เช้าวันใหม่มาเยือน จ้าวเวยเวยตื่นนอนแต่เช้า แต่งตัวเตรียมเดินทางไปสนามบิน เธอเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน มาที่ห้องรับประทานอาหาร
จ้าวม่านเค่อมองไปที่หลานสาว“เสี่ยวเวย หลานไปลาคุณย่าทวดก่อนเดินทางนะ”
จ้าวเวยเวยที่นั่งกินข้าวเช้าอยู่กับคุณย่า“ฉันกินนข้าวเสร็จแล้วจะไปลาท่านก่อนออกไปค่ะ”
“เสี่ยวเวย กลับไปถึงแล้วก็บอกแม่ของหลานด้วย ว่าย่าจะตามหลานไปที่หลัง ขอให้ย่าจัดการเื่ทางนี้เสร็จก่อน”จ้าวม่านเค่อกล่าวกับหลานสาว แต่นางไม่ได้บอกว่านางจะอยู่จัดการเื่อะไร จ้าวเวยเวยก็เข้าใจไปเอง ว่าคุณย่าจะอยู่จัดการงานในบ้านก่อน
“เข้าใจแล้วค่ะคุณย่า คุณย่าฉันขอตัวไปลาคุณย่าทวดก่อน” จ้าเวยเวยที่กินอิ่มแล้ว กล่าวกับคุณย่าจ้าวม่านเค่อ
“ไม่เถอะ ลาแล้วจะได้รีบเดินทาง”จ้าวม่านเค่อบอกหลานสาว
จ้าวเวยเวยลุกจากที่โต๊ะรับประทานอาหาร เดินขึ้นไปชั้นบน และไปหยุดที่หน้าห้องของคุณย่าทวด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“คุณย่าทวด วันนี้ฉันจะเดินทางกลับประเทศแล้ว ฉันเลยมาลาค่ะ”จ้าวเวยเวยเดินไปนั่งคุกเข่าข้างเตียง
จ้าวม่านฉีที่นอนอยู่บนเตียงมองหลานสาว ก่อนจะบอกว่า“อาเสี่ยวเวย หลานช่วยหยิบโทรศัพท์ให้ย่าทวดหน่อย”
จ้าวเวยเวยมองหาโทรศัพท์ ก่อนจะลุกไปหยิบมาให้ “โทรศัพท์ค่ะ คุณย่าทวด”
จ้าวม่านฉีมองโทรศัพท์ในมือเหลนสาว และไม่ได้รับมาจากหลานสาว“ย่าใช้ไม่เป็ หลานช่วยเปิดไปที่แอปธนาคารให้ย่าหน่อย”
จ้าวเวยเวยกดเข้าไปในแอปธนาคาร จ้าวม่านฉีที่นอนหลับตาอย่างอ่อนล้า เอ่ยบอกรหัสผ่านแอปธนาคารให้หลานสาวช่วยเปิดแอปธนาคารให้
จ้าวเวยเวยกดเข้ารหัสผ่านตามที่ย่าทวดบอก
“อาเสี่ยวเวย หลานกดโอนเงินทั้งหมดในบัญชีย่า เข้าไปที่บัญชีของหลานได้เลยนะ ไม่ต้องเหลือเอาไว้”จ้าวม่านฉีบอกเหลนสาว ทั้งที่ยังคงนอนหลับตา
“คุณย่า!เงินไม่ใช่น้อยๆเลย ทำไมถึงบอกให้ฉันทั้งหมดละคะ!?”จ้าวเวยเวยมองยอดเงินในบัญชีของคุณย่าทวดและถามอย่างใ
“เงินพวกนี้เป็เงินที่ย่าเก็บเอาไว้ให้กับหลาน หลานจงเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวหลานเอง เมื่อไปที่นั่นแล้ว”จ้าวม่านฉีกล่าวบอกเหลนสาว
จ้าวเวยเวยเห็นว่าคุณย่าทวดมอบเงินจำนวนมากขนาดนี้ให้เธอ อาจจะเกี่ยวกับการเดินทางย้อนเวลาไปแก้ไขคำสาปก็เป็ได้ เธอจึงยอมรับเงินก้อนนี้เอาไว้ โดยไม่พูดอะไร และคิดว่าถ้าเธอย้อนเวลาไม่ได้ค่อยเอาเงินมาคืนท่าน
“คุณย่าทวดฉันต้องไปแล้ว ใกล้จะได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว”จ้าวเวยเวยบอกคุณย่าทวด อีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง เธอต้องออกเดินทางได้แล้ว ไม่งั้นเธอคงไปไม่ทันขึ้นเครื่อง
“ไปเถอะ การเดินทางของหลานไกลนัก อย่าให้เสียเวลาเลย”จ้าวม่านฉีลืมตามองเหลนสาวกล่าวให้เหลนสาวออกจากห้องของเธอ
จ้าวเวยเวยเห็นว่าคุณย่าทวดนอนหลับไปแล้ว เธอก็เดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ
จ้าวม่านฉีที่คิดว่าหลับไปแล้ว ลืมตามองเหลนสาว“ขอให้การเดินทางของคุณประสบความสำเร็จ ขอให้คุณสามารถผ่านอดีตที่เลวร้าย ที่เคยเกิดขึ้นกับคุณไปได้ และขอให้คุณโชคดีคุณทวดใหญ่”จ้าวม่านฉีพูดอวยพรให้กับเหลนสาวเบาๆ ก็จะนอนหลับไป
จ้าวเวยเวยเดินลงมาชั้นล่าง เห็นคุณย่ารออยู่ก่อนแล้ว“คุณย่า ฉันต้องไปแล้วนะคะ”จ้าวเวยเวยเดินเข้าไปกอดลาคุณย่า
“หลานเดินทางปลอดภัยนะ แล้วย่าจะรีบตามไป”จ้าวม่านเค่อบอกหลานสาว และกอดหลานสาวก่อนจะปล่อย
“ฉันไปแล้วนะคะ”จ้าวเวยเวยบอกและเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าประตู
…
จ้าวเวยเวยนั่งรถไปสนามบิน เธอหยิบโทรศัพท์โทรกลับไปหาคุณแม่ที่ประเทศไทย
“คุณแม่ ฉันกำลังไปสนามบิน อีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็จะได้เจอกันแล้วนะคะ” จ้าวเวยเวยกล่าวกับแม่ผ่านทางโทรศัพท์ ระหว่างนั่งรถไปสนามบิน
เขมิกามองลูกสาวผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอ“ลูกกำลังจะกลับประเทศไทยหรือ! เดี๋ยวแม่จะพาน้องไปรอรับลูกที่สนามบินนะ พ่อของลูกคงจะดีใจที่ลูกกลับมาหา”
“ฉันก็อยากไปเจอพวกคุณเร็วๆเหมือนกัน ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว คุณแม่ค่ะ…คุณพ่อจะมารับฉันด้วยหรือเปล่า”จ้าวเวยเวยถามแม่ เธอหวังว่าแม่จะบอกเธอว่าพ่อจะมารับเธอด้วย
คำถามของลูกสาวกลับทำให้เขมิกา รู้สึกอยากร้องไห้ สามีของเธอนอนไม่ได้สติมานานมากแล้ว
เขมิกาส่ายหัวตอบลูกสาว"คุณพ่อยังไม่หายดี คงไปรับลูกที่สนามบินไม่ได้"
“แม่ค่ะ ตกลงคุณพ่อเป็ยังไงกันแน่คะ”เธออดที่จะถามอีกรอบไม่ได้
เขมิกาเงียบไปกับคำถามของลูกสาว ก่อนจะร้องไห้ออกและบอกความจริงกับลูกสาว เธอได้ฟังอาการจริงๆของคุณพ่อแล้ว กลับไม่ได้ใมากอย่างที่ตัวเธอคิด เพราะว่าเธอและคุณย่าคิดถึงเื่พวกนี้เอาไว้ก่อนแล้ว
“คุณแม่ไม่ต้องเป็ห่วงนะคะ ฉันเชื่อว่า…อีกไม่นานคุณพ่อก็จะฟื้นค่ะ”จ้าวเวยเวยกล่าวปลอบแม่ของเธอ
“แม่และน้องสาวของลูก พวกเราก็เชื่ออย่างนั้น พ่อเขารักแม่และลูกทั้งสองมาก จะต้องไม่ทิ้งพวกเราไปแน่”
“แม่ค่ะ…”เธอเรียกแม่และหยุดไปสักพักก่อนจะกล่าวว่า“เื่ที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อ ฉันคิดว่าอาจจะเป็เพราะคำสาปของตระกูลเรา ตามที่คุณย่าบอกเอาไว้ ขอแค่เราแก้ไขคำสาปได้ ก็จะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นอีก”
“คุณย่าพูดแบบนั้นกับลูกหรือ ที่พ่อของลูกนอนไม่ได้สติแบบนี้ เป็เพราะคำสาปของตระกูลใช่ไหม”เขมิกาถามลูกสาว
“ใช่ค่ะ ตอนนี้รอแค่ฉันกลับไปแก้คำสาปได้ คุณพ่อก็จะไม่เป็อะไรแล้ว”จ้าวเวยเวยกล่าว
“แล้วลูกจะแก้คำสาปยังไง!”เขมิกาถามลูกสาวและแสดงสีหน้าเป็ห่วง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณย่าท่านไม่ได้บอกเอาไว้ ท่านบอกแค่ว่าเมื่อถึงเวลาฉันจะรู้เอง” จ้าวเวยเวยกล่าวและเลือกจะไม่บอกแม่ของเธอ ในเื่ที่เธอจะต้องเดินทางย้อนเวลากลับไปในอดีต ด้วยเธอเองก็ไม่แน่ใจ ว่าการจะย้อนเวลาจะทำได้จริงไหม
เขมิกาฟังที่ลูกสาวบอก และคิดตาม ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่สามีถึงไม่ยอมให้ลูกสาวคนโต กลับมาหาพ่อที่กำลังป่วย อาจเป็เพราะคำสาปของตระกูลสามี
“เวยเวย ลูกจะไม่เป็อะไรใช่ไหม หากต้องแก้คำสาป”เขมิกาถามลูกสาวด้วยความเป็ห่วง
จ้าวเวยเวยได้ยินคำถามของแม่ ก่อนจะยิ้มให้แม่ จ้าวเวยเวยก็ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของแม่ยังไง เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าเดิมจะต้องไปแก้ไขคำสาปยังไง และการย้อนเวลาไป ด้วยวิธีไหนและจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ หากสามารถไปได้จริงๆ