เล่มที่ 4 บทที่ 108
ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มู่หรงฉิงจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น นางได้ยินเสียงหายใจเฮือกของชิงยวี่ จากนั้นถูกเขากอดและกลิ้งไปบนพื้นสองสามรอบ ดูเหมือนพอสามารถแน่ใจว่า นางออกจากพื้นที่กับดักแล้ว ชิงยวี่ก็ปล่อยมือของนางและทิ้งตัวนอนลงบนพื้นพลางหอบหายใจอย่างอ่อนแรง
มู่หรงฉิงนอนอยู่บนหน้าอกของชิงยวี่ ศีรษะของนางค่อยๆ คลายอาการวิงเวียนเนื่องจากการกลิ้งตัว ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าได้กลิ่นคาวเืโชยเข้าจมูก พริบตาต่อมานางได้เห็นแอ่งเืขนาดใหญ่มาจากระยะไกลจนถึงด้านหน้าของนาง . . .
ชิงยวี่ าเ็แล้วหรือ?
รีบลุกขึ้น และเห็นว่าชิงยวี่นอนราบกับพื้น โดยที่ไม่มีาแ แต่น้ำเืบนถนนสายนี้มาจากไหนกันนะ? หลายอึดใจก่อนชิงยวี่กอดนางและหมุนตัวหันหลังกลับ เป็ไปได้หรือไม่ว่าอาการาเ็ของเขาอยู่บนแผ่นหลัง?
เขาาเ็หนักถึงเพียงไหนกัน? บนถนนถึงได้ถูกย้อมกลายเป็สีแดง?
รีบพลิกตัวชิงยวี่ซึ่งอยู่ในอาการหมดสติครึ่งหนึ่งให้นอนคว่ำลงกับพื้น ครั้นเห็นาแที่แผ่นหลังของชิงยวี่ มู่หรงฉิงก็ใถึงกับลืมหายใจ
ั้แ่่ไหล่ซ้ายจนถึงเอวด้านหลังของชิงยวี่ มีหนึ่งาแกว้างสองนิ้วซึ่งยังคงมีเืออกอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าาแนั้น ถ้าไม่ระบายเืออกให้หมด มันก็คงไม่หยุดหลั่งเือย่างไรอย่างนั้น
เห็นเช่นนั้น มู่หรงฉิงเปี่ยมไปด้วยความเสียใจ ถ้าเมื่อครู่นางไม่คิดถึงเื่เรื่อยเปื่อย นางก็คงไม่เพิกเฉยต่ออันตราย และชิงยวี่ก็คงจะไม่ได้รับาเ็เนื่องจากนาง
ดังคำกล่าวที่ว่า เื่ดีๆ มักจะไม่เกิดหลายๆ เื่พร้อมกัน ส่วนเื่แย่ๆ มักจะเกิดหลายๆ เื่พร้อมกันเสมอ ขณะที่ชิงยวี่ได้รับาเ็ ไม่รู้ว่างูหลามั์ในกับดักออกจากสถานการณ์อันยากลำบากได้อย่างไร แต่นางรับรู้ได้ถึงกลิ่นเืร้อนรุ่มซึ่งพุ่งเข้ามาหาทั้งสองคน
มู่หรงฉิงลอบพูดพึมพำในใจว่า งูหลามั์ตัวนี้ไล่ตามอย่างกระชั้นชิดเกินไป แต่นางก็รู้สึกโชคดีที่มีกับดักสำหรับดักมัน จากนั้นนางก็เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่เพิ่งทำร้ายชิงยวี่นั้นเป็ขวานขนาดใหญ่
เมื่อเห็นงูหลามั์กำลังพัวพันอยู่กับขวานั์ มู่หรงฉิงย่อมไม่มีความคิดเพิ่มเติมใดๆ ที่จะตรวจสอบพลังอันน่าทึ่งของขวาน นางลากชิงยวี่ไปซ่อนไว้ด้านหลังต้นไม้ ก่อนวิ่งหนีไปในระยะไกลพร้อมกับแกะสัมภาระออกด้วยความว่องไว เด็ดใบไม้สองสามใบในมือ หลังจากคิดพิจารณานางก็ดึงอีกสองสามใบ จากนั้นนางก็รีบห่อหญ้าชิงโยวในสัมภาระและแบกไว้ด้านหลัง
เวลานี้มีนางคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเป็เหยื่อล่อให้งูหลามต้องยาพิษจนตาย ทว่านางกลับไม่มั่นใจว่า หญ้าชิงโยวจะสามารถทำให้งูหลามั์ตายได้หรือไม่? ถ้าไม่ได้ วันนี้ในปีหน้าจะเป็วันประกอบพิธีเซ่นไหว้นางผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
อย่างไรก็ดีระหว่างที่มู่หรงฉิงยังคงคิดเรื่อยเปื่อย งูหลามั์ได้กวาดขวานั์หายไป ครั้นเห็นมู่หรงฉิงยืนอยู่ข้างหน้าและโบกมือไป มันจึงพุ่งไปที่มู่หรงฉิงด้วยความโกรธทั้งหมดที่มี
งูหลามั์อ้าปากจากระยะไกลราวกับว่า้ากลืนนางภายในคำเดียว มู่หรงฉิงรีบส่งกำลังภายในของนางเข้าไปในใบไม้ และในจังหวะที่งูหลามั์เข้ามาใกล้ ใบไม้ทั้งหมดในมือของนางก็พุ่งออกไป ก่อนเคลื่อนที่ลึกเข้าไปในลำคอของงูหลามั์ตัวนั้น
หลังจากเห็นว่าใบไม้ทั้งหมดถูกงูหลามั์กลืนกินไปแล้ว มู่หรงฉิงจึงหมุนตัวหันกลับและวิ่งหนี เป็เพราะนางไม่มีกำลังภายในมากเพียงพอ ไม่เช่นนั้นยามที่งูหลามั์ยังคงอยู่ในระยะไกล นางคงสามารถบังคับใบไม้ด้วยกำลังภายในให้เข้าไปในปากด้วยระยะทางที่ห่างกว่านี้ แต่อย่างไรก็ดีระยะห่างจากมันหดแคบเข้ามาแล้ว ถึงแม้ใบไม้จะถูกกินเข้าไป แต่มันยังอันตรายเป็อย่างยิ่ง
ในจังหวะที่มู่หรงฉิงยังคงวิตกกังวลว่านางจะทิ้งระยะห่างจากงูหลามั์ตัวนั้นได้หรือไม่ นางก็ได้ยินเสียงดังจากด้านหลังของนางราวกับั์ที่ตกลงมาจากที่สูงในระหว่างที่นางกำลังวิ่ง นางไม่ลืมที่จะหันศีรษะกลับไปมอง และเมื่อมองกลับไป ดวงตาของนางต้องเบิกกว้างขึ้นอย่างประหลาดใจ
เห็นงูหลามั์ที่ครู่ก่อนยังคงดุร้ายน่าหวั่นกลัว เวลานี้ล้มลงกับพื้นพร้อมอาการเืไหลจากดวงตา ทั้งยังมีเืสีดำไหลออกมาจากปากของงูอย่างต่อเนื่อง ร่างใหญ่โตของงูหลามั์เริ่มเน่าและละลายด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ งูหลามั์ที่น่าสะพรึงกลัวถูกหลอมละลายจนไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก
นี่... นี่มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ หลังจากที่ได้เห็นการตายของงูหลามั์ด้วยตาของนางเอง มือของมู่หรงฉิงถึงกับสั่นเทา นางไม่คาดคิดเลยว่า หญ้าชิงโยวจะเป็พิษถึงเพียงนี้ นางเพิ่งให้หญ้าชิงโยวแก่งูหลามั์เล็กน้อยเท่านั้น แต่มันส่งผลให้งูหลามั์เน่าเปื่อยไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก
ยาประเภทนี้จะสามารถให้เฉินเทียนหยูกินได้หรือไม่? ถ้าเขากินแล้วหลอมละลายเหมือนงูหลามั์ ไม่มีเหลือแม้กระทั่งกระดูกเช่นนั้น นางจะไม่กลายเป็ผู้หญิงฆ่าสามีหรือ?
“ฮูหยินน้อย”
มู่หรงฉิงยังคงลังเลในใจ ก่อนเสียงอันอ่อนแอของชิงยวี่จะดังแว่วมาจากด้านหลัง ครั้นนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าซีดขาวของชิงยวี่ผู้ซึ่งยืนอยู่ด้วยการใช้ดาบค้ำจุนร่างสูงของตัวเอง เนื่องจากสูญเสียเืมากเกินไป ริมฝีปากคู่นั้นของเขาจึงซีดขาวน่ากลัว
เห็นร่างกายของชิงยวี่กำลังโอนเอนทำท่าจะล้มลง มู่หรงฉิงจึงรีบเข้าไปช่วยเขา “ทำไมพวกจ้าวจื่อซินถึงยังไม่มาเสียที? เ้าได้รับาเ็สาหัส เ้าจะต้องได้รับยาทันทีถึงจะถูก”
“น่าจะมาในเวลาเร็วๆ นี้” แผ่นหลังของเขาเ็ปถึงกับรู้สึกชา และสิ่งที่ทำให้ชิงยวี่ทุกข์ทรมานมากที่สุดก็คือเวลานี้ศีรษะของเขาไม่อาจควบคุมได้อยู่หลายส่วน และเขาก็ไม่รู้ว่างูหลามั์ตัวนั้นหายไปไหนแล้ว? ถ้าเกิดมันหันกลับมาโจมตีอย่างฉับพลัน เกรงว่าพวกเขาทั้งสองคนคงทำได้แค่รอความตาย
หลายอึดใจก่อน มู่หรงฉิงซ่อนชิงยวี่ไว้ด้านหลังต้นไม้ เขาย่อมไม่เห็นฉากอันน่าสยดสยอง เขาได้ยินแค่เสียงขู่ของงูหลามั์ เนื่องจากวิตกกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมู่หรงฉิง เขาอาศัยพลังใจอันแข็งแกร่งในการก้าวย่างเท้าของตนเองทีละก้าว เมื่อเห็นมู่หรงฉิงปลอดภัย แม้เขาจะวิตกกังวลเกี่ยวกับงูหลามั์ แต่เขากลับเป็ลมหมดสติเนื่องจากความโล่งใจ
ชิงยวี่เป็ลมหมดสติ ฝ่ายมู่หรงฉิงไม่สนใจว่าจะมีสัตว์อื่นอยู่ที่นี่หรือไม่ นางคิดว่า นางมีหญ้าชิงโยว และไม่ว่าสัตว์ป่าจะดุร้ายมากถึงเพียงไหน ถ้ามาหนึ่งตัว นางก็ฆ่าหนึ่งตัว ถ้ามาสองตัว นางก็จะฆ่าเป็คู่
คิดได้ดังนั้น ในใจของมู่หรงฉิงกลับมีแต่ความกระวนกระวาย นางะโเสียงดัง “จ้าวจื่อซิน เ้าอยู่ที่ไหน? ถ้าเ้ายังไม่มาอีก ชิงยวี่ก็จะตายแล้ว”
เป็เื่บังเอิญที่สถานที่ที่พวกเขาทั้งสองคนอยู่นั้นเป็ที่ราบซึ่งถูกโอบล้อมด้วยูเา แม้ว่าเสียงของมู่หรงฉิงจะไม่ดังนัก แต่เสียงของนางกลับสามารถส่งไปได้ไกลมากผ่านการสะท้อนเสียงซ้ำๆ ของพื้นที่ซึ่งมีูเาห้อมล้อม
ทางด้านจ้าวจื่อซินผู้ซึ่งกำลังตามหามู่หรงฉิงและเกือบจะบ้าไปแล้ว เขาแค่ไม่พอใจนางเท่านั้น และไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะสนใจนางจริงๆ แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า เขาไม่สนใจนางเพียงชั่วครู่ชั่วยาม นางกลับหายไปในป่าลึกบนูเา เมื่อคนคนหนึ่งหายตัวไป มักจะถูกสัตว์ป่าโจมตีได้อย่างง่ายดาย นางเป็ผู้หญิงที่มีทักษะการต่อสู้ที่อ่อนแอ ในขณะที่สมองของนางก็ใช้ในการวางแผนกับคนได้เท่านั้น ครั้นนางเจอกับดักหรือสัตว์ร้าย นางคงพบเพียงทางตัน
ในจังหวะที่จ้าวจื่อซินวิตกกังวลใจจน้าจะฆ่าใครสักคน จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงะโดังแว่วจากด้านหน้า หลังจากรู้ว่านางสบายดี เขาก็โล่งใจในทันที ทางด้านปี้เอ๋อร์และเฉินเทียนหยูซึ่งได้ยินเสียงของมู่หรงฉิงก็วิ่งไปข้างหน้าโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด
เฉินเทียนหยูเห็นมู่หรงฉิงซึ่งเต็มไปด้วยเืนั่งอยู่บนพื้น เขาจึงรีบดึงนางให้ลุกขึ้นและสังเกตมองไปรอบๆ เพื่อดูว่า มู่หรงฉิงได้รับาเ็หรือไม่?
“ท่านพี่ ไม่ต้องวิตกกังวล ข้าไม่ได้เป็อะไร เพียงแต่เขาาเ็สาหัสแล้ว” เนื่องจากอาการาเ็บนแผ่นหลังของชิงยวี่รุนแรงมาก มู่หรงฉิงจึงต้องวางเขาคว่ำไว้บนพื้น ผลลัพธ์คือรอยแผลบนแผ่นหลังของเขาก็ยิ่งน่าใมากขึ้น
ครั้นเฉินเทียนหยูเห็นว่า มู่หรงฉิงไม่เป็ไร เขาจึงฉีกยิ้มและกอดนางโดยไม่คิดอะไรมาก ในความคิดเห็นของเขา ขอแค่น้องหญิงไม่เป็อะไร สำหรับคนอื่นๆ เขาก็ไม่สนใจ
“ไม่ดูเ้าแค่สักพักหนึ่ง เ้าก็ก่อเื่เสียแล้ว” จ้าวจื่อซินเปล่งเสียงพูดอย่างเ็า และทันทีที่เขาชี้นิ้วมือไปทางผู้ชายในชุดดำสองคน ทั้งสองได้เข้ามายกชิงยวี่และเดินกลับไป
มู่หรงฉิงเห็นผู้ชายในชุดดำทั้งสองคนจับชิงยวี่อย่างหยาบกระด้าง นางก็รีบะโว่า “พวกเ้าระวังเล็กน้อย อาการาเ็ที่แผ่นหลังของเขาสาหัสมาก”
เขาเสียเืมากเกินไปแล้ว และถ้าเกิดแบกอย่างหยาบกระด้าง เขาจะรอดชีวิตได้หรือ?
“ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมาก เ้าไม่ต้องวิตกกังวล” จ้าวจื่อซินเปล่งเสียงเ็า หมุนตัวหันกลับไปและจากไปราวกับว่าเขาเห็นแค่ปราดหนึ่งก็รู้สึกหงุดหงิดแล้ว
ท่าทีของจ้าวจื่อซินทำให้มู่หรงฉิงเข้าใจว่า เขาเป็ห่วงเป็ใยชิงยวี่เมื่อเห็นชิงยวี่ได้รับาเ็ เขาจะไม่เป็ห่วงเป็ใยได้อย่างไร?
การตามหาหญ้าชิงโยว และจุดประสงค์ในการขึ้นูเาในคราวนี้จึงสำเร็จลุล่วงเรียบร้อยแล้ว สำหรับเฉินเทียนหยูที่แบกสัมภาระซึ่งบรรจุผลไม้ไว้ด้านหลังหนึ่งถุงนั้น ดูจากท่าทางของเขาแล้ว เขาคงอยากจะถอนต้นไม้ทั้งต้นและนำกลับไปปลูกที่เรือนเสียมากกว่า
หลังจากบรรลุเป้าหมายของทุกคนย่อมไม่จำเป็ต้องอยู่ในูเาลึกอีกต่อไป มู่หรงฉิงรู้สึกเศร้าอย่างยิ่ง เมื่อคิดถึงชิงยวี่ที่ได้รับาเ็เพราะนาง ระหว่างทางลงูเา มู่หรงฉิงจึงไม่ได้มีเวลาว่างมาก เนื่องจากนางพยายามมองหาสมุนไพรมากมายตามตำราแพทย์ เช่น ตามตำราแพทย์บอกว่า สมุนไพรชนิดนั้นสามารถใช้เป็ยาชาสำหรับรักษาาแ นางจึงใช้ลิ้นของนางในการลองและมันก็รู้สึกชาลิ้นจริงๆ ทำให้นางไม่สามารถพูดได้เป็เวลานาน และยาแก้อักเสบที่ป้องกันไม่ให้แผลแย่ลง นางไม่แน่ใจว่าจะทำถูกหรือไม่
มองหาสมุนไพรตลอดทางย่อมเดินช้ากว่ากลุ่มคนของจ้าวจื่อซินเป็อย่างมาก ครั้นทั้งสามคนกลับมาถึงเรือนไม้พร้อมกับยารักษาโรคจำนวนมาก ชิงยวี่ได้ถอดเสื้อคลุมของเขาออกแล้ว ส่วนาแก็ถูกปกคลุมไปด้วยยาและมีผ้าปิดไว้
เห็นเืที่ไหลซึมออกจากผ้าก็คิดว่าน่าจะห้ามเืได้แล้ว แต่แผลนั้นค่อนข้างกว้างและลึกมาก หาก้ารอให้แผลหายด้วยตัวเองย่อมต้องใช้เวลานานมากใช่หรือไม่?
จ้าวจื่อซินนั่งอยู่ตรงกลางห้อง และทอดมองออกไปด้านนอกหน้าต่างโดยไม่พูดอะไร กล่าวคือเขาไม่ได้พูดกับมู่หรงฉิงอย่างเ็าเนื่องจากอาการาเ็ของชิงยวี่ ถึงกระนั้นนางก็ไม่ได้เผยสีหน้าที่ดีอะไรนัก
เฉินเทียนหยูมีความสุข เนื่องจากเขาเก็บผลไม้ได้มากมาย ยามมองดูกองผลไม้บนโต๊ะ เขาก็เผยรอยยิ้มโง่ๆ ราวกับในสายตาของเขา มีเพียงผลไม้เหล่านี้เท่านั้น
ฝ่ายปี้เอ๋อร์เห็นเสื้อผ้าของเฉินเทียนหยูถูกเกี่ยวจนฉีกขาดอีกหนก็หยิบเสื้อผ้าสะอาดออกมาหนึ่งชุด และดูแลรับใช้เฉินเทียนหยูเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นจึงเย็บเสื้อผ้าที่ฉีกขาดอย่างระมัดระวัง
มู่หรงฉิงเห็นปี้เอ๋อร์ร้อยเข็ม ในสมองของนางจึงปรากฏความคิดที่กล้าหาญแวบหนึ่ง แต่เมื่อนึกถึงภาพนั้น นางกลับรู้สึกสูญเสียความกล้าหาญเล็กน้อย ทว่าเมื่อเห็นชิงยวี่นอนคว่ำอยู่บนเตียงโดยไม่ได้สติ มิหนำซ้ำบนใบหน้าของเขายังปราศจากสีเื มู่หรงฉิงก็กัดฟันและหยิบเข็มเงินขนาดพอเหมาะออกมาจากชุดเย็บผ้าของปี้เอ๋อร์ หลังจากร้อยด้าย นางจึงใช้ไฟเผาเข็มเงินก่อนเดินไปที่ด้านหน้าเตียง
ปี้เอ๋อร์ไม่รู้ว่ามู่หรงฉิงกำลังจะทำอะไร? จึงแค่มองดูนายหญิงด้วยความสงสัย ครั้นเห็นมู่หรงฉิงถือเข็มที่ร้อยด้ายไว้ในมือและมองดูอาการาเ็ของชิงยวี่ ดวงตาของปี้เอ๋อร์ถึงกับเบิกกว้าง “คุณหนูใหญ่ คุณหนู...”
“นำยาทั้งหมดที่กล่าวไว้ก่อนหน้าบดเป็น้ำให้ข้าที” แผลนั้นกว้างสองนิ้ว มันลึกพอที่จะสามารถมองเห็นกระดูกได้ หากปล่อยให้รักษาหายได้เอง ถ้าไม่ใช้เวลาพักฟื้นสองหรือสามเดือนก็คงจะไม่ได้ ทั้งยังไม่อาจรับรองได้ว่า ระดับของการรักษาหายจะมากหรือไม่ นอกจากนั้นทักษะการต่อสู้ของชิงยวี่นั้นสูงมาก เขาต้องไม่ใช่คนประเภทที่สามารถนอนอยู่บนเตียงเป็เวลาหลายเดือนโดยไม่เคลื่อนไหวร่างกาย หากจะให้เขานอนบนเตียง มันคงจะอึดอัดมากอย่างแน่นอน
เนื่องจากเขาาเ็เพราะนาง ดังนั้นย่อมเป็หน้าที่ของนางในการหาวิธีเร่งการรักษาาแของชิงยวี่ให้ได้เร็วที่สุด