เยวี่ยเจาหรานแนะนำผู้ที่ถูกคัดเลือกแต่ละคนให้แก่ฮูหยินเยี่ยนอย่างกระตือรือร้นยิ่ง แล้วจึงพยักหน้าเอ่ยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ข้าว่านะเ้าคะ ถึงอย่างไรข้าก็ถือเป็พี่สะใภ้ของชิวเยวี่ย จะทำให้เปี่ยวเม่ยเสียหายได้อย่างไรเล่า? ท่านดูสิเ้าคะ ไม่กี่คนนี้ก็ล้วนเป็หนุ่มหล่อมากสามารถที่นับว่าไม่เลวในเมืองหลวงยามนี้เลยไม่ใช่หรือ?”
แม้จะบอกว่าคำพูดของเยวี่ยเจาหรานในตอนนี้ จะมีความออเซาะกะล่อนอยู่ไม่น้อย ทว่าฮูหยินเยี่ยนกลับฟังอย่างชื่นมื่นยิ่ง นางยิ้มแล้วตบไหล่ของเยวี่ยเจาหรานเบาๆ อย่างหาได้ยาก “อืม ก็พอได้นะ”
ก็พอได้? แค่พอได้อย่างนั้นหรือ? แม้ในใจของเยวี่ยเจาหรานจะทรุดฮวบไปไม่มากก็น้อย ทว่าต่อให้เขากินดีหมีหัวใจเสือ [1] ก็ไม่กล้าพูดตรงๆ ต่อหน้าฮูหยินเยี่ยน ดังนั้นจึงได้แต่อดทนอดกลั้นเอาไว้ เขายิ้มพริ้มจนดวงตาดอกท้อหยีโค้ง อย่างน้อยก็ได้คำว่า ‘พอได้’ ของฮูหยินเยี่ยนมาได้แล้ว สำหรับเยวี่ยเจาหรานที่ถูกตำหนิติติงอยู่เป็ประจำนั้น ก็นับว่าเป็ผลลัพธ์ที่ไม่เลวแล้ว
“ในเมื่อท่านแม่นับว่าพอใจในไม่กี่คนที่ข้าได้เลือกมานี้ เช่นนั้นกระดาษแผ่นนี้ ก็เก็บเอาไว้ที่ท่านนะเ้าคะ...” เยวี่ยเจาหรานพูดพลางลุกขึ้น พร้อมกับหยิบรายชื่อแผ่นนั้นยื่นไปตรงหน้าฮูหยินเยี่ยน “ให้ท่านแม่เก็บเอาไว้ใคร่ครวญพิจารณา เลือกเฟ้นตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับเปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ยเ้าค่ะ!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เยวี่ยเจาหรานที่ลุกขึ้นยืนแล้วก็ถูฝ่ามืออย่างเกรงใจ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มพริ้ม “เช่นนั้น… เช่นนั้นข้าขอกลับไปหาอวิ๋นเฟยก่อนนะเ้าคะ ยามนี้เองก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ข้าไม่ขอรบกวนท่านแม่แล้วเ้าค่ะ~”
ไม่รู้เพราะเหตุใด การพูดคุยในยามบ่ายวันนี้ของเยวี่ยเจาหรานจึงอ่อนไหวเป็พิเศษ หากไม่บอก ก็คงจะถูกคนอื่นมองว่าเป็สาวน้อยเข้าจริงๆ หลังจากนั้นเยวี่ยเจาหรานก็คิดทบทวนตัวเองรอบหนึ่ง รู้สึกอย่างยิ่งว่าอาจจะเป็เพราะฮูหยินเยี่ยนที่ไม่เคยไว้หน้าเยวี่ยเจาหรานมาก่อนมีท่าทีอ่อนโยนขึ้นมากะทันหัน เป็ผลให้บุคลิกแปลกๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในของเยวี่ยเจาหรานถูกกระตุ้นออกมา จากนั้นจึง...
จากนั้นจึงสับสนปนเปจนกลายเป็ท่าทางเช่นตอนนี้นี่เอง
“ได้ เ้าไปก่อนเถอะ...” ฮูหยินเยี่ยนพยักหน้าให้กับเยวี่ยเจาหราน มองส่งเยวี่ยเจาหรานเดินไปถึงครึ่งทาง แล้วก็กลับเรียกหยุดเอาไว้ “เอ้อ รอเดี๋ยว”
รอเดี๋ยว? ทำไมต้องรอเดี๋ยวอีก...? เยวี่ยเจาหรานที่เกือบจะเดินไปถึงประตูอยู่แล้วถูกเรียกให้หยุดลงอย่างฉับพลัน ในใจพลันตื่นตระหนกขึ้นมา สีหน้าแข็งทื่อไปไม่น้อย ความรู้สึกไม่เป็ธรรมผุดขึ้นมาในใจ นึกบ่นไม่หยุด หรือว่าฮูหยินเยี่ยนจะนึกเปลี่ยนใจเสียแล้วต่อว่าตนอีกหรือ?
ถึงแม้ในใจจะลุกลี้ลุกลน แต่คนที่ทุ่มเทกับหน้าที่อย่างเยวี่ยเจาหรานนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าในยามนี้นอกจากจะแข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อย นอกนั้นก็มองไม่ออกถึงความเปลี่ยนแปลงอื่นเลย
“ท่านแม่… มีอันใดหรือ?” เอาเถอะ น้ำเสียงที่พูดเองก็ไม่ได้เย่อหยิ่งและมั่นใจเหมือนกับเมื่อครู่นี้นัก ไม่เป็ไร… เื่เล็ก ไม่ใช่เื่ใหญ่โตอะไร!
“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก” ฮูหยินเยี่ยนเห็นเขาหันกลับมาก็พยักหน้าอย่างเป็ธรรมชาติ เอ่ยขึ้น “เื่ในครั้งนี้ของเ้า เตรียมการได้ไม่เลว พยายามต่อไปล่ะ ไปเถอะ”
แม่เ้าโว้ย!!! กระทั่งเสียงของฮูหยินเยี่ยนเงียบลงโดยสมบูรณ์ เยวี่ยเจาหรานก็นึกว่าหูของตนมีปัญหาจนได้ยินผิดเสียอีก เขาหมุนตัวออกจากห้องไป แทบอยากจะตบหน้าตัวเองสักทีเสียเดี๋ยวนั้น เพื่อดูว่าตนกำลังอยู่ในความฝันหรือไม่...
ทว่าเยวี่ยเจาหรานยังคงหลงเหลือสำนึกว่าไม่ควรทำร้ายตัวเองอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงเพียงะโโลดเต้นอยู่กับที่ด้วยความดีใจ โห่ร้องอย่างไร้เสียงด้วยความลิงโลด จากนั้นจึงเดินตัวลอยกลับเรือนของตน
แม้ว่าจะเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว เยวี่ยเจาหรานก็ยังอดะโโลดเต้นขึ้นมาไม่ได้ อีกทั้งยังส่งเสียงะโแหลมสูงว่า ‘โอ้ เย่’ ออกมาตามหลังไปด้วย... แต่ว่า ก็แค่เื่เล็ก…เื่เล็ก ไม่ใช่เื่ใหญ่โต!
หลังจากร้องะโแล้ว เยวี่ยเจาหรานก็ตัวหดลีบอย่างเศร้าหมอง แล้วรีบสับเท้าวิ่งกลับไปเรือนน้อยๆ อันน่าน้อยใจของตนกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างรีบร้อน พลันหายวับไปทันที
“นังสารเลว!” เยวี่ยเจาหรานที่กำลังลิงโลดใจยามนี้ย่อมไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเื้ัของตนนั้น หญิงสาวผู้หนึ่งที่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันนั้นแทบอยากจะใช้สายตาสังหารเขาไปให้รู้แล้วรู้รอด แน่นอนว่า อาจจะยังอยากสังหารผู้ชายบนรายชื่อที่ถูกคัดเรียงออกมาพวกนั้นไปพร้อมกันด้วยเลย เช่นนั้นแล้วก็จะไม่มีใครสามารถหยุดยั้งหญิงสาวผู้นี้ไม่ให้แต่งงานกับเปี่ยวเกออวิ๋นเฟยที่ใจนางคะนึงหาได้...
มือของสวี่ชิวเยวี่ยกำหมัดแน่น เป็ครั้งแรกที่นางรู้สึกถึงความโกรธแค้นเช่นนี้ กระทั่งเื่ที่เคยผ่านมาก็ไม่อาจทำให้สวี่ชิวเยวี่ยโกรธเกรี้ยวเช่นดังตอนนี้... อย่างไรเสีย ไม่ว่า ‘เยวี่ยเยียนหราน’ ในอดีตจะพูดจาว่าร้ายต่อหน้าเปี่ยวเกออวิ๋นเฟยจนกระทบต่อแผนการของตนเช่นไร ก็ยังไม่เคยได้รับการยอมรับจากท่านป้า
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน
นางได้ยินฮูหยินเยี่ยนตอบรับ ‘เยวี่ยเยียนหราน’ มากับหู น้ำเสียงเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าฮูหยินเยี่ยนพึงใจและเห็นชอบกับข้อเสนอแนะในครั้งนี้ของ ‘เยวี่ยเยียนหราน’ !!
ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ว่าใครในโลกนี้ก็มาฉุดรั้งไม่ให้นางแต่งงานกับเยี่ยนอวิ๋นเฟยได้ทั้งนั้น... ต่อให้จะให้ท่านอ๋องแปดที่มีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์เป็จักรพรรดิอะไรนั่น ก็ไม่อาจเทียบกับตำแหน่งในใจของเยี่ยนอวิ๋นเฟยได้หรอก!
แววตาของสวี่ชิวเยวี่ยดังคบเพลิง จ้องเขม็งเงาหลังของเยวี่ยเจาหรานที่กำลังวิ่งะโโลดเต้นอย่างโเี้ แทบอยากจะฆ่าระบายแค้นเสียเดี๋ยวนั้น...
หากจะทำก็ทำให้ถึงที่สุดไปเลย คืนนี้ ต้องทำให้เื่ทั้งหมดจบลง! ในหัวของสวี่ชิวเยวี่ยคิดเช่นนั้น ริมฝีปากหยักโค้งเป็รอยยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ในแววตาดั่งบึงน้ำลึกเกินหยั่ง...
เพราะการจัดเตรียมเื่การดูตัวให้กับสวี่ชิวเยวี่ยดำเนินไปอย่างราบรื่น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถึงกับเอาสุราชั้นเลิศที่เก็บเอาไว้หลายปีของตนออกมาต้อนรับเยวี่ยเจาหรานที่ช่วยแก้ไขปัญหาอย่างดี ทั้งสองหาโต๊ะหินสักตัวในสวน แล้วสั่งให้คนเตรียมกับแกล้มเหล้าเอาไว้เล็กน้อย ว่าแล้วก็ร่ำสุรากันทันที
“มา มาๆ ... ชน!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยิ้มร่าหน้าบาน นั่นเพราะความผ่อนคลายสบายใจที่รู้ว่าตนใกล้จะสลัดสวี่ชิวเยวี่ยออกไปได้แล้ว ถึงแม้การจะดีใจในตอนนี้จะยังเร็วเกินหน่อยจริงๆ
ไม่ไกลออกไป สวี่ชิวเยวี่ยที่ถือจานใบเล็กเอาไว้ในมือนั้น กำลังย่างเข้ามาใกล้ทีละก้าว แน่นอนว่านางยังไม่รู้สึกตัวว่าตนคือฝันร้ายสำหรับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ย่อมไม่ได้มีจิตสำนึกที่ฝันร้ายคนหนึ่งควรมี นั่นก็คืออยู่ให้ห่างจากเ้าบ้านสักหน่อย
“เปี่ยวเกอ~” ของที่สวี่ชิวเยวี่ยถือมาในมือ ไม่ได้นับว่าปลอดภัยนัก ก็เหมือนกับน้ำเสียงของนาง ที่ทำเอาเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานใจนสั่นสะท้าน
ทั้งสองสบตากัน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงวางจอกสุราในมือลงอีกด้านอย่างเชื่องช้า “เ้าไม่อยู่ที่ห้องของตนเองให้ดีๆ มาทำอะไรกัน?” น้ำเสียงของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมีความผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด เยวี่ยเจาหรานดึงชายแขนเสื้อของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างอดไม่ได้ สื่อว่าให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่าพูดจาหยาบคายขนาดนั้น
สีหน้าของสวี่ชิวเยวี่ยแทบจะตรึงไว้ไม่อยู่ แต่ก็ยังฝืนเอ่ยด้วยรอยยิ้มกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว “รู้มาว่าวันนี้เปี่ยวเกอครึกครื้นรื่นเริงดี ดังนั้นข้าจึงตั้งใจเตรียม...”
สวี่ชิวเยวี่ยด้านหนึ่งเอ่ยไป พลางหยิบของในมือออกมาวางไว้บนโต๊ะ แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่รอให้นางพูดจบก็เอ่ยแทรกขึ้นมา “ไร้สาระ! ต่อให้ข้าจะครึกครื้นรื่นเริง นั่นก็รื่นเริงกับพี่สะใภ้ของเ้า เกี่ยวอะไรกับเ้ากัน?” สวี่ชิวเยวี่ยถูกคนพูดใส่เช่นนี้ สีหน้าย่อมบิดเบี้ยวเหยเก แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกลับไม่แยแสความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของนางเลยแม้แต่น้อย ทั้งไม่สนว่าสีหน้าของเยวี่ยเจาหรานที่อยู่ด้านข้างนั้นดูไม่ได้ขนาดไหน
“พอแล้ว เ้าไปเสีย! อย่ามาเกาะแกะข้าทุกวี่ทุกวัน ขาดกาลเทศะยังพอว่า ช่างไร้ยางอายเสียจริง!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยน้ำเสียงเ็า แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ไม่นานเ้าก็จะออกเรือนอยู่แล้ว อย่าได้ย่ำยีชื่อเสียงตนนักเลย!”
เชิงอรรถ
[1] กินดีหมีหัวใจเสือ (吃熊心豹子胆) หมายถึงความใจกล้า ไม่รักตัวกลัวตาย กล้าทำในสิ่งคนปกติไม่กล้าทำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้