หนิงอ้ายกับลู่ซีและเหล่าองค์รักษ์ทั้งสี่คนนั้นต่างทะยานตัวออกจากขบวนรถม้าพร้อมกับพุ่งเข้าหากลุ่มของอสูรวานรพันตะนิลกาฬในทันที ในครานี้หนิงอ้ายไม่ได้ทำการร่ายบทเวทย์เขตแดนของตนออกไปเนื่องจากว่าเขานั้นเฝ้ารอบางอย่างอยู่นั่นเองและเฝ้ารอให้อีกฝ่ายนั้นตกหลุมพลางที่ตนได้วางเอาไว้
เสียงย่ำเท้าของสัตว์อสูรขนาดใหญ่ดังขึ้นทำเอาพวกเขาทุกคนต่างรู้สึกใอยู่ในไม่น้อย แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะสังหารสัตว์อสูรบริวารเหล่านี้ทั้งหมด ทว่าจิตสังหารที่ััได้คงเป็สัตว์อสูรระดับสูงที่มีอายุหลายพันปีหากเป็เช่นนั้นคงไม่ดีเป็แน่
สิ่งที่พวกเขากังวลได้ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้า ปรากฏเป็อสูรวานรพันตะนิลกาฬตัวหนึ่งที่มีอายุไม่เกินสี่พันปี นับได้ว่าเป็สัตว์อสูรนภาขั้นสูง กลิ่นอายอหังการล้ำลึกเช่นนี้คาดว่าคงเป็อสูรราชันย์วานรพันตะนิลกาฬนายเป้นแน่ สัตว์อสูรตรงหน้ามีความสูงใหญ่ถึงห้าเมตรที่เต็มไปด้วยจิตสังหารฆ่าฟัน แม้น่าหวั่นเกรงเพียงใดคงมีเพียงหนิงอ้ายเท่านั้นที่ยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของตนเอาไว้ได้
"เ้ามนุษย์ชั้นต่ำ!!! กล้าสังหารลูกน้องของข้านายแห่งเผ่าพันธ์อสูรวานรพันตะนิลกาฬเช่นนั้นรึ?? " สิ้นเสียงดังกึกก้อง พวกเขาทั้งห้าคนต่างตกตะลึงยิ่ง สัตว์อสูรที่พูดได้ย่อมมีความเป็มาไม่ธรรมดาสามัญ เพราะหากไม่เป็สัตว์อสูรระดับสูงจนสามารถปลุกสติปัญญาได้ อีกฝ่ายอาจเป็สัตว์อสูรที่มีความพิเศษของสายเืก็เป็ไปได้เช่นเดียวกัน
ปราการวารีอหังการ!
พรึบ!
พื้นที่โดยรอบของอสูรราชันย์วานรพันตะนิลกาฬปรากฎเป็ม่านปราการวารีสีฟ้าขาวที่มีเเข็งแกร่งเป็อย่างมาก กลิ่นอายความเย็นบริสุทธิ์สุดขั้วพวยพุ่งออกมากดดันอย่างเต็มที่ตามบัญชาการของหนิงอ้ายผู้ร่ายบทเวทย์เขตแดนนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ลืมแฝงปราณธาตุพิษต้นกำเนิดเพื่อลดทอนขุมพลังของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด เพราะพิษไร้ลักษณ์นี้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายโดยที่ไม่อาจสังเกตได้
แม้ว่าอสูรราชันย์วานรพันตะนิลกาฬจะเป็สัตว์อสูรระดับนภาขั้นสูง เทียบเท่าได้กับราชทินนามจักรพรรดิิญญาในผู้ฝึกตนก็ตาม แต่ด้วยเพราะบทเวทย์นี้ของหนิงอ้ายอันเป็เวทย์ระดับเทวะที่ผสานเข้ากดับอักขระเวทย์โบราณและปราณธาตุพิษอันเข้มข้น ดังนั้นแล้วหากว่าพลังลมปราณไม่เทียบเท่าหรือมากกว่าผู้บัญชาการเช่นหนิงอ้ายแล้ว คงยากที่จะฝ่าทะลุออกมาได้โดยง่าย
เนตรแห่ง์ส่งข้อมูลให้หนิงอ้ายรับรู้ว่าอสูรราชันย์วานรพันตะนิลกาฬนี้มีสายเืาไหลเวียนอยู่แม้จะอ่อนจางไปบ้างตามความเสื่อมถอยของเผ่าพันธ์แล้วก็ตาม กระดูกิญญาอายุสี่พันปีชิ้นนี้สามารถให้ลู่ซีทำการประสานดูดซับเข้ากับร่างกายได้อย่างพอดี ด้วยรากฐานบ่มเพาะปราณธาตุลมเช่นเดียวกันย่อมส่งเสริมทักษะิญญาและระดับปราณธาตุลมต้นกำเนิดของลู่ซีให้เหนือชั้นได้อย่างไม่ยากนัก
"ข้าจะทำให้เ้าเ็ปน้อยที่สุด ถือเสียว่าเป็การขอบคุณสำหรับข้าแล้วกัน" หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นท่ามกลางความไม่เข้าใจของทั้งห้าคนที่เหลือที่ไม่รู้ว่าหนิงอ้ายนั้นกำลังจะทำสิ่งใด
มหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!!
ตู้ม!
สิ้นเสียงของหนิงอ้ายตรงด้านหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏเป็บุปผาเหมันต์ดอกใหญ่ที่ผนึกขึ้นจากปราณธาตุน้ำอันบริสุทธิ์ ก่อนพุ่งเข้าตัดส่วนหัวของอสูรราชันย์วานรพันตะนิลกาฬที่ถูกกักขังในม่านปราการวารีอย่างแม่นยำ ร่างกายอันใหญ่โตเมื่อไร้การควบคุมแล้วจึงทรุดลงพื้นส่งเสียงดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ เมื่อม่านปราการสลายหายไป เหนือร่างไร้ิญญาของสัตว์อสูรได้ปรากฏเป็กระดูกิญญารัศมีแสงสีเหลืองก่อนที่จะลอยเข้ามาในมือของหนิงอ้ายพร้อมกันนั้นเด็กหนุ่มได้หันไปทางตัวคนที่ตนนับถือไม่ต่างไปจากพี่ชายร่วมสายเื
"กระดูกิญญาอายุสี่พันปีพร้อมให้ลู่เกอประสานเข้ากับร่างกายแล้วขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปทางฝั่งของลู่ซี
"เ้าเก็บกระดูกิญญาชิ้นนี้ไว้เองเถอะมันล้ำค่าเกินไปกว่าที่เกอจะรับไว้ได้..." ลู่ซีปฏิเสธหนิงอ้ายไปทันที แม้ว่าเขาจะเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดหนิงอ้ายจึง้าให้เขาทำการประสานร่างกายเข้ากับกระดูกิญญาชิ้นนี้
กระดูกิญญาของอสูรราชันย์วานรพันตะนิลกาฬมีสังกัดปราณธาตุลมที่มีความบริสุทธิ์หายาก อีกทั้งกระดูกิญญาของอสูรราชันย์วานรพันตะนิลกาฬนั้นมีอายุถึงสี่พันปีและเป็อีกหนึ่งเผ่าพันธ์ของสัตว์อสูรที่มีสายเืาไหลเวียนอยู่ หากเขาทำการประสานเข้ากับร่างกายไปแล้วจะส่งผลให้ปราณธาตุลมต้นกำเนิดในตัวของเขาพัฒนาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
ด้วยเหตุนี้หนิงอ้ายจึง้าให้ลู่ซีนั้นทำการประสานกระดูกิญญาของอสูรราชันย์วานรพันตะนิลกาฬเข้ากับร่างกายโดยเร็วที่สุด เพราะกระดูกิญญานี้จะเสริมปราณธาตุลมต้นกำเนิดในร่างกายให้มีความบริสุทธิ์ ลู่ซียังสามารถใช้ทักษะการโจมตีที่แฝงไปด้วยเจตจำนงค์แห่งธาตุลม รวมไปถึงทักษะการหลบหลีกที่มีความว่องไวเหนือประสาทััการรับรู้ดังเช่นที่อสูรวานรพันตะนิลกาฬนั้นทำได้
นับว่าทักษะเหล่านี้สามารถนำมาพลิกแพลงให้เกิดประโยชน์ได้มากมายหลากหลายด้าน แต่อย่างไรก็ตามที่ลู่ซีได้เอ่ยปฏิเสธตอบกลับหนิงอ้ายไปนั้นด้วยเพราะเขาคิดว่ากระดูกิญญาชิ้นนี้ล้ำค่าเกินไปที่เขานั้นจะได้อีกทั้งในการโจมตีครั้งสุดท้ายนั้นเขาเองไม่ได้ลงแรงอะไรไปมากเมื่อเทียบกับหนิงอ้ายที่เป็ผู้วางแผนการทั้งหมดและสามารถสังหารสัตว์อสูรนี้ได้สำเร็จ
"ลู่เกออย่าปฏิเสธเลยขอรับ ข้าตั้งใจพาทุกคนมาที่นี่เพื่อสังหารอสูรราชันย์วานรพันตะนิลกาฬเพื่อ่ชิงกระดูกิญญาของมันเพราะข้าััได้ถึงกลิ่นอายของกระดูกิญญาอยู่ไม่ไกลจากพวกเรามากนัก แต่ข้าเองก็ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนด้วยเพราะเนตร์ที่ข้าใช้นั้นยังถูกจำกัดด้วยพลังิญญาระดับจักรพรรดิิญญา ข้าจึงต้องอาศัยญาณััที่มีแล้วเลือกนำพาทุกคนเดินทางมายังที่แห่งนี้ทำให้ทุกคนต้องแบกรับความเสี่ยงไปด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าต้องขออภัยทุกคนด้วยอีกครั้งนะขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยจบลงพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อยให้กับลู่ซีและเหล่าองค์รักษ์ทั้งสี่คนด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง
แม้ว่าในกลุ่มของพวกเขานั้นจะมีผู้ฝึกตนระดับสูงและถึงแม้ว่าทุกคนในที่นี้จะมากไปด้วยฝีมือและประสบการณ์ก็จริงแต่ถึงอย่างไรนั้นการต้องปะทะกับสัตว์อสูรระดับนภาขั้นสูงย่างก้าวระดับมายานั้นนับว่าเหนือความคาดหมายของเขาไปมากเลยทีเดียว
"ข้า้าให้ลู่เกอรับกระดูกิญญานี้ด้วยเหตุผลสำคัญคือเกอยังไม่ได้ประสานกระดูกิญญาเข้ากับร่างกายเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น หลังจากนี้พวกเราต้องเข้าทดสอบของสำนักศึกษาไม่รู้ว่าจะต้องพบสิ่งอันตรายร้ายแรงจนถึงชีวิตหรือไม่... "
"ดังนั้นข้าคิดว่า่เวลาไม่กี่วันที่เหลือก่อนเข้าร่วมการทดสอบเกอควรใช้โอสถที่ท่านตามอบให้เพื่อเลื่อนขั้นเป็ระดับจักรพรรดิให้สำเร็จจากนั้นค่อยทำการประสานร่างกายเข้ากับกระดูกิญญานี้ เพราะกระดูกิญญาของอสูรราชันย์วานรพันตะนิลกาฬนั้นครบถ้วนไปด้วย่อายุที่เหมาะสมกับระดับพลังิญญาและพลังปราณธาตุลมของเกอนะขอรับ..." หนิงอ้ายพยามยามเกลี้ยกล่อมให้ลู่ซีนั้นรับกระดูกิญญาชิ้นนี้ไปเสีย
"เช่นนั้นก็ขอบใจเ้ามาก..."
"ขอบคุณพวกท่านด้วยนะขอรับ ในวันหน้าหากว่ามีสิ่งใดที่ข้าลู่ซีผู้นี้สามารถตอบแทนได้และขอเพียงสิ่งที่ท่าน้านั้นไม่ไร้ซึ่งศีลธรรมตัวข้าย่อมยินดีตอบแทนอย่างแน่นอน..." ลู่ซีเอ่ยขอบคุณองครักษ์ทั้งสี่คนพร้อมกับโค้งคำนับให้กับอีกฝ่ายไปเล็กน้อยตามมารยาทวิถี
"อีกหนึ่งเค่อพวกเราควรที่จะออกเดินทางกันได้แล้วเพราะกว่าจะถึงเมืองหมอกทมิฬตะวันคงสิ้นแสงพอดี..." หนิงอ้ายไม่รอช้าจัดการเก็บร่างไร้ิญญาของราชันย์อสูรวานรพันตะนิลกาฬไว้ในแหวนมิติที่ท่านตาหวังจิ่งหลงมอบให้ ร่างไร้วิญาณนี้ย่อมไม่ต่างจากอาหารอันโอชะที่ส่งผลดีกับเจียว
"เผ่าพันธ์อสูรวานรพันตะนิลกาฬพวกนี้สังกัดปราณธาตุลมดังนั้นจึงมีการโจมตีที่ว่องไวเป็พิเศษ ถึงแม้ว่าระดับพลังิญญาของพวกมันส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากแต่ด้วยจำนวนเท่านี้ถือว่าเป็อันตรายได้เช่นกันหากไม่ระวังตัว..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นอีกครั้งคล้ายที่จะย้ำให้กับตนเองเสียเป็ส่วนใหญ่
ครั้งนี้ถือว่าเป็โชคดีที่พวกเขาต้องรับมือกับสัตว์อสูรในจำนวนที่ไม่มากและอสูรราชันย์วานร พันตะนิลกาฬนั้นแม้จะอยู่ในระดับนภาขั้นสูงย่างก้าวระดับมายาแต่เพราะประมาทให้กับเขาจึงทำให้อีกฝ่ายต้องตายตกไปอย่างง่ายดาย แต่ในอนาคตนั้นหากเขา้าตามล่าเสาะหากระดูกิญญาแล้วนั้นต้องวางแผนให้รัดกุมกว่านี้อีกหลายเท่าเลยทีเดียว...
สำหรับการที่ผู้ฝึกตนที่มีความแข็งแกร่งและมีระดับพลังิญญาระดับสูง นอกจากจะสามารถดูดซับปราณฟ้าดินในธรรมชาติเข้ามาในร่างกายเพื่อบ่มเพาะรากฐานในการฝึกตนได้แล้ว ยังสามารถดูดซับผลึกธาตุบริสุทธิ์ที่ตรงกันกับปราณธาตุในร่างกายได้อีกด้วย
นอกเหนือนั้นการประสานร่างกายเข้ากับกระดูกิญญาทั้งเจ็ดส่วนในร่างกายก็สามารถทำได้เช่นกัน ยิ่งหากว่าผู้ฝึกตนคนใดที่มีโอกาสในการประสานร่างกายเข้ากับกระดูกิญญาไปได้ครบถ้วนทั้งเจ็ดส่วนหรือสามารถประสานกระดูกิญญาเข้ากับร่างกายได้มากเท่าใดก็จะทำให้ร่างกายของผู้ฝึกตนคนนั้นย่อมมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันหลายเท่ายิ่งนัก
แต่ถึงอย่างไรก็ตามแต่กระดูกิญญาที่ได้มาจากสัตว์อสูรหาใช่เป็สิ่งที่หาได้ง่ายดายเหมือนที่เมื่อ้าก็จะพบเจอได้เลยปานนั้น เพราะหากว่ากระดูกิญญาพบเจอได้ง่ายดายแล้วในยุทธภพนี้คงมีแต่ผู้ฝึกตนมากไปด้วยฝีมือเป็แน่ ในความเป็จริงแล้วกระดูกิญญาเป็สิ่งที่พบเจอได้ยากยิ่ง
ไม่ใช่ว่าสัตว์อสูรระดับสูงทุกตัวหรือทุกเผ่าพันธุ์ที่จะสามารถมีได้ ต้องอาศัยความพิเศษทางสายเืของเผ่าพันธ์หรือความพิเศษของถิ่นที่อยู่ที่ส่งผลผันแปรต่อระดับพลังิญญาจึงจะมีโอกาสพบเจอ มีผู้กล้านักพเนจรท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่าต่อให้ต้องเข่นฆ่าสัตว์อสูรระดับสูงไปมากมายเพียงใด แต่หากไร้ซึ่งวาสนาก็ไม่อาจพบกระดูกิญญาได้เช่นกัน
ความล้ำค่าของกระดูกิญญาในยุทธภพกล่าวได้ว่ามากมายมหาศาล ยิ่งกับกระดูกิญญาอายุสามหมื่นปีเป็ต้นไปนับว่าหาได้ยากยิ่งและวิธีการที่จะได้มาไม่ใช่เื่ง่ายดาย อย่างที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าสัตว์อสูรทั้งหลายต่อให้มีพลังิญญาเทียบเท่าระดับเดียวกัน แต่ใช่ว่าผู้ฝึกตนคนเดียวจะสามารถคร่ากุมสังหารได้โดยง่าย ต้องอาศัยผู้ฝึกตนระดับสูงที่มากฝีมือและอาศัยของวิเศษบางชนิดที่สามารถัักลิ่นอายของกระดูกิญญาได้เท่านั้น เพราะหากว่าไม่อาศัยทั้งสองสิ่งนี้แล้วนั้นการที่ผู้ฝึกตนคนหนึ่งจะสามารถกระดูกิญญาสักชิ้นได้นับว่าเป็เื่ที่ไกลตัวมากเลยทีเดียว
การที่หนิงอ้ายตัดสินใจมอบกระดูกิญญาอายุสี่พันปีนี้ให้กับคุณชายลู่ซีอย่างง่ายดายเช่นนี้ จึงทำให้ทุกคนต่างใกันไปไม่น้อย เพราะความล้ำค่าของกระดูกิญญาหากเอ่ยตามตรงมันเป็สิ่งที่ไม่เข้าใครออกใคร ต่อให้มีสายเืเดียวกันแต่ก็ถึงกับเข่นฆ่าแย่งชิงกระดูกิญญาก็มีให้พบเห็นอยู่บ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วน แต่สำหรับหนิงอ้ายเขาไม่เคยคิดถึงสิ่งเหล่านี้เสียด้วยซ้ำ เพราะสำหรับเขาแล้วการให้ไม่มีอะไรที่มากเกินไปสำหรับคนที่รู้สึกว่าตนยอมรับว่าเป็คนในครอบครัวเดียวกัน
เพราะหากพูดตามความจริงแล้วเขาที่ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหนิงอ้ายที่เป็แฝดน้องของตนที่อยู่ในโลกนี้ ั้แ่ลืมตาขึ้นมาก็มีลู่ซีที่คอยอยู่เคียงข้างอยู่เสมอ คอยให้คำปรึกษาและเป็กำลังใจที่ดีในการฝึกตนในวันต่อไป
แน่นอนว่าสำหรับหนิงอ้ายคนเก่าก็รู้สึกไปไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่นักเพราะว่าตัวของลู่ซีคอย อยู่เคียงข้างหนิงอ้ายคนเก่าในทุก่เหตุการณ์ของชีวิตไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ลู่ซีนั้นเป็ทุกอย่างสำหรับหนิงอ้ายคนเก่าเสียด้วยซ้ำ หรือแม้กระทั้งเป็อีกสถานะพิเศษอีกหนึ่งที่หนิงอ้ายคนเดิมนั้นรู้ดีว่าไม่มีทางเป็ไปได้หากเขานั้นยังขึ้นชื่อว่าเป็คุณชายใหญ่ของจวนนี้
ดังนั้นหนิงอ้ายคนเก่าจึงเลือกที่จะละทิ้งวิถีแห่งผู้ฝึกตนทั้ง ๆ ที่ตัวคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าหากเขา้ามารดาของเขาจะต้องขอความช่วยเหลือจากท่านตาอย่างแน่นอน การที่หนิงอ้ายคนเก่านิ่งเงียบและทำตัวให้ไม่โดดเด่นเขาหวังเพียงว่าหากเขาไม่สามารถเป็ผู้ฝึกตนได้และมีชื่อเสียงด่างพร้อยแล้ว ตำแหน่งของว่าที่ประมุขของตระกูลอันสมควรเป็ของตนในฐานะของคุณชายใหญ่ที่เป็บุตรของฮูหยินเอกควรที่จะถูกส่งมอบให้กับบุตรชายคนอื่นของบิดาของตน และเมื่อถึงตอนนั้นเขาที่เป็เพียงคุณชายใหญ่ของจวนที่ไร้ซึ่งอำนาจไม่ต่างจากคนทั่วไปแล้ว
เส้นทางความรักของเขาคงมีความเป็ไปได้มากกว่านี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามหนิงอ้ายคนเก่าก็เลือกที่จะเก็บความรู้สึกที่พิเศษนี้เก็บซ่อนไว้ลึกอยู่ในใจไม่ให้ลู่ซีได้รับรู้ ด้วยเพราะกลัวว่าหากลู่ซีรู้ว่าตนได้คิดเกินเลยกับอีกฝ่ายนั้นจะทำให้ทุกสิ่งที่เขาเคยได้รับจากอีกฝ่ายหายไปไม่เหมือนเดิมและแน่นอนว่าหนิงอ้ายคนเก่านั้นไม่ยินยอมที่จะเสียความสุขนี้ไปอย่างแน่นอน
เมื่อตัวเขาได้เข้ามาอยู่ในร่างกายของหนิงอ้ายที่อยู่ในโลกนี้ ทุกความทรงจำ ทุกเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นหรือแม้กระทั่งกับความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ส่วนลึกในใจของหนิงอ้ายคนเก่า ทุกความรู้สึก ทุกการกระทำของทั้งสองที่มีต่อกันเขาััได้ว่าไม่ได้มีเพียงแค่หนิงอ้ายคนเก่าที่รู้สึกดีกับลู่ซีฝ่ายเดียวเพราะทางฝั่งของลู่ซีเองก็คงรู้สึกดีกับอีกฝ่ายไม่ต่างกันแต่ด้วยเพราะสถานะในตอนนั้นที่ลู่ซีเป็เพียงบ่าวรับใช้
แม้จะเป็เพียงเด็กแต่ลู่ซีก็มีความคิดอ่านเป็ผู้ใหญ่อยู่ไม่น้อย จึงทำให้อีกฝ่ายนั้นมองโลกตามความเป็จริงที่ว่าในวันหนึ่งหากหนิงอ้ายขึ้นเป็ผู้นำตระกูลหวังแล้วการตบแต่งฮูหยินเข้ามาคงเป็เื่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นตัวของลู่ซีจึงเลือกที่จะเก็บความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อหนิงอ้ายเอาไว้ในส่วน ที่ลึกสุดและตั้งใจว่าตนนั้นจะคอยอยู่ดูแลอีกฝ่ายตลอดไปแม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
หลังจากที่เขาเข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ก็นับได้ว่าเวลาได้ผันผ่านมาสองปีกว่าแล้ว แน่นอนว่าลู่ซีที่อยู่กับหนิงอ้ายมาั้แ่ยังเป็เด็กย่อมที่จะััได้อยู่แล้วว่าหนิงอ้ายที่อยู่ตรงหน้าตนนี้ไม่ใช่คนเดิมในความทรงจำที่งดงามของเขาซึ่งอีกฝ่ายเลือกที่จะเงียบและไม่เอ่ยถามอะไรทั้งสิ้น รวมไปถึงความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้นั้นหนิงอ้ายััได้ว่าอีกฝ่ายในตอนนี้เห็นว่าตนเป็เพียงน้องชายเท่านั้น
แต่สำหรับหนิงอ้ายคนเดิมเขาก็ไม่รู้ว่าลู่ซีนั้นยังมีความรู้สึกต่ออีกฝ่ายเหมือนเดิมอยู่หรือไม่ แล้วตัวของลู่ซีเองจะเสียใจแค่ไหนที่ได้รับรู้ว่ามีใครอีกคนมาแทนที่อยู่ในร่างกายของคนที่เขารู้สึกรัก หนิงอ้ายคิดอยู่เสมอว่าหากในวันหนึ่งที่เขาสามารถไขความลับทั้งหมดของการที่เขาได้มาอยู่ในโลกแห่งนี้และตามหาดวงิญญาของหนิงอ้ายคนเก่าเจอเมื่อถึงวันนั้นสิ่งใดที่เป็ของหนิงอ้ายคนเก่าและถ้าหากอีกฝ่าย้าสิ่งใดเขาจะไม่ลังเลที่จะตอบแทน...
