บทที่ 12
นับว่าเป็วันที่สองแล้วของการกลับมาอยู่ที่ไร่ศิวาลัย ั้แ่เดือนอ้ายกลับมาที่นี่ก็เอาแต่หมกตัวอยู่กับการทำสวนและเลี้ยงวัวไปด้วย เมื่อคืนก็ได้รับข่าวดีว่าวัวแสนรักที่ชื่อ ตะวัน ได้คลอดลูกวัวตัวน้อยออกมาแล้ว และก็ได้โทรไปบอกพี่อาทิตย์ให้ตั้งชื่อแต่อีกคนกลับบอกว่าให้เดือนอ้ายตั้ง
สุดท้ายก็ได้ชื่อว่า แสงเหนือ
ตอนแรกเขาแทบจะคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าควรชื่ออะไรแต่เมื่อลองนึกว่าตัวแม่ก็ชื่อตะวันแล้ว เ้าของไร่ก็ชื่ออาทิตย์อีกก็คงต้องเอาชื่อที่เกี่ยวกับแสงๆอะไรเทือกนี้ แสงเหนือก็เป็ชื่อที่เหมาะสมที่สุดแล้วด้วย หลังจากที่เขาทำความสะอาดเสร็จก็มีสัตวแพทย์มาตรวจสุขภาพดูแล้ว เ้าตัวน้อยแข็งแรงดี เดือนอ้ายเหมือนได้ยกูเาออกจากอกไปสักที
ระหว่างที่ร่างเล็กรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน ป้าแมวก็ยังคงคอยป้อนน้ำป้อนข้าวอยู่ตลอด แปลกดีที่เราสองคนเจอกันแค่เพียงไม่นานแต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เข้ากันได้ดี คนงานในไร่ก็เริ่มเปิดใจให้กับเดือนอ้ายบ้างแล้ว ป้าแมวยังเล่าให้เขาฟังอีกว่าจริงๆแล้วเธอเป็แม่บ้านของบ้านเก่าของพี่อาทิตย์มาก่อน จนถึง่ที่พักงานก็ได้กลับไปต่างจังหวัดก็เลยไม่ได้มาร่วมงานแต่งงาน แต่มีบางเื่ที่เขาสงสัย
“ป้าแมวครับ”ขณะที่เขาเดินมาเก็ยสายยางฉีดน้ำก็เห็นอีกคนเดินมาพอดีจึงเอ่ยทัก
“อะไรหรอคะ”
“ป้ารู้จักคนที่ชื่อหยกรึเปล่าครับ?”ทันทีที่ร่างเล็กถามจบอีกคนก็มีท่าทีชะงักเล็กน้อย
“เอ่อ..คนที่ชื่อหยกน่ะหรอ”เดือนอ้ายพยักหน้าลงเพื่อตอบรับอีกคน “ครับ ป้ารู้จักรึเปล่า”
“รู้จักสิ...”
“รู้จักหรอครับ? แล้วคนที่ชื่อหยกเขาเป็คนยังไงหรอ ป้ารู้ไหมครับ?”
“คุณหยกเขาเป็คนดี มีอารมณ์ขัน แถมยังทำได้ทุกอย่าง”เขามองป้าแมวพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่าใครจะมีปัญหาอะไร คุณหยกเขาก็ช่วยให้หายเครียดได้ ป้ายังชอบไปปรึกษาเื่ลูกสาวอยู่เป็ประจำเลย”
“เขาเป็คนดีจริงๆนะครับ”
“เขาดีไปหมดทุกเื่แหละ...แต่โชคร้ายที่ดันเสียั้แ่อายุน้อยๆ”เขาพอจะรู้แล้วว่าอีกคนดีแค่ไหน ไม่แปลกใจที่คนอย่างพี่อาทิตย์จะตกหลุมรัก ขนาดเขาที่ได้ยินเื่ของอีกคนยังรู้สึกดีเลย
“ดูเหมือนจะมีคนรักเขามากเลยนะครับ”ป้าแมวสังเกตแววตาของเดือนอ้ายที่ดูปนเศร้า เธอเข้าใจดีว่าอีกคนก็คงอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับอีกคน
“คุณอ้ายไม่ต้องคิดมากไปหรอกนะคะ”
“ทำไมหรอครับ?”
“ตอนนี้เ้าสัวก็รักคุณอ้ายจริงๆนะคะ”ทำไมเธอจะไม่รู้จักเ้านายของเธอดี สั่งให้คนงานทุกคนคอยดูแลภรรยาตัวเองอย่างดี ไหนจะติดกล้องไปทั่วทุกที่ในไร่ ถ้าหากคนตัวเล็กมาขอทำงานหนักๆด้วยก็สั่งให้คนงานปฎิเสธอีก ถ้าหากคุณเดือนอ้ายจบฝึกงานก็คงไม่ได้อยู่ไร่ต่อแน่
“ป้าแมวพูดอะไรครับเนี่ย”
“แหมก็ ป้าพูดความจริงนี่คะ”
“ผะ…ผมไปทำงานต่อก่อนนะครับ”เท้าเล็กก้าวฉับจะเดินเข้าไปในบ้านทันที ทำไงได้ก็มันอดเขินไม่ได้ที่คนใกล้ตัวมาพูดแบบนี้นี่
เดือนอ้ายเปิดประตูบ้านเข้าไปก็ต้องหยุดชะงักฝีเท้าลงก่อนเพราะเขามองเห็นกระเป๋าเดินทางหลายใบตั้งอยู่ สายตาสอดส่องไปทั่วบ้านก็ไม่พบใคร “พี่อาทิตย์?” เขาคิดว่าอีกคนจะมาที่นี่แต่ถ้าหากอีกคนมาจริงๆก็คงขานตอบแล้วแต่ตอนนี้กลับไม่มีเสียงตอบรับอะไรเลย
ร่างเล็กเดินเข้าไปในครัวทันทีที่ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากด้านใน เมื่อเดินมาถึงก็พบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังชงกาแฟอยู่ เขายืนค้างอยู่ตรงนั้นไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไปนัก เดือนอ้ายไม่รู้ว่าอีกคนเป็ใครแต่ว่าเธอมีหน้าตาที่สวยมากเลยทีเดียว จมูกโด่งรั้นเข้ารูปกับริมฝีปากอวบอิ่ม ผิวพรรณขาวดุจไข่มุก เขาเดาอายุคนตรงหน้าแทบไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
“มองอะไร?”แม้ว่าอีกคนจะไม่ได้หันหน้ามาแต่น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก
“ขอโทษครับ คือคุณเป็ใครหรอครับ?”
‘มารี’หันหน้ามามองลูกสะใภ้ด้วยสายตาพิจารณาั้แ่หัวจรดเท้า เธอไม่ได้มาเหยียบที่ประเทศไทยั้แ่ลูกชายของตัวเองปฎิเสธที่จะแต่งงานกับคนที่เธอเลือก มารีโกรธที่อาทิตย์ไม่คิดจะยอมคนเป็แม่เลยด้วยซ้ำจึงตัดสินใจกลับไปต่างประเทศ ระหว่างนั้นก็ได้รู้ว่าลูกชายได้แต่งงานไปแล้ว เธอก็ยังไม่หายโกระอยู่ดี
จนกระทั่งได้เห็นลูกสะใภ้ตัวเองวันนี้ ยอมรับว่าอีกคนมีหน้าตาที่ตรงใจกับเธอไม่น้อยเลย เว้นแต่ว่านิสัยใจคอที่เธอยังไม่รู้ การกลับไทยครั้งนี้ มารีตั้งใจที่จะมาพิสูจน์เดือนอ้ายโดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้ก็ได้ส่งตัวแทนมาก่อนแล้ว นั่นก็คือแม่บ้านประจำตัวของเธอเอง
แมวคือคนที่คอยรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างที่เธออยู่ที่ต่างประเทศ มารีรับรู้ว่าที่ผ่านมาสะใภ้ตัวน้อยนั้นโดนอะไรมาบ้าง รวมถึงข่าวลือนั่นด้วย ตอนแรกก็คิดว่าเ้าตัวจะเป็คนแรงๆตามที่เธอได้ยินจากคนตระกูลอื่นเล่าต่อกันมา แต่อีกคนใจเย็นกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก อย่างน้อยเธอก็ได้รู้ว่าอีกคนก็ไม่ได้เป็คนยอมคนมากขนาดนั้น มารีเป็คนชอบคนสู้กลับ
“ฉันชื่อ มารี เป็แม่ของอาทิตย์”
“สวัสดีครับคุณมารี!”มือเล็กสองข้างรีบยกขึ้นประสานกันทันที มารีมองท่าทางของอีกคนด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่ในใจก็อดขำไม่ได้ ลูกสะใภ้ของเธอดูค่อนข้างตื่นตระหนกไปหน่อย ส่วนเดือนอ้ายก็รู้สึกอายไม่น้อยที่เผลอทำท่าประหลาดแสดงออกไป
“เธอคือเดือนอ้ายสินะ”อีกคนเดินเข้ามาใกล้ขึ้นจนหยุดฝีเท้าข้างหน้าเขาพอดี “ดูต่างจากที่คิดไว้อีกนะ”พูดจบเธอก็เดินผ่านเขาออกไปจากห้องครัวทันที ร่างเล็กได้แต่คิดว่าประโยคที่อีกคนพูดหมายความว่าไง เดือนอ้ายรีบเดินตามอีกคนไปทันทีก็เห็นว่าเธอกำลังจะเอากระเป๋าไปเก็บแต่ร่างเล็กรีบถลาตัวเข้าไปช่วยทันที
“ให้ผมช่วยดีกว่าครับ กระเป๋ามันหนัก”มารีหันหน้ามามองเขาก่อนจะยื่นกระเป๋าให้
“ฉันไม่ได้จะให้เธอช่วย แต่เธอต้องเป็คนเอามันทั้งหมดนี่ไปเก็บให้ฉัน”
“ทั้งหมดเลยหรอครับ?”เขามองกระเป๋าเดินทางห้าใบที่วางอยู่ตรงหน้า ในใจได้แต่คิดว่าหลังตัวเองจะหักไหมนะ
“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”
“ครับ..”มือเล็กจับกระเป๋าเตรียมจะเอาไปเก็บบนห้องแต่เสียงอีกคนเรียกขัดไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน”
“มีอะไรหรอครับ”เหงื่อเขาเริ่มผุดตามใบหน้าแล้ว
“หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จก็ไปซื้อของให้ฉันด้วย ฉันจะนอนพัก”
“จะให้ผมไปซื้ออะไรหรอครับ”
“เดี๋ยวฉันจดใส่ให้ในกระดาษวางให้บนโต๊ะแล้วกัน”
“ได้ครับ..”
หลังจากที่เดือนอ้ายนำกระเป๋าไปเก็บข้างบนก็ทำเอาเกือบตาย ร่างเล็กเดินลงมาก็เห็นว่าอีกคนหลับลงที่โซฟาไปแล้ว โชคดีที่ด้านล่างมีแอร์ ไม่งั้นอีกคนก็คงลำบากแน่ เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศด้วย ยืนมองสักพักสายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษที่วางไว้บนโต๊ะไว้แล้ว ของที่อีกคนสั่งมาแต่ละอย่างแทบจะทำให้เขาลมแทบจับ
เดือนอ้ายจะไปหาซื้อของพวกนี้ได้ยังไงกัน แค่สบู่ที่มีส่วนผสมของทองคำก็ยากแล้ว นี่มันราชบุรีนะ ไม่ใช่อิตาลีสักหน่อย อีกคนก็ให้แบงก์เทาเป็กองตั้งไว้ด้วย สงสัยการซื้อของครั้งนี้ เขาคงต้องควักเงินตัวเองจ่ายไปก่อนล่ะ ไม่งั้นชาวบ้านในชุมชนด่าเขาเละแน่ๆ
ร่างเล็กเดินออกจากบ้านไปด้วยท่าทีห่อเหี่ยว ถ้าไม่โดนแม่พี่อาทิตย์ด่าก็ต้องโดนชาวบ้านด่า อีกอย่างแม่พี่อาทิตย์คงจะมีเหตุผลอยู่แหละ เขาจะไปหาสบู่ทองคำมาได้ยังไงกันเล่า มีแต่สบู่นกแก้วทองเท่านั้นแหละ ได้แต่นึกขอโทษในใจ เขาเองก็หมดหนทางแล้วจริงๆนี่หน่า
ภายในห้องทำงานนั้นเต็มไปด้วยความเครียด ั้แ่เ้าสัวได้กลับมาทำงานที่บริษัทนับวันก็ยิ่งมีแต่ความตึงเครียด ในแวดวงการธุรกิจตอนนี้กำลังอยู่ใน่เก็บกำไร ใครๆก็ต่างอยากจะร่วมหุ้นกับศิวาลัยแต่แล้วอาทิตย์ก็ต้องคุยงานกับลูกค้ามากหน้าหลายตาแล้วยังต้องมาเช็คอีกว่าไว้ใจได้แค่ไหน เพราะตอนนี้มีคนจ้องที่จะเล่นงานอยู่
และนั่นจึงเป็สาเหตุที่อาทิตย์กลัวมากที่สุด เขาไม่้าให้คนสำคัญต้องเป็อะไรไปอีก การที่เดือนอ้ายไปอยู่ที่ไร่ศิวาลัยแม้มันจะเป็ที่ปลอดภัยแต่มันไม่ได้ทำให้ใจของเ้าสัวหยุดนิ่งเลย ยิ่งอีกคนไกลตัวมากไหร่ อาทิตย์ก็ยิ่งอยากให้อีกคนกลับมาที่นี่ ซึ่งนั่นคือสาเหตุที่ร่างสูงเร่งทำงานให้เสร็จ แพลนที่อาทิตย์วางไว้ก็คือการจัดนิทรรศการที่ไร่ศิวาลัย
งานนั้นจะเป็งานชิ้นสุดท้ายของการฝึกงานของเดือนอ้าย หลังจากงานจบแล้วเขาจะเป็คนรับอีกคนกลับมาที่กรุงเทพทันที ถึงแม้ว่าอีกคนจะขออยู่ต่อ ซึ่งร่างสูงก็เชื่อว่าจะต้องเป็แบบนั้นแน่ อาทิตย์ไม่มีทางยอมให้อีกคนอยู่ต่อ ยังไงความปลอดภัยของเดือนอ้ายต้องมาก่อน ที่ไร่ศิวาลัยมีคนงานคอยสอดส่องให้แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี
ร่างสูงในชุดทำงานนั้นยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำเอกสารต่อก่อนที่จะยกมือขึ้นมาคลายเนกไทให้กางออก สายตาคมจ้องไปที่เอกสารได้หลายชั่วโมงแล้ว เลขาที่เปลี่ยนโต๊ะทำงานไปนั่งหน้าห้องก็เข้าไปเตือนไม่ได้เพราะโดนห้ามไว้ว่าห้ามเข้าห้องถ้าไม่มีธุระ โจเห็นพี่ชายตัวเองแทบจะไม่แตะโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำแล้วแบบนี้ภรรยาตัวน้อยจะคิดยังไงเนี่ย
นึกแล้วเลขาหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดวิดีโอคอลไปหาภรรยาของเ้านายทันที ไม่นานนักปลายสายก็กดรับ โจมองอีกคนที่ดูพะรุงพะรังกับการจับโทรศัพท์ด้วยความเอ็นดู
“คุณเดือนอ้ายยุ่งอยู่หรอครับ?”
(ก็เปล่าหรอก แต่ว่าเรามาซื้อของที่ชุมชนน่ะ) เสียงเล็กตอบไปด้วยขณะที่ยังก้มๆเงยๆเลือกของ
“ซื้อไปทำไมเยอะแยะล่ะครับ ปกติไม่เห็นจะซื้อเยอะนี่”
(ก็นี่มีคนฝากซื้อน่ะ จริงด้วยคุณมารีเขาชอบกินอะไรหรอ?)
“มารีคือใครอ่ะครับ?”ร่างเล็กมองใบหน้าโจที่กำลังสีหน้างง คิ้วก็ผูกเป็โบว์
(มารีก็คุณแม่ของโจกับพี่อาทิตย์ไง)
“อะไรนะ!! แม่หรอ!!”ร่างโปร่งลุกขึ้นเต็มความสูงและะโออกมาด้วยความใ จนอาทิตย์ที่นั่งอยู่ด้านในส่งสายตาแข็งกร้าวมองมา โจรีบชูให้ดูว่ากำลังคุยโทรศัพท์อยู๋แล้วก็นั่งลงทันที
“คุณเดือนอ้ายล้อเล่นแรงเกินไปแล้วนะครับ แม่ผมเขาอยู่ต่างประเทศนู้น...”น้ำเสียงกระซิบถูกส่งมาจากโจ เดือนอ้ายที่ได้ยินก็ได้แต่ส่ายหน้า
(เราไม่ได้โกหกจริงๆ คุณมารีเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ตอนนี้กำลังนอนอยู่ที่บ้านเนี่ย)
“แล้วทำไมแม่ถึงไปที่นั่นล่ะครับ?”โจเองก็ได้แต่ทำสีหน้าสงสัย โดยปกติแล้วแม่ไม่มีทางที่จะไปโผล่ที่ไร่ศิวาลัยด้วยซ้ำ
(เราจะไปรู้ได้ไงล่ะ นั่นก็แม่โจไม่ใช่หรอ)
“แล้วนี่คุณโดนแม่ผมใช้ให้ไปซื้อของหรอครับ?”
(อื้อ อีกนิดเดียวก็ครบแล้ว เหลือพวกยาสระผม แค่นี้ก่อนนะ)หลังจากที่เดือนอ้ายวางสายไป โจก็กุมขมับทันที เลขาหนุ่มพอจะเข้าใจแล้ววว่าทำไมแม่ถึงต้องไปที่ไร่ศิวาลัย
“มึงคุยกับใคร?”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียกสติโจให้กลับมาสนใจงานต่อก่อนจะเงยหน้าไปมองพี่ชายตัวเองที่ยืนพิงประตูอยู่ด้านหน้า
“คุยกับเพื่อนครับ”
“เพื่อนคนไหน”อาทิตย์ใช้น้ำเสียงกดดันอีกคนจนโจต้องกลั้นใจตอบความจริงไป “คุณเดือนอ้าย...”
“อ้ายไปเป็เพื่อนมึงตอนไหน แล้วคุยอะไรกันถึงต้องโวยวาย? อ้ายเป็อะไร?”ร่างสูงพ่นคำถามออกด้วยความเร็วจนโจเองได้แต่อ้าปากพะงาบๆ
“คุณเดือนอ้ายไม่ได้เป็อะไรหรอกครับแต่...”สีหน้าของอาทิตย์ดูเป็กังวลอย่างเห็นได้ชัดจนโจอดแกล้งไม่ได้
“แต่อะไร?”
“เขาแค่มีเื่สำคัญที่ปรึกษาผมครับ ไม่มีอะไรมาก”
“ทำไมจะต้องปรึกษามึงวะ แล้วอ้ายไม่โทรมาหากู”
“ไม่รู้สิครับ คุณเดือนอ้ายอาจจะคิดว่าเ้าสัวไม่รักแล้วก็ได้ ก็เล่นไม่ทักหาเขาขนาดนี้..”รับรองว่าคุณเดือนอ้ายจะต้องขอบคุณไอ้โจคนนี้แน่! อาทิตย์เดินกลับเข้าไปในห้องทันที มือหนาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาภรรยาตัวเองทันที
‘ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียกในขณะนี้....’
“โกรธจริงๆหรอ”ร่างสูงได้แต่นั่งคิดว่าที่ผ่านตัวเองไม่ได้ติดต่อหาอีกคนเลยมีแต่อีกฝ่ายที่โทรมาเท่านั้น นอกจากนี้ก็มีแค่สติ้กเกอร์อรุณสวัสดิ์ตอนเช้า อาทิตย์นั่งหาวิธีทักทายในแชทแบบคนปกติทำกันก็เจอแค่วิธีเดียว ในที่สุดก็กดส่งไปหาเดือนอ้ายจนได้ หวังว่าจะหายโกรธ ถ้ายังก็คงต้องรีบไปหาที่ไร่แล้วล่ะ
ร่างเล็กเดินถือของพะรุงพะรังเข้าบ้านก่อนจะวางไปที่บนโต๊ะวางของ สายตาสอดส่องไปทั่วบ้านก็ไม่เห็นแม่ของพี่อาทิตย์ที่ข้างล่างบ้านแสดงว่าอีกคนก็คงอยู่้า เดือนอ้ายจัดอุปกรณ์ส่วนตัวของอีกคนใส่กล่องไม้เอาไว้ก่อนจะเดินไปทำอาหารที่ห้องครัว เขาไม่รู้ว่าอีกคนนั้นชอบกินอะไรเพราะงั้นก็เลือกทำเมนูง่ายๆจะดีกว่า ไม่เสี่ยงโดนปลดจากลูกสะใภ้ด้วย
ระหว่างที่ทำกับข้าวอยู่ มารีก็เดินลงมาจากบนบ้านไม่ให้สุ่มให้เสียงทำให้ร่างเล็กไม่รู้ตัว เธอเห็นกล่องไม้วางอยู่ก็เลยเดินมาดูพบว่ามันคือสิ่งที่เธอให้อีกคนไปซื้อมา จริงๆแล้วเธอจงใจเขียนของพวกนั้นทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มี เพียงแค่จะดูว่าอีกคนมีไหวพริบแค่ไหนนั่นเอง แต่เหมือนอีกคนจะฉลาดกว่าที่คิด ขนาดสั่งให้ไปซื้อเครื่องนวดหลังอีกคนก็ยังหาไม้ลูกกลิ้งนวดหลังมาให้แทน แต่มารีก็แปลกใจไม่น้อยที่ร่างเล็กไม่หยิบเงินของเธอไป
“ซื้ออะไรมาให้ฉันเนี่ย!”เสียงะโดังจากห้องนั่งเล่นเรียกสติให้เดือนอ้ายต้องปิดแก๊สที่ทำแกงส้มไว้เดินออกมาหาต้นเหตุของเสียง
“คุณมารีฟังที่ผมอธิบายก่อนนะครับ”
“ฉันบอกให้ไปซื้อตามที่สั่งแต่นี่มันคืออะไร? ตรงกันข้ามทุกอย่าง!”
“แต่ว่าสรรพคุณของการใช้งานมันก็เหมือนกันนะครับ” สีหน้าของอีกคนทำเอาใจเขาสั่นไปหมด คุณมารีดูเหมือนจะโกรธเขามาก “ผมรู้ว่าคุณมารีอาจจะไม่ชินแต่ว่าที่นี่มันราชบุรีนะครับ แถมไม่ใช่เขตในเมืองด้วย มันหาของที่คุณอยากได้แค่เท่านี้จริงๆครับ”
“งั้นเธอก็ควรมีความพยายามมากกว่านี้สิ ฉันไม่ยอมใช้ของพวกนี้แน่ๆ ถ้าผิวฉันแพ้ขึ้นมาล่ะ”
“พวกนี้มีแต่สมุนไพรนะครับ ถ้าคุณมารีกลัวแพ้จะไม่ใช้ก็ได้ครับ”ร่างเล็กเตรียมยกกล่องไม้ไปเก็บแต่อีกฝ่ายรั้งไว้ก่อน
“เอ้ะ! เดี๋ยวสิ แล้วเธอใช้อะไรอาบล่ะ”
“ผมก็ใช้พวกนี้นี่แหละครับ ยิ่งโลชั่นตัวนี้คือของดีในชุมชนเลยนะครับ”เดือนอ้ายชูโลชั่นตัวโปรดให้อีกคนดูทันที เพราะแต่ก่อนผิวของเขาก็ไม่ได้ดีนักหรอกแต่ั้แ่แต่งงานมา เขาก็เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้นโดยใช้สินค้าในชุมชนของศิวาลัยทั้งนั้น
“ฉันจะลองใช้ดูก็ได้ เอามาสิ”
“แต่คุณมารีกลัวแพ้ไม่ใช่หรอครับ”
“ฉันจะใช้”เธอหยิบกล่องไม้จากมือของร่างเล็กแล้วก็เดินขึ้นห้องไปทันที
ร่างเล็กมองอีกคนที่เดินขึ้นไปก็เดินกลับไปทำอาหารต่อ จนนึกขึ้นได้ว่าตัวเองโทรศัพท์แบตหมดก็รีบเดินไปชารจ์ทันที พอจอขึ้นเปิดเครื่องก็พบว่ามีแจ้งเตือนข้อความเด้งขึ้นมา เดือนอ้ายเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเ้าของข้อความนั้นก็คือ พี่อาทิตย์ และข้อความที่ส่งมาก็ทำเขาช็อคไม่น้อยเลยจริงๆ
“สุขสันต์วันศุกร์...”ร่างเล็กขำจนเจ็บท้องน้อยไปหมด อีกคนส่งรูปภาพดอกไม้สีฟ้ามาพร้อมกับข้อความแบบนี้มันดูขัดแย้งกับตัวตนของอีกคนจริงๆ