มีเสียงหนึ่งดังขึ้นกลางตำหนัก ทุกคนหันไปมองเห็นเพียงมู่อ๋องจ้าวอี้ที่ลุกยืนขึ้นก้าวออกมาหน้าตำหนัก เอ่ยสั่งเหล่าข้าหลวงว่า"ใครก็ได้ ไปเอาฉินมาเพิ่มอีกตัว"
ทุกคนต่างตกตะลึงกับการเคลื่อนไหวนี้และไม่มีการตอบสนองใดๆ อยู่สักพักหนึ่ง
นี่มันเกิดเื่อะไรกันแน่?
พี่น้องตระกูลเหนียนจะร่วมบรรเลงฉินด้วยกัน ทว่าท่านอ๋องมู่ผู้นี้จู่ๆก็โพล่งขึ้นมา เป็เพราะอะไรกันแน่?
เพราะอะไร?
เื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของจ้าวอี้เขาใคร่ครวญดูแล้ว อย่างไรก็มิอาจวางใจได้
เหนียนยวี่ไม่น่าจะเล่นฉินได้ ทว่าเหนียนอีหลานกลับจงใจลากเหนียนยวี่ออกมาเล่นกับนางด้วยผู้ใดจะสงบจิตสงบใจอยู่ได้?
หากนางกลั่นแกล้งเหนียนยวี่เช่นนั้นจะดีได้อย่างไร
จ้าวอี้เหลือบมองเหนียนยวี่มุมปากยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เสี่ยวยวี่เอ๋อร์ของเขา มิอาจยอมให้ผู้อื่นมารังแกได้ง่ายๆแน่
อย่างน้อยก็ยังมีเขาอยู่ แม้ว่าจะมีเื่ใดเกิดขึ้นหลังจากนี้เขาก็ยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้
และเมื่อเขาโพล่งออกมาเช่นนี้ สีหน้าของเหนียนอีหลานก็เปลี่ยนไปในทันทีดูเหมือนจะฝืนดึงใบหน้ายิ้มแย้มงดงามไว้ ท่านอ๋องมู่ เขา...
เขา้าที่จะร่วมเล่นฉินด้วยกันงั้นหรือ นี่...นี่จะได้อย่างไร?
“ท่านอ๋องมู่…”ในใจเหนียนอีหลานรู้สึกสงบลง มุมปากยกยิ้มพลางเอ่ยว่า "บทเพลงนี้ ท่านอ๋องมู่มิเคยบรรเลงฉินมาก่อนเกรงว่า..."
"เกรงว่าอะไร?"
ก่อนที่เหนียนอีหลานจะกล่าวจบ จ้าวอี้ก็เอ่ยคำพูดตัดบทนางเสียงดังใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มก่อนหน้านี้ เพียงชั่วพริบตาได้จางหายไปแล้ว "หรือว่าคุณหนูใหญ่สกุลเหนียนจะสงสัยในฝีมือการเล่นฉินของเปิ่นหวาง?"
ในใจเหนียนอีหลานสั่นสะท้านไปเล็กน้อยเอ่ยอธิบายอย่างเร่งรีบว่า "จะเป็ไปได้อย่างไรเพคะ? ท่านอ๋องมู่เข้าใจอีหลานผิดแล้วเพคะ"
ทุกคนล้วนรู้กันว่าหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนเชี่ยวชาญกู่ฉิน และมู่อ๋องจ้าวอี้ที่มักชื่นชอบอยู่ด้วยกันกับท่านอ๋องหลีเองก็มีฝีมือในการบรรเลงบทเพลงดนตรีเช่นกันผู้อื่นจะสงสัยได้อย่างไร?
อีกอย่างเหนียนอีหลานที่เดิมทีมีความคิดปรารถนาอยากจะเอาใจมู่อ๋อง ยามนี้จะทำให้เขาเสียอารมณ์ได้อย่างไร
ทว่าหากท่านอ๋องมู่มาร่วมบรรเลงด้วย เช่นนั้นนางก็ยากที่จะลอบลงมือทำบางอย่าง...
ความสนิทสนมใกล้ชิดของท่านอ๋องมู่ที่มีต่อเหนียนยวี่กลัวแต่ว่าจะช่วยเหนียนยวี่ปกปิดเื่นี้ได้
จิตใจเหนียนอีหลานเต็มไปด้วยความรู้สึกยุ่งเหยิง ยังไม่ทันคิดหาหนทางผลักไสท่านอ๋องมู่ไม่ให้มาร่วมเล่นบรรเลงด้วยก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
"ในเมื่ออี้เอ๋อร์ดูสบายอกสบายใจเช่นนี้ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ หลานเองก็ขอเข้าร่วมด้วย"
คนที่เอ่ยขึ้นมาคือหลีอ๋องจ้าวเยี่ยน ยามที่เอ่ยจ้าวเยี่ยนได้ลุกยืนขึ้นแล้ว พลางก้าวออกมากลางตำหนัก
เขาไม่ได้โง่และเขาเองก็รู้ด้วยว่า ความเป็อยู่ของเหนียนยวี่ในจวนเหนียนไม่ดีนักการที่จะดีดฉินได้นั้นมีความเป็ไปได้น้อยมาก เดิมทีเขาอยากจะนั่งสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆตรงนั้น ทว่าคาดไม่ถึงว่าจ้าวอี้จะลุกขึ้นมา เขาเองก็จะตามหลังอีกต่อไปไม่ได้
เมื่อนึกถึงคำพูดของเสด็จแม่ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ควรคิดที่จะเข้าใกล้เหนียนยวี่อีกต่อไป แต่ว่าประโยชน์ขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอนั้นมากกว่าตระกูลหนานกงทั้งตระกูลเป็เท่าตัวเขาลังเลที่จะวางมือแล้วปล่อยให้จ้าวอี้ทำเช่นนี้
สำหรับเหนียนยวี่ แม้ยามนี้เขาจะละล้าละลังอยู่บ้างทว่าก็ยังคิดอยากจะแย่งชิง
"เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมมากทักษะฝีมือการเล่นฉินของหลีอ๋องนั้นยอดเยี่ยมที่สุด เข้ามาเล่นด้วยกันเถิดคุณหนูใหญ่สกุลเหนียน เ้ามิต้องกังวลเลยว่าจะทำลายบทเพลงเ้า"จ้าวอี้เมื่อเห็นจ้าวเยี่ยนเข้ามาร่วมด้วย สายตาก็พลันเป็ประกายวับวาวเอ่ยสั่งข้าหลวงด้วยความเริงร่าว่า "ไปเอาฉินมาเพิ่มอีกตัว ไม่ ไปตำหนักฉางเล่อแล้วนำฉินของท่านอ๋องหลีมา"
“พ่ะย่ะค่ะ"ข้าหลวงขานรับคำสั่ง
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหนียนอีหลานเริ่มแข็งทื่อทว่านางก็ต้องแสร้งทำเป็สงบเยือกเย็น ท่านอ๋องทั้งสองคนนี้เพียงแค่ท่านอ๋องมู่คนเดียว นางก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรแล้ว ยามนี้ หลีอ๋องที่มาเพิ่มอีกหนึ่งเช่นนั้นแผนของนางคง...
เหนียนอีหลานเหลือบมองเหนียนยวี่เห็นเพียงนางที่นั่งใจลอยงงงัน มองฉินที่อยู่ข้างหน้าด้วยใบหน้าเคร่งขรึมไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เหนียนยวี่คนนี้...แท้จริงแล้วมีโชคดีอะไรกันแน่? เหตุใดทุกคนถึงได้เข้าข้างและช่วยเหลือนางเพียงนี้?
ความริษยาในใจของเหนียนอีหลานก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
้าจะละทิ้งแผนการหรือไม่งั้นหรือ? ไม่ นางไม่ยอมทิ้งแน่ เมื่อนึกถึงแผนลอบกัดลับหลังของตัวเองที่ทำกับเหนียนยวี่่นี้จำนวนก็ไม่ใช่น้อย ทว่านางกลับหนีรอดได้ทุกครั้งเหนียนอีหลานไม่พอใจอย่างอธิบายไม่ถูก หากทำให้เหนียนยวี่อับอายขายหน้าในโอกาสเช่นนี้ได้ก็ถือว่านางชนะไปหนึ่งกระดานแล้ว
เหนียนอีหลานลอบสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เหลือบพิจารณามู่อ๋องและหลีอ๋องทั้งสองอย่างเงียบๆเหนียนอีหลานบอกกับตัวเองว่า แม้พวกเขาสองคนจะมาร่วมบรรเลงฉินด้วยแล้วอย่างไรเล่า?
เป็ความจริงที่เถียงไม่ได้ว่าเหนียนยวี่เล่นฉินไม่ได้คนที่อยู่ที่นี่มิใช่คนโง่ สิ่งที่เข้าหูมิอาจหลอกลวงผู้คนได้นางไม่เชื่อว่าการที่พวกเขาทั้งสองมาร่วมบรรเลงฉินด้วยจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้จริงๆ
เมื่อคิดเช่นนี้ในใจเหนียนอีหลานก็รู้สึกสงบขึ้นมาไม่น้อย
ทว่าในใจของเหนียนยวี่ั้แ่วินาทีที่หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนลุกขึ้นมานั้นก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา
เขา้าจะร่วมด้วยงั้นหรือ?
เหนียนยวี่นึกถึงเสียงประสานกลมกลืนของฉินที่พวกเขาเล่นด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วนในชาติก่อนในใจนางไม่ยินยอมอย่างที่สุด เมื่อคนนำฉินสองตัวมาจัดวางไว้เรียบร้อยมู่อ๋องจ้าวอี้และหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนคนทั้งสองก็นั่งลงไป ทว่าจู่ๆเหนียนยวี่ก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า "ทูลฝ่าาก่อนหน้านี้ท่านอ๋องหลีได้รับาเ็ ดีดฉินยามนี้ หากมีผลให้ปากแผลเปิดหม่อมฉันและพี่สาวคงแบกรับไม่ไหวแน่เพคะ"
เมื่อเอ่ยคำพูดนั้นจบฮ่องเต้หยวนเต๋อก็ขมวดคิ้วลงเล็กน้อยทว่าหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนกลับเหลือบมองเหนียนยวี่อย่างไม่รู้ตัว
คำพูดนี้ฟังดูเหมือนกังวลเป็ห่วงอาการาเ็ของหลีอ๋องทว่าจ้าวเยี่ยนมองออกว่ามันไม่ได้เป็เช่นนั้น
นางปฏิเสธเขาเช่นเดียวกับที่นางส่งเครื่องประดับหยกกลับมาที่จวนหลีอ๋องยิ่งเหมือนกับเมื่อคืนนี้ ที่นางปฏิเสธคำเชิญของเขา ไม่มาปรากฏตัวที่ทะเลสาบนิรนาม
"ในเมื่อเหนียนยวี่ระมัดระวังเช่นนี้คงต้องให้เยี่ยนเอ๋อร์ยกเลิกไป" ฮ่องเต้หยวนเต๋อตรัสด้วยสุรเสียงก้องกังวาน เนื่องจากอูเสียนอ๋องโวยวายถึงขนาดนั้นไปเมื่อครู่เขาก็ยิ่งปล่อยให้อาการาเ็ของจ้าวเยี่ยนแย่ลงไปอีกไม่ได้
ใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวเยี่ยนยังคงสงบนิ่งขณะที่เขากำลังจะเอ่ยกล่าวอะไรบางอย่าง เสียงของฉู่ชิงก็ดังขึ้นก่อน "ฝ่าาเช่นนั้นก็ขอพระราชทานอนุญาตโปรดให้หม่อมฉันไปร่วมเล่นบรรเลงฉินแทนท่านอ๋องหลีเถิดพ่ะย่ะค่ะ"
ฉู่ชิงมีความคิดที่จะเริ่มขอโอกาส ยิ่งทำให้ทุกคนในเหตุการณ์นั้นประหลาดใจไม่น้อย
โดยเฉพาะจ้าวเยี่ยนและจ้าวอี้สองคน
“จื๋อหร่าน?” จ้าวอี้พึมพำ ทันใดนั้น ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววตื่นเต้นและร่าเริง"ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เสด็จพ่อ ทรงอนุญาตคำขอของจื๋อหร่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ แม้มือคู่นั้นของจื๋อหร่านจะจับดาบมาตลอดทว่าก็อย่าลืมว่าในสำนักกั๋วจื่อเจียน จื๋อหร่านไม่ว่าจะฉิน หมาก เขียนพู่กัน วาดภาพทั้งการศึกษาและวิทยายุทธ์ล้วนเหนือกว่าเสด็จพี่หลีอ๋องและหม่อมฉันวันนี้หม่อมฉันเองก็อยากจะชมฝีมือด้านศิลปะของจื๋อหร่านยามนี้ตกไปหรือยังพ่ะย่ะค่ะ"
จ้าวอี้มิอาจปกปิดความตื่นเต้นของเขาได้เมื่อเอ่ยถึงเื่นี้ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงครั้งยามที่ท่านแม่ทัพหลวงฉู่ชิงยังเป็เด็กสมญานามเด็กอัจฉริยะแห่งเป่ยฉี ยังคงเป็ตำนานเล่าลือมาถึงตอนนี้
ยามนี้ในใจผู้คนมากมายเริ่มตั้งหน้าตั้งตารออย่างอดใจไม่ไหว ไม่สนใจว่าหลีอ๋อง ผู้ชำนาญฉินจะบรรเลงฉินได้หรือไม่แล้ว
เหนียนยวี่เหลือบมองฉู่ชิงด้วยสีหน้าแววตาที่ซับซ้อนและสายตานั้นสบตาเข้ากับดวงตาสีนิลราวสระน้ำลึกของฉู่ชิงอย่างพอดิบพอดีคนสองคนสบประสานสายตาเป็หนึ่งเดียว ราวกับรับรู้กันสองคนแล้วรีบเบนสายตาหนีออกไปทันที
เขา...ลุกออกมาเหมือนกับจ้าวอี้เช่นนี้เป็ห่วงนางงั้นหรือ?
ไม่รู้ว่าเป็เพราะสิ่งใด หัวใจนางจึงได้เต้นผิดจังหวะอย่างคาดไม่ถึง
ไม่เพียงแต่เหนียนยวี่ฉู่เซียงจวินที่นั่งอยู่ในงานเลี้ยงมาตลอด เมื่อเห็นการกระทำของพี่ชายตนเองเช่นนี้วงคิ้วงดงามก็อดไม่ได้จะขมวดเข้าหากันเล็กน้อย