เป็เสิ่นเยี่ยน
กู้เจิงมองด้วยความงุนงง ความตึงเครียดของนางผ่อนคลายลงในทันที
“เป็คุณชายเสิ่นเ้าค่ะ” ชุนหงรีบพยุงกู้เจิงให้ลุกขึ้นอย่างดีใจ
อยู่ๆกู้เจิงเกิดความคิดที่อยากจะโผเข้าไปในอ้อมอกของเขาให้ผ่อนคลายลงโดยไม่สนว่าเมื่อก่อนจะเคยเกิดอะไรขึ้น
องค์ชายห้าจ้าวหยวนเช่อเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นเยี่ยนด้วยร่างขาวดุจหยกเขาสวมชุดผ้าไหมลายเมฆา ทว่าสีหน้ากลับมืดมน ั์ตาวาวโรจน์ด้วยโทสะ “กู้เจิงเ้าบังอาจมากที่กล้าสวมชุดที่มีสีแห่งจักรพรรดิบนตัวเ้า”
กู้เจิงแปลกใจ องค์ชายห้าไม่ควรเรียกนางว่ากู้เจิงกระมัง? จะเรียกนางว่ากู้เจิงได้อย่างไร? มีเพียงซู่เหนียงที่เรียกนางเช่นนี้ แต่ความสงสัยมลายหายไปในพริบตาเมื่อคำพูดขององค์ชายห้าที่กล่าวด้วยหน้าบึ้งตึงเสียงดังทำให้นางได้สติสีเหลืองเป็สีแห่งจักรพรรดิ ราษฎรไม่ได้รับอนุญาตให้สวมเสื้อผ้าโดยใช้สีเหลืองเว้นเสียแต่ว่าจะเป็เชื้อพระวงศ์ ทว่านางในตอนนี้ทั่วทั้งร่างกายล้วนห่มคลุมไปด้วยสีเหลืองนี่ถือเป็โทษสถานหนักถึงกับตัดหัวทีเดียว
ถ้านางแกล้งเป็ลมตอนนี้เลยได้ไหมนะ?ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของกู้เจิงทว่าชุนหงที่อยู่ข้างๆ กลับเป็ลมไปเสียแล้ว
กู้เจิง “...” น้ำตานางร่วงเผาะ โอ้์เป็มนุษย์นั้นช่างยากนัก
องค์ชายห้ากริ้วโกรธอย่างยิ่ง สตรีผู้นี้นับวันยิ่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่สีของจักรพรรดิก็ยังกล้าสวมใส่บนร่างกายใครอย่าได้มาบอกเขาอีกว่านางไม่รู้ความ “ร้องไห้? เ้าคิดว่าการร้องไห้จะมีประโยชน์อย่างนั้นหรือ?”
“หม่อมฉันทราบว่าไร้ประโยชน์เพคะ” หยดน้ำตาของกู้เจิงยิ่งหลั่งไหล“แต่หม่อมฉันแค่อยากร้องไห้ พระองค์จะคิดอย่างไร? ก็แล้วแต่เถอะเพคะ”
องค์ชายห้าจ้องมองด้วยความกรุ่นโกรธ
เสิ่นเยี่ยนมองไปยังองค์ชายห้าที่แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีแต่ความเคร่งขรึมความสงสัยปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง ด้วยนิสัยขององค์ชายห้ามักจะซ่อนอารมณ์อยู่เสมอมีเพียงไม่กี่คนที่ดูออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหนูใหญ่กู้เขากลับอารมณ์เสียได้ง่ายดายยิ่งนัก
เสิ่นเยี่ยนเดินมาหากู้เจิง นางกลั้นน้ำตามองเขาอย่างเ็า เฮอะนางจะไม่ขอให้เขาช่วยหรอกนะ ทว่าวินาทีต่อมา นางก็ร้องด้วยความใ เพราะจู่ๆ เสิ่นเยี่ยนก็อุ้มนางขึ้นมา
“แม้เ้ากับข้าจะยังไม่ผ่านการแต่งงานกัน แต่อย่างไรในอนาคตก็ต้องแต่งงานกันข้าอุ้มเ้าเช่นนี้นับว่าไม่เหมาะสม แต่ในเมื่อเ้าได้รับาเ็การไม่สนใจไยดีจึงไม่ใช่สิ่งที่สามีพึงกระทำ” น้ำเสียงของเสิ่นเยี่ยนสงบนิ่งเยือกเย็น แต่ไร้ความอบอุ่น
กู้เจิงรู้สึกปลอดภัยอยู่ในอ้อมอกกว้างของเขา
นางไม่ได้ปฏิเสธการช่วยเหลือของเสิ่นเยี่ยนเพราะตอนนี้นางทั้งเหนื่อยหิวและง่วง นางเพียงพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณเ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยนก้มหน้ามองสตรีในอ้อมอกใบหน้าซีดขาวแต่กลับดูงดงามจนน่าใ หน้าผากเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อปอยผมแนบกับแก้มอย่างยุ่งเหยิง นางซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอุณหภูมิหลอมรวมเข้าด้วยกัน หากเป็สตรีอื่นตอนนี้ร่างกายคงต้องแข็งทื่ออย่างแน่นอนแต่นางกลับปล่อยตัวตามสบายและยังเอนศีรษะพิงกับหน้าอกเขาอีกด้วย
“พวกเ้ายืนอึ้งทำอะไร? หามสาวใช้คนนั้นไป” องค์ชายห้าะโสั่งองครักษ์เหลือบมองกู้เจิงในอ้อมแขนของเสิ่นเยี่ยนแวบหนึ่ง แล้วเดินจากไปด้วยสีหน้าเฉยเมย
เหล่าองครักษ์หามชุนหงขึ้นแล้วรีบตามไป
กู้เจิงไม่รู้ว่าตนเองหลับไปั้แ่เมื่อไรพอลืมตาขึ้นก็เห็นหลังคากระโจมที่คุ้นเคย จากนั้นสิ่งที่สะดุดตาก็คือใบหน้าดำคล้ำของนายหญิงเว่ยซื่อแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าโกรธจนเป็ฟืนเป็ไฟ
กู้เจิงขยับตัว ขาทั้งสองข้างปวดร้าวไปหมด
“คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้ว บ่าวจะไปแจ้งนายท่านเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ”แม่เฒ่าซุนที่เห็นกู้เจิงตื่นแล้วก็รีบออกไปแจ้งนายท่ายทันที
“ดี กู้เจิง เ้าทำดีมาก” เว่ยซื่อไม่อาจปกปิดความโกรธในใจได้น้ำเสียงนางแหลมคมอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน “หายไปทั้งคืน ถึงกับต้องให้องค์ชายห้าออกไปตามหาด้วยพระองค์เองทั้งยังแต่งกายไม่เรียบร้อย เสื้อนอกก็หายไปหมดแล้ว เ้ายังมีหน้ามากลับมาอีกหรือ?”
กู้เจิงฝืนลุกขึ้นนั่งทั้งที่ร่างกายร้าวรานไปหมด
“ถ้าข้าเป็เ้า ข้าคงเอาหัวโขกกับต้นไม้ตายไปนานแล้ว”เว่ยซื่ออยากจะพุ่งเข้าไปตบบุตรตรีอนุผู้นี้จริงๆ แต่ยังยั้งสติไว้ได้
ในตอนนั้นเอง กู้หงหย่งก็ก้าวเท้าเข้ามาในกระโจมตามมาด้วยกู้อิ๋งและกู้เหยา
“กู้อวี๋ เหตุใดข้าถึงให้กำเนิดบุตรสาวเช่นเ้าออกมาได้?” กู้หงหย่งกระวนกระวายใจมาตลอดเมื่อได้รู้ข่าวว่าบุตรสาวอนุหายตัวไปเขากังวลว่านางจะทำเื่น่าอับอายอีก แล้วก็เป็อย่างที่คิดไว้เมื่อองค์ชายห้ากับเสิ่นเยี่ยนพาคนกลับมาตอนเห็นกู้อวี๋กลับมาด้วยชุดธงหลุดลุ่ยนั้น ก็โกรธจนแทบิญญาจะหลุดออกจากร่าง“เ้า เ้าช่างทำตัวขัดต่อกฏประเพณีเสียจริง ไม่รู้จักละอายบ้างเลย”
กู้อิ๋งกับกู้เหยาต่างมองกู้เจิงอย่างโกรธเคืองกู้อิ๋งนึกขึ้นได้ว่าเื่นี้เกี่ยวข้องกับองค์ชายห้าอีกแล้วและรู้สึกว่าตนเองคงไม่มีหน้าไปพบองค์ชายห้าได้แล้วจริงๆส่วนกู้เหยาก็มองกู้อวี๋อย่างไม่พอใจ
กู้เจิงก้มหน้าลงเล็กน้อย ในยุคสมัยนี้หากนางใช้ความคิดจากสมัยของนางมาโต้เถียงกับพวกเขา จะกลายเป็ว่านางไร้ปัญญาต่อต้านไม่เชื่อฟังอีกทั้งผู้อื่นที่ฟังไม่เข้าใจย่อมต้องโทษว่านางที่ไม่รู้มารยาทดังนั้นนางจึงไม่คิดจะแก้ความเข้าใจผิดนี้
ผ่านไปครู่ใหญ่เมื่อกู้เจิงเริ่มเห็นว่าพวกเขาคลายความโกรธลงบ้างแล้ว นางจึงพูดอย่างน้อยใจว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ มีคนตีข้ากับชุนหงจนสลบไปเ้าค่ะทั้งยังจงใจเอาเสื้อคลุมของพวกข้าไปก็เพื่อทำให้ข้าขายหน้าข้าสงสัยว่าเื่ทั้งหมดนี้จะเป็ฟู่ผิงเซียงที่บงการอยู่เื้ัเ้าค่ะ”