หลี่ชิงหลิงยื่นมือออกไปอุ้มน้องสาวที่กำลังหลับอยู่ จากนั้นผลักหลี่ชิงเฟิงอย่างแรง
หลี่ชิงเฟิงตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง ถามอย่างงัวเงียว่าเกิดอะไรขึ้น?
"เสี่ยวเฟิง ลุกขึ้นเร็วเข้า เร็ว..." นางเรียกหลี่ชิงเฟิงด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นว่าเขายังงุนงงและไม่ตอบสนองก็กัดฟัน ลากเขาไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
หลี่ชิงเฟิงเดินโซเซตามหลังหลี่ชิงหลิง หัวยังคงสับสน "พี่ เกิดอะไรขึ้น วิ่งทำไม" เกิดอะไรขึ้นถึงทำให้พี่สาวที่สงบตลอดตื่นตระหนกได้ขนาดนี้?
นางเองก็บอกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในใจมีความตื่นตระหนกโดยไม่มีเหตุผล รู้สึกว่าถ้าไม่วิ่งออกไปจะเกิดสิ่งเลวร้ายขึ้น
มือที่เปิดประตูสั่นเทา ทันทีที่เปิดประตู กระเบื้องบนหลังคาก็ตกลงมา
ในจังหวะอันตรายนี้ นางยัดน้องสาวใส่มือหลี่ชิงเฟิงและผลักพวกเขาอย่างแรง แต่ตัวนางหนีออกมาไม่ได้
หลี่ชิงเฟิงรับน้องสาว ทั้งสองคนล้มลงบนพื้นด้วยกัน โชคดีที่หิมะตกหนัก พวกเขาไม่ได้รับาเ็
เด็กน้อยตื่นขึ้นมาจากความหนาวเย็นและเริ่มร้องไห้
หลังจากสับสนอยู่ครู่หนึ่งหลี่ชิงเฟิงจึงรู้สึกตัว กอดน้องลุกขึ้นหันกลับไปมองบ้านที่พังทลาย ส่วนพี่สาวหายไป
ทันใดนั้น น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา ร้องเรียกพี่สาวด้วยเสียงสั่น
น้องสาวก็ดูเหมือนจะรู้ว่าพี่เกิดเื่ ร้องไห้จ้า
ในคืนที่เงียบสงบนี้ เสียงร้องของทั้งสองดังเป็พิเศษ หลิวจือโม่ที่ง่วงจากการเฝ้าเล็กน้อยตื่นขึ้นกะทันหันโดยไม่มีเหตุผล เขาใจสั่นจนเผลอลูบหน้าอกโดยที่ไม่รู้ตัวว่าตนเป็อะไรไป จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องของทั้งสอง
เขาได้ยินอย่างชัดเจนว่านั่นคือหลี่ชิงเฟิงและหลี่ชิงหนิง แล้วยังได้ยินเสียงเรียกพี่สาวด้วย สีหน้าเขาเปลี่ยนโดยพลัน ผุดลุกขึ้นวิ่งไปเปิดประตู
เขารีบวิ่งไปที่บ้านหลิว เห็นหลี่ชิงเฟิงสวมเสื้อผ้าเนื้อบางๆ อุ้มหลี่ชิงหนิงยืนอยู่บนหิมะ เอาแต่ร้องไห้เรียกหาพี่สาว
เขามองตามสายตาของหลี่ชิงเฟิง เบื้องหน้าคือบ้านถูกหิมะทับจนพัง
แต่ไม่เห็นเงาหลี่ชิงหลิง เขาตื่นตระหนกทันที
"พี่ล่ะ? อยู่ที่ไหน" เขาวิ่งไปจับไหล่ของหลี่ชิงเฟิง ถามเสียงดัง
หลี่ชิงเฟิงร้องไห้และชี้ไปที่ห้องที่พังทลาย สะอื้นไห้ "พี่สาวอยู่ข้างใน วิ่งออกมาไม่ทัน” ทั้งหมดเป็ความผิดของเขาเอง ถ้าเขาไม่ปลุกยากนัก พี่สาวก็คงไม่ติดอยู่ข้างใน
พี่สาวถูกทับก็เพื่อช่วยเขา
เมื่อมองบ้านที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ หลิวจือโม่ก็เ็ปจนน้ำตารื้น เขาบีบฝ่ามืออย่างแรงเพื่อสงบสติอารมณ์ จะใไม่ได้ ถ้าเขาตื่นใ เด็กๆ จะตื่นตระหนกมากกว่าเดิม
"เสี่ยวเฟิง พาน้องไปที่บ้านข้า ให้จือเยี่ยนไปเรียกคนจากในหมู่บ้าน” เมื่อมองหลี่ชิงเฟิงที่ตัวสั่นจากความหนาวเย็น หลิวจือโม่ก็สั่งอย่างใจเย็น "ไปเร็ว"
หลี่ชิงเฟิงเช็ดน้ำตาแล้วพยักหน้า กอดน้องสาวที่ร้องไห้จากความหนาวเย็นและวิ่งไปที่บ้านหลิว เมื่อเห็นหลิวจือเยี่ยนตื่นก็ส่งน้องสาวให้ “จือเยี่ยน ช่วยดูแลน้องหน่อย” พูดจบ เขาก็หันหลังกลับและวิ่งไปที่หมู่บ้านโดยไม่สวมเสื้อผ้าใดๆ เพิ่ม
หลิวจือเยี่ยนมองหลี่ชิงหนิงในอ้อมแขนเห็นว่านางยังคงร้องไห้ เขาจึงได้แต่กอดและปลอบนางเบาๆ
ฝั่งหลิวจือโม่ ทันทีที่หลี่ชิงเฟิงจากไป เขาก็หันหลังเดินเข้าไปในบ้านที่พังทลาย ใช้มือทั้งสองข้างขุดหิมะ ร้องเรียกหลี่ชิงหลิงเสียงดัง
"เสี่ยวหลิง ตอบข้าหน่อยได้ไหม เสี่ยวหลิง..."
มีเพียงความเงียบงัน
ดวงตาของหลิวจือโม่แดงก่ำ สองมือขุดหิมะเร็วขึ้น มือของเขาแดงจากความหนาวเย็น แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย
"์ นี่มันแย่มาก!" ป้าหวงซึ่งอยู่ใกล้บ้านหลี่มากที่สุดตื่นขึ้นเพราะเสียงเคาะประตูของหลี่ชิงเฟิง ทันทีที่ได้ยินเื่ราวก็รีบตรงมาทันที
"อย่ามัวแต่ยืนบื้อ รีบมาช่วยสิ!" สามีของป้าหวงะโเรียก เมื่อป้าหวงได้สติก็รีบไปช่วยหลิวจือโม่
เมื่อหลิวจือโม่เห็นทั้งสองก็กล่าวขอบคุณด้วยดวงตาแดงก่ำ
คอป้าหวงก็ตีบตันเล็กน้อย นางสูดจมูกบอกว่าหมู่บ้านเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจ
หลังจากนั้นไม่นาน คนอื่นๆ ในหมู่บ้านก็มาร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือด้วย
เมื่อมีผู้คนจำนวนมากก็มีพละกำลังมาก ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงก็สามารถขุดไปถึงตำแหน่งกรอบประตู และเห็นมือของหลี่ชิงหลิงในที่สุด
หลิวจือโม่ตกตะลึง จับมือและเรียกหลี่ชิงหลิงเสียงดัง
แต่หลี่ชิงหลิงไม่ตอบสนอง
“ท่านพี่ ท่านพี่ ตอบข้าหน่อยเถอะนะ” หลี่ชิงเฟิงจับมือหลี่ชิงหลิงร้องไห้
หลี่ชิงหลิงยังคงไม่ตอบสนอง
ภาพนี้ทำให้หัวใจของทุกคนจมดิ่ง แม้แต่การขุดก็ช้าลง
“รีบขุดเถอะ เอาหลี่ชิงหลิงออกมาก่อนค่อยว่ากัน” ผู้นำหมู่บ้านเอ่ย ทุกคนได้ยินก็เร่งมืออีกครั้ง
ค่อยๆ เอาไม้ที่ร่วงหล่นออกอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงเห็นหลี่ชิงหลิงอย่างเต็มตา
เด็กสาวนอนขดตัวอยู่บนพื้นโดยมีเืไหลอาบทั่วศีรษะ
หิมะสีขาวตัดกับเืสีแดงสดทำให้ผู้คนแค่มองก็ใ
“เสี่ยวหลิง” หลิวจือโม่กอดอย่างระมัดระวัง มือที่สั่นเทาค่อยๆ วางไว้ใต้จมูก เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจเบาๆ น้ำตาของเขาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้ “ยังมีชีวิตอยู่ เสี่ยวหลิงยังมีชีวิตอยู่!"
เมื่อได้ยินว่ายังมีชีวิตอยู่ ใจที่กังวลของทุกคนต่างก็ผ่อนคลายลง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
มีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว
"เถียโถว รีบไปขับเกวียนวัวจากที่บ้านข้า ส่งเสี่ยวหลิงไปหาหมอในเมือง" ผู้นำหมู่บ้านเรียกชื่อเจิงเถียโถวและขอให้เขาไปเอาเกวียน
เจิงเถียโถวตอบรับ ยกเท้าวิ่งไปที่บ้านของผู้นำหมู่บ้าน
"จื่อโม่ รีบพาเสี่ยวหลิงกลับไปที่บ้าน ห่อด้วยผ้านวมรักษาความอบอุ่นไว้" ผู้นำหมู่บ้านสั่ง หลี่ชิงหลิงถูกฝังอยู่ในหิมะเป็เวลานาน ถ้าไม่ทำให้ร่างกายอบอุ่นละก็ เด็กสาวจะหนาวตายได้ "แล้วก็เ้า รีบแต่งตัว เดี๋ยวพี่ตื่นมาแล้วเ้าจะล้มป่วยแทนหรอก” ผู้นำหมู่บ้านจับมือหลี่ชิงเฟิง เรียกให้เขาไปแต่งตัว
หลี่ชิงเฟิงที่ก่อนหน้าสวมเสื้อผ้าบางๆ มาช่วยขุดหิมะ หน้าเริ่มเขียวจากความหนาวเย็นแล้ว
หลิวจือโม่อุ้มหลี่ชิงหลิงขึ้นมาเบาๆ เขาโค้งคำนับผู้ที่มาช่วย "ขอบคุณท่านลุงและท่านป้าทุกคนมาก ไว้เสี่ยวหลิงหายดี ข้าจะไปขอบคุณทุกคนที่บ้าน” พูดจบก็อุ้มหลี่ชิงหลิงเดินเข้าบ้าน
ผู้นำหมู่บ้านถอนหายใจ และขอให้ป้าหวงอยู่ช่วย ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกลับไป
แม้ว่าชาวบ้านจะกังวลเกี่ยวกับหลี่ชิงหลิง แต่อากาศหนาวเย็น พวกเขาจึงไม่ปฏิเสธอีกต่อไป บอกลาผู้นำหมู่บ้านและทยอยกลับ
ผู้นำหมู่บ้านกับป้าหวงไปที่บ้านหลิว เห็นหลี่ชิงเฟิงถูมือและเท้าของหลี่ชิงหลิงเพื่อให้นางอุ่นขึ้น
เมื่อป้าหวงเห็นเข้าก็รีบเข้าไปช่วย
เมื่อเจิงเถียโถวขับเกวียนวัวมาถึง ป้าหวงเอาผ้านวมคลุมเกวียนวัวและอุ้มผ้าห่มมาอีกผืน ก่อนจะขอให้หลิวจือโม่อุ้มหลี่ชิงหลิงเข้าไปในเกวียน
หลังจากที่หลิวจือโม่กำชับหลิวจือเยี่ยน เขาก็อุ้มหลี่ชิงหลิงขึ้นเกวียน
หลี่ชิงเฟิงอยากไปด้วย เขาจะไม่สบายใจถ้าไม่เห็นพี่สาวของเขาตื่น
หลิวจือโม่ปฏิเสธคำขอของเขา เนื่องจากตอนนี้หิมะตกหนักและเดินทางลำบาก ไม่ควรเพิ่มน้ำหนักให้กับเกวียนวัวอีก
หลี่ชิงเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอม
ป้าหวงต้องตามไปช่วย ผู้นำหมู่บ้านอายุมากจึงไม่ตามไป เขาแค่กำชับก่อนเจิงเถียโถวขับเกวียนออกไป
หิมะตกลงมาอย่างหนัก ถนนถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาเป็ชั้นๆ เกวียนวัวเคลื่อนตัวช้ามาก
หลิวจือโม่ร้อนรน แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นมือออกไปกดแผลของหลี่ชิงหลิงไว้แน่นๆ เพื่อไม่ให้เืของนางไหลเร็วเกินไป
มิฉะนั้นเมื่อพวกเขาถึงเมือง เด็กสาวจะตายเพราะเสียเืมาก
ป้าหวงมองหลี่ชิงหลิงที่หลับตาเือาบหน้าแล้วรู้สึกกลัว เอาแต่ท่องอมิตตาพุทธไม่หยุด ขอให้พระคุ้มครองหลี่ชิงหลิง
เมื่อวานเด็กสาวเพิ่งให้ของตรุษจีนกับนาง วันนี้กลับเกิดเื่แบบนี้ขึ้นเนี่ยนะ? แย่จริงๆ!
เห็นเกวียนวัวช้าลง หัวใจของหลิวจือโม่ก็กังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วเช่นนี้พวกเขาจะไปถึงเมืองได้เมื่อใด
เจิงเถียโถวก็กังวลเช่นกัน แต่เขาเร่งความเร็วไม่ได้ ถนนปกคลุมไปด้วยหิมะ ถ้าบังคับเกวียนเร็วเกินไป แล้วเกวียนคว่ำ จะยิ่งแย่กว่าเดิม
"์ ทำไมจู่ๆ ถึงหิมะตกหนักขนาดนี้" เจิงเถียโถวสาปแช่ง ถ้าจู่ๆ หิมะก็ไม่ตกหนักขนาดนี้ บ้านของหลี่ชิงหลิงก็คงไม่พัง แล้วหลี่ชิงหลิงก็คงไม่โดนทับอยู่ด้านใต้ เฮ้อ… หวังว่าหลี่ชิงหลิงจะโชคดีและผ่านมันไปได้อย่างปลอดภัย!
ในจังหวะนี้เอง เกวียนวัวพลันติดอยู่ในหิมะจนขยับไม่ได้ เจิงเถียโถวตบวัวสองครั้ง แต่ก็ยังขยับไม่ได้
เหงื่อผุดบนหน้าผากในสภาพอากาศหนาวเย็น "เกวียนวัวติด ต้องลงไปดัน” เขาปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและพูดอย่างหมดหนทาง
หลิวจือโม่หายใจออกช้าๆ วางหลี่ชิงหลิงไว้ใต้ผ้านวมอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาและป้าหวงลงจากเกวียนและเข็นด้วยกัน
พวกเขาทั้งสามคนต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเข็นเกวียนวัวที่ติดหล่มในหิมะ
ด้วยกลัวว่าเกวียนจะจมลงไปในหิมะอีก ทั้งสองจึงไม่ขึ้นเกวียนอีกและเดินตามเกวียนนั้นไปตลอดทาง จนกระทั่งเมื่อไปถึงจุดที่หิมะไม่หนามากจึงจะกล้านั่งอีกครั้ง
พวกเขาใช้เวลาเกือบสองชั่วยามกว่าจะถึงเมือง
หลังจากถกกับนายประตูและยัดเงินจำนวนหนึ่ง จึงจะสามารถเปิดประตูและเข้าไปในเมืองได้
หลิวจือโม่ขอให้เจิงเถียโถวขับเกวียนตรงไปที่ร้านขายยาที่คุ้นเคย เขาหวังเพียงว่าหมอซวีจะอยู่ที่ร้าน หากไม่อยู่ เขาก็ไม่รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร
คราวที่แล้วทำให้หมอหวงคนนั้นไม่พอใจ เกรงว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ยอมรักษาให้
