เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงในยามเว่ยแล้ว กลุ่มของหนิงอ้ายยังคงพากันพูดคุยเเลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่พวกเขาทุกคนพบเจอหลังจากได้เริ่มศึกษาไปใน่สี่ถึงห้าวันที่ผ่านมา บางเื่จะเป็สิ่งที่พวกเขาพอรับรู้มาบ้างก่อนหน้าจึงสามารถปรับตัวกันได้อย่างง่ายดาย แต่ละตำหนักล้วนต่างมีแนวทางในการบ่มเพาะศิษย์ของตนที่แตกต่างกันออกไปทั้งสิ้น
สำหรับตำหนักศาสตร์เเห่งการต่อสู้ เรียกได้ว่าการเเข่งขันภายในค่อนข้างที่จะสูงมาก บรรดาศิษย์ชายหญิงทุกคนล้วนต้องทำตัวเองให้เเข็งแกร่งต้องเตรียมความพร้อมอยู่เสมอเพราะว่าในทุกเจ็ดวันจะมีการประลองทั้งเชิงเวทย์และเชิงยุทธ์ขึ้นในตำหนัก จุดประสงค์หลักก็เพื่อให้ศิษย์เหล่านี้ตื่นตัวพร้อมกับพัฒนาตัวเองอยู่เสมอด้วยแิที่ว่าผู้ที่เเข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเป็ผู้อยู่รอด
แม้จะดูโหดร้ายเเต่นั่นก็เป็ความจริงของยุทธภพที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การประลองเหล่านี้มีจุดหมายแฝงอยู่นั่นคือเพื่อค้นหาสุดยอดรุ่นเยาว์มากพร์ในการเข้าร่วมสังกัดหน่วยต่าง ๆ ที่อาจเป็กองกำลังสำคัญในอนาคตของทางสำนักได้ หนิงอ้ายแม้จะเป็ห่วงสหายของตนอยู่บ้าง เเต่เมื่อได้ยินว่าสหายของเขาทั้งอี้หลิน จินหั่ว หลี่ซวงกับจ้าวหลานนั้นต่างทราบข้อมูลในส่วนนี้มาบ้างและทุ่มเทฝึกซ้อมอยู่เสมอ ดังนั้นหนิงอ้ายจึงเบาใจได้ในที่สุด
ทางฝั่งของลู่ซีกับอู๋ฮั่นที่เป็ศิษย์ตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลที่ััได้ถึงความเป็ห่วงจากสหายทุกคนที่ส่งมาจนรู้สึกได้ จึงตอบกลับไปให้สบายใจว่าพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้พบเจอในเื่ยุ่งยากทั้งสิ้น เพราะส่วนใหญ่แล้วจะมุ่งเน้นไปในทางศึกษาตำราเกี่ยวกับศาสตร์เเห่งค่ายกลรวมไปถึงการศึกษาในเื่ของการจัดวางตำแหน่งของค่ายกลเเต่ละประเภทเสียมากกว่า ซึ่งก็ไม่ได้มากเกินไปกว่าความสามารถของทั้งสองคนที่เตรียมตัวในเื่เหล่านี้อยู่บ้างแล้วเช่นกัน
"สามวันข้างหน้าก็จะถึงวันเกิดข้าพอดี พวกเราจัดงานเลี้ยงสักเล็กน้อยดีหรือไม่??" อี้หลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สดใส เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของเขา เด็กหนุ่มจึง้าที่จะจัดงานเลี้ยงเล็กน้อยกับกลุ่มสหายของตน
"เเต่ถ้าพวกเ้าไม่ว่างก็ไม่เป็ไรนะเข้าใจได้ เช่นนั้นข้าว่า..." อี้หลินเมื่อเห็นว่าทุกคนยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบรับ เด็กหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นอย่างติดขัดไม่น้อย
"เ้านี่จริง ๆ เลยนะอี้หลินกับพวกข้าที่อยู่ตำหนักเดียวกันเ้ายังไม่ยอมบอกพวกเราก่อนเสียอย่างนั้น..."
"เเล้วนี่คงคิดว่าพวกข้าไม่อยากไปร่วมงานวันเกิดของเ้าที่เป็สหายกันใช่หรือไม่??" หลี่ซวงเห็นท่าทางเศร้าสร้อยของสหายตัวน้อยของตนจึงคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงคิดว่าพวกตนไม่อยากไปร่วมงานวันเกิดของอีกฝ่ายเป็แน่
"เื่ที่สำคัญเช่นนี้เหตุใดจึงพึ่งบอกกัน ของขวัญ เเล้วของขวัญเล่า..." จ้าวหลานอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาเสียงดังพร้อมกับพูดกับตัวเองราวกับกำลังขบคิดบางอย่าง
"ข้าบอกเเล้วว่าทุกคนย่อมเต็มใจที่จะร่วมงานวันเกิดของเ้า..." จินหั่วที่เป็สหายกับอี้หลินตั้งเเต่ยังเด็กจึงพอที่จะเดาความคิดของอีกฝ่ายได้อีกทั้งสหายของเขาคนนี้ไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทมากนัก ดังนั้นเมื่อมีเพื่อนใหม่ที่ตนสนิทใจอีกฝ่ายจึงรู้สึกลังเลว่าทุกคนจะอยากมาร่วมงานวันเกิดของตนหรือไม่
"งานเลี้ยงวันเกิดอย่างนั้นรึ ให้พวกข้าทั้งสี่คนเข้าร่วมงานนี้ได้ด้วยหรือไม่??" เสียงของโม่โฉวดังขึ้นจากทางด้านหลังเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มทั้งเจ็ดคนรวมไปถึงศิษย์สายในศิษย์สายนอกชายหญิงที่นั่งล้อมวงพูดคุยกันไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก
ตรงด้านหลังของชายหนุ่มนั้นตามมาด้วยศิษย์พี่จางลี่ผู้เป็สตรีเพียงคนเดียวในกลุ่ม พร้อมกับบุรุษอีกสองคนที่เดินตามเข้ามาถึงในที่สุดนั่นคือศิษย์พี่ซุนหรานกับศิษย์พี่ตงหยาง ผู้ที่หนิงอ้ายไม่อยากพบเจอมากที่สุด...
"คำนับศิษย์พี่ทั้งสี่ขอรับ..." เสียงของกลุ่มของหนิงอ้ายได้ดังขึ้น พร้อมกับที่พวกเขาต่างขยับตัวให้เหล่าศิษย์พี่เหล่านี้นั่งร่วมโตะเดียวกันกับพวกตน
"เป็งานวันเกิดของใครอย่างนั้นรึ??" โม่โฉวถามขึ้นด้วยความกระตือรือร้น
"เป็วันเกิดของข้าเองขอรับศิษย์พี่..." อี้หลินตอบกลับอีกฝ่ายไปด้วยความเขินอายล็กน้อย
"เป็วันเกิดของศิษย์น้องอี้หลินนี่เอง เเล้วนี่พวกเ้าคิดเเล้วหรือยังว่าจะจัดงานเลี้ยงที่ใดกันให้ศิษย์พี่แนะนำพวกเ้าดีหรือไม่??" จางลี่ผู้เป็สตรีเพียงคนเดียวท่ามกลางบุรุษเหล่านี้จึงถามขึ้นมา เพราะนางคิดว่ารายละเอียดเล็กน้อยเช่นนี้อาจไม่ใช่เื่ถนัดของบุรุษพวกนี้ก็เป็ไปได้
"ไม่ต้องถึงขั้นเป็งานเลี้ยงใหญ่โตก็ได้ขอรับศิษย์พี่จางลี่ มีเพียงพวกเราเท่านี้ก็เพียงพอแล้วขอรับ..." อี้หลินตอบกลับไปตามที่ตนคิดเพราะส่วนตัวเเล้วเขาก็ไม่ค่อยชอบความวุ่นวายสักเท่าไหร่นัก
"ถึงจะเป็อย่างนั้นเเต่ก็ต้องเลือกสถานที่ให้ดีที่สุด ข้าจะเป็ผู้ดูเเลเอง" จางลี่เอ่ยขึ้นราวกับไม่้าให้อีกฝ่ายปฏิเสธ
"เอาอย่างที่จางลี่ว่านั่นเเหละ ศิษย์น้องอี้หลินอย่าได้คิดมาก" ซุนหรานเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทางเกรงอกเกรงใจของเด็กหนุ่ม ก่อนอี้หลินจะยอมรับอย่างไม่ขัดข้องเพราะเขาััได้ว่าศิษย์พี่ต่างให้ความเป็ดูตนเป็อย่างมาก
ทางฝั่งของหนิงอ้ายที่เห็นบทสนทนาเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นจึงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เด็กหนุ่มััได้ว่าศิษย์พี่เหล่านี้ต่างเอ็นดูตนและสหายทุกคนเป็อย่างมาก…
บรรยากาศของความสนุกสนานผสานกับความวุ่นวายได้เกิดขึ้นอีกครั้งเรียกสายตาของศิษย์สายใน ศิษย์สายนอกชายหญิงที่ต่างมองมาทางนี้อย่างเปิดเผย พวกเขานั้นไม่คิดว่าข่าวลือในก่อนหน้านี้ที่ว่าศิษย์น้องใหม่ที่พึ่งเข้าสำนักนั้นสนิทสนมกับว่าที่เ้าสำนักและศิษย์ผู้สืบทอดทั้งสามตำหนัก โดยมีตัวกลางนั้นคือศิษย์ที่มีนามว่าหนิงอ้ายผู้เป็ศิษย์ผู้สืบทอดตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาที่กำลังเป็ที่รู้จักกับทุกคนในตอนนี้
"สรุปอีกสามวันข้างหน้าพวกเราจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับอี้หลิน เเต่ว่าจะเป็สถานที่ใดอันนี้ขอเก็บเป็ความลับเสียก่อนเเล้วกัน..." ซุนหรานเอ่ยขึ้นเมื่อในตอนนี้ได้จัดสรรเเบ่งหน้าที่กันเรียบร้อยเเล้ว
"สำหรับเครื่องดื่มในวันงานเลี้ยงตามกฎของสำนักมีข้อห้ามเกี่ยวกับสุราและของมึนเมา ดังนั้นหน้าที่ในส่วนนี้จะเป็โม่โฉวกับศิษย์น้องจินหั่วที่รับผิดชอบดูเเลในส่วนนี้...."
"เื่อาหารเป็ศิษย์น้องหนิงอ้ายกับศิษย์น้องลู่ซีจะเป็ผู้รับหน้าที่ไปในส่วนนี้เพราะสหายของเ้าต่างยืนยันว่ารสมือของศิษย์น้องดียิ่ง เ้าสามารถเลือกลูกมือเพื่อช่วยเหลือในส่วนนี้อีกสองคนเช่นนั้นเป็ศิษย์น้องจ้าวหลานกับศิษย์น้องอู๋ฮั่นเเล้วกัน..."
"ส่วนเ้าตงหยางหน้าที่ของเ้าคือติดต่อประสานงานขออนุญาติใช้สถานที่กับผู้าุโหงเเล้วกัน เ้าพอคุ้นเคยอยู่บ้างน่าจะไม่ใช่เื่ยุ่งยากอะไร..."
"ส่วนข้า ซุนหรานกับศิษย์น้องหลี่ซวงจะรับดูเเลในการตกแต่งสถานที่จัดงานเเล้วกัน...อีกสามวันข้างหน้าในยามโหย่ว ให้มารวมตัวกันที่ลานตรงหน้าโรงครัวนี้..."
"ส่วนเ้าศิษย์น้องอี้หลินเ้าไม่ต้องทำสิ่งใดเพราะเ้าเป็เ้าของวันเกิด เป็เ้าของงานนี้นั่นเอง..." จางลี่เอ่ยขึ้นไล่เรียงหน้าที่ของเเต่ละคนที่ถูกจัดสรรเเบ่งหน้าที่ดูเเลแตกต่างกันไปก่อนที่จะทิ้งท้ายในส่วนของอี้หลินว่าเด็กหนุ่มนั้นที่ไม่ต้องทำสิ่งใดพร้อมกับเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในที่นี้
เเต่เหมือนกับว่าทุกคนคล้ายกับจะหลงลืมสิ่งใดบางสิ่งที่ขี้น้อยใจอยู่เป็แน่ เพราะเ้าตัวถึงกับขู่ฟ่อออกมาเสียงดังพร้อมกับเลื้อยออกมาจากอกเสื้อก่อนที่จะเลื้อยไปอยู่บริเวณตรงไหล่ของเด็กหนุ่ม พร้อมกับส่งเสียงร้องประท้วงออกมาที่เรียกความสนใจจากทุกคนในที่นี้ได้อย่างชะงัก
"ต้าเฮยพวกเราไม่ได้ลืมเ้านะ..." หลี่ซวงร้องดังขึ้นทันที
"ใช่เเล้วใครจะลืมเ้าได้กัน อย่างนี้ดีหรือไม่หน้าที่ของเ้าก็คือช่วยอี้หลินแกะของขวัญจากพวกเรา..." จินหั่วเอ่ยเสริมขึ้นเมื่อเห็นว่าเ้าตัวน้อยกำลังรู้สึกไม่พอใจเป็อย่างมาก แม้ท่าทางที่เเสดงออกมาจะน่ารักมากในสายตาของตนก็ตาม
"เ้าเป็กำลังใจให้พวกข้าก็พอเเล้ว..." จ้าวหลานเอ่ยสำทับไปด้วยความหนักเเน่น ต้าเฮยเห็นว่าทุกคนไม่ได้หลงลืมตนไปจริง ๆ เ้าอสรพิษตัวน้อยนี้จึงกลับมาร่าเริงอีกครั้งพร้อมกับจ้องมองไปทางฝั่งของบุรุษกับสตรีตรงหน้าที่ไม่คุ้นหน้าสักเท่าไหร่
"ข้ายังไม่เคยแนะนำให้ศิษย์พี่ได้รู้จักกับเ้าตัวน้อยเลย นี่คือต้าเฮยขอรับเป็สัตว์อสูรที่ข้ารับเลี้ยงขอรับ..." หนิงอ้ายแนะนำอีกฝ่ายให้กับบรรดาศิษย์พี่ของตนให้รู้จักอย่างเป็ทางการ
"ศิษย์พี่ท่านนี้คือศิษย์พี่โมโฉวศิษย์ผู้สืบทอดตำหนักศาสตร์เเห่งค่ายกลและเป็ศิษย์พี่ในตำหนักของลู่เกอกับอู๋ฮั่น..."
"ทางนี้คือศิษย์พี่จางลี่เป็ศิษย์ผู้สืบทอดตำหนักศาสตราวุธ..."
"ศิษย์พี่ท่านนี้คือศิษย์พี่ซุนหรานเป็ศิษย์ผู้สืบทอดตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เป็ศิษย์พี่ร่วมตำหนักของจินหั่ว อี้หลิน หลี่ซวงกับจ้าวหลาน..."
"ส่วนคนสุดท้ายคือศิษย์พี่ตงหยางเป็ศิษย์สายตรงของท่านเ้าสำนักและเป็ว่าที่เ้าสำนักคนต่อไป..." หนิงอ้ายแนะนำศิษย์พี่ทั้งสี่คนให้กับเ้าตัวน้อยได้รู้จัก ขณะเอ่ยถึงชายหนุ่มคนสุดท้ายหนิงอ้ายแทบจะไม่มองหน้าอีกฝ่าย ในใจรู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อยเพราะอีกฝ่ายมาถึงก็เอาเเต่จดจ้องเขาอย่างไม่วางตา
ต้าเฮยได้ยินหนิงอ้ายแนะนำศิษย์พี่ตรงหน้าทั้งสี่คนให้ได้รู้จัก อสรพิษสีดำจึงชูคอขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาสีแดงเืนั้นจ้องมองไปยังทั้งสี่คนอย่างเงียบเชียบคล้ายกับว่ากำลังขบคิดบางอย่างอยู่ในใจ ก่อนที่พริบตานั้นตรงนิ้วชี้ของทั้งสี่คนจะปรากฏเป็รอยฟันเล็ก ๆ สองซี่พร้อมกับความเ็ปเล็กน้อยตรงจุดนั้นเเต่ก็เพียงชั่วครู่ก็ได้หายไปราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดสิ่งใดขึ้นทั้งสิ้น
"เมื่อครู่นี้เป็เพียงการผูกมิตรในเเบบของต้าเฮยเพียงเท่านั้น ศิษย์พี่อย่าได้ถือสาเอาความเลยนะขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นทันทีด้วยเป็กังวลว่าเหล่าบรรดาศิษย์พี่เหล่านี้อาจจะเข้าใจในเ้าตัวน้อยผิดไป
"ตอนเเรกที่หนิงอ้ายแนะนำต้าเฮยกับพวกข้าเขาก็ทำเช่นนี้ ศิษย์พี่อย่าได้ถือสา ต้าเฮยเลยนะขอรับ..." อี้หลินเอ่ยเสริมขึ้นเพื่อยืนยันคำพูดของหนิงอ้ายเมื่อครู่
"ก่อนหน้านี้เสี่ยวอ้ายได้บอกเอาไว้ว่าสิ่งที่ต้าเฮยทำเมื่อครู่นี้นอกจากจะเป็การผูกมิตรและเป็การยอมรับพวกเราเเล้วปราณพิษที่อีกฝ่ายมอบให้สามารถป้องกันพวกเราจากพิษต่าง ๆ ได้ถึงสามครั้งเลยนะขอรับ..." ลู่ซีที่ไม่ค่อยมีบทสนทนาในก่อนหน้าได้เอ่ยเสริมขึ้นเช่นกัน พร้อมกับที่เ้าต้าเฮยนั้นรีบไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับเอาหัวเล็กนั้นถูไปกับฝ่ามือของอีกฝ่ายที่เรียกสายตาอิจฉาจากทุกคนไม่น้อย
"ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเชียวต้าเฮยของพวกเราช่างเก่งกาจเสียจริง..." โม่โฉวเอ่ยขึ้นด้วยความชื่นชมเ้าตัวน้อย
"ต้าเฮยของพวกเรานั้นเก่งมาก ๆ ต่อไปคงต้องฝากให้เ้าดูเเลพวกเราด้วยกันเล่า..." ซุนหรานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเอาใจอีกฝ่าย ต้าเฮยก็ตอบกลับมาด้วยการขยับส่วนหัวเล็กนั้นขึ้นลงหลายครั้ง
"ศิษย์พี่ขอลองััเ้าต้าเฮยได้บ้างหรือไม่??" จางลี่เองแม้โดยปกตินางจะไม่ค่อยชอบสัตว์เลื้อยคลานประเภทงูสักเท่าไหร่นักตามวิสัยของสตรีทั่วไป เเต่เมื่อนางเห็นท่าทางและใบหน้าที่น่ารักของเ้าตัวน้อยนั้นก็อดไม่ได้อยากจะลองััสักครั้ง
ต้าเฮยที่คล้ายกับจะชื่นชมสิ่งสวยงามเป็ทุนเดิมอยู่เเล้ว เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำร้องขอจากสตรีเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้ อีกทั้งยังมีความงดงามไม่ต่างจากไป๋เหลียนฮวาผู้เป็ศิษย์พี่ในตำหนักของเ้านายตน
ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนเห็นตอนนี้คือต้าเฮยได้ย้ายตัวเองไปอยู่บนไหล่ของอีกฝ่ายพร้อมกับเอาหัวเล็กนั่นถูไถไปกับแก้มของจางลี่เบา ๆ หลายครั้งที่เรียกทั้งสายตาอิจฉาไปไม่น้อยจากบรรดาเด็กหนุ่มที่เ้าตัวน้อยสามารถใกล้ชิดศิษย์พี่จางลี่ได้ถึงขนาดนี้ ต้าเฮยยังได้เวียนเข้าไปทำความรู้จักคุ้นเคยกับบรรดาศิษย์พี่กับสหายของหนิงอ้ายทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยไม่เข้าไปเฉียดใกล้ตงหยางแม้เเต่เพียงนิดเดียว
เห็นว่าสมควรแก่เวลาที่ต้องเเยกย้ายกลับเรือนพักในตำหนักของเเต่ละคนเสียที ไม่ลืมเน้นย้ำเื่นัดหมายในอีกสามวันข้างหน้าสำหรับงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของอี้หลิน เช่นเดิมว่าทางฝั่งของศิษย์พี่ซุนหรานก็ได้พาเด็กหนุ่มทั้งสี่คนได้แก่จินหั่ว อี้หลิน หลี่ซวงกับจ้าวหลานเเยกตัวไปทางตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้ในทันที ทางฝั่งของศิษย์พี่โม่โฉวเองก็เดินนำลู่ซีกับ อู๋ฮั่นเเยกไปทางตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกล
ตอนนี้เหลือเพียงหนิงอ้าย ศิษย์พี่จางลี่กับศิษย์พี่ตงหยางเพียงเท่านั้น หากไม่นับรวมต้าเฮยที่ตอนนี้ก็ได้กลับไปอยู่ในอกเสื้อของเด็กหนุ่มที่เป็ที่ประจำเเล้ว ด้วยเวลายามซวีแล้วหากจางลี่ที่เป็สตรีหากต้องไปส่งเด็กหนุ่มนั้นคงไม่ใช่เื่ที่สมควรนัก ดังนั้นนางจึงฝากฝั่งให้สหายของตนอย่างตงหยางไปส่งศิษย์น้องหนิงอ้ายถึงหน้าตำหนกเสียเเล้วกัน ก่อนร่ำลากับหนิงอ้ายกับต้าเฮยเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเเยกตัวไปยังตำหนักศาสตราวุธ
หนิงอ้ายที่กำลังจะบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าว่าไม่ต้องไปส่งตนก็ได้ เเต่ก่อนที่จะได้เอ่ยสิ่งใดไปนั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังของตน
"ศิษย์น้องหนิงอ้ายก็กำลังจะกลับตำหนักอย่างนั้นรึ เ้ากลับไปพร้อมกันกับศิษย์พี่เถอะ...." โจวเซินที่เมื่อกล่าวจบก็มาถึงตรงหน้าของทั้งสองคนพอดี
"ไม่รบกวนเ้า อย่างไรข้าจะไปส่งศิษย์น้องหนิงอ้ายเอง...." ตงหยางตอบกลับอีกฝ่ายไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ปรากฎคลื่นอารมณ์ใด
"ควรเป็พวกข้าที่ต้องเอ่ยคำนี้เสียมากกว่า ว่าที่เ้าสำนักคนต่อไปเช่นเ้าคงมีธุระอีกมากเป็แน่ พวกเราไปกันเถอะศิษย์น้องหนิงอ้าย เ้าออกมาทั้งวันแล้วท่านอาจารย์คงเป็ห่วงเ้าอยู่ไม่น้อย...." เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยขึ้นเช่นนั้นหนิงอ้ายก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้ พร้อมกับเดินแยกออกไปในทันที
ทิ้งให้ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่ละสายตา ก่อนที่โจวเซินจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย พร้อมกับชนไหล่ของตงหยางเบา ๆ อย่างไม่สนใจ พร้อมกับเร่งฝีเท้าของตนให้เดินตามทันร่างบางที่อยู่ห่างไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้