย และมอบโอกาสประมูลราคาให้หลิวหย่ง ด้วยชะตาเล่นตลกหรืออะไรก็ไม่อาจทราบได้ หย่วนฮุยของ ‘หลิวหย่ง’ กลับชนะการประมูลโครงการทั้งหมด และเนื่องจากเลขาเผิงเป็ผู้นำเสนอ ‘หย่วนฮุย’ ตอนประมูล หลิวหย่งจึงถูกมองว่าเป็คนของทังหงเอิน
คนอื่นไม่คัดค้าน เพราะรอชมความขายหน้าจาก ‘หย่วนฮุย’ รวมถึงรอจับจุดอ่อนของทังหงเอิน
ประสบการณ์ของหย่วนฮุยนั้นมีก็เหมือนไม่มี อย่าว่าแต่เปรียบเทียบกับจระเข้ั์อย่างบริษัทหัวเจี้ยนเลย ต่อให้เป็ ‘ตกแต่งภายในเทียนเฉิน’ ที่เถ้าแก่หลิวจากฮ่องกงเป็ผู้ก่อตั้งขึ้นหลังเห็นช่องทางสร้างผลประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ หย่วนฮุยก็ไล่ตามไม่ทันอยู่ดี ความสามารถของเทียนเฉินเหนือชั้นเพียงใดไม่รู้ ทว่าอย่างน้อยเถ้าแก่หลิวก็มีเงิน เสาะหาผู้มีประสบการณ์ของวงการในฮ่องกงได้ หย่วนฮุยมีอะไรน่ะหรือ ชายต่างถิ่นผอมแห้งคนหนึ่ง พูดจายังติดสำเนียงอวี้หนานอย่างชัดเจน อยากจะมาเผิงเฉิงเพื่อเป็ัข้ามแม่น้ำ [1] ?
ทังหงเอินก็เป็ผู้มาใหม่เช่นเดียวกัน
มือยาวสาวได้สาวเอาเกินไปหรือเปล่า!
คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าหลิวหย่งกับทังหงเอินมีการตกลงเื่เงินต่อกัน รวมทั้งเข้าใจผิดว่าหลิวหย่งทำงานให้ทังหงเอิน การคาดเดาเช่นนี้เป็ที่เลื่องลืออย่างถึงจุดสูงสุดในตอนที่หลิวหย่งใช้สัญญาตกแต่งภายในไปขอสินเชื่อธนาคาร จับเสือมือเปล่ารึ ทังหงเอินใจกล้ามากจริงๆ
แต่เลขาเผิงร้อนใจน่ะสิ หัวหน้ากลับไม่หลีกเลี่ยงคำครหา ดันเรียกหลิวหย่งมาพบที่สำนักงานเสียได้
หรือว่าเื่ทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับหลิวหย่ง ทว่าเป็เพราะเด็กสาววัยรุ่นที่สวยจนน่าในั่น เธอนั่งอยู่ตรงนั้น ไม่สงสัยหรือไม่ประหม่าแม้แต่น้อย?
หากเขาไม่รู้ว่าทังหงเอินมีจุดยืนทางศีลธรรมอย่างไร เลขาเผิงคงสงสัยว่าหัวหน้าต้องชอบเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าแล้วใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นจะช่วยเหลือขนาดนี้ไปทำไม!
จุดยืนทางศีลธรรมของหัวหน้าอยู่ในขั้นยอดเยี่ยมแน่นอน ต้องเป็เพราะว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคนนี้เ้าแผนการเสียมากกว่า เธอจิ้มลิ้มพริ้มพรายน่าหลงใหล ในเมื่อสามารถคว้าอันดับหนึ่งสายวิทย์ของมณฑลอวี้หนานในการสอบเกาเข่าได้ สมองนั่นย่อมไม่ใช่แค่ของประดับแน่นอน!
เลขาเผิงยิ้มแย้มอย่างมีมารยาท
“พวกคุณนั่งรอก่อนสักครู่ ตอนนี้หัวหน้ายังประชุมอยู่”
หลิวหย่งมีท่าทางค่อนข้างเก้ๆ กังๆ ต่างจากเซี่ยเสี่ยวหลานที่กลับตอบด้วยมารยาทที่ห่างเหินแบบเดียวกัน “ขอบคุณเลขาเผิงค่ะ คุณไปทำงานเถอะ พวกเรารอเพียงครู่เดียวได้ไม่มีปัญหา”
เธอเรียกทังหงเอินว่า ‘คุณอาทัง’ เรียกเสี่ยวหวังคนขับรถว่า ‘พี่หวัง’ แต่กลับเลือกเรียกเลขาเผิงว่า ‘เลขาเผิง’ เซี่ยเสี่ยวหลานปฏิบัติตนต่อผู้คนโดยพิจารณาว่าขึ้นอยู่กับว่าเป็ใคร ใครห่างเหินกับเธอ ใครใกล้ชิดกับเธอ เธอมองออกทั้งนั้น... การขอพึ่งพาทังหงเอินอย่างหน้าไม่อายนั้นเป็อีกเื่หนึ่ง ส่วนเลขาจะคิดอย่างไร เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางยี่หระ
เลขาเผิงเจอการตอกกลับอย่างละมุมละม่อม ยิ่งรู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็พวกเ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก
อันที่จริงทั้งสองต่างก็เผชิญหน้าพบกันอย่างจริงจังเป็ครั้งแรก ต่างฝ่ายต่างไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ดังนั้นจะคุยเื่อื่นต่อหน้าเลขาเผิงตรงนี้ก็ไม่ได้ หลิวหย่งและเซี่ยเสี่ยวหลานจึงทำได้แค่พูดเื่ของตนเอง พอพูดถึงโครงการตกแต่งภายในของบ้านพักรับรองเทศบาลเมือง หลิวหย่งดูปลื้มปีติเหลือล้น
“จริงๆ ก็ไม่ยากเท่าไรหรอก ตกแต่ง 50 ตารางเมตรคือตกแต่ง ตกแต่ง 500 ตารางเมตรก็ตกแต่งเหมือนกัน เพียงแต่่เริ่มนั้นยุ่งวุ่นวายมาก พอทำงานไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้ว”
หลิวหย่งกำลังรักษาหน้าต่อหน้าหลานสาวต่างหาก
เริ่มแรกไม่ใช่แค่ยุ่งวุ่นวาย พอเห็นว่าเขาผอมแห้งอีกทั้งเป็คนต่างถิ่น นอกจากคนงานสองคนที่จ้างมาจากซางตู คนงานซึ่งถูกจ้างในพื้นที่ล้วนไม่ให้ความร่วมมือ หลิวหย่งใช้ไม้อ่อน หลี่ต้งเหลียงจึงใช้ไม้แข็ง ถึงจะควบคุมคนงานในพื้นที่ทั้งกลุ่มได้อยู่หมัด เคยทำงานประเภทนี้หรือเปล่าไม่ใช่ปัญหา ขอเพียงงานโดยรวมต้องดี ในแปลนออกแบบคือคิ้วเพดานทรงโค้งมน ทว่าคนงานกลับทำเป็คิ้วทรงตรงทื่อ และยังคงดื้อแพ่งไม่ให้ความร่วมมือ... สถานการณ์อันแสนน่าอึดอัดในแบบนี้ หลิวหย่งเคยประสบมาแล้วทั้งสิ้น
จะทำอย่างไรได้เล่า ต้องบากบั่นอยู่ดีไม่ใช่หรือ
เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มแย้มแจ่มใส และไม่แสดงออกว่ารู้ทันลุงของเธอ “เงินกู้จากธนาคารใช้พอไหมจ๊ะ?”
สำหรับงบตกแต่งภายใน หลิวหย่งสำรองจ่ายให้แล้วหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหยวน ด้านบ้านพักเองก็เบิกจ่ายล่วงหน้าก่อนสามแสนหยวน หลิวหย่งกู้จากธนาคารอีกสามแสนหยวน นี่คือโครงการมูลค่าหลักล้านหยวนเลยทีเดียว ตอนนี้วัสดุหลักทั้งหมดถูกสั่งจองเรียบร้อยแล้ว มีส่วนที่หลิวหย่งต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ไม่มาก เขาคิดว่าประคองจนถึงตอนที่ทางบ้านพักชำระเงินที่เหลือได้สบายๆ
“ลุงน่ะมีเงินพอใช้ เสี่ยวหลาน หลานจะเปิดร้านกับคนอื่นเขานี่ เดี๋ยวลุงจะคืนให้หลานอีกสองหมื่น...”
หลังจากได้เงินกู้จากธนาคาร หลิวหย่งส่งเงินกลับไปให้เซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว 5 หมื่นหยวน ในเงินหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นที่เขาใช้รับโครงการนี้ อันที่จริงมาจากเซี่ยเสี่ยวหลานถึง 7 หมื่น ถ้าหลิวหย่งจะควักสองหมื่นหยวนออกมาอีกในตอนนี้ต้องขาดมือแน่นอน แต่เขาก็มิอาจทำให้ธุระของเซี่ยเสี่ยวหลานเสียเวลาโดยเปล่าเช่นกัน จากระดับความเร็วในการดำเนินงานตกแต่งภายในปัจจุบัน ระยะเวลางานไม่น่าเกินกำหนด ทว่าวัสดุเกินงบประมาณเล็กน้อย ถึงกระนั้นทั้งโครงการจะสร้างกำไรให้เขาอย่างแน่นอน
หลิวหย่งรู้ดีว่าได้โครงการนี้มาอย่างไร เดิมทีคนที่ทังหงเอิน้าเกื้อหนุนคือเสี่ยวหลานผู้เป็หลานสาว อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนั้นเสี่ยวหลานยุ่งกับการสอบเกาเข่าอยู่ที่ซางตูจนไม่สามารถไปไหนได้ ถึงมอบหมายธุรกิจนี้ให้เขาทำ งานมูลค่าหลักล้าน กำไรต่ำแค่ไหนก็ไม่น้อยกว่า 10% ตอนประมูลนั้นเขาแจ้งราคาคำนวณงบประมาณล่วงหน้าโดยยึดผลกำไร 15% เนื่องจากไม่เคยรับโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้มาก่อน ่แรกของงานจึงเกิดปัญหาต่างๆ ทำให้กำไรรวมไม่ถึง 15% ตามที่คพนวณไว้ในตอนแรก
แต่ก็ถือว่าได้กำไรเหมือนกันนี่นา
โอกาสนี้คือสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานพยายามมอบให้เขา ด้านเงินทุนก็เซี่ยเสี่ยวหลานที่ช่วยสำรองจ่ายส่วนใหญ่ไปก่อน เขาจะฮุบกำไรไว้คนเดียวได้หรือ?
เพียงแต่ขณะอยู่ภายในอาคารสำนักงานของเทศบาลเมือง ไม่ค่อยเหมาะจะสนทนาเื่แบ่งเงินหลังโครงการสิ้นสุดกับเสี่ยวหลาน หลิวหย่งตั้งใจว่าค่อยพูดตอนที่อยู่กันแค่สองคน เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังจะบอกว่าเธอไม่รีบร้อนใช้เงิน ประตูห้องพักแขกก็ถูกผลักออกเสียก่อน ทังหงเอินเดินเข้ามาพร้อมถือแก้วชาสีขาว “เธอจะเปิดร้านอะไรกับคนอื่นเขาอีกล่ะ? เธอนี่นะ ทั้งที่เป็คนมีหัวด้านการเรียนแท้ๆ วัยรุ่นไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอก อายุเท่าไรทำอะไร เธอมีเวลาให้แสดงความสามารถเสมอ”
“สวัสดีคุณอาทังค่ะ!”
“นายกทัง คุณดูเด็กคนนี้สิครับ...”
ในเมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานเรียกคุณอาทัง หลิวหย่งไม่ควรเรียกเขาว่าน้องหรือ?
แต่หลิวหย่งอาศัยในเผิงเฉิงมาเดือนกว่า ทราบสถานะของทังหงเอินตั้งนานแล้ว เช่นนั้นจึงแกล้งซื่อไม่ได้อีก
“เรียกตามศักดิ์เถอะ ตอนผมรู้จักเธอก็ไม่ใช่นายกอะไรหรอก”
ในตอนนั้นทังหงเอินยังไม่ได้มารับตำแหน่งที่หยางเฉิงด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหน้าที่การงานในเผิงเฉิง หรือจะกล่าวว่าข้าราชการในปัจจุบันสมถะก็ไม่ผิด ถ้าเป็ 30 ปีข้างหน้า การจะพบข้าราชการระดับนี้บนรถไฟโดยบังเอิญ คือความฝันลมๆ แล้งๆ เลยทีเดียว ท่าทีของทังหงเอินไม่ค่อยเหมือนสองครั้งก่อนจริงๆ อาจเพราะความช่วยเหลือที่หมู่บ้านประมงของเซี่ยเสี่ยวหลาน และมีเหตุผลว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคว้าอันดับหนึ่งของมณฑลอีกด้วย พอคนคนหนึ่งสามารถพิสูจน์ความสุดยอดในด้านใดด้านหนึ่งของตนเองได้ ท่าทีที่คนอื่นปฏิบัติต่อเธอย่อมใส่ใจรอบคอบมากกว่าเดิม
เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานพูดว่าเปิดร้านใหม่ ทังหงเอินก็นึกถึงครั้งนั้นที่ทั้งสองพบกันบนเขตก่อสร้าง เซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าคนอื่นสร้างบ้าน เธอจะตกแต่งภายใน ธุรกิจตกแต่งภายในก็ทำแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร นี่เธอจะหาเื่อะไรอีก?
สีหน้าของเลขาเผิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย นี่คือการจงใจพูดต่อหน้าหัวหน้า คิดจะขอให้หัวหน้าช่วยอีกแล้วสินะ? เป็พวกเ้าเล่ห์เพทุบายอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด!
เชิงอรรถ
[1]过江龙 ัข้ามแม่น้ำ หมายถึง คนที่แข็งแกร่งทว่ามาจากต่างถิ่น บางครั้งจะใช้คู่กับ งูเ้าถิ่น ซึ่งหมายถึง คนที่ด้อยกว่าแต่ได้เปรียบเพราะความเป็เ้าถิ่น